“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจ ไม่เสริมกองหน้า ในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะเดือนมกราคม แม้ว่า รูเบน อโมริม จะต้องการเสริมแนวรุก แต่ปัญหาด้านการเงินทำให้สโมสรต้องพับแผนไปก่อน
🔍 การเงินตึงมือ! ปัจจัยหลักที่ทำให้ แมนยูฯ ชะลอการซื้อกองหน้า
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 – มิร์เรอร์ สื่อดังจากอังกฤษ รายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีแผนที่จะคว้ากองหน้าตัวใหม่เข้าสู่ทีมในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดซื้อขายเดือนมกราคม แต่สุดท้ายสโมสรตัดสินใจ ไม่เดินหน้าเจรจา เนื่องจากปัญหาด้านการเงินและกฎ ไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ (FFP)
แม้ว่า รูเบน อโมริม เฮดโค้ชที่มีแนวโน้มเข้ามารับงานต่อจาก เอริก เทน ฮาก จะสนับสนุนการเสริมแนวรุก แต่ด้วยสถานการณ์การเงินของสโมสรที่ยังไม่มั่นคง ทำให้ดีลต้องถูกชะลอออกไป
⚠️ สถานะทางการเงินที่ไม่แน่นอนของ แมนฯ ยูไนเต็ด
🔴 FFP เล่นงาน แมนยูฯ – การใช้จ่ายมหาศาลในตลาดก่อนหน้า โดยเฉพาะการคว้าตัว ราสมุส ฮอยลุนด์ (72 ล้านปอนด์), เมสัน เมาท์ (55 ล้านปอนด์) และ อังเดร โอนานา (47 ล้านปอนด์) ส่งผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องระมัดระวังเรื่องงบประมาณเพื่อลดความเสี่ยงในการละเมิดกฎการเงิน
🔴 เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ต้องการบริหารงบแบบยั่งยืน – เจ้าของทีมรายใหม่ที่กำลังจะเข้ามาถือหุ้น 25% ต้องการปรับโครงสร้างทางการเงินของสโมสร และเลือกที่จะไม่ใช้จ่ายเพิ่มในตลาดหน้าหนาว เพื่อรอแผนระยะยาวในช่วงซัมเมอร์
🔴 หนี้สินยังเป็นปัญหา – แม้ แมนยูฯ จะเป็นหนึ่งในสโมสรที่ทำรายได้สูงสุดในโลก แต่ภาระหนี้สินและค่าจ้างนักเตะที่สูงลิ่วทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้จ่ายได้ตามอิสระ
❌ ไม่มีกองหน้าคนใหม่ = เสี่ยงต่อฟอร์มในช่วงที่เหลือของฤดูกาล?
การที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่สามารถดึงกองหน้าตัวใหม่เข้ามา อาจเป็นความเสี่ยงสำคัญ เนื่องจากทีมยังต้องพึ่งพา ราสมุส ฮอยลุนด์ เป็นตัวหลักในแดนหน้าเพียงคนเดียว โดย อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ยังคงมีปัญหาเรื่องฟอร์มและอาการบาดเจ็บ ขณะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็ยังเล่นได้ไม่คงเส้นคงวา
ทางเลือกที่เหลืออยู่ในทีมตอนนี้คือการให้โอกาสดาวรุ่งอย่าง โจ ฮิวกิลล์ หรือ โอมารี ฟอร์สัน ลงสนามมากขึ้น ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับการลุ้นพื้นที่ TOP 4