การแข่งขัน: ออสเตรีย พบ ตุรกี – รอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโร 2024 สนาม: เวียนนา ชตาดิโอน, เวียนนา, ออสเตรีย วันและเวลา: 3 กรกฎาคม 2567, 23:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)

ฟอร์ม:

• ออสเตรีย: เสือดาวอัลไพน์ ฟอร์มดี สม่ำเสมอ ชนะ 2 เสมอ 1 ยิงได้ 6 เสีย 1
• ตุรกี: เสือดาวแห่งอนาโตเลีย ฟอร์มไม่แน่นอน แพ้ 1 เสมอ 2 ยิงได้ 4 เสีย 5

สถิติการพบกัน:

• ออสเตรีย ชนะ ตุรกี 3 จาก 5 นัดล่าสุด

ออสเตรีย:

• อันดับโลก: 23
• ผู้เล่นตัวหลัก: ดาวิด อลาบา, มาร์โก อาร์เนาโตวิช, ซาบิตเซอร์
• สไตล์การเล่น: เน้นรุก เร็ว เฉียบคม

ตุรกี:

• อันดับโลก: 28
• ผู้เล่นตัวหลัก: บูรัค ยิลมาซ, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู, เดเมอร์ อาลี กิร์ต
• สไตล์การเล่น: เน้นรับแน่นหนึบ อาศัยจังหวะโต้กลับ

โอกาสในการคว้าชัย:

• ออสเตรีย: 70%
• ตุรกี: 30%
  
  การวิเคราะห์:
  
• โดยรวมแล้ว ออสเตรีย ดูมีโอกาสสูงที่จะคว้าชัยชนะในเกมนี้ ด้วยปัจจัยสนับสนุนที่ครบครัน
• อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลมีอะไรก็เกิดขึ้นได้ ตุรกี อาจสร้างเซอร์ไพรส์ได้หากเล่นได้อย่างมีวินัยและเฉียบคม
• คาดการณ์สกอร์:
• ออสเตรีย ชนะ ตุรกี 2-1

ฟุตบอลยูโร รอบ 16 ทีมสุดท้าย

• เนเธอร์แลนด์ vs โรมาเนีย: อัศวินสีส้มบินสูงสู่รอบ 8 ยูโร 2024
• การแข่งขัน: เนเธอร์แลนด์ พบ โรมาเนีย – รอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโร 2024
• สนาม: อัลลิอันซ์ อารีนา, มิวนิค, เยอรมนี
• วันและเวลา: 2 กรกฎาคม 2567, 23:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
  
  
• เนเธอร์แลนด์:
  
• อันดับโลก: 10
• ผู้เล่นตัวหลัก: เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, เมมฟิส เดปาย, เฌเรมี ฟริมปง
• สไตล์การเล่น: เน้นรุก เฉียบคม
  
  
• โรมาเนีย:
  
• อันดับโลก: 40
• ผู้เล่นตัวหลัก: อเล็กซานดรู ชิมิออน, เดนนิส แมน, ฟลอริเนล โคมาน
• สไตล์การเล่น: เน้นรับแน่นหนึบ อาศัยจังหวะโต้กลับ
• โอกาสในการคว้าชัย:
• เนเธอร์แลนด์: 80%
• โรมาเนีย: 20%

ไฮไลท์:

• เนเธอร์แลนด์: ฟอร์มร้อนแรง ชนะ 3 จาก 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ยิงได้ 8 ประตู เสียเพียง 1 ประตู เป็นทีมเต็งที่ชัดเจน
• โรมาเนีย: เข้ารอบมาด้วยอันดับ 3 ของกลุ่ม ดี ฟอร์มไม่สม่ำเสมอ แพ้ 1 เสมอ 1 ชนะ 1 ยิงได้ 3 ประตู เสีย 3 ประตู
• สถิติการพบกัน: เนเธอร์แลนด์ ชนะ โรมาเนีย ในการพบกันล่าสุด 3-0 เมื่อปี 2017

วิเคราะห์:

เนเธอร์แลนด์ดูเหนือกว่าโรมาเนียอย่างชัดเจน ทั้งจากผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม และสถิติการพบกัน คาดว่าน่าจะเอาชนะโรมาเนียไปได้ไม่ยาก

ผลที่คาด: เนเธอร์แลนด์ ชนะ โรมาเนีย 2-0

เมื่อคืนนี้ (2 กรกฎาคม 2567) ทีมชาติโปรตุเกส ลงสนามดวลเดือดกับทีมชาติสโลวีเนีย ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกฟุตบอลยูโร 2024 ณ สนาม ดอยซ์แบงก์ พาร์ค ประเทศเยอรมนี บอกเลยว่าเกมนี้สูสีสุดๆ!

90 นาทีจบลง เสมอ 0-0 ทั้งสองทีม ต้องไปวัดกันด้วยการดวลจุดโทษ

การดวลจุดโทษ:

• รอบแรก:
  • โปรตุเกส ยิงเข้า 3 ลูก จาก 4 คน (บรูโน เฟอร์นันเดส, เปเป, ดิโอโก โจต้า)
  • สโลวีเนีย ยิงเข้า 2 ลูก จาก 4 คน (อัลจาซ พอสตรชนิค, มัตยาส คราอินิค)
• รอบที่สอง:
  • โรนัลโด้ ยิงประตูชัยให้โปรตุเกส
  • มัตยาส เบซิก ยิงพลาดให้สโลวีเนีย

จบเกม โปรตุเกส เอาชนะสโลวีเนีย 3-0 ในการดวลจุดโทษ ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย!

ไฮไลท์ของเกมดวลจุดโทษ:

• โรนัลโด้ ยิงประตูชัย: โรนัลโด้ กัปตันทีมโปรตุเกส ยิงประตูชัยในรอบที่สอง พาโปรตุเกสผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย
• มัตยาส เบซิก ยิงพลาด: มัตยาส เบซิก กองหลังของสโลวีเนีย ยิงพลาดจุดโทษในรอบที่สอง ทำให้สโลวีเนียตกรอบ
• โคสต้า ฮีโร่ของโปรตุเกส: ดิโอโก โคสต้า ผู้รักษาประตูของโปรตุเกส เซฟจุดโทษได้ถึง 2 ลูก พาโปรตุเกสคว้าชัยชนะ

แฟนบอลโปรตุเกส ดีใจสุดๆ ที่ทีมรักผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ส่วนแฟนบอลสโลวีเนีย ก็คงต้องผิดหวังกับผลการแข่งขันในครั้งนี้

เมื่อคืนนี้ (1 กรกฎาคม 2567) ทีมชาติฝรั่งเศส ลงสนามดวลเดือดกับทีมชาติเบลเยี่ยม ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกฟุตบอลยูโร 2024 ณ สนาม ดัสเซลโดฟ อารีน่า ประเทศเยอรมนี บอกเลยว่าเกมนี้มันส์หยดติ๋ง เต็มไปด้วยความสูสี และเต็มไปด้วยดราม่า!

ครึ่งแรก:

• ฝรั่งเศส เปิดเกมรุกเข้าใส่เบลเยี่ยมอย่างหนัก แต่แนวรับของเบลเยี่ยมก็เหนียวแน่น เกมเลยค่อนข้างสูสี ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ไม่มีใครยอมใคร
• โอกาสทองของฝรั่งเศส เกิดขึ้นในนาทีที่ 20 กรีซมันน์ ยิงฟรีคิกโค้งๆ ไปชนคานประตูอย่างน่าเสียดาย
• เบลเยี่ยม ก็มีโอกาสลุ้นบ้างในนาทีที่ 35 แต่เดอ บรอยน์ ยิงไกลไปนิด

ครึ่งหลัง:

• เกมยังคงสูสีเหมือนเดิม ทั้งสองทีมพยายามเปิดเกมรุกเพื่อหาประตูชัย แต่ก็ยังเจาะแนวรับของอีกฝ่ายไม่ได้
• จนกระทั่งในนาทีที่ 85 เกิดดราม่าขึ้น! โคโล มูอานี กองหน้าของฝรั่งเศส ยิงไกลไปแฉลบ แยน แฟร์ตองเกน กองหลังของเบลเยี่ยม เข้าประตูตัวเอง!
• เบลเยี่ยม พยายามทวงคืนประตูอย่างหนักในช่วงท้ายเกม แต่ก็ไม่สำเร็จ

จบเกม ฝรั่งเศส เฉือนชนะเบลเยี่ยม 1-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเจอกับผู้ชนะระหว่างโปรตุเกส กับ สโลวีเนีย

ไฮไลท์ของเกมนี้:

• มูอานี ยิงประตูชัยแบบโชคดี: มูอานี ลงมาแทน เอ็มบัปเป้ ในช่วงท้ายเกม และยิงประตูชัยให้กับฝรั่งเศสแบบโชคดี
• แฟร์ตองเกน ทำเข้าประตูตัวเอง: แฟร์ตองเกน พยายามสกัดบอลจากมูอานี แต่บอลดันไปแฉลบเข้าประตูตัวเอง
• เดอ บรอยน์ ฟอร์มไม่ออก: เดอ บรอยน์ จอมทัพของเบลเยี่ยม เล่นไม่ออกในเกมนี้ มีโอกาสยิงประตูหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้
• ฝรั่งเศส แนวรับเหนียวแน่น: แนวรับของฝรั่งเศส เล่นได้อย่างเหนียวแน่น ป้องกันการโจมตีของเบลเยี่ยมได้อย่างยอดเยี่ยม

แฟนบอลฝรั่งเศส ดีใจสุดๆ ที่ทีมรักผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ส่วนแฟนบอลเบลเยี่ยม ก็คงต้องผิดหวังกับผลการแข่งขันในครั้งนี้

สำหรับเกมต่อไป ฝรั่งเศส จะพบกับ โปรตุเกส ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 แฟนบอลห้ามพลาดเด็ดขาด!

ลามิน ยามัล แนวรุกดาวรุ่งวัย 16 ปี ของทีมชาติสเปน สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดลงเล่นในศึกฟุตบอลยูโรรอบสุดท้าย

สถิติส่วนตัว:

• จำนวนเกมที่ลงเล่น: 2 เกม (ลงเล่นครบ 90 นาที)
• จำนวนนาทีที่ลงเล่น: 180 นาที
• จำนวนยิง: 0 ประตู
• จำนวนแอสซิสต์: 0 แอสซิสต์
• จำนวนยิงเข้ากรอบ: 0 ครั้ง
• จำนวนผ่านบอลสำเร็จ: 82 ครั้ง (89%)
• จำนวนแย่งบอล: 4 ครั้ง
• จำนวนดวลชนะ: 3 ครั้ง

สถิติใหม่:

• เป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดลงเล่นในศึกยูโรรอบสุดท้าย: 16 ปี 338 วัน (ทำลายสถิติเดิมของ คาสเปอร์ คอซลอฟสกี้ 17 ปี 246 วัน)
• เป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในทีมชาติสเปน: 16 ปี 1 เดือน 26 วัน

หมายเหตุ:

• ข้อมูล ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2567
• ลามิน ยามัล ยังมีโอกาสลงเล่นเพิ่มในศึกยูโร 2024

คริสเตียโน โรนัลโด้ ดาวยิงจอมเก๋าของทีมชาติโปรตุเกส ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในศึกยูโร 2024 โดยทำลายสถิติมากมาย ดังนี้

สถิติส่วนตัว:

• จำนวนประตู: 4 ประตู (อันดับ 1 ของทัวร์นาเมนต์ ร่วมกับอีก 2 คน)
• แอสซิสต์: 2 แอสซิสต์ (อันดับ 2 ของทัวร์นาเมนต์ ร่วมกับอีก 3 คน)
• จำนวนเกมที่ลงเล่น: 4 เกม (ลงเล่นครบทุกนัด)
• จำนวนนาทีที่ลงเล่น: 360 นาที
• จำนวนยิง: 14 ครั้ง
• จำนวนยิงเข้ากรอบ: 8 ครั้ง
• จำนวนผ่านบอลสำเร็จ: 84 ครั้ง (89%)
• จำนวนแย่งบอล: 12 ครั้ง
• จำนวนดวลชนะ: 10 ครั้ง

สถิติใหม่:

• เป็นผู้เล่นที่ลงเล่นในศึกยูโรรอบสุดท้ายมากที่สุด: 6 ครั้ง (ตั้งแต่ปี 2004 ถึงปี 2024)
• เป็นผู้เล่นที่ยิงประตูในศึกยูโรมากที่สุด: 14 ประตู (ทำลายสถิติเดิมของ มิเชล พลาตินี 9 ประตู)
• เป็นผู้เล่นที่แอสซิสต์มากที่สุดในศึกยูโร: 8 แอสซิสต์ (เทียบเท่ากับ คาเรล โพบอร์สกี้)

หมายเหตุ:

• สถิตินี้ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 อาจมีการเปลี่ยนแปลงหากยังมีการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ต่อไป

โปรตุเกส (ระบบ 4-3-3):

ผู้รักษาประตู: ดิโอโก้ คอสต้า

กองหลัง:

• นูโน่ เมนเดส
• เปเป้
• รูเบน ดิอาส
• ดิโอโก้ ดาโลต์

กองกลาง:

• บรูโน่ แฟร์นันด์ส
• ชูเอา ปาลินญ่า
• วิตินญ่า

ตัวรุก:

• คริสเตียโน่ โรนัลโด้
• แบร์นาโด ซิลวา
• ราฟาเอล เลเอา

แผนการเล่น:

คาดว่าโปรตุเกสจะลงเล่นในระบบ 4-3-3 เน้นเกมรุก โดยมีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นหัวหอกหลัก มุ่งหวังเจาะแนวรับสโลวีเนียด้วยความเร็วและทักษะอันเฉียบคม

จุดแข็ง:

• เกมรุกเฉียบคม โดยเฉพาะจังหวะสวนกลับ
• ประสบการณ์ของผู้เล่นหลายคน
• ความสามารถเฉพาะตัวของคริสเตียโน่ โรนัลโด้

จุดอ่อน:

• เกมรับอาจไม่แน่นหนา
• ประสานงานในเกมรุกอาจยังไม่ลงตัว

สโลวีเนีย (ระบบ 4-4-2):

ผู้รักษาประตู: ยาน โอบลัค

กองหลัง:

• ยูเร่ บัลโคเวค
• เปตาร์ สโตยาโนวิช
• วานยา เดอร์คูชิช
• ยาก้า บิโยล

กองกลาง:

• มัตเตออ โกเวน
• ยาน มลาการ์
• อดัม เซอริ่น
• ทิมิ เอลสนิค

ตัวรุก:

• อันดราซ สปอราร์
• เบนจามิน เชสโก

แผนการเล่น:

คาดว่าสโลวีเนียจะลงเล่นในระบบ 4-4-2 เน้นเกมรับแน่นหนา รอโอกาสสวนกลับเร็ว โดยอาศัยความเร็วของเบนจามิน เชสโก

จุดแข็ง:

• เกมรับแน่นหนา
• ความเร็วของเบนจามิน เชสโก
• ประสบการณ์ของยาน โอบลัค

จุดอ่อน:

• ประสบการณ์ในเกมใหญ่
• การจบสกอร์อาจไม่เฉียบคม

ผลการแข่งขัน:

คาดว่าจะเป็นเกมที่สูสี โปรตุเกสอาจมีข้อได้เปรียบเล็กน้อยจากประสบการณ์และความสามารถของผู้เล่นโดยรวม

ฝรั่งเศส (ระบบ 4-2-3-1):

ผู้รักษาประตู: ไมค์ เมญอง (เอซี มิลาน)

กองหลัง:

• ฌูลส์ กุนเด้
• ดาโยต์ อูปาเมกาโน่
• วิลเลียม ซาลิบา
• ธีโอ เอร์กน็องเดซ

กองกลาง:

• เอ็นโกโล่ ก็องเต้
• โอเรเลียง ชูอาเมนี่

ตัวรุก:

• อุสมาน เดมเบเล่
• อองตวน กรีซมันน์
• อาเดรียง ราบิโอต์

กองหน้า:

• คีเลียน เอ็มบัปเป้

แผนการเล่น:

คาดว่าฝรั่งเศสจะลงเล่นในระบบ 4-2-3-1 เน้นเกมรุก โดยมีคีเลียน เอ็มบัปเป้ เป็นหัวหอกหลัก มุ่งหวังเจาะแนวรับเบลเยียมด้วยความเร็วและทักษะอันเฉียบคม

จุดแข็ง:

• เกมรุกเฉียบคม โดยเฉพาะจังหวะสวนกลับ
• ความเร็วและทักษะของคีเลียน เอ็มบัปเป้
• ประสบการณ์ของผู้เล่นหลายคน

จุดอ่อน:

• เกมรับอาจไม่แน่นหนา
• ประสานงานในเกมรุกอาจยังไม่ลงตัว

เบลเยียม (ระบบ 3-4-2-1):

ผู้รักษาประตู: ติบอต์ กูร์ตัวส์

กองหลัง:

• ยาน แฟร์ตองเก้น
• Jan Vertonghen
• ซิม่อน มินโญเล่

กองกลาง:

• เลอันโดร ทรอสซาร์
• ยูริ ตีเลอมันส์
• อมาดู โอนาน่า
• โรดริโก้ เบนตานคูร์

ตัวรุก:

• เควิน เดอ บรอยน์
• เจเรมี่ โดกู

กองหน้า:

• ลูกากู

แผนการเล่น:

คาดว่าเบลเยียมจะลงเล่นในระบบ 3-4-2-1 เน้นเกมรับแน่นหนา รอโอกาสสวนกลับเร็ว โดยอาศัยทักษะของเควิน เดอ บรอยน์ ในการสร้างโอกาสให้กับลูกากู

จุดแข็ง:

• เกมรับแน่นหนา
• ทักษะการจ่ายบอลของเควิน เดอ บรอยน์
• ความเร็วความแข็งแกร่งของลูกากู

จุดอ่อน:

• ประสบการณ์ในเกมใหญ่
• การจบสกอร์อาจไม่เฉียบคม

ผลการแข่งขัน:

คาดว่าจะเป็นเกมที่สูสี เฟรนช์อาจมีข้อได้เปรียบเล็กน้อยจากความเร็วและทักษะของเอ็มบัปเป้

จุดเริ่มต้นฟุตบอลยูโร: ย้อนรอยตำนานการแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป

ฟุตบอลยูโร หรือ ยูโรเปียนฟุตบอลแชมเปียนชิพ เปรียบเสมือนมหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ดึงดูดใจแฟนบอลทั่วโลก แต่รู้หรือไม่ว่า จุดเริ่มต้นของการแข่งขันอันทรงเกียรตินี้ มาจากแนวคิดของใคร? ย้อนเวลากลับไปดูกัน!

จุดประกายความคิด:

• ปี 1927: อองรี เดอโลเนย์ เลขาธิการสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสในขณะนั้น ริเริ่มแนวคิดการจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับทวีปยุโรป เพื่อส่งเสริมความสามัคคี และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาติสมาชิก
• แรงบันดาลใจ: เดอโลเนย์ ได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อเมริกาใต้ (Copa América) ที่จัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1916
• เริ่มคิดกันมาตั้งแต่ปี 1927 แต่กว่าจะเริ่มแข่งจริงก็ปี 1960

อุปสรรคและความท้าทาย:

• กว่าจะลงตัว: ใช้เวลานานกว่า 30 ปี กว่าจะได้เห็นการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งแรก เนื่องจากต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งสงครามโลกครั้งที่สอง ความขัดแย้งทางการเมือง และปัญหาทางการเงิน
• ความร่วมมือ: การจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากชาติสมาชิกยูฟ่า ซึ่งในช่วงเวลานั้น ยังมีชาติสมาชิกจำนวนไม่มาก และยังไม่มีระบบการแข่งขันฟุตบอลระดับทวีปยุโรปที่เป็นทางการ

ก้าวสำคัญสู่การแข่งขัน:

• ปี 1954: ยูฟ่าจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาแนวทางการจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโรอย่างเป็นทางการ
• ปี 1957: ยูฟ่าประกาศรูปแบบการแข่งขันฟุตบอลยูโร โดยมีทีมเข้าร่วม 17 ชาติ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คัดเลือกทีมที่ได้อันดับ 1 และ 2 ของแต่ละกลุ่ม เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
• ปี 1960: การแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งแรก จัดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส มีทีมเข้าร่วม 17 ชาติ สหภาพโซเวียต เอาชนะยูโกสลาเวีย 2-1 คว้าแชมป์สมัยแรก
  
  
  
• ยุคแรก:
• มีแค่ 4 ทีม สหภาพโซเวียต คว้าแชมป์สมัยแรก เล่นแบบเหย้า-เยือน
• พัฒนาการ:
• ทีมเพิ่มเป็น 8 ทีม (ปี 1980)
• ยกเลิกรอบชิงอันดับ 3 (ปี 1984)
• ทีมเพิ่มเป็น 16 ทีม (ปี 1996)
• ทีมเพิ่มเป็น 24 ทีม (ปี 2016)
  

โบลิเวีย ปะทะ ปานามา: “ลาปาส” มีลุ้นนะ แต่ “ค้างคาว” น่าจะเหนือกว่า!

ฟุตบอลโกปาอเมริกา 2024 รอบแบ่งกลุ่ม ใกล้เข้ามาแล้ว! คืนนี้ (2 กรกฎาคม) “ลาปาส” โบลิเวีย เตรียมดวลเดือดกับ “ค้างคาว” ปานามา ที่สนาม Inter & Co Stadium ลุ้นชิงตั๋วเข้ารอบต่อไป!

โบลิเวีย ฟอร์มช่วงหลังดูไม่ค่อยดี แพ้ 4 เสมอ 1 ชนะแค่ 1 งานนี้น่าจะเจอของแข็ง เพราะ ปานามา ฟอร์มดี๊ดี ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้แค่ 1

สถิติการพบกัน ทั้งคู่เคยเจอกันแค่ครั้งเดียว ปานามา ชนะไป 2-1

นักเตะน่าจับตา

• มาร์เซโล่ มอร์ติโน่ กองกลางกัปตันทีมโบลิเวีย
• ฮารอลด์ คัมเปอร์ กองหน้าดาวรุ่งของปานามา

คาดการณ์

ปานามา น่าจะเอาชนะโบลิเวียไปได้ ด้วยฟอร์มการเล่นที่เหนือกว่า แต่ โบลิเวีย ก็มีลุ้นอยู่บ้าง ถ้าเล่นได้อย่างมีวินัยและมีสมาธิ

จากการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ รวมถึงสถิติการพบกัน ประสบการณ์ และขุมกำลังของทั้งสองทีม คาดการณ์สกอร์ฟุตบอลชายทีมชาติโบลิเวีย พบ ฟุตบอลทีมชาติปานามา ดังนี้:

ปานามา ชนะ โบลิเวีย 1 – 0

เหตุผลที่สนับสนุน:

• เกมรับที่เหนียวแน่นของปานามา: ปานามา มีเกมรับที่เหนียวแน่น โดยเสียประตูเพียงแค่ 3 ประตูจาก 4 นัด คาดว่าจะช่วยกันป้องกันประตูจากโบลิเวียได้อย่างเหนียวแน่น
• ประสบการณ์ที่มากกว่าของปานามา: ปานามา มีประสบการณ์ในระดับนานาชาติมากกว่าโบลิเวีย คาดว่าจะช่วยให้เล่นได้อย่างใจเย็นและมีประสิทธิภาพ
• ความมุ่งมั่นของปานามา: ปานามา ต้องการคว้าชัยชนะเพื่อลุ้นเข้ารอบต่อไป คาดว่าจะเล่นอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะโบลิเวีย