Home Blog Page 10

เรอัล มาดริด ปะทะ เอซี มิลาน ศึกยักษ์ชนยักษ์!

0

เกมนี้คาดว่าจะเป็นการชิงจังหวะอย่างดุเดือดในแดนกลาง เพราะทั้งเรอัล มาดริดและเอซี มิลานต่างมีแผงกองกลางคุณภาพสูง เรอัล มาดริดจะพยายามคุมเกมและสร้างโอกาสด้วยการเล่นที่หลากหลาย ขณะที่เอซี มิลานคาดว่าจะเน้นการตั้งรับแน่นและใช้เกมสวนกลับเร็วผ่านริมเส้นจากราฟาเอล เลเอาและพูลิซิช

การทำประตูจากลูกตั้งเตะอาจเป็นจุดสำคัญของเกมนี้ เนื่องจากมิลานมีแนวรับที่อาจกดดันมาดริดได้หากมีโอกาส นอกจากนี้ แนวรับของมาดริดต้องระวังความเร็วและทักษะในการเลี้ยงบอลของแนวรุกมิลาน ที่พร้อมจะใช้โอกาสทำประตู

สกอร์ที่คาด: เรอัล มาดริด 2-0 เอซี มิลาน

คาดว่าเรอัล มาดริดจะเก็บชัยได้ แต่คงเป็นเกมที่สูสีและต้องระวังการสวนกลับของมิลาน

“ลิเวอร์พูล vs เลเวอร์คูเซ่น: ศึกแชมเปี้ยนส์ลีก ที่แอนฟิลด์”

0

คืนวันอังคารนี้ ลิเวอร์พูลจะเผชิญหน้ากับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกที่แอนฟิลด์ ซึ่งทั้งสองทีมมีฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น แต่มีเป้าหมายต่างกันในการแย่งชิงตำแหน่งเข้ารอบต่อไปภายใต้ระบบลีกใหม่นี้

สภาพทีมและแทคติกของลิเวอร์พูล

นับตั้งแต่การมาของอาร์เน่ สล็อตในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูลแข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในพรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนส์ลีก โดยพวกเขามีสถิติชนะสามนัดรวดในรอบลีกนี้ ทำให้ครองจ่าฝูงร่วมกับแอสตัน วิลล่า ปัญหาหลักคืออาการบาดเจ็บของกองหลัง อิบราฮิม่า โกนาเต้ ที่อาจทำให้โจ โกเมซต้องมาแทนที่​

นอกจากนี้ อลิสซอน, เฟเดริโก้ เคียซ่า และดิโอโก้ โชต้า ต่างได้รับบาดเจ็บและจะพลาดลงสนาม แนวรุกของลิเวอร์พูลคาดว่าจะมี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดดเด่นในบทบาทเกมรุก ควบคู่กับดาร์วิน นูเญซที่เพิ่งยิงประตูชัยในเกมพบแอร์เบ ไลป์ซิก ทำให้แอนฟิลด์ยังคงเป็นป้อมปราการที่ยากสำหรับคู่ต่อสู้จากเยอรมัน​​

เลเวอร์คูเซ่นของชาบี อลอนโซ่: ความท้าทายจากเยอรมัน

แม้เลเวอร์คูเซ่นจะเริ่มต้นฤดูกาลอย่างร้อนแรง แต่ในช่วงหลังพวกเขาเริ่มสะดุดด้วยผลเสมอ 0-0 กับสตุ๊ตการ์ทในลีก โดยในแชมเปี้ยนส์ลีก เลเวอร์คูเซ่นถูกเบรสต์หยุดสถิติชนะรวด ทำให้ต้องหวังใช้การตั้งรับอย่างรัดกุมและรอโอกาสสวนกลับที่ถนัด โดยอลอนโซ่จะพึ่งพาความคิดสร้างสรรค์ของฟลอเรียน เวิร์ตซ์ รวมถึงศักยภาพของวิคตอร์ โบนิเฟซในแนวรุกเพื่อเจาะแนวรับของเจ้าบ้าน​​

สถิติและโอกาสในเกมนี้

ลิเวอร์พูลยังไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับทีมจากเยอรมันในบ้าน โดยมีสถิติชนะ 14 เสมอ 4 อย่างไรก็ตาม เลเวอร์คูเซ่นมีฟอร์มที่แข็งแกร่งเช่นกัน โดยไม่แพ้ในการแข่งขันยุโรปถึง 16 นัดติดต่อกัน ทำให้เกมนี้ไม่ง่ายสำหรับลิเวอร์พูล การต่อสู้ในกลางสนามจะเป็นปัจจัยสำคัญระหว่างสองทีมที่เน้นการครองบอลและใช้แผนการเล่นที่ยืดหยุ่น​

คาดการณ์สกอร์:
ลิเวอร์พูล 2-1 เลเวอร์คูเซ่น

ลาลีกา สเปน: การเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่

0

ลาลีกา สเปน เป็นหนึ่งในลีกฟุตบอลที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ด้วยประวัติศาสตร์ที่เปี่ยมไปด้วยความสำเร็จและเสน่ห์ของการเล่นที่สวยงาม แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลีกกระทิงดุกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งในด้านการบริหารจัดการ การแข่งขันทางการเงินกับลีกใหญ่ในยุโรป และความท้าทายในการรักษาความน่าสนใจของการแข่งขัน เราจะมาสำรวจปัจจัยสำคัญที่กำลังเปลี่ยนแปลงลาลีกา และมองอนาคตของลีกนี้ว่าจะเป็นอย่างไร

1. ยุคใหม่ของการบริหารจัดการลีก

ลาลีกา ภายใต้การบริหารของ ฆาเบียร์ เตบาส ประธานลีก ได้มีการปรับปรุงด้านโครงสร้างและการบริหารให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ตั้งแต่การเจรจาสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่ทำให้แต่ละสโมสรมีรายได้เพิ่มขึ้น ไปจนถึงการพัฒนาการตลาดที่ช่วยดึงดูดแฟนบอลทั่วโลก แต่แม้ลาลีกาจะเติบโตทางธุรกิจ ความท้าทายยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะการแข่งขันกับพรีเมียร์ลีกที่มีรายได้จากสปอนเซอร์และค่าลิขสิทธิ์มหาศาล

2. การสูญเสียดาวเตะระดับโลก

ในอดีต ลาลีกา เป็นเวทีของนักเตะระดับโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ช่วยยกระดับความนิยมของลีกไปทั่วโลก แต่การย้ายออกของทั้งสองซูเปอร์สตาร์ทำให้ลีกเสียศูนย์ดึงดูดที่สำคัญ ปัจจุบัน ลาลีกาต้องพยายามสร้างความสนใจด้วยการพัฒนาและสนับสนุนนักเตะดาวรุ่ง เช่น อันซู ฟาติ ของบาร์เซโลน่า และ จู๊ด เบลลิงแฮม ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมเรอัล มาดริด การส่งเสริมพรสวรรค์ใหม่เหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อรักษาความตื่นเต้นของแฟนบอลและความสามารถในการแข่งขันกับลีกอื่น

3. ความท้าทายทางการเงิน

ลีกกระทิงดุกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านการเงินอย่างหนัก โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินของสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างบาร์เซโลน่า ที่แม้จะพยายามลดค่าใช้จ่ายและหาแหล่งรายได้เพิ่มเติม แต่ยังต้องเจอข้อจำกัดจาก Financial Fair Play (FFP) ทำให้การเสริมทัพต้องเป็นไปอย่างรัดกุม ต่างจากเรอัล มาดริดที่มีการบริหารการเงินอย่างชาญฉลาดและยังคงมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

4. ความน่าสนใจของการแข่งขันในลีก

แม้ว่าความนิยมของลาลีกาอาจลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่มีเมสซี่และโรนัลโด้ แต่การแข่งขันในลีกกลับน่าสนใจขึ้นเพราะมีความสมดุลมากขึ้น ทีมระดับกลางอย่าง เรอัล โซเซียดาด, เรอัล เบติส และ บียาร์เรอัล สามารถท้าทายทีมใหญ่ได้ทุกปี สิ่งนี้ทำให้ลาลีกายังคงมีเสน่ห์ในสายตาแฟนบอลที่ต้องการเห็นการแข่งขันที่ไม่สามารถคาดเดาได้

5. การพัฒนาพรสวรรค์เยาวชน

หนึ่งในสิ่งที่ลาลีกายังคงเป็นที่หนึ่งคือการผลิตนักเตะเยาวชนคุณภาพสูง สโมสรในสเปนให้ความสำคัญกับการพัฒนาอะคาเดมี เช่น ลา มาเซีย ของบาร์เซโลน่า และอะคาเดมีของแอตเลติโก มาดริด การพัฒนาเยาวชนเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นพื้นฐานของลีก แต่ยังช่วยดึงดูดความสนใจจากทีมใหญ่ในยุโรปที่ต้องการคว้าตัวนักเตะฝีเท้าดีไปเสริมทีม

บทสรุป

ลาลีกา สเปน ยังคงเป็นลีกที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และความเป็นเอกลักษณ์ แต่พวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเงินและการดึงดูดความสนใจจากแฟนบอลยุคใหม่ การปรับตัวให้ทันยุคสมัย การสนับสนุนดาวรุ่ง และการบริหารการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความยิ่งใหญ่และเสน่ห์ของลีกนี้ต่อไปในอนาคต.

เจาะลึกความสำเร็จของแมนเชสเตอร์ ซิตี้

0

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นสโมสรที่ครองความยิ่งใหญ่ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษและฟุตบอลยุโรปอย่างต่อเนื่องในยุคของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ความสำเร็จของพวกเขาไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เกิดจากการวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งในแง่ของการสร้างทีม การพัฒนานักเตะ และปรัชญาฟุตบอลที่เฉียบคม เราจะมาวิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้กลายเป็นสโมสรระดับโลกอย่างทุกวันนี้

1. ปรัชญาฟุตบอลของเป๊ป กวาร์ดิโอลา

ระบบการเล่นของเป๊ป กวาร์ดิโอลาเน้นการครองบอลและการเล่นที่สร้างสรรค์ เขาได้นำแนวคิด “tiki-taka” ที่เคยประสบความสำเร็จกับบาร์เซโลน่ามาประยุกต์ใช้กับแมนซิตี้ แต่เพิ่มความหลากหลายในเกมรุกและการเล่นที่มีความเข้มข้นมากขึ้น เป๊ปให้ความสำคัญกับการยืนตำแหน่งที่สมบูรณ์แบบเพื่อสร้างพื้นที่ในการโจมตีและป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังทำให้นักเตะทุกคนสามารถหมุนเวียนตำแหน่งได้อย่างไหลลื่น

2. การเสริมทัพที่ชาญฉลาด

หนึ่งในจุดแข็งสำคัญของซิตี้คือความสามารถในการเสริมทัพให้แข็งแกร่งขึ้นทุกฤดูกาล ด้วยการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม พวกเขาได้นักเตะคุณภาพสูงอย่าง เควิน เดอ บรอยน์, เออร์ลิง ฮาแลนด์ และรูเบน ดิอาส ที่เข้ามายกระดับทีม การซื้อตัวของซิตี้ไม่ได้เน้นเพียงแค่ความสามารถ แต่ต้องตรงกับระบบและสไตล์การเล่นของทีม ซึ่งการผสมผสานที่เหมาะสมนี้ทำให้ทีมมีความสมดุลและยากจะต่อกร

3. การพัฒนาและการยกระดับนักเตะ

เป๊ปเป็นโค้ชที่มีความสามารถพิเศษในการพัฒนานักเตะ เขาทำให้นักเตะหลายคนเล่นได้ดีเกินศักยภาพเดิม เช่น จอห์น สโตนส์ ที่พัฒนาจากกองหลังที่มักพลาดง่าย กลายมาเป็นหัวใจในเกมรับที่นิ่งและเปี่ยมด้วยประสบการณ์ นอกจากนี้ การทำงานของเป๊ปยังเน้นที่การฝึกซ้อมที่เข้มข้นเพื่อให้ทุกคนเข้าใจระบบอย่างลึกซึ้ง นักเตะเยาวชนที่ก้าวขึ้นมาก็มีคุณภาพสูง เช่น ฟิล โฟเด้น ที่กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมได้อย่างน่าทึ่ง

4. การบริหารองค์กรที่มีประสิทธิภาพ

อีกปัจจัยที่ทำให้แมนซิตี้ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องคือการบริหารสโมสรที่ยอดเยี่ยมจากกลุ่ม City Football Group (CFG) พวกเขาได้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในด้านการเงิน โครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยี โดยมีศูนย์ฝึกซ้อมที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ทั้งยังส่งเสริมการเติบโตของแบรนด์ในระดับสากล ทำให้ซิตี้สามารถดึงดูดนักเตะและบุคลากรที่มีคุณภาพระดับโลก

5. ความมุ่งมั่นและความสม่ำเสมอ

เป๊ป กวาร์ดิโอลาไม่เคยปล่อยให้ทีมตกอยู่ในความพอใจ เขาย้ำเสมอว่านักเตะต้องพัฒนาและรักษาระดับความมุ่งมั่นทุกวัน ความมุ่งมั่นนี้สะท้อนให้เห็นในความสม่ำเสมอของทีม การเล่นที่ดุดันและมีสมาธิตลอดทั้งฤดูกาลทำให้พวกเขายากที่จะถูกโค่นล้ม นอกจากนี้ ทีมยังมีความลึกซึ้งของขุมกำลังที่ทำให้สามารถหมุนเวียนผู้เล่นได้โดยไม่สูญเสียคุณภาพ

บทสรุป

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำของเป๊ป กวาร์ดิโอลา คือบทเรียนของการบริหารจัดการที่ชาญฉลาดและการใช้ปรัชญาฟุตบอลที่แยบยล ความสำเร็จนี้ไม่ได้มาจากโชคชะตา แต่เกิดจากการทำงานหนัก การวางแผนระยะยาว และความสามารถในการดึงศักยภาพของทุกองค์ประกอบในทีมออกมาอย่างเต็มที่ หากเป๊ปยังสามารถรักษามาตรฐานนี้ไว้ได้ ซิตี้จะยังคงเป็นทีมที่ทุกสโมสรต้องระวังในทุกการแข่งขัน

รุด ฟาน นิสเติลรอย: ตำนานเพชฌฆาตของแมนยู

0

รุด ฟาน นิสเติลรอย ชื่อที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและวงการฟุตบอลทั่วโลก แม้เขาจะเลิกเล่นอาชีพไปแล้ว แต่ผลงานในสนามยังคงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เฉียบคมและอันตรายที่สุดในยุคพรีเมียร์ลีก ด้วยความสามารถในการทำประตูที่ไร้ที่ติ ฟาน นิสเติลรอยทำให้แฟนบอลต้องอ้าปากค้างจากลูกยิงที่เฉียบขาดและการเคลื่อนไหวที่แม่นยำในกรอบเขตโทษ

เขาเข้าร่วมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปี 2001 จากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ด้วยค่าตัวราว 19 ล้านปอนด์ ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นสถิติค่าตัวสูงลิ่ว การลงทุนครั้งนั้นของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้ผลตอบแทนมหาศาล ฟาน นิสเติลรอยยิงไป 150 ประตูจากการลงสนามเพียง 219 นัดให้กับปีศาจแดง ความสามารถในการเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูทำให้เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น “จอมทำประตูในกรอบเขตโทษ”​​

นอกจากจะเป็นดาวยิงสูงสุดในพรีเมียร์ลีกถึงสามฤดูกาลแล้ว ฟาน นิสเติลรอยยังมีบทบาทสำคัญในความสำเร็จของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทั้งในอังกฤษและบนเวทียุโรป โดยเฉพาะในฤดูกาล 2002/03 ที่เขายิงได้ 25 ประตูในลีก ช่วยทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาได้ อย่างไรก็ตาม เส้นทางของเขากับปีศาจแดงไม่ได้จบลงอย่างราบรื่น ความขัดแย้งกับเฟอร์กูสันทำให้เขาต้องย้ายไปเรอัล มาดริดในปี 2006 แต่ความสำเร็จของเขายังคงเป็นตำนานที่ไม่มีวันลืม​

หลังแขวนสตั๊ด ฟาน นิสเติลรอยได้เข้าสู่การเป็นโค้ช และเขาก็ได้สร้างชื่อเสียงใหม่ในวงการฟุตบอลด้วยการคุมทีมเยาวชนและต่อมาสู่การคุมทีมใหญ่ที่พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น การเดินทางในฐานะโค้ชของเขายังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเขาได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้ให้กับนักเตะรุ่นใหม่.

ฟาน นิสเติลรอยยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับกองหน้าทั่วโลก ด้วยสไตล์การเล่นที่เน้นความนิ่ง ความเฉียบคม และการอ่านเกมในกรอบเขตโทษที่ไม่มีใครเหมือน.

ปาร์ค จี-ซอง ตำนานแดนกิมจิ ผู้สร้างแรงบันดาลใจในพรีเมียร์ลีก

0

ปาร์ค จี-ซอง อดีตมิดฟิลด์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงถูกยกย่องในฐานะหนึ่งในนักฟุตบอลชาวเอเชียที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลโลก แม้เขาจะเลิกเล่นอาชีพไปแล้วหลายปี แต่แรงกระเพื่อมที่เขาสร้างขึ้นยังคงมีอิทธิพลอย่างมากทั้งในเกาหลีใต้และบนเวทีฟุตบอลระดับโลก

ปาร์ค จี ซอง เข้าร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปี 2005 และกลายเป็นส่วนสำคัญของทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลภายใต้การนำของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ความมุ่งมั่นและพลังการเล่นของเขา ทำให้ได้รับฉายาว่า “Three-Lung Park” หรือ “ปาร์คสามปอด” ด้วยความสามารถในการวิ่งไม่มีหมด ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้เขาได้รับความเคารพจากเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอล

การที่ปาร์คสามารถปรับตัวและประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีก ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ของนักเตะชาวเอเชียในเวทีโลก แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้เล่นรุ่นใหม่มากมาย โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ที่เริ่มเห็นนักเตะดาวรุ่งก้าวเข้าสู่สโมสรระดับโลกอย่างมากขึ้น การสร้างเส้นทางให้นักเตะเอเชียกล้าที่จะฝันใหญ่และเดินตามรอยเท้าของเขายังคงเป็นแรงผลักดันสำคัญสำหรับวงการฟุตบอลในภูมิภาค

นอกจากนี้ ปาร์ค จี ซองยังมีบทบาทหลังแขวนสตั๊ด เขาได้ทำงานส่งเสริมกิจกรรมการกุศลและยังมีบทบาทในการพัฒนาวงการฟุตบอลผ่านโครงการต่างๆ ในเกาหลีใต้ เขายังคงใช้ชื่อเสียงและประสบการณ์ที่สั่งสมมาเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและวงการกีฬาอย่างต่อเนื่อง

จากความทรงจำในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด จนถึงการทำงานเพื่อสังคม ปาร์ค จี-ซอง ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ใช่แค่ยอดนักฟุตบอล แต่ยังเป็นบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจที่แท้จริงแก่คนทั่วโลก.

สรุปผลพรีเมียร์ลีก: ทีมใหญ่ประจำสัปดาห์

0

พลิกล็อกและดราม่าช่วงท้ายเกม: นิวคาสเซิลทำเซอร์ไพรส์อาร์เซนอล, แมนฯ ยูไนเต็ด และเชลซี เสมอกัน

สรุปผลการแข่งขันที่สำคัญ:

  • นิวคาสเซิล 1-0 อาร์เซนอล: นิวคาสเซิลสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาชนะอาร์เซนอลได้สำเร็จจากเกมรับที่เหนียวแน่นและประตูสำคัญ การชนะครั้งนี้ช่วยให้นิวคาสเซิลมีลุ้นจบท็อปซิกซ์ได้อย่างน่าประทับใจ ขณะที่อาร์เซนอลพลาดโอกาสในการไล่จ่าฝูงไป
  • บอร์นมัธ 2-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้: บอร์นมัธสร้างความประหลาดใจอีกครั้งด้วยการเอาชนะแมนฯ ซิตี้คาบ้าน แม้ซิตี้จะครองบอลได้มากกว่า แต่ความเฉียบคมและการจัดการเกมรับของบอร์นมัธก็เพียงพอให้พวกเขาคว้าชัยชนะและทำให้ซิตี้พลาดโอกาสในการขึ้นนำ
  • ลิเวอร์พูล 2-1 ไบรท์ตัน: ลิเวอร์พูลยังคงฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่อง ด้วยการเฉือนชนะไบรท์ตันหลังจากที่โดนนำในช่วงครึ่งแรก การโจมตีไม่หยุดหย่อนของลิเวอร์พูล โดยเฉพาะการทำประตูของดาร์วิน นูนเญซที่ช่วยพลิกสถานการณ์ ทำให้ลิเวอร์พูลยังคงเป็นจ่าฝูงต่อไป
  • ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 4-1 แอสตัน วิลล่า: สเปอร์สโชว์ฟอร์มการโจมตีได้ยอดเยี่ยม โดยมีแนวรุกทำผลงานได้อย่างเฉียบขาด การชนะครั้งนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้สเปอร์ส หลังจากที่ผลงานก่อนหน้านี้ไม่แน่นอน
  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 เชลซี: ในแมตช์ที่ตึงเครียดทั้งสองทีมแบ่งแต้มกันไป โดยยูไนเต็ดทำประตูได้ตั้งแต่ช่วงต้นเกม แต่เชลซีก็ไล่ตีเสมอได้สำเร็จ ทั้งสองทีมพลาดโอกาสในการคว้าชัยชนะ ซึ่งผลเสมอนี้ยังคงทำให้ทั้งสองทีมอยู่ในเส้นทางสู่การคว้าสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลยุโรป แต่ต้องการชัยชนะที่ต่อเนื่องเพื่อไต่อันดับขึ้นไป
  • น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-0 เวสต์แฮม: น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ยังคงโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมด้วยการเอาชนะเวสต์แฮมแบบขาดลอย 3-0 เสริมความแข็งแกร่งในอันดับท็อปโฟร์และเป็นหนึ่งในทีมที่ผลงานโดดเด่นในฤดูกาลนี้

ผลกระทบต่อตารางคะแนน

ลิเวอร์พูลยังคงนำจ่าฝูงหลังจากคว้าชัยชนะครั้งนี้และสร้างความกดดันให้แมนฯ ซิตี้ ขณะที่อาร์เซนอลและเชลซีต้องสะดุดจากผลเสมอและแพ้ นิวคาสเซิลและน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์สร้างความฮือฮาในการลุ้นอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรป โดยทั้งสองทีมได้แสดงศักยภาพและเป็นคู่แข่งสำคัญในครึ่งบนของตาราง

การตัดสินใจในจังหวะสุดท้ายของ “การ์นาโช่”

0

ในแมตช์ล่าสุดที่ อาเลฆันโดร การ์นาโช ลงสนามพบกับเชลซี การ์นาโชได้ลงเล่นในฐานะริมเส้นฝั่งซ้าย

เขาได้ลงตัวหลักในการดวลกับเชลซี แต่แมตช์เมื่อคืนนี้เขายังขาดความเฉียบคมในการจบสกอร์ หลายครั้งที่ได้โอกาสยิงประตูสำคัญ แต่พลาดเป้าไป ส่งผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอกับเชลซี 1-1 อย่างไรก็ตาม มีบางจังหวะที่การ์นาโชยังขาดความเด็ดขาดในการตัดสินใจสุดท้าย ซึ่งเป็นส่วนที่เขาอาจต้องพัฒนาเพื่อให้เกมของเขามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกที่จะยิงหรือส่งในจังหวะที่ถูกต้อง รวมถึงการตัดสินใจในการเลือกทำชิ่งหรือการเล่นบอลสั้นร่วมกับเพื่อนร่วมทีมแฟนบอลเรียกร้องให้เขาปรับปรุงการตัดสินใจในสนาม และการเล่นที่นิ่งขึ้นเมื่อเผชิญกับแนวรับทีมใหญ่ ทั้งนี้ การ์นาโชยังต้องพัฒนาความสม่ำเสมอเพื่อยืนเป็นตัวจริงในทีมชุดหลักได้ในอนาคต​

ลิเวอร์พูล ก้าวขึ้นลุ้นแชมป์เต็มตัว

0

ลิเวอร์พูลโชว์ฟอร์มแกร่งในการแข่งขันที่แอนฟิลด์ สร้างความฮึกเหิมให้แฟน ๆ และก้าวขึ้นลุ้นตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ความพ่ายแพ้ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอาร์เซนอลในสัปดาห์นี้ เปิดโอกาสให้ทีมของอาร์เน่ สล็อตขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงตัวจริง กุนซือชาวเนเธอร์แลนด์ให้สัมภาษณ์ว่า “เราต้องรักษาความต่อเนื่องและทุ่มเทในทุกแมตช์ที่เหลือ” เกมรุกอันร้อนแรงและการประสานงานของผู้เล่นเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ลิเวอร์พูลกลับมามีลุ้นแชมป์อย่างเข้มข้นในฤดูกาลนี้.

ปลุกเสพผี คาดไลน์อัพ รูเบน อโมริม 3-4-3

0

รูเบน อโมริม กุนซือชาวโปรตุกีส เข้ามาเป็นเฮดโค้ชคนใหม่ และจะเริ่มงานวันจันทร์ที่ 11 พ.ย. ก่อนประเดิมคุมนัดแรกในเกมออกไปเยือน อิปสวิช ทาวน์ วันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ 

อโมริม ใช้ระบบ 3-4-3 กับการคุม สปอร์ติ้ง ลิสบอน และหากนำมาใช้กับ แมนยู โดยยังไม่คิดไปถึงการดึงนักเตะใหม่มาเสริมทัพคงมีหน้าตาดังนี้ 

ผู้รักษาประตู: อ็องเดร โอนาน่า

นายทวารทีมชาติแคเมอรูน จะยังได้ลงเฝ้าเสาตัวจริงต่อไปแน่นอน

กองหลัง : เลนี่ โยโร่, มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์, ลีซานโดร มาร์ตีเนซ

หาก เลนี่ โยโร่ หายเจ็บกลับมาฟิตสมบูรณ์ก็จะได้ลงเล่นตัวจริงในระบบกองหลังสามคนร่วมกับ มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ และ ลีซานโดร มาร์ตีเนซ

กองกลาง : ดิโอโก้ ดาโลต์, มานูเอล อูการ์เต้, ค็อบบี้ เมนู, ลุค ชอว์

ดิโอโก้ ดาโลต์ จะทำหน้าที่วิงแบ็กฝั่งขวา ส่วนด้านซ้ายหาก ลุค ชอว์ หายเจ็บก็จะได้เป็นตัวจริง แต่ถ้ายังไม่หายก็จะเป็น นุสแซร์ มาซราวี หรือเจ้าหนู แฮร์รี่ อามาสส์ ขณะที่มิดฟิลด์คู่กลางเป็น มานูเอล อูการ์เต้ กับ ค็อบบี้ เมนู

กองหน้า: บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ราสมุส ฮอยลุนด์, อเลฮานโดร การ์นาโช่

บรูโน่ แฟร์นันด์ส คงต้องขยับไปยืนเป็นสามประสานแนวรุกทางฝั่งขวา ส่วนด้านซ้ายต้องแย่งชิงตำแหน่งกันระหว่าง อเลฮานโดร การ์นาโช่ กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ขณะที่กองหน้าตัวเป้า ราสมุส ฮอยลุนด์ มีโอกาสมากกว่า โจชัว เซิร์กซี่

ห้ามพลาด!