ใครจะเชื่อว่า “บอร์นมัธ” ทีมที่ถูกมองว่าเตรียมหนีตกชั้นตั้งแต่เปิดซีซั่น จะกลายเป็นทีมฟอร์มแรงอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีกหลังผ่านไม่กี่เดือนในฤดูกาลนี้ พร้อมทำแต้มแตะหลัก 18 คะแนน และเล่นฟุตบอลที่ดุดันเร้าใจที่สุดทีมหนึ่งในลีก
ทั้งที่เพิ่งปล่อยผู้เล่นหลักออกจากทีมจนได้เงินเข้าคลังเกือบ 200 ล้านปอนด์ — ตั้งแต่ผู้รักษาประตูมือหนึ่งไปจนถึงแนวรับแทบยกแผง หลายฝ่ายมองว่านี่คือสัญญาณของการ “ถอดใจ” จากการลุ้นอยู่รอด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม
“ขายเก่ง” เพราะมีแผน ไม่ใช่แค่ขายเพื่อเงิน
เบื้องหลังความสำเร็จของบอร์นมัธอยู่ที่ระบบการบริหารสุดละเอียด พวกเขาไม่ขายนักเตะเพราะจำใจ แต่ขายเพราะมี “แผนสำรอง” เตรียมไว้ล่วงหน้าเสมอ ตัวอย่างชัดคือสโมสรเคย ปฏิเสธข้อเสนอ 50 ล้านปอนด์จาก แมนฯ ยูไนเต็ด และ สเปอร์ส ที่ยื่นซื้อ “อองตวน เซเมนโย่” ในช่วงต้นตลาด เพราะพวกเขามั่นใจว่านักเตะยังมีมูลค่าเพิ่มอีกมาก
แทนที่จะปล่อยทันที บอร์นมัธเลือก “ต่อสัญญาใหม่” กับเซเมนโย่ พร้อมอัพค่าเหนื่อยและใส่เงื่อนไขค่าฉีกสัญญาที่สูงขึ้นในอนาคต เป็นดีลแบบ วิน-วิน ทั้งสโมสรและนักเตะ — หากเขายังรักษาฟอร์มได้ต่อเนื่อง ราคาขายรอบหน้าอาจพุ่งสูงกว่าที่สองทีมดังเสนอไว้เท่าตัว
การวางแผนที่มาก่อนการขาย
สิ่งที่น่าทึ่งคือ บอร์นมัธมัก “ซื้อตัวแทน” ล่วงหน้าก่อนขายนักเตะออกเสมอ ยกตัวอย่างเช่น
- ดานโก้ อ็อตตารา ถูกขายออกไป 40 ล้านปอนด์ ทั้งที่ไม่ใช่กำลังหลัก เพราะพวกเขาได้เซ็น อามีน อัดลี และ เบน โด๊ค มาล่วงหน้า ซึ่งค่าตัวรวมกันพอๆ กับเงินที่ขายอ็อตตาราได้
- ส่วน มิลอส เคอร์เคซ ที่ย้ายไปลิเวอร์พูล สโมสรเตรียมแผนไว้ตั้งแต่มกราคมด้วยการคว้าตัว อาเดรียง ทรุฟแฟร์ มาร่วมทีม 14.4 ล้านปอนด์ และแข้งรายนี้ก็ยึดตำแหน่งตัวจริงทันทีตั้งแต่เปิดซีซั่น
นี่คือการบริหารที่แตกต่างจากทีมเล็กทั่วไป เพราะบอร์นมัธเลือก “คิดเผื่อ” ก่อนตลาดเปิด และไม่ปล่อยให้การเสียนักเตะกระทบโครงสร้างทีมเลยแม้แต่น้อย
สโมสรพ่อค้า ที่ขายเพื่อเติบโต
ผู้บริหารบอร์นมัธยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า พวกเขาคือ “สโมสรพ่อค้า” ที่ต้องพึ่งพาการขายผู้เล่นเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต แต่สิ่งที่ต่างคือความโปร่งใสกับนักเตะ พวกเขาบอกชัดว่า
“มาที่นี่ พัฒนาให้เต็มศักยภาพ แล้วเราจะช่วยให้คุณได้ก้าวไปทีมใหญ่ในเวลาที่เหมาะสม”
คำสัญญานี้กลายเป็นแรงดึงดูดชั้นดีสำหรับดาวรุ่งทั่วลีก ที่ต้องการสโมสรให้โอกาสและสร้างมูลค่าให้ตัวเองได้จริง
ซื้อด้วยสติ ไม่ใช่ด้วยความกลัว
อีกหนึ่งจุดเด่นของบอร์นมัธคือ “ไม่รีบซื้อ” แทนคนที่ย้ายออกทันที เช่น ตอนขาย ซาบาร์นยี่ ให้เปแอสเช พวกเขาเลือกคว้าตัว บาโฟเด้ ดิอากิเต้ มาแทน แม้จะต้องจ่ายเกินงบไปเล็กน้อย แต่เมื่อรวมกับรายรับจากการขายนักเตะ ทั้งทีมยังทำกำไรสุทธิกว่า 100 ล้านปอนด์
โครงสร้างทีมเล็ก แต่คิดเร็วและเด็ดขาด
ต่างจากทีมใหญ่อื่น ๆ บอร์นมัธมีโครงสร้างบริหารกระชับมาก มีเพียง 4 เสาหลักในการตัดสินใจ —
บิล โฟลีย์ (เจ้าของทีม), ติอาโก้ ปินโต้ (ประธานฝ่ายฟุตบอล), ไซมอน ฟรานซิส (ผอ.เทคนิค), และโค้ช อิราโอลา
การสื่อสารที่รวดเร็วทำให้ทุกดีลและทุกการเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างแม่นยำและต่อเนื่อง
หัวใจสำคัญ: อิราโอลา และวัฒนธรรมแห่งความเข้าใจ
สิ่งสุดท้ายที่ทำให้บอร์นมัธ “ยิ่งขายยิ่งแข็งแกร่ง” คือโค้ช อันโดนี่ อิราโอลา ที่ไม่เพียงสร้างแท็กติกดุดันและรวดเร็ว แต่ยังเป็นผู้ที่ช่วยหล่อหลอมจิตใจนักเตะให้เชื่อมั่นในระบบนี้ เขาคือคนที่เปลี่ยน “การขายนักเตะ” ให้กลายเป็น “แรงผลักดันใหม่” ของทีม

