Home Blog Page 118

สเปน vs ฝรั่งเศส: ศึกชิงชัยในรอบรองชนะเลิศ ยูโร 2024

0

สองมหาอำนาจลูกหนังยุโรป เตรียมปะทะกันในแมตช์ที่ดุเดือด สเปน แชมป์ 3 สมัย พบกับ ฝรั่งเศส แชมป์โลก 2 สมัย เกมนี้ใครจะคว้าชัยและ melaju สู่รอบชิงชนะเลิศ? มาดูกัน!

เมื่อไหร่? ที่ไหน?

  • คืนวันอังคารที่ 9 กรกฎาคม 2567 เวลา 02:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
  • สนามมิวนิค ฟุตบอล อารีน่า ประเทศเยอรมนี

ช่องทางการรับชม:

  • True Premier Football 3
  • PPTV HD36


ฟอร์มล่าสุด:

  • สเปน: 🇪🇸
    • ชนะรวดทั้ง 5 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม
    • เฉือนชนะ เยอรมนี 2-1 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
    • เล่นได้อย่างสวยงาม รวดเร็ว เฉียบคม
  • ฝรั่งเศส: 🇫🇷
    • ผ่านเข้ารอบมาแบบหวุดหวิด
    • ยิงประตูจากโอเพ่นเพลย์ไม่ได้เลยในรอบแบ่งกลุ่ม
    • แต่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เอาชนะ อังกฤษ แบบดราม่า

นักเตะที่ต้องจับตามอง:

  • สเปน: 🇪🇸
    • เปดรี้: ดาวรุ่งพุ่งแรง จอมทัพวัย 19 ปี
    • กาบิ: กองกลางจอมเทคนิค
    • อัลบาโร่ โมราต้า: กองหน้าจอมเก๋า
  • ฝรั่งเศส: 🇫🇷
    • คีเลียน เอ็มบัปเป้: ดาวรุ่งสุดร้อนแรง
    • คาริม เบนเซม่า: กองหน้ากัปตันทีม
    • อองตวน กรีซมันน์: ตัวเก๋าจอมแอสซิสต์

วิเคราะห์:

เกมนี้ สูสี คาดว่าจะเป็นเกมที่สนุก สเปน ดูจะเล่นได้ดีกว่าเล็กน้อย แต่ ฝรั่งเศส มีทีเด็ดอยู่ที่ เอ็มบัปเป้ ดาวรุ่งสุดโหด


แมตช์พรีวิว ทั้งนี้ นอกจากปัญหาอาการบาดเจ็บแล้ว สเปน ยังมีนักเตะที่จะติดโทษแบนในรอบตัดเชือก ประกอบด้วย * โรบิน เลอ นอร์กม็องด์, อัลบาโร โมราตา และ ดานี การ์บาฆาล * ทำให้อาจจะมีผลต่อรูปเกมและแผนการเล่นเป็นอย่างมาก

เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค: ยักษ์ผู้คุมประตูแห่งแอนฟิลด์!

0

เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค: ยักษ์ผู้คุมประตูแห่งแอนฟิลด์!

รู้จักมั้ยเนอะ ใครคือกำแพงเหล็กที่ลิเวอร์พูลแทบจะไม่มีใครผ่าน? ใช่แล้ว เขาคือ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังสุดแกร่งชาวดัตช์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสูงใหญ่ ความแข็งแกร่ง และความเก๋าเกม

มาดูประวัติ สถิติ และรางวัลส่วนตัวของเขากันหน่อยดีกว่า

ประวัติ

  • เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1991 ที่เมืองเบรดา ประเทศเนเธอร์แลนด์
  • เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรวิลเลม ทเว II ในปี ค.ศ. 2010
  • เคย效力สโมสรอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น เฟเยอโนร์ด เซลติก และเซาแทมป์ตัน
  • ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรลิเวอร์พูลในตำแหน่งกองหลัง และเป็นกัปตันทีมทั้งสโมสรและทีมชาติเนเธอร์แลนด์

สถิติ

  • ลงเล่นให้กับสโมสรลิเวอร์พูลไปแล้ว 169 นัด ยิงได้ 16 ประตู (ข้อมูล ณ วันที่ 8 กรกฎาคม 2567)
  • ลงเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ไปแล้ว 53 นัด ยิงได้ 5 ประตู
  • เป็นหนึ่งในกองหลังที่เก่งที่สุดในโลก เป็นที่รู้จักจากความแข็งแกร่ง ความเป็นผู้นำ และทักษะการเล่นลูกกลางอากาศ

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลใหญ่ๆ ก็มี:
    • รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า: 2018-19
    • รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (PFA): 2018-19
    • ติดทีมยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก: 2019-20, 2021-22
    • ติดทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2018-19
    • รางวัลกองหลังยอดเยี่ยมของยูฟ่า: 2018-19
  • รางวัลอื่นๆ อีกเพียบ! เช่น รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีก รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล

เกียรติยศกับสโมสร

  • คว้ามาเพียบ!
    • พรีเมียร์ลีก: 2019-20
    • ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2018-19
    • ยูฟ่าซูเปอร์คัพ: 2019
    • ฟีฟ่าสโมสรโลก: 2019
    • คาราบาวคัพ: 2020
    • เอฟเอคอมมิวนิตี้ชิลด์: 2020

ฟาน ไดจ์ค ถือว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่เก่งที่สุดในยุคนี้ เลยก็ว่าได้ ด้วยความสามารถและความทุ่มเทของเขา ทำให้ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งและคว้าแชมป์มาครองได้มากมาย

แฟนๆ ลิเวอร์พูลคงภูมิใจในตัวเขามากแน่ๆ!

ข่าวคราวล่าสุดเกี่ยวกับ เอริก เทน ฮาก ในฐานะผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

0

สรุปประเด็นสำคัญ:

ด้านบวก:

  • แมนยูไนเต็ด ต่อสัญญากับ เอริก เทน ฮาก ไปจนถึงสิ้นสุดฤดูกาล 2025/26
  • มีการคาดการณ์ว่า เทน ฮาก จะได้รับงบประมาณก้อนใหญ่ในการซื้อผู้เล่นใหม่ในช่วงซัมเมอร์นี้
  • เทน ฮาก ได้รับการสนับสนุนจากสโมสรและแฟนบอลบางส่วน

ด้านลบ:

  • ผลงานของแมนยูไนเต็ดในช่วงท้ายฤดูกาล 2023/24 ยังไม่น่าพอใจ
  • มีนักเตะบางส่วนที่ต้องการย้ายออกจากทีม
  • แฟนบอลบางส่วนยังไม่มั่นใจในอนาคตของเทน ฮาก

ข่าวคราวเพิ่มเติม:

  • เทน ฮาก เผยเป้าหมายในฤดูกาล 2024/25: ต้องการพาทีมแมนยูไนเต็ดคว้าแชมป์รายการใดรายการหนึ่ง และจบอันดับท็อป 4 ของตารางพรีเมียร์ลีก
  • เทน ฮาก จับตาเป้าหมายเสริมทัพ: มีรายงานว่า เทน ฮาก กำลังติดตามนักเตะหลายคนในตลาดซื้อขาย
  • แฟนบอลบางส่วนกังวลสไตล์การเล่นของเทน ฮาก: กังวลว่าสไตล์การเล่นของเทน ฮาก อาจจะไม่เหมาะกับนักเตะที่มีในทีมชุดปัจจุบัน

เยือร์เกิน คล็อพ: ผู้จัดการทีมที่พลิกโฉมลิเวอร์พูล

0

ประวัติ

  • ชื่อเต็ม: เยือร์เกิน นอร์เบิร์ต คล็อพ (Jürgen Norbert Klopp)
  • เกิด: 16 มิถุนายน 1967 (อายุ 57 ปี)
  • สถานที่เกิด: ชตุทการ์ท, เยอรมนีตะวันตก
  • อาชีพ: ผู้จัดการทีมฟุตบอล
  • สโมสรที่เคยคุม: ไมนซ์ 05 (2001-2008), โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (2008-2015), ลิเวอร์พูล (2015-ปัจจุบัน)

ความสำเร็จ

  • พาทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัย (2010-11, 2011-12)
  • พาทีม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัย (2019-20)
  • พาทีม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1 สมัย (2018-19)
  • พาทีม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เอฟเอคัพ 1 สมัย (2021-22)
  • พาทีม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ Carabao Cup 2 สมัย (2021-22, 2023-24)
  • พาทีม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เอฟเอ คอมมิวนิตี ชิลด์ 1 สมัย (2022)
  • พาทีม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย (2019)
  • พาทีม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย (2019)

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำปีโดยสหพันธ์ประวัติศาสตร์และสถิติฟุตบอลนานาชาติ: 2019
  • รางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก: 2019–20, 2021–22
  • รางวัลบีบีซี สปอร์ตส์ เพอร์ซันนอลลิตี ออฟ เดอะ เยียร์ สาขาผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม: 2020
  • รางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมโดยนิตยสารเวิลด์ซอคเกอร์: 2019

สไตล์การคุมทีม

  • เน้นการเล่นแบบรุก เร็ว และดุดัน
  • ให้ความสำคัญกับการเพรสซิ่งสูง
  • เน้นการเล่นเป็นทีม
  • พัฒนาศักยภาพของนักเตะได้อย่างยอดเยี่ยม

ปรัชญา

  • “ฟุตบอลคือเรื่องของความสุข”
  • “เราต้องเล่นด้วยหัวใจ”
  • “ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้”

คำพูดติดปาก

  • “You’ll never walk alone” (คุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย)
  • “Gegenpressing!” (เพรสซิ่งกลับ!)
  • “This is Anfield!” (นี่คือแอนฟิลด์!)

เยือร์ Jürgen Klopp ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่เก่งที่สุดในโลก เขานำพาลิเวอร์พูลกลับมายิ่งใหญ่คว้าแชมป์มากมาย และสร้างทีมที่เล่นฟุตบอลได้สนุกสนาน เร้าใจ

สตีเวน เจอร์ราร์ด: กัปตันผู้ยิ่งใหญ่แห่งลิเวอร์พูล

0

สตีเวน เจอร์ราร์ด: กัปตันผู้ยิ่งใหญ่แห่งลิเวอร์พูล

ประวัติ

  • ชื่อเต็ม: สตีเวน จอร์จ เจอร์ราร์ด (Steven George Gerrard)
  • เกิด: 30 พฤษภาคม 1980 (อายุ 44 ปี)
  • สถานที่เกิด: เวสตัน-ซูเปอร์-เมอร์ ประเทศอังกฤษ
  • ตำแหน่ง: กองกลาง
  • อาชีพนักเตะ: 1998-2016

สโมสร

  • ลิเวอร์พูล (1998-2015)
  • แอลเอ กาแล็กซี (2015-2016)

ทีมชาติอังกฤษ

  • ลงเล่น: 114 นัด
  • ยิงประตู: 21 ประตู
  • รางวัล:
    • รองแชมป์ฟุตบอลโลก 2006

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ: 2000/01
  • รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของพีเอฟเอ: 2005/06
  • รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอลอังกฤษ: 2008/09
  • รางวัลนักเตะทีมชาติอังกฤษยอดเยี่ยม: 2007, 2012

สถิติ

  • สตีเวน เจอร์ราร์ด ลงเล่นให้กับลิเวอร์พูลมากที่สุดเป็นอันดับ 2 (710 นัด)
  • เขาทำประตูให้กับสโมสร 186 ประตู
  • เจอร์ราร์ดยิงประตูให้กับทีมชาติอังกฤษ 21 ประตู
  • เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบัลลงดอร์ 3 ครั้ง (อันดับ 3 ในปี 2005)

ความสำเร็จ

สตีเวน เจอร์ราร์ด ถือเป็นหนึ่งในกองกลางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขา เขามีทักษะการเลี้ยงบอล การจ่ายบอล และการยิงประตูที่ยอดเยี่ยม เจอร์ราร์ด เป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม และเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูลเป็นเวลานาน

แม้จะไม่เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูล แต่เจอร์ราร์ดยังประสบความสำเร็จมากมายกับสโมสร โดยคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1 สมัย, เอฟเอคัพ 2 สมัย, ลีกคัพ 3 สมัย, เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 1 สมัย และยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 1 สมัย

เจอร์ราร์ดยังเป็นที่จดจำสำหรับลูกยิงจากระยะไกลอันสุดตระการตาของเขาอยู่เสมอ

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา: ตำนานนักเตะผู้สร้างแรงบันดาลใจ

0

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา: ตำนานนักเตะผู้สร้างแรงบันดาลใจ

ประวัติ

  • ชื่อเต็ม: ดิดิเย่ร์ อีวาน อาลอง ดร็อกบา (Didier Yves Alain Drogba)
  • เกิด: 11 มีนาคม 1978 (อายุ 46 ปี)
  • สถานที่เกิด: อบิดจัน, โกตดิวัวร์
  • ตำแหน่ง: กองหน้า
  • อาชีพนักเตะ: 1996-2018

สโมสร

  • อังก์เลมัวส์ (1996-1998)
  • เลอ มานส์ (1998-2002)
  • กูงกอง (2002-2004)
  • โอลิมปิก มาร์กเซย (2004-2005)
  • เชลซี (2005-2012, 2014-2015)
  • กาลาตาซาราย (2012-2013)
  • มอนทรีออล อิมแพค (2015-2016)
  • ฟีนิกซ์ ไรซิ่ง (2017-2018)

ทีมชาติโกตดิวัวร์

  • ลงเล่น: 105 นัด
  • ยิงประตู: 65 ประตู
  • รางวัล:
    • รองแชมป์แอฟริกาคัพออฟเนชันส์ 2006, 2013

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปแอฟริกา: 2004, 2006, 2009
  • รางวัลรองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีก: 2006/07, 2009/10
  • รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทีมเชลซี: 2005/06, 2009/10, 2014/15
  • รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในกัลเซเรีย ซีเรีย อา: 2004/05

สถิติ

  • ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของเชลซี (164 ประตู)
  • เขาเป็นผู้เล่นที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดโดยนักเตะที่ไม่ใช่ชาวอังกฤษ (104 ประตู)
  • ดร็อกบา ยิงประตูให้กับทีมชาติโกตดิวัวร์ 65 ประตู ซึ่งมากเป็นอันดับ 1 ของ all-time
  • เขาคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1 สมัย (2012) กับเชลซี

ความสำเร็จ

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดในยุคของเขา เขามีความแข็งแรง พลัง และทักษะการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม ดร็อกบา มีบทบาทสำคัญในความสำเร็จของเชลซี โดยพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, แชมป์เอฟเอคัพ 4 สมัย, และแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1 สมัย

นอกเหนือจากฟุตบอลแล้ว ดร็อกบายังเป็นที่รู้จักในฐานะนักกิจกรรมที่ทำงานด้านมนุษยธรรม เขาก่อตั้งมูลนิธิ Didier Drogba Foundation เพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในโกตดิวัวร์

เฟร์นันโด ตอร์เรส: “เอล นิโญ่” ดาวยิงผู้รุ่งเรืองและร่วงโรย

0

ประวัติ

  • ชื่อเต็ม: เฟร์นันโด โคเซ่ ตอร์เรส ซานซ์ (Fernando José Torres Sanz)
  • เกิด: 20 มีนาคม 1984 (อายุ 40 ปี)
  • สถานที่เกิด: มาดริด, สเปน
  • ตำแหน่ง: กองหน้า
  • อาชีพนักเตะ: 1999-2019

สโมสร

  • แอตเลติโก มาดริด (1999-2007)
  • ลิเวอร์พูล (2007-2011)
  • เชลซี (2011-2015)
  • แอตเลติโก มาดริด (2015-2018)
  • ซากัน โทสุ (2018-2019)

ทีมชาติสเปน

  • ลงเล่น: 110 นัด
  • ยิงประตู: 38 ประตู
  • รางวัล:
    • แชมป์ฟุตบอลโลก 2010
    • แชมป์ยูโร 2008, 2012

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลรองเท้าทองคำยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2007
  • รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสรยุโรป: 2008
  • รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ: 2007/08
  • รางวัลรองเท้าทองคำฟุตบอลโลก: 2010

สถิติ

  • เฟร์นันโด ตอร์เรส เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของแอตเลติโก มาดริด (265 ประตู)
  • เขาทำประตูในพรีเมียร์ลีก 81 ประตู ซึ่งมากเป็นอันดับ 3 ของนักเตะชาวสเปน
  • ตอร์เรส ยิงประตูให้กับทีมชาติสเปน 38 ประตู
  • เขาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1 สมัย (2010) และแชมป์ยูโร 2 สมัย (2008, 2012)

ความสำเร็จ

เฟร์นันโด ตอร์เรส เคยเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดในโลก เขามีความเร็ว พลัง และทักษะการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม ตอร์เรส ประสบความสำเร็จมากมายในอาชีพนักเตะ โดยคว้าแชมป์มากมายกับทั้งสโมสรและทีมชาติ

ช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์

  • ตอร์เรส เริ่มต้นอาชีพนักเตะกับแอตเลติโก มาดริด และกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของสโมสร
  • เขาย้ายไปลิเวอร์พูลในปี 2007 และกลายเป็นขวัญใจแฟนบอลด้วยผลงานการยิงประตูที่เฉียบคม
  • ตอร์เรส คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กับลิเวอร์พูลในปี 2005
  • เขาย้ายไปเชลซีในปี 2011 แต่ประสบความสำเร็จที่นั่นน้อยกว่าที่ลิเวอร์พูล
  • ตอร์เรส กลับมาแอตเลติโก มาดริด ในปี 2015 และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลาลีกาในปี 2017

ช่วงเวลาที่ร่วงโรย

  • ตอร์เรส ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บในช่วงท้ายอาชีพนักเตะ
  • ฟอร์มการเล่นของเขาลดลงอย่างมาก และสูญเสียความมั่นใจ
  • ตอร์เรส ย้ายไปเล่นในลีกญี่ปุ่นในปี 2018 แต่ประสบความสำเร็จที่นั่นน้อย

บทสรุป

เฟร์นันโด ตอร์เรส เป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ แต่เขาประสบปัญหาอาการบาดเจ็บและฟอร์มการเล่นที่ตกต่ำในช่วงท้ายอาชีพนัก

โรนัลโด “R9” : ตำนานกองหน้าผู้สั่นสะเทือนโลกฟุตบอล

0

โรนัลโด “R9” : ตำนานกองหน้าผู้สั่นสะเทือนโลกฟุตบอล

ประวัติ

  • ชื่อเต็ม: Ronaldo Luís Nazário de Lima
  • เกิด: 22 กันยายน 1976 (อายุ 47 ปี)
  • สถานที่เกิด: Cruziero, รัฐมีนัสเจไรส์, บราซิล
  • ตำแหน่ง: กองหน้า
  • อาชีพนักเตะ: 1993-2011

สโมสร

  • ครูเซย์โร (1993-1994)
  • PSV Eindhoven (1994-1996)
  • อินเตอร์มิลาน (1996-1997)
  • เรอัลมาดริด (1997-2002)
  • ครูเซย์โร (2002-2004)
  • โค้รินทินส์ (2004-2005)
  • เอซี มิลาน (2007-2008)
  • ฟลาเมงโก (2008-2011)

ทีมชาติบราซิล

  • ลงเล่น: 98 นัด
  • ยิงประตู: 62 ประตู
  • รางวัล:
    • แชมป์ฟุตบอลโลก 1994, 2002
    • แชมป์โกปาอาเมริกา 1999


รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปีจากฟีฟ่า: 1996, 1997, 2002
  • รางวัลบาลงดอร์: 1997
  • รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสรยุโรป: 1998
  • รางวัลรองเท้าทองคำยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 1997
  • รางวัลรองเท้าทองคำฟุตบอลโลก: 1998

สถิติ

  • โรนัลโด้ ถือสถิติยิงประตูให้กับทีมชาติบราซิลมากที่สุดเป็นอันดับสอง (62 ประตู) รองจากเปเล่
  • เขาเป็นผู้เล่นที่ยิงประตูในฟุตบอลโลกได้มากที่สุด (15 ประตู) ร่วมกับ Miroslav Klose
  • โรนัลโด้ คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัย (1994, 2002) และรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปีจากฟีฟ่า 3 สมัย (1996, 1997, 2002)
  • เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดตลอดกาล ด้วยความเร็ว พลัง และทักษะการจบสกอร์ที่เฉียบคม

ความสำเร็จ

โรนัลโด้ “R9” ประสบความสำเร็จอย่างมากในอาชีพนักเตะ เขาคว้าแชมป์มากมายกับทั้งสโมสรและทีมชาติ โรนัลโด้ สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลรุ่นเยาว์ทั่วโลกด้วยพรสวรรค์และความมุ่งมั่นของเขา

โมฮาเหม็ด ซาลาห์: ดาวรุ่งผู้กลายเป็นตำนาน

0

โมฮาเหม็ด ซาลาห์: ดาวรุ่งผู้กลายเป็นตำนาน

ประวัติ

  • ชื่อเต็ม: โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ฮามิด มะห์รูส ฆอลี (Mohamed Salah Ghaly)
  • เกิด: 15 มิถุนายน 1992 (อายุ 32 ปี)
  • สถานที่เกิด: บัสยูน, อียิปต์
  • ตำแหน่ง: กองหน้า, ปีกขวา
  • สโมสรปัจจุบัน: ลิเวอร์พูล (2017-ปัจจุบัน)

อาชีพนักเตะ

  • อัล มอคาวลูน (2006-2013)
  • บาเซิล (2013-2014)
  • เชลซี (2014-2016)
  • โรมา (2016-2017)
  • ลิเวอร์พูล (2017-ปัจจุบัน)

ทีมชาติอียิปต์

  • ลงเล่น: 87 นัด
  • ยิงประตู: 44 ประตู
  • รางวัล:
    • รองแชมป์แอฟริกาคัพออฟเนชันส์ 2017

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลรองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีก: 2017/18, 2021/22, 2022/23
  • รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ: 2017/18, 2021/22
  • รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรลิเวอร์พูล: 2017/18, 2021/22, 2022/23
  • รางวัลนักฟุตบอลแอฟริกันยอดเยี่ยมแห่งปี: 2017, 2018
  • รางวัลนักฟุตบอลแอฟริกันแห่งปีของบีบีซี: 2017, 2018
  • ทีมยอดเยี่ยมแอฟริกาคัพออฟเนชันส์ 2017

สถิติ

  • โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติอียิปต์ (44 ประตู)
  • เขายิงประตูในพรีเมียร์ลีกมากกว่านักเตะชาวแอฟริกันคนอื่นๆ ทั้งหมด (137 ประตู)
  • ซาลาห์ ทำแอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกมากกว่านักเตะชาวแอฟริกันคนอื่นๆ ทั้งหมด (73 แอสซิสต์)
  • เขาติดทีมยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก 3 ครั้ง (2017/18, 2021/22, 2022/23)

ความสำเร็จ

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก เขามีความเร็ว การเลี้ยงบอล การจบสกอร์ และวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม ซาลาห์ มีบทบาทสำคัญในความสำเร็จของลิเวอร์พูล โดยพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1 สมัย, แชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, และแชมป์เอฟเอคัพ 1 สมัย

โรนัลดินโญ่: ตำนานลูกหนังผู้สร้างแรงบันดาลใจ

0

โรนัลดินโญ่: ตำนานลูกหนังผู้สร้างแรงบันดาลใจ

ประวัติ

  • ชื่อเต็ม: โรนัลดู จี อาซิส โมเรย์รา (Ronaldo de Assis Moreira)
  • เกิด: 21 มีนาคม 2523 (อายุ 44 ปี)
  • สถานที่เกิด: ปอร์ตูอาเลเกร, รัฐรีโอกรันดีโดซูล, บราซิล
  • ตำแหน่ง: กองกลางตัวรุก, ปีก
  • อาชีพนักเตะ: 1998-2017

สโมสร

  • เกรมิโอ (1998-2001)
  • ปารีส แซงต์แฌร์แม็ง (2001-2003)
  • บาร์เซโลนา (2003-2008)
  • เอซี มิลาน (2008-2011)
  • ฟลาเมงโก (2011-2014)
  • แอตเลติโก มิเนยโร (2014-2015)
  • ฟลูมิเนนเซ (2015-2016)
  • ชาเปโคเอนเซ (2016)
  • เคเอฟซี ไล่โจว (2017)

ทีมชาติบราซิล

  • ลงเล่น: 97 นัด
  • ยิงประตู: 33 ประตู
  • รางวัล:
    • แชมป์ฟุตบอลโลก 2002
    • แชมป์โกปาอาเมริกา 2004, 2007
    • แชมป์คอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2005

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปีจากฟีฟ่า: 2004, 2005
  • รางวัลบาลงดอร์: 2005
  • รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสรยุโรป: 2006
  • รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในกัลเซเรีย ซีเรีย อา: 2008

สถิติ

  • โรนัลดินโญ่ ถือสถิติยิงฟรีคิกมากที่สุดตลอดกาลของบาร์เซโลนา (66 ประตู)
  • เขาเป็นผู้เล่นที่ยิงประตูจากลูกยิงไกลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ลาลีกา (33 ประตู)
  • โรนัลดินโญ่ ติดอันดับ 3 ในรายชื่อนักเตะที่ยิงประตูมากที่สุดให้กับทีมชาติบราซิล (33 ประตู)

ความสำเร็จ

โรนัลดินโญ่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาล เขามีทักษะการเลี้ยงบอล การผ่านบอล และการยิงประตูที่ยอดเยี่ยม โรนัลดินโญ่ สร้างความบันเทิงให้กับแฟนบอลทั่วโลกด้วยสไตล์การเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ

คำพูดที่น่าจดจำ

  • “ฟุตบอลคือความสุข และความสุขคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต”
  • “ฉันไม่ใช่นักเตะที่สมบูรณ์แบบ แต่ฉันพยายามทำให้ดีที่สุดเสมอ”
  • “ฟุตบอลมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คน”

โรนัลดินโญ่ เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพในปี 2017 แต่เขายังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเตะรุ่นเยาว์ทั่วโลก เขายังคงมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล และเป็นทูตสันธาน goodwill ของยูนิเซฟ

ห้ามพลาด!