แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความมั่นใจว่าจะสามารถปิดดีลซื้อที่ดินรอบสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดได้ในเร็วๆ นี้ เพื่อเดินหน้าสู่แผนการสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ความจุกว่า 100,000 ที่นั่ง ซึ่งจะกลายเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร

รายงานจาก เดลี่ เมล์ เปิดเผยว่า “ปีศาจแดง” ได้ยื่นข้อเสนอราว 50 ล้านปอนด์ เพื่อซื้อพื้นที่สำคัญในบริเวณหลังอัฒจันทร์ สเตรทฟอร์ด เอนด์ โดยเฉพาะที่ดินของบริษัท เฟรทไลเนอร์ (Freightliner) ซึ่งถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของโครงการ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเจ้าของที่ดินตั้งราคาขายไว้สูงถึง 400 ล้านปอนด์ ซึ่งยูไนเต็ดมองว่า “เกินจริงและไม่สมเหตุสมผล”

อย่างไรก็ดี สโมสรยังคงเดินหน้าพูดคุยกับ เฟรทไลเนอร์ อย่างสร้างสรรค์ โดยเชื่อว่าท้ายที่สุดจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งนี้หากการซื้อขายเสร็จสิ้น ยูไนเต็ดจะสามารถเริ่มโครงการก่อสร้างสนามใหม่ตามแบบร่างที่ออกโดย “ลอร์ด นอร์แมน ฟอสเตอร์” สถาปนิกชื่อดังระดับโลก

แผนแม่บทของสนามใหม่นี้ถูกวางไว้ให้เป็นศูนย์กลางของโครงการพัฒนาเมือง ที่ประกอบด้วยที่อยู่อาศัยกว่า 17,000 ยูนิต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร โดยยูไนเต็ดตั้งงบลงทุนไว้ราว 2,000 ล้านปอนด์ และตั้งเป้าเปิดใช้งานภายในฤดูกาล 2030–2031 ซึ่งสนามแห่งนี้อาจได้รับฉายาว่า “เวมบลีย์แห่งภาคเหนือ”

นอกจากนี้ สโมสรยังอยู่ระหว่างการพิจารณาใช้ระบบ “ใบอนุญาตที่นั่งส่วนบุคคล” (Personal Seat License) ซึ่งจะทำให้แฟนบอลต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงสุดถึง 4,000 ปอนด์ เพื่อถือสิทธิ์ซื้อตั๋วฤดูกาลในสนามใหม่ โดยแฟนๆ ได้รับเชิญให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบสนาม สิ่งอำนวยความสะดวก และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม

ทั้งนี้ สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เดิมจะถูกรื้อถอนหลังจากสนามใหม่เปิดใช้อย่างเป็นทางการ แต่จนกว่าจะถึงเวลานั้น แมนฯ ยูไนเต็ด จะยังคงใช้ “โรงละครแห่งความฝัน” เป็นรังเหย้าชั่วคราวต่อไป