Home Blog Page 13

วิเคราะห์ก่อนเกม: นิวคาสเซิ่ล vs อาร์เซน่อล

0

ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษในสัปดาห์นี้พาเราไปยังสนามเซนต์เจมส์พาร์ค ที่นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เตรียมเปิดบ้านรับการมาเยือนของอาร์เซน่อล ทีมฟอร์มแรงจากลอนดอน โดยทั้งสองทีมต่างหวังจะคว้าชัยเพื่อรักษาความแข็งแกร่งในลีก ทั้งในแง่ของอันดับและความมั่นใจ

นิวคาสเซิ่ล: ภายใต้การนำของเอ็ดดี้ ฮาว นิวคาสเซิ่ลได้กลายเป็นหนึ่งในทีมที่น่าเกรงขามที่บ้าน พวกเขาเพิ่งเก็บชัยชนะได้ใน 6 จาก 8 เกมเหย้าทุกถ้วย และมีผู้เล่นคนสำคัญอย่างแอนโทนี่ กอร์ดอน ที่เป็นจุดแข็งในแนวรุก เขามีสถิติการสร้างโอกาสให้เพื่อนทำประตูถึง 12 ครั้งในฤดูกาลนี้ พร้อมด้วยคีแรน ทริปเปียร์ที่ส่งบอลสำคัญให้กองหน้าทำประตูถึง 6 แอสซิสต์ ซึ่งทำให้เขาเป็นหนึ่งในตัวสร้างโอกาสที่ดีที่สุดในลีก​

อาร์เซน่อล: แม้ว่ากองกลางอย่างโธมัส ปาร์เตย์จะยังคงไม่พร้อมลงสนาม แต่การขับเคลื่อนเกมโดยเดแคลน ไรซ์ น่าจะได้ลงสนามในฐานะกัปตันสนามและยังต้องการเพิ่มประสบการณ์ในการควบคุมเกมให้แน่นหนา นอกจากนี้ บูกาโย ซาก้ายังเป็นผู้เล่นที่ทำผลงานเด่นในสถานการณ์ลูกตั้งเตะ โดยเขามีสถิติทำสองแอสซิสต์จากการเตะฟรีคิกในฤดูกาลนี้ ทำให้พวกเขามีความได้เปรียบในสถานการณ์ที่ต้องการเปลี่ยนเกม

ความเป็นไปได้ของเกม: แม้ว่าอาร์เซน่อลจะมีสถิติที่ดีในการเจอกับนิวคาสเซิ่ลในช่วงหลัง แต่แนวรับของนิวคาสเซิ่ลที่แข็งแกร่งและเล่นในบ้านทำให้พวกเขายังมีโอกาสลุ้นผลเสมอหรือชนะในเกมนี้ นิวคาสเซิ่ลอาจต้องการใช้ลูกตั้งเตะเพื่อหาประตู

ทำนายผล: เกมนี้อาจจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 แต่หากมีการทำประตูอย่างเด็ดขาดในช่วงท้าย อาร์เซน่อลอาจจะเฉือนชนะไปได้ 2-1

วิเคราะห์ก่อนเกม ลิเวอร์พูล vs ไบรท์ตัน

0

ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2024 นี้ ลิเวอร์พูล จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ไบรท์ตัน ณ สนามแอนฟิลด์ โดยเกมนี้ถือเป็นโอกาสที่ลิเวอร์พูลจะยึดตำแหน่งจ่าฝูงในตารางพรีเมียร์ลีก เนื่องจากพวกเขากำลังมีฟอร์มที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเล่นในบ้านที่ทำให้พวกเขามีอัตราการชนะสูง ขณะที่ไบรท์ตันก็ถือเป็นทีมที่ไม่ง่าย เน้นเกมรุกเต็มรูปแบบ ซึ่งทำให้มีโอกาสที่จะทำประตูได้เสมอแม้จะอยู่ในฐานะทีมเยือนก็ตาม

การวิเคราะห์แทคติก

เกมนี้คาดว่า ลิเวอร์พูลจะใช้เกมรุกอย่างหนักโดยอาศัยความเร็วและความสามารถในการทำประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่มักทำผลงานได้ดีเสมอเมื่อเจอกับไบรท์ตัน เช่นเดียวกับ ดิโอโก้ โชต้า และ หลุยส์ ดิอาซ ที่เป็นกุญแจสำคัญในการทำลายเกมรับของทีมเยือน ขณะที่ฝั่งไบรท์ตันคาดว่าจะเน้นการโต้กลับเร็ว โดยอาศัยความคล่องตัวของนักเตะตัวรุกเช่น ไซมอน อะดิงกรา และ คาโอรุ มิโตมะ ซึ่งจะสร้างปัญหาให้กับแนวรับของลิเวอร์พูลได้หากมีพื้นที่มากพอ​

การคาดการณ์ผลการแข่งขัน

แม้ว่าทั้งสองทีมจะมีสไตล์การเล่นที่เน้นเกมรุก แต่ด้วยฟอร์มการเล่นในบ้านของลิเวอร์พูลที่เหนือกว่าและประสิทธิภาพในเกมรับที่ดีกว่า ไบรท์ตัน จึงเป็นที่คาดการณ์ว่าลิเวอร์พูลจะสามารถคว้าชัยในเกมนี้ได้ด้วยสกอร์ 3-1 ขึ้นอยู่กับความสามารถของไบรท์ตันในการรับมือการบุกของลิเวอร์พูลและการใช้โอกาสโต้กลับ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เยือน บอร์นมัธ หวังเก็บชัยชนะแบบไร้ปัญหา

0

ในค่ำวันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2024 ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา จะเดินทางไปเยือนบอร์นมัธที่สนามไวทาลิตี้ สเตเดียม เพื่อคว้าสามแต้มและรักษาความเป็นผู้นำในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2024-2025 อย่างไรก็ตาม การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงงานง่ายสำหรับซิตี้ แม้ว่าพวกเขาจะมีสถิติที่ยอดเยี่ยมกับบอร์นมัธในอดีต โดยเอาชนะไปได้ทุกนัดใน 14 ครั้งที่เจอกันตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการเผชิญหน้ากับคู่แข่งรายนี้​​

สถานการณ์ของบอร์นมัธ
บอร์นมัธ ที่นำทีมโดยอันโดนี อิราโอลา เริ่มต้นฤดูกาลนี้ด้วยผลงานที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ โดยพวกเขามีการพัฒนาอย่างชัดเจนในด้านการครองบอลและความดุดันในเกมบุก ล่าสุดพวกเขาเพิ่งเอาชนะอาร์เซนอลมาได้ 2-0 ซึ่งทำให้เห็นว่า พวกเขามีความสามารถในการเจาะแนวรับของทีมระดับท็อปได้ อย่างไรก็ตาม การเจอกับซิตี้จะเป็นบททดสอบที่ท้าทายอย่างยิ่ง​

ความพร้อมของแมนเชสเตอร์ ซิตี้
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงอยู่ในตำแหน่งทีมเต็งแชมป์ของฤดูกาลนี้ แม้ว่าจะมีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บในหลายตำแหน่ง โดยนักเตะตัวหลักอย่างเออร์ลิง ฮาลันด์ และฟิล โฟเด้น น่าจะมีโอกาสลงสนามในเกมนี้ แต่ยังต้องรอเช็กสภาพความฟิตของแข้งคนสำคัญคนอื่น ๆ เช่น มานูเอล อาคานจี และแจ็ค กรีลิช ซึ่งยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่เป็นระยะ​

แนวโน้มของการแข่งขัน
จากสถิติการพบกันในอดีต แมนฯ ซิตี้ มีสถิติชนะมากกว่าอย่างชัดเจน โดยสื่อวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่าเกมนี้จะจบด้วยชัยชนะของซิตี้ โดยมีการคาดเดาผลสกอร์ที่น่าจะเป็นไปได้คือ 2-0 หรือ 3-1

เหตุผลที่ “คริสเตียโน โรนัลโด เปิดช่องยูทูบ”

0

คริสเตียโน โรนัลโด หนึ่งในนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เพิ่งเปิดตัวช่องยูทูบของเขา ซึ่งเป็นการก้าวเข้าสู่วงการคอนเทนต์ออนไลน์อย่างเป็นทางการ หลังจากที่เขามีแฟนคลับจำนวนมากทั่วโลก นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจเปิดช่องนี้:

  1. เชื่อมต่อกับแฟนบอล: โรนัลโดมีความตั้งใจที่จะสร้างความใกล้ชิดและเชื่อมโยงกับแฟนบอลผ่านช่องทางใหม่ๆ ช่องยูทูบจะช่วยให้เขาสามารถแชร์เรื่องราวส่วนตัวและเบื้องหลังการใช้ชีวิตในฐานะนักฟุตบอลอาชีพได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้แฟนๆ รู้สึกใกล้ชิดกับเขามากขึ้น
  2. การสร้างแบรนด์ส่วนบุคคล: การเปิดช่องยูทูบเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคลของโรนัลโด เขาสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้ในการโปรโมทสินค้าของเขาเอง เช่น เสื้อผ้าและรองเท้าที่เขาออกแบบ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมจากแหล่งที่มานอกเหนือจากฟุตบอล
  3. การแบ่งปันประสบการณ์: ช่องยูทูบของเขาจะเป็นที่ที่เขาสามารถแบ่งปันประสบการณ์การฝึกซ้อมและการเตรียมตัวก่อนการแข่งขัน ซึ่งจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลรุ่นใหม่และแฟนๆ ที่ต้องการติดตามเส้นทางของเขา
  4. ความสนใจในคอนเทนต์ดิจิทัล: โรนัลโดอยู่ในยุคที่ดิจิทัลกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เขาเห็นโอกาสในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจ เช่น วิดีโอการฝึกซ้อม การสัมภาษณ์ และการบันทึกประสบการณ์ชีวิตในสนาม

การเปิดช่องยูทูบของโรนัลโดไม่เพียงแค่เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจ แต่ยังเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับแฟนบอลทั่วโลก ในขณะที่เขาใช้แพลตฟอร์มนี้ในการแบ่งปันชีวิตและความคิดสร้างสรรค์ของเขา

VAR: การปฏิวัติฟุตบอลหรือความสับสนที่เพื่มขึ้น?

0

VAR (Video Assistant Referee) ในฟุตบอลได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในวิธีการตัดสินใจในสนาม แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับความถูกต้องและความชัดเจนในการใช้เทคโนโลยีนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของความสับสนที่เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขัน

ความยุติธรรมในเกม: VAR ถูกนำมาใช้เพื่อลดข้อผิดพลาดของผู้ตัดสิน ซึ่งสามารถส่งผลต่อผลการแข่งขันโดยตรง เช่น การให้จุดโทษที่ไม่เหมาะสมหรือการตัดสินใจเกี่ยวกับใบแดงที่ผิดพลาด VAR สามารถช่วยในการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความมั่นใจในความยุติธรรมของการแข่งขันมากขึ้น.

ความสับสนในช่วงเวลาการตัดสิน: การใช้ VAR บางครั้งทำให้เกิดความล่าช้าในเกม และสร้างความสับสนทั้งต่อผู้เล่นและแฟนบอล โดยเฉพาะเมื่อมีการตัดสินใจที่ใช้เวลานาน VAR: ทำให้เกมฟุตบอลสูญเสียความต่อเนื่องและความตื่นเต้น โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องรอการตัดสิน

โดยรวมแล้ว VAR มีทั้งข้อดีและข้อเสีย การ่ในกระบวนการพัฒนา เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถตอบสนองต่อความต้องการของเกมฟุตบอลในปัจจุบันได้อย่างเหมาะสม การพิจารณาถึงผลกระทบที่ VAR มีต่อเกมอาจช่วยให้สามารถปรับปรุงการใช้เทคโนโลยีในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

รูเบน อโมริม ผู้พลิกโฉมวงการฟุตบอลโปรตุเกส

0

รูเบน อโมริม เป็นหนึ่งในโค้ชที่มาแรงที่สุดของวงการฟุตบอลยุโรปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาเกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 1985 ในกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส และเติบโตในอาชีพนักฟุตบอลตำแหน่งกองกลาง อโมริมมีชื่อเสียงจากการเล่นให้กับหลายทีมในลีกโปรตุเกส รวมถึงเบนฟิก้า ซึ่งเขาคว้าแชมป์ลีกได้ถึงสามสมัยในช่วงปี 2010-2015 อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเป็นนักเตะอาชีพของเขาต้องจบลงก่อนเวลาอันควรในปี 2017 เนื่องจากอาการบาดเจ็บเรื้อรัง

หลังแขวนสตั๊ด อโมริมก้าวเข้าสู่วงการโค้ช และสร้างชื่อให้ตัวเองอย่างรวดเร็วด้วยความสำเร็จในระดับสโมสร เริ่มต้นจากการคุมทีมเล็กอย่าง คาซ่าเปีย สโมสรในดิวิชั่น 3 ของโปรตุเกส และ บราก้า ก่อนจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าโค้ชของทีมชุดใหญ่ของบราก้าในปี 2019 เพียงไม่กี่เดือน อโมริมพาทีมคว้าแชมป์โปรตุเกสลีกคัพในฤดูกาลแรกที่คุมทีม ทำให้เขากลายเป็นที่จับตามองของวงการ​

ปี 2020 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพของเขา เมื่อสปอร์ติง ลิสบอน ตัดสินใจจ่ายเงินถึง 10 ล้านยูโรเพื่อดึงตัวเขามาคุมทีม ซึ่งนับเป็นค่าตัวสูงที่สุดสำหรับโค้ชในประวัติศาสตร์โปรตุเกส ผลงานของอโมริมที่สปอร์ติงไม่ทำให้ผิดหวัง เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในฤดูกาล 2020-21 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีของสโมสร และพัฒนาผู้เล่นดาวรุ่งอย่าง นูโน่ เมนเดส และเปโดร กอนซัลเวส จนก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นในลีกยุโรป

รูเบน อโมริมไม่เพียงแต่สร้างความสำเร็จในสนามเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเตะและแฟนบอลทั่วโลก ความสำเร็จของเขาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถของโค้ชรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน.

รูเบน อโมริม นั่งแท่นกุนซือใหม่ ผี!

0

สื่อกีฬา iSport รายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ตกลงแต่งตั้ง รูเบน อโมริม โค้ชฝีมือดีจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน เข้ามารับตำแหน่งกุนซือใหม่ของทีม โดยเดิมทีทางสโมสรตั้งใจจะประกาศการคว้าตัวอโมริมอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเพื่อเตรียมการลุยช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของพรีเมียร์ลีก

อย่างไรก็ตาม อโมริมได้ร้องขอให้เลื่อนการประกาศดังกล่าวออกไปก่อน เนื่องจากกังวลว่าการเปิดเผยข่าวนี้อาจส่งผลกระทบต่อสมาธิของนักเตะในทีมสปอร์ติ้ง ลิสบอน ซึ่งกำลังมีคิวลงแข่งขันในคืนวันศุกร์ โดยการตัดสินใจของอโมริมเป็นการแสดงถึงความทุ่มเทและความเคารพต่อต้นสังกัดในปัจจุบัน แม้จะมีข่าวการเจรจาระหว่างเขากับแมนฯ ยูไนเต็ดหนาหูตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทำไมแมนฯ ยูไนเต็ดเลือกอโมริม?
รูเบน อโมริม โค้ชวัย 38 ปีคนนี้ ได้สร้างชื่อเสียงจากการคุมทีมสปอร์ติ้ง ลิสบอน จนสามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกโปรตุเกสได้สำเร็จหลังจากที่ทีมเว้นวรรคจากความสำเร็จมาเป็นเวลานาน ด้วยสไตล์การคุมทีมที่เน้นการเพรสซิ่ง การปรับเกมรับให้ดุดัน และการใช้ผู้เล่นดาวรุ่งเป็นแกนหลัก การดึงตัวเขามาคุมทัพปีศาจแดงเป็นแผนการสร้างอนาคตที่แมนฯ ยูไนเต็ดหวังว่าจะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ทีม

ราชันพร้อมปล่อย ออเรเลียง ชูอาเมนี่!

0

เรอัล มาดริด อาจพิจารณาปล่อยตัว ออเรเลียง ชูอาเมนี่

หลังจากที่เจ้าตัวเข้ามาร่วมทีมด้วยค่าตัวสูงถึง 85 ล้านปอนด์เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว โดยสาเหตุหลักมาจากฟอร์มการเล่นในฤดูกาลนี้ที่ยังไม่เข้าตาสโมสร ตามรายงานของสำนักข่าวเดลี่ เมล

ก่อนหน้านี้สำนักข่าว Relevo เองก็เคยรายงานในแบบเดียวกัน และมีข่าวลือว่า เรอัล มาดริด กำลังมองหาทางคว้าตัว โรดรี้ มิดฟิลด์จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาเสริมทีม อย่างไรก็ตาม การย้ายทีมของโรดรี้อาจไม่ง่ายนัก เนื่องจากเจ้าตัวมีประวัติเป็นอดีตนักเตะของ แอตเลติโก มาดริด ประกอบกับประเด็นดราม่าก่อนหน้านี้ที่เจ้าตัวเบียด วินิซิอุส จูเนียร์ คว้ารางวัลบัลลงดอร์มา ทำให้แฟนบอล “ราชันชุดขาว” บางส่วนแสดงท่าทีไม่พอใจ

ยูเวนตุสขาด เบรเมอร์ เหมือนขาดใจ?

0

หลังจากกองหลังคนสำคัญของยูเวนตุสจะพลาดการลงสนามตลอดช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาล หลังได้รับบาดเจ็บ ACL

ยูเวนตุสได้รับข่าวร้าย เมื่อกองหลังตัวเก่งอย่าง เบรเมอร์ ประสบอาการบาดเจ็บที่เอ็นไขว้หน้าหัวเข่า (ACL) ซึ่งจะต้องพักฟื้นยาวจนจบฤดูกาลนี้

เบรเมอร์, ผู้เล่นทีมชาติบราซิลซึ่งได้รับหน้าที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่สองของรอบแบ่งกลุ่ม ที่บุกเยือนแอร์เบ ไลป์ซิก, ได้รับบาดเจ็บเพียง 10 นาทีแรกของเกม หลังปะทะกับ ลออิส โอเปนด้า และล้มลงในลักษณะผิดจังหวะ จนต้องรับการปฐมพยาบาลและถูกเปลี่ยนตัวออกทันที

รายงานระบุว่า เบรเมอร์มีอาการ ACL ฉีกขาด และยังพบความเสียหายที่หมอนรองกระดูกเข่าเพิ่มเติม ซึ่งทำให้จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดและใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อย 6-7 เดือน

ผลงานของ ยูเวนตุส ก่อนอาการบาดเจ็บของ เบรเม่ร์ :

  • 7 นัด เสีย 1 ประตู ยูเวนตุส

หลังอาการบาดเจ็บของ เบรเม่ร์ :

  • 6 นัด เสีย 10 ประตู

วิเคราะห์ก่อนเกม เลเวอร์คูเซ่น vs สตุ๊ตการ์ต

0

การแข่งขันที่น่าตื่นเต้นในศึกบุนเดสลีกา คืนนี้วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เมื่อเลเวอร์คูเซ่น ทีมอันดับสาม จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของสตุ๊ตการ์ตที่ตามมาติดๆในอันดับแปด สถานการณ์และฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีมกำลังอยู่ในช่วงเข้มข้น และมีโอกาสที่เกมนี้จะเป็นอีกหนึ่งนัดที่เต็มไปด้วยการยิงประตู

สภาพทีมและฟอร์มล่าสุด

เลเวอร์คูเซ่น ภายใต้การคุมทีมของ ชาบี อลอนโซ่ ทำผลงานได้ดีในฤดูกาลนี้ แม้จะจบเกมลีกล่าสุดด้วยผลเสมอกับ แวร์เดอร์ เบรเมน 2-2 แต่พวกเขายังคงมีความแข็งแกร่งจากเกมรุก โดยเฉพาะการทำประตูของ ฟลอเรียน เวียร์ทซ์ ที่ถือเป็นตัวหลักของทีม แต่เลเวอร์คูเซ่นต้องพบกับปัญหานักเตะบาดเจ็บ โดยเฉพาะ อามีน อัดลี่ ที่ยังต้องพักยาว

ฝั่งสตุ๊ตการ์ต กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มดีเช่นกัน ล่าสุดพวกเขาชนะถึงสามเกมติดต่อกัน และกองหน้าอย่าง เดนิซ อุนดาฟ ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในหลายเกมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องเสีย เซดริก ซาบอต กองหลังคนสำคัญไปจากการโดนแบนในเกมนี้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาผู้เล่นหลักบาดเจ็บอีกหลายราย ซึ่งจะเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับทีมเยือนในการเจาะเกมรับที่เหนียวแน่นของเจ้าบ้าน

คาดการณ์ 11 ตัวจริง

เลเวอร์คูเซ่น (4-2-3-1)

  • ผู้รักษาประตู: ลูคัส ฮราเดคกี้
  • กองหลัง: เจเรมี ฟริมปง (แบ็คขวา), โยนาธาน ตาห์, เอ็ดมอนด์ ทัปโซบา, ปิเอโร่ ฮินคาปี (แบ็คซ้าย)
  • กองกลางตัวรับ: กรานิต ชาก้า, โรเบิร์ต อันดริช
  • ตัวรุกสามคน: ฟลอเรียน เวียร์ทซ์ (กลางรุก), อเล็กซ์ กริมาลโด้ (ซ้าย), มาร์กแต็ง แตร์ริเย่ร์ (ขวา)
  • กองหน้า: วิคเตอร์ โบนิเฟซ

สตุ๊ตการ์ต (4-3-3)

  • ผู้รักษาประตู: อเล็กซานเดอร์ นูเบิล
  • กองหลัง: ปาสคาล สเตนเซล (แบ็คขวา), อตาคาน คาราซอร์, วัลเดมาร์ อันทอน, บอร์นา โซซา (แบ็คซ้าย)
  • กองกลาง: เอ็นโซ มิโญต์, วาตารุ เอ็นโดะ, คริส ฟูห์ริค
  • กองหน้าสามคน: ซิลาส คาตอมป้า เอ็มวุมป้า (ขวา), เดนิซ อุนดาฟ (กลาง), จิล ดิอัส (ซ้าย)

เลเวอร์คูเซ่นจะยังคงเน้นเกมรุกด้วยการเปิดบอลจากฟริมปงและกริมาลโด้ ขณะที่สตุ๊ตการ์ตอาจต้องการการคุมเกมกลางสนามจากเอ็นโดและมิโญต์ เพื่อหยุดเกมรุกที่หลากหลายของเลเวอร์คูเซ่น

แนวโน้มและการคาดการณ์

การแข่งขันนัดนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการยิงประตูมากกว่า 2.5 ลูก เนื่องจากเลเวอร์คูเซ่นมักมีสถิติการยิงประตูสูง และสตุ๊ตการ์ตก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเกมรุกของพวกเขามีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตาม เลเวอร์คูเซ่นยังถือเป็นทีมที่มีภาษีดีกว่าในการเล่นในบ้านของตน และคาดว่าจะเก็บสามแต้มสำคัญได้

สกอร์ที่คาดการณ์: เลเวอร์คูเซ่น 3-1 สตุ๊ตการ์ต

ห้ามพลาด!