วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 — เออร์เนสโต บัลเบร์เด กุนซือผู้มากประสบการณ์ของ แอธเลติก บิลเบา แสดงความไม่พอใจต่อการตัดสิน หลังทีมของเขาพ่ายแพ้อย่างหมดรูป 0-3 ต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกยูโรป้าลีก รอบรองชนะเลิศ เลกแรก ที่สนามซาน มาเมส พร้อมตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการให้จุดโทษและใบแดงในจังหวะสำคัญที่พลิกเกม

เหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในนาทีที่ 35 เมื่อ ดานี่ วิเวียน ปราการหลังของเจ้าถิ่น ถูกตัดสินว่าทำฟาวล์ ราสมุส ฮอยลุนด์ ภายในกรอบเขตโทษ หลังผู้ตัดสินตรวจสอบ VAR ก็ไม่ลังเลที่จะเป่าให้จุดโทษแก่ทีมเยือน พร้อมชูใบแดงโดยตรงไล่วิเวียนออกจากสนามทันที บรูโน่ แฟร์นานเดส รับหน้าที่สังหารและไม่พลาด ทำให้ “ปีศาจแดง” หนีห่างเป็น 2-0 ก่อนจะมาบวกประตูที่สองของตัวเองในช่วงท้ายครึ่งแรก ตอกย้ำความได้เปรียบให้กับทีมเยือน

บัลเบร์เด กล่าวหลังเกมด้วยอารมณ์ที่ยังคงคุกรุ่นว่า
“เรารู้สึกว่าก่อนหน้านั้นอาจจะมีแฮนด์บอลด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายมันก็เป็นจุดโทษที่ชัดเจนตามกติกา อย่างไรก็ตาม การโดนทั้งจุดโทษและใบแดงในเกมระดับนี้ มันมากเกินไปจริงๆ มันเปลี่ยนทุกอย่างไปหมด”

“ตอนที่เรายังมี 11 คน เกมยังสูสี เรายังพอมีโอกาสทำประตู แต่หลังจากใบแดง ทุกอย่างมันหลุดมือ เราพยายามเต็มที่แล้ว แต่เล่น 10 คนกับทีมระดับยูไนเต็ดไม่ใช่เรื่องง่าย”

ถึงแม้จะพ่ายยับในเลกแรก แต่กุนซือชาวสเปนยังไม่ถอดใจ พร้อมประกาศสู้ต่อในเกมนัดที่สอง
“ผมรู้ว่าเราอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากมาก แต่ฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ เรายังเหลืออีก 90 นาทีที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เราจะไปที่นั่นด้วยความมุ่งมั่น และเล่นเพื่อศักดิ์ศรีของเรา อย่าเพิ่งตัดสินว่าเราตกรอบแล้ว”

เมื่อนักข่าวถามถึงใบแดงที่กลายเป็นประเด็นใหญ่ บัลเบร์เดพูดชัดเจนว่า
“มันคือช่วงเวลาที่เปลี่ยนเกมโดยสิ้นเชิง ผมไม่เชื่อว่านั่นควรเป็นใบแดง การเสียจุดโทษก็เพียงพอแล้ว แต่การโดนไล่ออกในนัดสำคัญแบบนี้ มันทำให้เราหมดโอกาสกลับมาเลยจริงๆ”

การแข่งขันนัดที่สองจะมีขึ้นในวันที่ 8 พฤษภาคม ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยบิลเบาต้องยิงให้ได้อย่างน้อย 3 ประตูเพื่อโอกาสลุ้นเข้ารอบ ซึ่งเป็นภารกิจที่พวกเขายังไม่เคยทำสำเร็จในช่วง 13 เกมหลังสุดในทุกรายการ