Home Blog Page 11

โยเคเรสไม่พอใจ! สปอร์ติ้งขึ้นค่าตัวขวางทางย้ายทีม

0

วิคตอร์ โยเคเรส ศูนย์หน้าฟอร์มแรงของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน แสดงความไม่พอใจอย่างหนัก หลังต้นสังกัดตัดสินใจปรับราคาค่าตัวในการย้ายทีมช่วงซัมเมอร์นี้ สวนทางกับข้อตกลงเดิมที่เคยมีร่วมกัน

กองหน้าวัย 27 ปี ซึ่งทำผลงานโดดเด่นในฤดูกาลที่ผ่านมา ตกเป็นเป้าหมายของหลายทีมยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ขยับขึ้นมาเป็นตัวเต็งเหนือ อาร์เซน่อล และ เชลซี ในการล่าลายเซ็นเจ้าตัว

แม้โยเคเรสจะมีเงื่อนไขค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 84 ล้านปอนด์ แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า ดาวยิงทีมชาติสวีเดนเคยตกลงกับสโมสรไว้ว่าจะสามารถย้ายทีมได้ในราคาเพียง 51 ล้านปอนด์ หากได้รับข้อเสนอที่เหมาะสมในช่วงซัมเมอร์นี้

อย่างไรก็ตาม ท่าทีล่าสุดของสปอร์ติ้งกลับสวนทาง เมื่อมีรายงานว่าพวกเขาต้องการยึดตามค่าฉีกสัญญาเต็มจำนวน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับโยเคเรสอย่างมาก และอาจกลายเป็นชนวนให้เกิดความตึงเครียดระหว่างนักเตะกับสโมสรในช่วงก่อนตลาดซื้อขายเปิด

ทั้งนี้สถานการณ์ของโยเคเรสยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะบทบาทของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่พร้อมยื่นข้อเสนอหากมีโอกาสปิดดีลได้ในราคาที่สมเหตุสมผล

แมนฯ ยูไนเต็ดปล่อยยกชุด 9 แข้งก่อนเปิดฤดูกาลใหม่

0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศปล่อยผู้เล่นจำนวน 9 รายที่กำลังจะหมดสัญญาในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ภายใต้การบริหารของกุนซือคนใหม่อย่าง รูเบน อโมริม ที่เตรียมยกเครื่องทีมรับซีซั่นหน้า

ในกลุ่มนักเตะทีมชุดใหญ่ที่อำลาถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ประกอบด้วย จอนนี่ อีแวนส์ ที่แขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการไปก่อนหน้านี้, คริสเตียน อีริคเซ่น มิดฟิลด์ประสบการณ์สูงที่ตัดสินใจโบกมือลาสโมสร และ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ปราการหลังชาวสวีดิช ที่แยกทางหลังหมดสัญญา

นอกจากผู้เล่นจากทีมชุดใหญ่แล้ว ยังมีแข้งจากอะคาเดมีอีก 6 รายที่ไม่ได้รับการต่อสัญญา ได้แก่ ฮูเบิร์ต กราซซิก (ผู้รักษาประตูดาวรุ่ง), แจ็ค คิงดอน, แซม เมอร์เรย์, ทอม ไมล์ส, เจมส์ โนแลน และ ทอม วูสเตอร์

ขณะเดียวกัน ในรายของ ทอม ฮีตัน นายด่านวัย 39 ปี ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้รักษาประตูมือสามของทีม กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อขยายสัญญาเพิ่มเติมกับสโมสร

การปล่อยตัวครั้งนี้สะท้อนถึงความชัดเจนในการเตรียมปรับเปลี่ยนขุมกำลังของ “ปีศาจแดง” เพื่อมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง

ที่มา: Mirror

ลิเวอร์พูลยื่นข้อเสนอรอบสุดท้ายล่าเวียร์ตซ์ 118 ล้านปอนด์

0

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เตรียมยื่นข้อเสนอขั้นเด็ดขาดเพื่อคว้าตัว ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ มิดฟิลด์ตัวรุกของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น หลังจากความพยายามเจรจา 3 รอบก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ เนื่องจากยังไม่ตรงตามมูลค่าที่ต้นสังกัดนักเตะต้องการ

รายงานจาก Daily Mail ระบุว่า ข้อเสนอครั้งล่าสุดของลิเวอร์พูลจะมีมูลค่าสูงถึง 118 ล้านปอนด์ (ราว 140 ล้านยูโร) ซึ่งรวมโบนัสตามผลงาน หรือแอดออนแล้ว แต่ยังคงต่ำกว่าตัวเลขที่เลเวอร์คูเซ่นตั้งไว้ที่ 126 ล้านปอนด์ (ประมาณ 150 ล้านยูโร) สำหรับนักเตะทีมชาติเยอรมนีวัย 22 ปี ที่ยังเหลือสัญญากับสโมสรถึงกลางปี 2027

ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลได้ยื่นข้อเสนอครั้งที่สามด้วยเม็ดเงินเบื้องต้นราว 100 ล้านปอนด์ บวกแอดออนเพิ่มเติมอีก 13 ล้านปอนด์ รวมมูลค่าดีลอยู่ที่ 113 ล้านปอนด์ (ประมาณ 134 ล้านยูโร) แต่ข้อเสนอดังกล่าวก็ยังถูกปฏิเสธ

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า ทั้งสองสโมสรกำลังเจรจารายละเอียดขั้นสุดท้าย โดยมีความเชื่อว่าข้อตกลงจะสามารถปิดได้ในเร็ววันนี้ โดยเฉพาะเมื่อเวียร์ตซ์ถือเป็นเป้าหมายหลักในแผนเสริมทัพของลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่ สลอต

แฟนบอล “เดอะ ค็อป” ต้องลุ้นกันต่อว่า ข้อเสนอรอบนี้จะเพียงพอในการกล่อม “ห้างขายยา” ให้ยอมปล่อยเพลย์เมกเกอร์พรสวรรค์สูงรายนี้หรือไม่

โปรตุเกสเฮจุดโทษ! เฉือนสเปนคว้าแชมป์เนชั่นส์ ลีก สมัยที่ 2

0

ทีมชาติโปรตุเกสคว้าแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก สมัยที่สองได้สำเร็จ หลังเสมอกับทีมชาติสเปนในเวลา 120 นาที 2-2 ก่อนดวลจุดโทษเอาชนะไปด้วยสกอร์ 5-3 กลายเป็นชาติแรกที่ชูถ้วยรายการนี้ได้ถึงสองครั้ง โดยคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังจารึกสถิติใหม่ ยิงประตูที่ 138 ในนามทีมชาติ และประตูที่ 938 ตลอดอาชีพการค้าแข้ง

เกมรอบชิงชนะเลิศที่สนามอัลลิอันซ์ อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เป็นการดวลกันระหว่าง “ฝอยทอง” โปรตุเกส แชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ปี 2019 กับ “กระทิงดุ” สเปน แชมป์เมื่อปี 2023

รูปเกมสุดมัน ยิงกันสนั่นก่อนต่อเวลา

โปรตุเกสภายใต้การคุมทีมของโรแบร์โต้ มาร์ติเนซ จัดทัพโดยมีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยืนหน้าเป้าคู่กับบรูโน่ แฟร์นันด์ส คุมเกมรุก ขณะที่แดนกลางใช้แบร์นาร์โด้ ซิลวา และวิตินญ่า เป็นแกนหลัก

ฝั่งสเปนของหลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ วางเปดรี้, ฟาเบียน รูอีซ และมาร์ติน ซูบิเมนดี้ คุมแดนกลาง โดยมีลามีน ยามาล ขึ้นเกมริมเส้น

สเปนออกนำก่อนในนาที 21 จากลูกยิงของซูบิเมนดี้ที่ซัดเข้าเสาสองแบบไม่พลาด ก่อนที่โปรตุเกสจะตีเสมอ 1-1 ในนาที 26 จากนูโน่ เมนเดส ที่ซัดด้วยซ้ายผ่านมืออูไน ซีม่อน

ก่อนหมดครึ่งแรกนาที 45 กระทิงดุกลับมานำอีกครั้งจากจังหวะหลุดเดี่ยวของมิเกล โอยาร์ซาบาล ที่รับบอลจากเปดรี้และยิงเข้าไปอย่างเฉียบขาด

ครึ่งหลังนาที 61 โปรตุเกสตีเสมอ 2-2 เมื่อคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดจ่อ ๆ จากจังหวะที่บอลแฉลบลอยมาทางเสาไกล ซึ่งประตูนี้นับเป็นลูกที่ 138 ในนามทีมชาติของเจ้าตัว

ต่อเวลายังไร้ชัย ต้องวัดกันที่จุดโทษ

เกมยังคงดุเดือดต่อเนื่อง แม้จะมีโอกาสใกล้เคียงหลายครั้ง แต่ช่วงต่อเวลาทั้งสองทีมไม่สามารถเบียดขึ้นนำได้ โดยมีจังหวะปะทะหนักของนูโน่ เมนเดสในเขตโทษนาที 99 แต่ VAR ไม่ให้เป็นจุดโทษ

สุดท้ายเมื่อครบ 120 นาที เสมอกัน 2-2 ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ ซึ่งโปรตุเกสยิงเข้าทั้ง 5 คน ขณะที่สเปนพลาด 1 ครั้งจากอัลบาโร่ โมราต้า ที่ถูกดีโอโก้ คอสต้าพุ่งปัดไว้ได้ ทำให้ทีมจากแดนฝอยทองคว้าแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก สมัยที่สองได้สำเร็จ


รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง

โปรตุเกส (3-4-1-1) : ดีโอโก้ คอสต้า – รูเบน ดิอาส, กอนซาโล่ อีนาซิโอ, นูโน่ เมนเดส – ชูเอา เนเวส, ฟรานเชสโก้ คอนเซเซา, วิตินญ่า, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เปโดร เนโต้ – บรูโน่ แฟร์นันด์ส – คริสเตียโน่ โรนัลโด้

สเปน (4-3-3) : อูไน ซีม่อน – ออสการ์ มินกวยซ่า, โรบิน เลอ นอร์กม็องด์, ดีน เฮาเซ่น, มาร์ก กูกูเรย่า – เปดรี้, มาร์ติน ซูบิเมนดี้, ฟาเบียน รูอีซ – ลามีน ยามาล, มิเกล โอยาร์ซาบาล, นิโก้ วิลเลียมส์


สรุปผลการดวลจุดโทษ:
โปรตุเกส ยิงเข้า 5 คน
สเปน ยิงเข้า 3 คน (โมราต้าพลาด)

โปรตุเกส คว้าแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ปี 2025 อย่างยิ่งใหญ่!

เผยสถานะการเงิน 20 ทีมพรีเมียร์ลีกภายใต้กฎ PSR ปี 2024-25

0

แฟนบอลพรีเมียร์ลีกต่างจับตาสถานะการเงินของสโมสรที่ตนรักอย่างใกล้ชิด เมื่อใกล้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของรอบบัญชีปี 2024-25 ซึ่งจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กำหนดความเคลื่อนไหวในตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์นี้ โดยเฉพาะภายใต้กฎ “Profit and Sustainability Rules” (PSR) ของพรีเมียร์ลีก ที่กำลังเข้มข้นและจริงจังมากขึ้นกว่าที่เคย

กฎ PSR มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการใช้จ่ายของสโมสรไม่ให้เกินตัว โดยกำหนดเพดานการขาดทุนรวมสูงสุดไว้ที่ 105 ล้านปอนด์ภายในระยะเวลา 3 ปี ทั้งนี้ ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเยาวชน, ฟุตบอลหญิง และโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามแข่งและศูนย์ฝึกซ้อม

ล่าสุด The Athletic สื่อชั้นนำของอังกฤษ ได้เผยแพร่ข้อมูลประมาณการว่าแต่ละสโมสรในพรีเมียร์ลีกยังสามารถขาดทุนได้อีกเท่าใดก่อนจะเสี่ยงต่อการละเมิดกฎ PSR โดยเป็นการประเมินจากข้อมูลทางบัญชีและแนวโน้มการใช้จ่ายของสโมสร

เชลซีกลับมาเหนือความคาดหมาย

แม้จะเป็นทีมที่ลงทุนมหาศาลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เชลซีกลับมีสถานะทางการเงินแข็งแกร่งจนน่าประหลาดใจ โดยยังมี “ช่องว่าง” ในการขาดทุนได้อีกมากถึง 300 ล้านปอนด์ ซึ่งมากที่สุดในลีก อย่างไรก็ตาม สโมสรยังคงต้องระวังเรื่องการทำธุรกรรมภายในกลุ่มบริษัท ที่อาจเข้าข่ายละเมิดกฎ Financial Fair Play (FFP) ของยูฟ่า หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด

ทีมที่พร้อมใช้เงินแบบไร้กังวล

ไบรท์ตัน, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และสเปอร์ส ต่างก็อยู่ในกลุ่มที่มีความยืดหยุ่นทางการเงินสูง โดยแต่ละทีมสามารถขาดทุนได้มากกว่า 275 ล้านปอนด์ แบบไม่ละเมิดกฎ อาร์เซน่อล, เวสต์แฮม, คริสตัล พาเลซ และน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ก็อยู่ในระดับปลอดภัยเช่นกัน

กลุ่มเสี่ยงต้องบริหารอย่างระมัดระวัง

สำหรับทีมอย่างนิวคาสเซิ่ล, เอฟเวอร์ตัน, ลีดส์ และเบิร์นลี่ย์ นั้นจัดว่าอยู่ในระดับที่มีความเสี่ยงเล็กน้อย หากใช้จ่ายเกินตัวโดยไม่บริหารอย่างรอบคอบ อาจเผชิญกับบทลงโทษได้เช่นกัน

แอสตัน วิลล่า งานเข้าหนัก

สถานการณ์ของแอสตัน วิลล่า ดูน่ากังวลมากที่สุดในบรรดาทั้ง 20 ทีม โดยมีช่องว่างให้ขาดทุนได้เพียง 15 ล้านปอนด์ เท่านั้น หลังจากขาดทุนก่อนหักภาษีไปกว่า 206.2 ล้านปอนด์ ตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งมากที่สุดในลีกในช่วงเวลาดังกล่าว

ตารางอันดับ “สถานะ PSR” ของแต่ละสโมสร (คาดการณ์โดย The Athletic)

อันดับสโมสรขาดทุนได้สูงสุดในปี 2024-25 (ก่อนหักภาษี)
1เชลซี£300 ล้าน
2ไบรท์ตัน£295 ล้าน
3แมนฯ ซิตี้£292 ล้าน
4สเปอร์ส£277 ล้าน
5แมนฯ ยูไนเต็ด£141 ล้าน
6อาร์เซน่อล£97 ล้าน
7เวสต์แฮม£95 ล้าน
8คริสตัล พาเลซ£90 ล้าน
9ฟอเรสต์£85 ล้าน
10นิวคาสเซิ่ล£83 ล้าน
11ฟูแล่ม£77 ล้าน
12ลิเวอร์พูล£75 ล้าน
13เบรนท์ฟอร์ด£58 ล้าน
14วูล์ฟแฮมป์ตัน£56 ล้าน
15ลีดส์£42 ล้าน
16เอฟเวอร์ตัน£39 ล้าน
17บอร์นมัธ£35 ล้าน
18ซันเดอร์แลนด์£33 ล้าน
19เบิร์นลี่ย์£20 ล้าน
20แอสตัน วิลล่า£15 ล้าน

หมายเหตุ: ตัวเลขข้างต้นเป็นการประมาณการณ์ของ The Athletic สำหรับปีงบประมาณ 2024-25 โดยประเมินจากหลักเกณฑ์ของ PSR ที่ใช้ในรอบ 3 ปี (2022-2023 ถึง 2024-2025)

ลิเวอร์พูลยื่นข้อเสนอรอบ 3 หวังปิดดีล “เวียร์ตซ์”

0

ลิเวอร์พูลเดินหน้าเต็มสูบ ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการครั้งที่ 3 ให้กับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เพื่อคว้าตัว ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมนี โดยรอบนี้มีการใส่เงื่อนไขโบนัส (แอดออน) หวังเจรจาปิดดีลให้ลุล่วงภายในซัมเมอร์นี้

รายงานจาก The Times นำโดย พอล จอยซ์ นักข่าวสายหงส์ผู้เชื่อถือได้ ระบุว่า ข้อเสนอครั้งล่าสุดของลิเวอร์พูลมีมูลค่ารวมสูงถึง 113 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 134 ล้านยูโร โดยแบ่งเป็นค่าตัวเบื้องต้น 100 ล้านปอนด์ และแอดออนเพิ่มเติมอีก 13 ล้านปอนด์

ขณะเดียวกัน ฟลอเรียน เพลตเท่นเบิร์ก นักข่าวคนดังจาก Sky Germany ก็ออกมายืนยันว่าการเจรจาระหว่างทั้งสองสโมสรมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก และใกล้บรรลุข้อตกลง แม้เลเวอร์คูเซ่นยังยืนยันมูลค่าที่ต้องการไว้ที่ 150 ล้านยูโร ก็ตาม โดยปัจจุบันช่องว่างระหว่างข้อเสนอและราคาที่ตั้งไว้เหลือเพียง ราว 13.5 ล้านปอนด์

นอกจากนั้น ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า เวียร์ตซ์ ได้บรรลุเงื่อนไขส่วนตัวกับลิเวอร์พูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าตัวต้องการย้ายมาค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ และรอเพียงสโมสรต้นสังกัดอนุมัติขั้นสุดท้ายเท่านั้น

หากการย้ายทีมเกิดขึ้นจริง ดีลดังกล่าวจะทำให้ เวียร์ตซ์ กลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก แซงหน้า เอนโซ่ แฟร์นานเดซ ที่ย้ายจากเบนฟิก้ามาร่วมทีมเชลซีด้วยค่าตัว 106.8 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2023

ใครคุมต่อ? สเปอร์สเปิดตัวเลือกกุนซือใหม่แทนปอสเตโคกลู

0

ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ตัดสินใจแยกทางกับ แอนจ์ ปอสเตโคกลู อย่างเป็นทางการในวันครบรอบ 2 ปีที่เจ้าตัวเข้ารับตำแหน่ง แม้เพิ่งนำทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีเพียงไม่กี่วันก่อนหน้า โดยสโมสรระบุว่าเป็นการตัดสินใจที่เกิดจากการประเมินผลระยะยาวและมองหาทิศทางใหม่ในการพัฒนาทีม

ขณะนี้ สโมสรดังแห่งลอนดอนเหนือกำลังพิจารณารายชื่อกุนซือที่เหมาะสมสำหรับการนำทีมลุยศึกฤดูกาลหน้า โดยมีชื่อที่น่าสนใจหลายราย ดังนี้:


ตัวเต็งกุนซือใหม่ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์:

1. โธมัส แฟรงค์
กุนซือชาวเดนมาร์กวัย 51 ปี สร้างทีมเบรนท์ฟอร์ดให้แข็งแกร่งในพรีเมียร์ลีกตลอด 6 ปีที่ผ่านมา แม้ยังไม่มีถ้วยแชมป์ติดมือ แต่แนวทางการทำทีมที่ยืดหยุ่นและไม่ยึดติดระบบ ถูกมองว่าอาจเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของสเปอร์สยุคใหม่

2. มาร์โก้ ซิลวา
นายใหญ่ฟูแล่ม ที่เคยพาทีมคว้าแชมป์ในโปรตุเกสกับสปอร์ติ้ง ลิสบอน และโอลิมเปียกอส รวมถึงนำทัพฟูแล่มเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกอย่างน่าประทับใจ เขาคือชื่อที่อยู่ในเรดาร์สเปอร์สตั้งแต่ช่วงท้ายซีซั่นที่ผ่านมา

3. โอลิเวอร์ กลาสเนอร์
ชื่อของกุนซือชาวออสเตรียได้รับเสียงสนับสนุนจากแฟนบอล หลังเคยพาแฟรงค์เฟิร์ตคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก และล่าสุดนำคริสตัล พาเลซ สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นครั้งแรกในรอบ 120 ปี

4. ชาบี เอร์นานเดซ
อดีตกุนซือบาร์เซโลน่า ที่เพิ่งแยกทางกับทีมในลาลีกา ได้รับความนิยมจากแฟนบอลสเปอร์ส ด้วยประสบการณ์คว้าแชมป์ทั้งในซาอุดีอาระเบียและสเปน รวมถึงการพัฒนานักเตะดาวรุ่ง

5. อันโดนี อิราโอล่า
กุนซือชาวสเปนวัย 42 ปี ของบอร์นมัธ เป็นอีกหนึ่งรายชื่อที่ถูกจับตา ด้วยสไตล์การเล่นเพรสซิ่งแบบพลังงานสูงที่คล้ายกับปอสเตโคกลู พร้อมผลงานจบอันดับ 9 พรีเมียร์ลีก และอดีตเคยพามิรานเดสทะลุรอบรองฯ โกปา เดล เรย์

6. โรแบร์โต เด แซร์บี
อดีตกุนซือไบรท์ตัน ที่ปัจจุบันคุมมาร์กเซย และเพิ่งพาทีมคว้ารองแชมป์ลีกเอิง นำทีมลุยแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า แต่ความเป็นไปได้ในการหวนคืนพรีเมียร์ลีกยังคงเปิดกว้าง

7. เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
ชื่อที่แฟนบอลสเปอร์สหลายคนยังเฝ้าฝันจะได้เห็นกลับมาอีกครั้ง หลังเคยพาทีมเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2019 แม้ปัจจุบันคุมทีมชาติสหรัฐอเมริกา และมีค่าฉีกสัญญาสูงที่สุดในวงการ แต่ก็ยังไม่อาจตัดชื่อเขาออกจากสารบบได้


การตัดสินใจครั้งสำคัญของบอร์ดบริหารกำลังจะถูกประกาศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่าอาจมีความชัดเจนภายในวันจันทร์หรืออังคารนี้

แฟนบอลสเปอร์สเตรียมลุ้นว่ากุนซือคนใหม่จะเป็นใคร และจะสามารถต่อยอดความสำเร็จจากแชมป์ยูโรป้า ลีก ได้หรือไม่

ผู้ตัดสินอิตาลีถูกแบน 2 ปี หลังกล่าวคำแช่งนักเตะเป็นมะเร็ง

0

เกิดเหตุการณ์อื้อฉาวในวงการฟุตบอลอิตาลี เมื่อ กาเบรียเล่ กาจเจียรี ผู้ตัดสินในลีกระดับเซเรีย ดี ถูกศาลกีฬาอิตาลีมีคำสั่งลงโทษห้ามทำหน้าที่เป็นเวลา 2 ปี หลังพบว่าเจ้าตัวใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมระหว่างเกมการแข่งขัน รวมถึงกล่าวคำแช่งผู้เล่นให้เป็นโรคมะเร็ง

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมลีกเซเรีย ดี ระหว่าง คลับ มิลาโน กับ โปร เซสโต้ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2024 โดยระหว่างการแข่งขัน กาจเจียรี ถูกกล่าวหาว่าพูดจาหยาบคายและใช้คำพูดรุนแรงใส่ อเลสซานโดร ซาลา กองกลางของทีมโปร เซสโต้ จนทำให้นักเตะถึงขั้นขอเปลี่ยนตัวออกจากสนามทันทีหลังได้ยินถ้อยคำดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เมื่อในเวลาต่อมา ซาลา กลับถูกใบแดงไล่ออกและโดนลงโทษแบนถึง 4 นัดจากคำตัดสินในเกมเดียวกัน ซึ่งต่อมาทางสโมสรโปร เซสโต้ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยระบุว่าผู้ตัดสินแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายครั้ง รวมถึงคำแช่งเกี่ยวกับโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง

หลังจากมีการสอบสวนและพิจารณาอย่างรอบด้าน ศาลกีฬาอิตาลีจึงมีคำตัดสินล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2025 ให้ลงโทษพักงาน กาเบรียเล่ กาจเจียรี จากการปฏิบัติหน้าที่เป็นระยะเวลา 2 ปีเต็ม

ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ กาจเจียรี ตกเป็นประเด็นถกเถียงเรื่องพฤติกรรมในสนาม โดยก่อนหน้านี้ เขาเคยถูกแจ้งร้องเรียนจากเหตุการณ์ในศึกโคปา อิตาเลีย ระหว่าง แอตเลติโก้ ยูรี่ กับ แลตเต้ ดอย ซึ่งมีการกล่าวหาว่าเขาแสดงพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติใส่นักเตะและทีมงานของฝั่งเจ้าบ้าน

กรณีนี้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในวงการฟุตบอลอิตาลี โดยหลายฝ่ายเรียกร้องให้มีมาตรการควบคุมและตรวจสอบผู้ตัดสินอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ซ้ำอีกในอนาคต

สเปนเฉือนฝรั่งเศส 5-4 ลิ่วชิงเนชั่นส์ลีก ดวลโปรตุเกส

0

ศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ณ สนามเอ็มเอชพี อารีน่า เมืองสตุ๊ตการ์ท ประเทศเยอรมนี เกมใหญ่ระหว่าง “กระทิงดุ” สเปน แชมป์ยูโร 2024 และเจ้าของแชมป์เนชั่นส์ ลีก ครั้งล่าสุด พบกับ “ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์ปี 2021 จบลงด้วยความมันระอุ เมื่อสเปนเฉือนชนะ 5-4 ในเกมที่ยิงกันไม่ยั้ง

สเปนเริ่มต้นได้อย่างร้อนแรง เมื่อ นีโก วิลเลียมส์ เปิดสกอร์แรกในนาที 23 ก่อนที่ มิเกล เมริโน่ จะบวกเพิ่มอีกลูกในนาที 25 จบครึ่งแรกกระทิงดุนำ 2-0

เข้าสู่ครึ่งหลัง ลามีน ยามาล ซัดจุดโทษไม่พลาดในนาที 54 และเพียงนาทีถัดมา เปดรี ยิงด้วยซ้ายให้สเปนหนีเป็น 4-0 เกมดูเหมือนขาดแล้ว แต่ฝรั่งเศสไม่ยอมง่าย ๆ เมื่อ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ยิงจุดโทษไล่มาเป็น 4-1 ในนาที 59

แม้สเปนจะได้อีกลูกจาก ยามาล ในนาที 67 เป็น 5-1 แต่ฝรั่งเศสฮึดสู้ในช่วงท้ายเกม ไล่มาแบบหายใจรดต้นคอ เริ่มจาก รายาน แชร์กี ซัดนาที 79 ต่อด้วยจังหวะสกัดพลาดของ ดานี วิเวียน ที่ทำเข้าประตูตัวเองในนาที 84 และลูกโหม่งสุดท้ายจาก ร็องดาล โกโล มูอานี่ นาที 90+3 แต่สุดท้ายไล่ไม่ทัน

จบเกม สเปน เอาตัวรอดแบบหวุดหวิด 5-4 ตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2025 ได้สำเร็จ เป็นการเข้าชิงสองสมัยติดต่อกัน โดยจะพบกับ “ฝอยทอง” โปรตุเกส ในวันที่ 8 มิถุนายนนี้ ส่วนฝรั่งเศสต้องไปชิงอันดับสามกับเจ้าภาพ เยอรมนี ในวันเดียวกัน


รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง:

สเปน (4-3-3):
อูไน ซีมอน – เปโดร ปอร์โร่, โรบิน เลอ นอร์กม็องด์, ดีน เฮาเซน, มาร์ค กูกูเรย่า – มิเกล เมริโน่, มาร์ติน ซูบีเมนดี้, เปดรี – ลามีน ยามาล, นีโก วิลเลียมส์, มิเกล โอยาร์ซาบัล

ฝรั่งเศส (4-2-3-1):
ไมค์ เมนญอง – ปิแอร์ กาลูลู, อิบราฮิมา โกนาเต้, เกลม็องต์ ล็องเลต์, เตโอ แอร์กน็องเดซ – มานู โกเน่, อาเดรียง ราบิโอต์ – อุสมาน เดมเบเล่, ไมเคิล โอลีเซ่, เดซีเร่ ดูเอ้ – คีเลียน เอ็มบัปเป้

ดิอาซไม่ย้าย! ลิเวอร์พูลปัดขาย แม้บาร์ซ่าจ้องดึงตัว

0

แม้จะยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการต่อสัญญาฉบับใหม่ แต่ลิเวอร์พูลยืนยันจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่ปล่อยตัว หลุยส์ ดิอาซ ออกจากถิ่นแอนฟิลด์ในช่วงตลาดนักเตะซัมเมอร์ 2025 ที่กำลังจะมาถึง

ปีกทีมชาติโคลอมเบีย วัย 28 ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลล่าสุด โดยทำไป 17 ประตูรวมทุกรายการ รวมถึง 13 ประตูในพรีเมียร์ลีก ช่วยให้ “หงส์แดง” ผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 แม้จะต้องลงเล่นในบทบาทหมายเลข 9 ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งถนัด หลัง ดีโอโก โชต้า เจออาการบาดเจ็บจนพักยาว 4 เดือน

แม้มีรายงานว่าทั้ง อัล นาสเซอร์ จากซาอุดีอาระเบีย และ บาร์เซโลน่า กำลังจับตาสถานการณ์ของดิอาซอย่างใกล้ชิด แต่แหล่งข่าวจากสโมสรเปิดเผยผ่าน The Times ว่า ลิเวอร์พูลไม่มีแผนพิจารณาข้อเสนอใดๆ สำหรับนักเตะรายนี้ โดย อาร์เน่ สล็อต ผู้จัดการทีมคนใหม่ มองว่าดิอาซคือกำลังสำคัญในแผนการทำทีมระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ดิอาซยังคงเหลือสัญญาอยู่กับสโมสรอีก 2 ปี และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการเริ่มต้นพูดคุยเรื่องขยายสัญญาอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความคาดหวังจากแฟนบอลว่า “หงส์แดง” จะเดินหน้าเจรจาเพื่อรั้งแข้งรายนี้ให้อยู่กับทีมต่อไปในระยะยาว

ห้ามพลาด!