Home Blog Page 116

ยูโร 2024 ระเบิดศึกนัดชิง! อังกฤษปะทะสเปน ใครคว้าแชมป์?

0

แฟนบอลขาซิ่งเตรียมตัวให้พร้อม! 󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿🇪🇸

อังกฤษ พบ สเปน วันและเวลาการแข่งขัน

  • วันแข่งขัน : คืนวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2024
  • รายการ : ยูโร 2024 รอบชิงชนะเลิศ
  • สนาม : โอลิมปิก สตาดิโอน
  • ผู้ตัดสิน : ฟร็องซัว เลอเตซีเยร์ (ฝรั่งเศส)
  • เวลาการแข่งขัน : 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

เราจะได้รู้กันว่าใครจะเป็นแชมป์ยูโร 2024 ระหว่าง สิงโตคำราม อังกฤษ กับ กระทิงดุ สเปน 🇪🇸

ก่อนเกม มาดูไฮไลท์กันหน่อย

สเปน: 🇪🇸

  • ฟอร์มร้อนแรง โชว์ฝีมือเฉียบคม ยิงกระจาย 13 ประตู
  • เกมรุกเฉียบคม ดุดัน เล่นด้วยความมั่นใจ
  • ขุมกำลังดาวรุ่งพุ่งแรงเพียบ ⭐️
  • มองดูแล้วมีโอกาสคว้าแชมป์สูง

อังกฤษ: 󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿

  • ฟอร์มไม่เปรี้ยงเท่าไหร่ แต่แกร่งและประสบการณ์สูง 🇬🇧
  • เกมรับเหนียวแน่น ดาบหน้าคมคาย ️⚔️
  • แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือจอมวางแผน
  • ดวงเฮงสุดๆ พลิกสถานการณ์มาถึงรอบชิงได้

สรุป:

เกมนี้สูสีแน่นอน คาดเดายาก

สเปน ดูมีภาษีดีกว่าเล็กน้อย แต่ อังกฤษ ก็พร้อมพลิกล็อกได้เสมอ 🇬🇧🇪🇸

ฟิล โฟเด้น: ดาวรุ่งผู้เปล่งประกายแห่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้

0

ฟิล โฟเด้น ดาวรุ่งชาวอังกฤษ กำลังกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่น่าตื่นเต้นที่สุดในวงการฟุตบอลปัจจุบัน ด้วยพรสวรรค์ เทคนิค และวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม เขาสร้างผลงานที่น่าประทับใจให้กับทั้งสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติอังกฤษ

ชีวิตและช่วงวัยเยาว์

  • เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2000 ที่เมืองสต็อกพอร์ต ประเทศอังกฤษ
  • เริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ
  • โฟเด้น พัฒนาฝีมืออย่างรวดเร็ว และก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี ค.ศ. 2016

อาชีพนักฟุตบอล

  • แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ค.ศ. 2016-ปัจจุบัน): โฟเด้น ลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว 188 นัด ยิงประตู 52 ประตู คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอคัพ 1 สมัย, อีเอฟแอลคัพ 4 สมัย และคอมมิวนิตี้ชิลด์ 3 สมัย
  • ทีมชาติอังกฤษ (ค.ศ. 2020-ปัจจุบัน): โฟเด้น ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษไปแล้ว 18 นัด ยิงประตู 3 ประตู เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอังกฤษชุดรองแชมป์ยูโร 2020

สถิติ

  • พรีเมียร์ลีก: 113 นัด ยิงประตู 31 ประตู
  • ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 33 นัด ยิงประตู 5 ประตู

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ: 2 สมัย (2020-21, 2021-22)
  • รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปีของแมนเชสเตอร์ ซิตี้: 1 สมัย (2021-22)
  • รางวัลทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ: 1 สมัย (2021-22)
  • รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีก: 1 สมัย (มีนาคม 2022)

ฟิล โฟเด้น ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดในโลก เขามีสไตล์การเล่นที่คล้ายกับดาวยอดนิยมอย่าง ดาบิด ซิลวา และมีโอกาสที่จะพัฒนาฝีมือจนกลายเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในโลก

อัลบาโร่ โมราตา: กองหน้าจอมโขกผู้มากด้วยประสบการณ์

0

อัลบาโร่ โมราตา กองหน้าชาวสเปน เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะกองหน้าที่มุ่งมั่น เฉียบคม และทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอ เขาผ่านประสบการณ์การค้าแข้งกับสโมสรชั้นนำในยุโรปมากมาย และประสบความสำเร็จทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

ชีวิตและช่วงวัยเยาว์

  • เกิดเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1992 ที่เมืองมาดริด ประเทศสเปน
  • เริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของแอตเลติโก มาดริด
  • ด้วยความสามารถที่โดดเด่น โมราตา ถูกเรียกตัวติดทีมชาติสเปนชุดเยาวชนทุกระดับ

อาชีพนักฟุตบอล

  • แอตเลติโก มาดริด (ค.ศ. 2010-2014): โมราตา เปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ของแอตเลติโก มาดริดในปี ค.ศ. 2010
    ลงเล่นให้สโมสร 134 นัด ยิงประตู 49 ประตู คว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ 1 สมัย ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 1 สมัย และยูฟ่า ยูโรปาลีก 1 สมัย
  • ยูเวนตุส (ค.ศ. 2014-2016): โมราตา ย้ายไปยูเวนตุสในปี ค.ศ. 2014
    ลงเล่นให้สโมสร 64 นัด ยิงประตู 23 ประตู คว้าแชมป์เซเรียอา 2 สมัย โกปปา อิตาลี 1 สมัย และซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา 1 สมัย
  • เรอัลมาดริด (ค.ศ. 2016-2019): โมราตา กลับมายังเรอัลมาดริดในปี ค.ศ. 2016
    ลงเล่นให้สโมสร 93 นัด ยิงประตู 23 ประตู คว้าแชมป์ลาลีกา 2 สมัย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัย ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2 สมัย และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2 สมัย
  • แอตเลติโก มาดริด (ค.ศ. 2019-ปัจจุบัน): โมราตา ย้ายกลับมาแอตเลติโก มาดริดอีกครั้งในปี ค.ศ. 2019
    ลงเล่นให้สโมสร 132 นัด ยิงประตู 62 ประตู คว้าแชมป์ลาลีกา 1 สมัย

ทีมชาติสเปน

  • โมราตา ลงเล่นให้ทีมชาติสเปน 57 นัด ยิงประตู 23 ประตู
  • เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติสเปนชุดคว้าแชมป์ยูโร 2020

สถิติ

  • ลีก: 423 นัด ยิงประตู 159 ประตู
  • ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 72 นัด ยิงประตู 15 ประตู

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลโกปิชิ: 1 สมัย (2020-21)
  • รางวัลซิลเวอร์ บูท ในยูโร 2020: 1 สมัย (2020)

โมราตา ได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหน้าที่ครบเครื่อง เขามีทักษะการยิงประตูที่เฉียบคม เล่นลูกกลางอากาศได้ดี และมีทักษะการเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยม เขาเป็นกำลังสำคัญให้กับสโมสรและทีมชาติมาโดยตลอด และจะเป็นที่จดจำในฐานะกองหน้าชั้นนำของยุคสมัยนี้

ซีเนดีน ซีดาน: ตำนานมิดฟิลด์ผู้ยิ่งใหญ่

0

ซีเนดีน ซีดาน อดีตกองกลางชาวฝรั่งเศส เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขา ด้วยพรสวรรค์ วิสัยทัศน์ และความเป็นผู้นำ เขาสร้างผลงานที่น่าประทับใจทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

ชีวิตและช่วงวัยเยาว์

  • เกิดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1972 ที่เมืองมาร์เซย์ ประเทศฝรั่งเศส
  • เริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก โดยมีพ่อเป็นผู้จุดประกายความฝัน
  • ครอบครัวของเขาอพยพมาจากแอลจีเรีย ซีดานเติบโตขึ้นมาในย่านที่ยากจน
  • ด้วยความมุ่งมั่นและทักษะที่ยอดเยี่ยม ซีดานเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพในวัยเพียง 14 ปี

อาชีพนักฟุตบอล

  • คาน (ค.ศ. 1988-1992): ซีดาน เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับคาน สโมสรในบ้านเกิด
    ลงเล่นให้สโมสร 51 นัด ยิงประตู 8 ประตู
  • บอร์โด (ค.ศ. 1992-1993): ซีดาน ย้ายไปบอร์โดในปี ค.ศ. 1992
    ลงเล่นให้สโมสร 68 นัด ยิงประตู 32 ประตู
  • ยูเวนตุส (ค.ศ. 1993-1998): ซีดาน ย้ายไปยูเวนตุสในปี ค.ศ. 1993 กลายเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสร
    ลงเล่นให้สโมสร 245 นัด ยิงประตู 114 ประตู คว้าแชมป์เซเรียอา 2 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัย, ยูฟ่าคัพ 1 สมัย, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2 สมัย, อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 2 สมัย และซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา 1 สมัย
  • เรอัลมาดริด (ค.ศ. 1998-2006): ซีดาน ย้ายไปเรอัลมาดริดในปี ค.ศ. 1998 กลายเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในโลกในขณะนั้น
    ลงเล่นให้สโมสร 372 นัด ยิงประตู 108 ประตู คว้าแชมป์ลาลีกา 1 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2 สมัย และอินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 1 สมัย

ทีมชาติฝรั่งเศส

  • ซีดาน ลงเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส 108 นัด ยิงประตู 31 ประตู
  • เขาเป็นกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 1998 และแชมป์ยูโร 2000
  • ซีดาน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลฝรั่งเศส

ซีเนดีน ซีดาน ได้รับรางวัลส่วนตัวมากมายตลอดอาชีพนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จของเขา รางวัลที่สำคัญๆ มีดังนี้

รางวัลระดับนานาชาติ:

  • รางวัลบัลลงดอร์: 1 สมัย (1998)
  • รางวัลฟีฟ่า เวิลด์ เพลเยอร์ ออฟ เดอะ เยียร์: 1 สมัย (1998)
  • รางวัล Onze d’Or: 1 สมัย (1998)
  • รางวัลยูฟ่า แพลตินัม เพลเยอร์ ออฟ เดอะ เยียร์: 1 สมัย (2002)
  • รางวัลโกลเด้นฟุต: 1 สมัย (2003)
  • รางวัลยูฟ่า ยูโร 2000 ทีมยอดเยี่ยม: 1 สมัย (2000)
  • รางวัลฟุตบอลโลก 1998 ทีมยอดเยี่ยม: 1 สมัย (1998)
  • รางวัลดรีมทีมแห่งศตวรรษของยูฟ่า: 1 สมัย (2002)

รางวัลระดับสโมสร:

  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของเซเรียอา: 1 สมัย (1997)
  • กองกลางยอดเยี่ยมของเซเรียอา: 1 สมัย (1997)
  • ผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปีของยูเวนตุส: 2 สมัย (1996, 1997)
  • รางวัลทรอเฟโอ ปิชิชี: 1 สมัย (2001)

รางวัลอื่นๆ:

  • รางวัลบราโว่: 1 สมัย (1996)
  • รางวัลมาร์โก สปอร์ต: 1 สมัย (1998)
  • รางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมแห่งปีของยูเนสโก: 1 สมัย (1998)
  • รางวัลเลกิออน เดออเนอร์: 1 สมัย (2004)

ชีวิตหลังเลิกเล่น

  • ซีดาน เริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีมกับเรอัลมาดริดกัสติญา สโมสรสำรองของเรอัลมาดริด
  • ในปี ค.ศ. 2016 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมเรอัลมาดริดชุดใหญ่
  • ภายใต้การนำของเขา เรอัลมาดริดคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน ลาลีกา 1 สมัย และซูเปอร์โกปาเดเอสปัญญา 2 สมัย

โรแบร์โต บัจโจ: ตำนานเทพบุตรเปียทองคำ

0

โรแบร์โต้ บัจโจ อดีตกองหน้าชาวอิตาลี เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขา ด้วยพรสวรรค์ ความมุ่งมั่น และความทุ่มเท เขาสร้างผลงานที่น่าประทับใจทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

ชีวิตและช่วงวัยเยาว์

  • เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1967 ที่เมืองกัลโดญโญ ประเทศอิตาลี
  • เริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก โดยมีพ่อเป็นผู้จุดประกายความฝัน
  • ครอบครัวของเขาไม่ค่อยมีฐานะ บาจโจจึงต้องทำงานไปด้วยเรียนหนังสือไปด้วย
  • ด้วยความมุ่งมั่นและทักษะที่ยอดเยี่ยม บาจโจเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพในวัยเพียง 15 ปี

อาชีพนักฟุตบอล

  • วิเชนซ่า (ค.ศ. 1982-1985): บาจโจ เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับวิเชนซ่า สโมสรในบ้านเกิด เขาลงเล่นให้สโมสร 56 นัด ยิงประตู 11 ประตู
  • ฟิออเรนติน่า (ค.ศ. 1985-1990): บาจโจ ย้ายไปฟิออเรนติน่าในปี ค.ศ. 1985 เขาแจ้งเกิดในฐานะกองหน้าดาวรุ่ง ลงเล่นให้สโมสร 209 นัด ยิงประตู 118 ประตู คว้าแชมป์โกปปา อิตาลี 1 สมัย
  • ยูเวนตุส (ค.ศ. 1990-1995): บาจโจ ย้ายไปยูเวนตุสในปี ค.ศ. 1990 กลายเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสร ลงเล่นให้สโมสร 222 นัด ยิงประตู 115 ประตู คว้าแชมป์เซเรียอา 2 สมัย, ยูฟ่าคัพ 1 สมัย, โคปปา อิตาลี 1 สมัย และซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา 2 สมัย
  • เอซีมิลาน (ค.ศ. 1995-1997): บาจโจ ย้ายไปเอซีมิลานในปี ค.ศ. 1995 ลงเล่นให้สโมสร 29 นัด ยิงประตู 11 ประตู คว้าแชมป์เซเรียอา 1 สมัย
  • โบโลญญ่า (ค.ศ. 1997-1998): บาจโจ ย้ายไปโบโลญญ่าในปี ค.ศ. 1997 ลงเล่นให้สโมสร 30 นัด ยิงประตู 9 ประตู
  • อินเตอร์มิลาน (ค.ศ. 1998-2000): บาจโจ ย้ายไปอินเตอร์มิลานในปี ค.ศ. 1998 ลงเล่นให้สโมสร 58 นัด ยิงประตู 19 ประตู
  • เบรสชา (ค.ศ. 2000-2004): บาจโจ ย้ายไปเบรสชาในปี ค.ศ. 2000 ลงเล่นให้สโมสร 101 นัด ยิงประตู 22 ประตู






ทีมชาติอิตาลี

  • บาจโจ ลงเล่นให้ทีมชาติอิตาลี 60 นัด ยิงประตู 27 ประตู
  • เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอิตาลีที่คว้าอันดับรองแชมป์ฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 1994 และอันดับสามในปี ค.ศ. 1990
  • บาจโจ ยิงประตูให้ทีมชาติอิตาลีได้ถึง 27 ประตู ซึ่งถือเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมสำหรับกองหน้าตัวรุก

  • โรแบร์โต้ บาจโจ ได้รับรางวัลส่วนตัวมากมายตลอดอาชีพนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จของเขา รางวัลที่สำคัญๆ มีดังนี้

  • รางวัลระดับนานาชาติ:
  • รางวัลบัลลงดอร์: 1 สมัย (1993)
  • รางวัลรองเท้าทองคำในฟุตบอลโลก: 1 สมัย (1990)
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟีฟ่า: 1 สมัย (1993)
  • ทีมยอดเยี่ยมของฟุตบอลโลก: 1 สมัย (1994)
  • Onze d’Or: 1 สมัย (1993)
  • รางวัลเงินบัลลงดอร์: 1 สมัย (1994)
  • รางวัลทองแดงบัลลงดอร์: 1 สมัย (1994)
  • รางวัลระดับสโมสร:
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของเซเรียอา: 2 สมัย (1990, 1991)
  • กองหน้ายอดเยี่ยมของเซเรียอา: 1 สมัย (1997)
  • ผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปีของยูเวนตุส: 2 สมัย (1992, 1993)
  • รางวัลแกนดัลโฟ: 1 สมัย (1990)

  • รางวัลอื่นๆ:
  • รางวัลมาร์โก สปอร์ต: 1 สมัย (1993)
  • รางวัล Guerin d’Oro: 1 สมัย (1993)
  • รางวัล Bravo: 1 สมัย (1990)
  • บาจโจ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล รางวัลเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถ พรสวรรค์ และความทุ่มเทของเขา เขาสร้างแรงบันดาลใจให้นักฟุตบอลรุ่นหลังหลายต่อหลายคน และจะเป็นที่จดจำในฐานะตำนานลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

อเลสซันโดร เดล ปิเอโร: เจ้าชายแห่งยูเวนตุส

0

อาเลสซันโดร เดล ปิเอโร อดีตกัปตันทีมยูเวนตุสและทีมชาติอิตาลี ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ด้วยพรสวรรค์ ความเป็นผู้นำ และความทุ่มเท เขาสร้างผลงานที่น่าประทับใจทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

ประวัติ

  • เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 ที่เมืองปาโดวา ประเทศอิตาลี
  • เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับปาโดวาในปี ค.ศ. 1991
  • ย้ายไปยูเวนตุสในปี ค.ศ. 1993 กลายเป็นตำนานของสโมสร
  • ลงเล่นให้ยูเวนตุส 676 นัด ยิงประตู 289 ประตู
  • คว้าแชมป์เซเรียอา 7 สมัย, โคปปา อิตาลี 1 สมัย, ซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา 4 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1 สมัย และยูฟ่า อินเตอร์โตโต คัพ 1 สมัย
  • ลงเล่นให้ทีมชาติอิตาลี 91 นัด ยิงประตู 27 ประตู
  • พาทีมชาติอิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 2006
  • เกษียณอายุในปี ค.ศ. 2015




สถิติ

สโมสร

  • ลีก: 511 นัด ยิง 211 ประตู
  • ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 104 นัด ยิง 36 ประตู

ทีมชาติ

  • 91 นัด ยิง 27 ประตู

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า: 1 สมัย (1996)
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของอิตาลี: 1 สมัย (1998)
  • ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของยูเวนตุส
  • รองเท้าทองคำในเซเรียอา: 1 สมัย (2002)
  • ทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่า: 2 สมัย (2003, 2006)

จุดเด่น

  • ความเป็นผู้นำ: เดล ปิเอโร เป็นกัปตันทีมที่ยอดเยี่ยม เขามีทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม เป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนร่วมทีม และสามารถดึงศักยภาพสูงสุดออกมาจากพวกเขา
  • วิสัยทัศน์: เดล ปิเอโร มีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม เขาสามารถอ่านเกมได้อย่างดีเยี่ยม และมักจะสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมทำประตู
  • เทคนิคการเล่น: เดล ปิเอโร มีเทคนิคการเล่นที่ยอดเยี่ยม เขามีเท้าขวาที่แม่นยำ ครอสบอลได้อย่างดีเยี่ยม และยิงประตูจากระยะไกลได้อย่างเฉียบคม

มรดก

อาเลสซันโดร เดล ปิเอโร ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยูเวนตุสและทีมชาติอิตาลี เขาเป็นแรงบันดาลใจให้นักเตะรุ่นหลังหลายต่อหลายคน และจะเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในตำนานลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

พาเวล เนดเวด: ดาวเตะจอมขยันผู้คว้ารางวัลบัลลงดอร์

0

พาเวล เนดเวด

อดีตกองกลางชาวเช็ก เกิดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 1972 เขาเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขา ด้วยพรสวรรค์ ความมุ่งมั่น และความทุ่มเท เนดเวด สร้างผลงานที่น่าประทับใจทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

ประวัติ

  • เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรสปาร์ตา ปราก ในปี ค.ศ. 1991
  • ย้ายไปลาซิโอในปี ค.ศ. 1996 คว้าแชมป์โกปปา อิตาลีและซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา
  • ย้ายไปยูเวนตุสในปี ค.ศ. 2001 ประสบความสำเร็จอย่างมาก พาทีมคว้าแชมป์เซเรียอา 5 สมัย โคปปา อิตาลี 2 สมัย ซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา 3 สมัย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย และยูฟ่า อินเตอร์โตโต คัพ 1 สมัย
  • เล่นให้ทีมชาติเช็ก 91 นัด ยิง 18 ประตู
  • ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ในปี ค.ศ. 2003
  • เกษียณอายุในปี ค.ศ. 2009

สถิติ

  • สโมสร:
    • ลีก: 344 นัด ยิง 104 ประตู
    • ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 73 นัด ยิง 11 ประตู
  • ทีมชาติ:
    • 91 นัด ยิง 18 ประตู

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลบัลลงดอร์: 1 สมัย (2003)
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป: 1 สมัย (2003)
  • ทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่า: 3 สมัย (2003, 2004, 2005)
  • รองเท้าทองคำในเซเรียอา: 1 สมัย (2002)
  • นักเตะยอดเยี่ยมของเซเรียอา: 1 สมัย (2002)
  • นักเตะยอดเยี่ยมของปีของสโมสรยูเวนตุส: 3 สมัย (2002, 2003, 2004)

ปาแว็ล เนดเวด ขึ้นชื่อเรื่องความทุ่มเท พลังงาน และความสามารถในการเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง เขามีเท้าซ้ายที่แม่นยำ วิ่งขึ้นลงสนามอย่างไม่รู้จักเหนื่อย และยิงประตูได้อย่างเฉียบคม

เนดเวด ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เขาเป็นแรงบันดาลใจให้นักเตะรุ่นหลังหลายต่อหลายคน

เธียรี่ อองรี: ตำนานนักเตะผู้ยิ่งใหญ่

0

ประวัติ

  • เกิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 1977 ที่เมืองปาแลโซ่ ประเทศฝรั่งเศส
  • เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับโมนาโก้ในปี 1994
  • ย้ายไปร่วมทีมอาร์เซนอลในปี 1999 และประสบความสำเร็จอย่างมาก
  • กลายเป็นกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของสโมสร
  • ยิงประตูได้ 175 ประตูจาก 258 นัดในพรีเมียร์ลีก
  • พาอาร์เซนอลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และสร้างสถิติไร้พ่ายในฤดูกาล 2003-04
  • ย้ายไปบาร์เซโลน่าในปี 2007 แต่ประสบความสำเร็จไม่เท่าที่อาร์เซนอล
  • กลับมาเล่นให้อาร์เซนอลอีกครั้งในปี 2012 เป็นเวลา 1 ฤดูกาล
  • ย้ายไปนิวยอร์ก เรด บูลส์ในปี 2012 และเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพในปี 2014
  • ลงเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส 123 นัด ยิงประตูได้ 51 ประตู
  • พาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1998 และฟุตบอลยูโร 2000




สถิติ

  • ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของอาร์เซนอล (175 ประตู)
  • ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติฝรั่งเศส (51 ประตู)
  • รองเท้าบูตทองคำพรีเมียร์ลีก 4 สมัย (2001-02, 2003-04, 2004-05, 2005-06)
  • นักเตะยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ 2 สมัย (2002-03, 2003-04)
  • นักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ 3 สมัย (2002-03, 2003-04, 2005-06)

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี 2003 (รองชนะเลิศ)
  • ทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่า 5 สมัย (2000, 2001, 2003, 2004, 2006)
  • ทีมยอดเยี่ยมของฟีฟ่าเวิลด์คัพ 1 สมัย (1998)

อองรี ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เขามีทักษะ ความเร็ว พลัง และความเฉียบคมในการยิงประตูที่ยอดเยี่ยม

สถิติของ แฮร์รี่ เคน ในศึกฟุตบอลยูโร 2024 ณ วันที่ 11 กรกฎาคม 2567

0

ผลงานโดยรวม:

  • ลงเล่น 6 นัด
  • ยิง 3 ประตู (เป็นอันดับ 1 ของทัวร์นาเมนต์ ร่วมกับ ดานี่โอโมล)
  • แอสซิสต์ 0 ครั้ง
  • ยิงจุดโทษสำเร็จ 1 ลูก

  • สถิติอื่นๆ:
  • ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษในรอบสุดท้ายฟุตบอลยูโร มากที่สุด
  • ทำประตูให้ทีมชาติอังกฤษมากที่สุดในรอบสุดท้ายฟุตบอลยูโร มากที่สุด

  • หมายเหตุ:
  • สถิตินี้อัปเดต ณ วันที่ 11 กรกฎาคม 2567
  • ทีมชาติอังกฤษผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2024 พบกับ ทีมชาติสเปน ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2567

เนเธอร์แลนด์ VS อังกฤษ 1-2 : วัตกิ้นส์ซัดนาทีทด พาสิงโตคำรามเข้าชิง สุดมัน

0

อัศวินสีส้ม เริ่มเกมได้อย่างสวยงาม ขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ช่วงต้นเกมจาก ซาวี ซิมอนส์ แต่ สิงโตคำราม ไม่ยอมแพ้ ไล่ตีเสมอได้จากจุดโทษของ แฮร์รี่ เคน ⚽️

เกมดำเนินไปอย่างสูสี เผลอๆ เนเธอร์แลนด์ก็เกือบจะพลิกกลับมานำ แต่สุดท้ายก็ต้านทานความเหนียวแน่นของอังกฤษไม่ไหว

ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ตัวสำรองของอังกฤษ มาซัดประตูชัยให้ทีมคว้าชัยชนะไปอย่างหวุดหวิด ⏱️⚽️

สรุปผลการแข่งขัน: เนเธอร์แลนด์ 1 – 2 อังกฤษ 🇳🇱

ทีมชาติอังกฤษ ตบเท้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับทีมชาติสเปน ลงสนามคืนวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม เวลา 02.00 น. ที่สนามโอลิมเปีย สตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม

เนเธอร์แลนด์ : บาร์ท แฟร์บรูกเก้น (GK), เดนเซล ดุมฟรีส, สเตฟาน เดอ ฟรายจ์, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, นาธาน อาเก้, เจอร์ดี้ โชเทน, ทิจจานี่ ไรจ์นเดอร์ส, ดอนเยลล์ มาเลน, ซาวี ซิมอนส์, โคดี กัคโป, เมมฟิส เดปาย

อังกฤษ : จอร์แดน พิคฟอร์ด (GK)ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี, คีแรน ทริปเปียร์, บูกาโย ซาก้า, ค็อบบี้ ไมนู, เดแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม, ฟิล โฟเด้น, แฮร์รี่ เคน

ห้ามพลาด!