Home Blog Page 14

แมนฯ ซิตี้ มีหวั่น! “มาดริด”เขี่ยทีมอังกฤษ ตกรอบ UCL 4 ปีติด

0

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 – Opta ผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติฟุตบอล เปิดเผยข้อมูลที่อาจทำให้แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องกังวล ก่อนเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ นัดแรก ที่พวกเขาจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ เรอัล มาดริด คืนนี้ เวลา 03.00 น. ตามเวลาไทย

แม้ว่า “เรือใบสีฟ้า” จะมีสถิติดีกว่าในการพบกัน 12 นัดหลังสุดในแชมเปียนส์ลีก โดยชนะ 4 เสมอ 5 และแพ้เพียง 3 นัดในเวลา 90 นาที แต่สิ่งที่น่าจับตามองคือ “ราชันชุดขาว” คือฝันร้ายของทีมจากพรีเมียร์ลีกในรอบน็อกเอาต์ตลอด 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา

ตามข้อมูลของ Opta ระบุว่า เรอัล มาดริด มีสถิติสุดโหดในการเขี่ยทีมจากอังกฤษตกรอบแชมเปียนส์ลีก 4 ปีติดต่อกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมถึง แมนฯ ซิตี้ ที่เคยตกเป็นเหยื่อของแชมป์ยุโรป 15 สมัยมาแล้ว

  • ฤดูกาล 2020-21
  • ฤดูกาล 2021-22
  • ฤดูกาล 2022-23
  • ฤดูกาล 2023-24

ด้วยสถิตินี้ ทำให้เกมคืนนี้ แมนฯ ซิตี้ ต้องระวังเป็นพิเศษ หากไม่อยากตกเป็นเหยื่อรายต่อไปของ “ราชันชุดขาว” ในศึกชิงเจ้าสโมสรยุโรปอีกครั้ง

อาร์เซน่อล เตรียมโละ 7 แข้งซัมเมอร์นี้

0

“เดอะ มิร์เรอร์” สื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า อาร์เซน่อล เตรียมปล่อยผู้เล่นออกจากทีมถึง 7 รายในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อปรับโครงสร้างทีมใหม่และระดมทุนสำหรับเสริมทัพ โดยเป้าหมายหลักคือการหากองหน้าคนใหม่เข้ามาแทนที่

มิเกล อาร์เตต้า ต้องการปรับปรุงแนวรุกและเสริมความแข็งแกร่งของทีม โดยมีชื่อของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค จากนิวคาสเซิ่ล และ เบนจามิน เซสโก้ จากแอร์เบ ไลป์ซิก เป็นเป้าหมายหลักของเขา ซึ่งการปล่อยนักเตะบางส่วนออกไปจะช่วยให้ทีมมีงบประมาณมากขึ้นในการเสริมทัพ

สำหรับ 7 ผู้เล่นที่มีแนวโน้มถูกปล่อยตัวออกจากทีม ได้แก่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ถูกยืมตัวจากเชลซี และ เนโต้ นายทวารที่ยืมจากบอร์นมัธ ซึ่งทั้งคู่จะถูกส่งกลับสโมสรต้นสังกัดเมื่อหมดสัญญายืมตัว ขณะที่ โธมัส ปาร์เตย์ และ จอร์จินโญ่ สองกองกลางตัวเก๋าก็กำลังจะหมดสัญญาและเตรียมย้ายออกไปแบบไม่มีค่าตัว

ในส่วนของแนวรับ คีแรน เทียร์นี่ย์ ซึ่งถูกปล่อยยืมไปเรอัล โซเซียดาด จะไม่ได้กลับมามีอนาคตในทีม และสโมสรเตรียมขายออกไป เช่นเดียวกับ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ที่มีปัญหาเรื่องเกมรับและอาจถูกปล่อยหากมีข้อเสนอที่เหมาะสม ขณะที่ ยาคุบ คิวิออร์ กองหลังดาวรุ่งชาวโปแลนด์ อาจถูกขายออกไปเพื่อเปิดทางให้กองหลังตัวใหม่

เป้าหมายหลักของ อาร์เซน่อล ในตลาดซัมเมอร์นี้คือการเสริมกองหน้าตัวจบสกอร์คนใหม่ โดย อิซัค และ เซสโก้ เป็นตัวเลือกที่ทีมจับตามองอย่างใกล้ชิด แฟนบอลปืนใหญ่ต้องรอดูว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทีมจะส่งผลอย่างไรกับอนาคตของสโมสรในฤดูกาลหน้า

ผลจับสลากเอฟเอ คัพ รอบ 5: แมนฯ ยูไนเต็ด ปะทะ ฟูแล่ม

0

ศึก เอฟเอ คัพ 2024/25 เดินทางมาถึงรอบ 5 หรือ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งผลการจับสลากประกบคู่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า ต้องเปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ดพบกับ ฟูแล่ม ทีมร่วมศึกพรีเมียร์ลีก ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองแชมป์เก่า มีคิวเจอกับ พลีมัธ อาร์ไกล์ ทีมจากแชมเปี้ยนชิพ ซึ่งเพิ่งสร้างเซอร์ไพรส์เขี่ย ลิเวอร์พูล ตกรอบมาได้


คู่บิ๊กแมตช์ในรอบนี้

🔴 แมนฯ ยูไนเต็ด vs ฟูแล่ม
แชมป์เก่า “ปีศาจแดง” ที่เพิ่งเบียดเอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ในรอบที่แล้ว ต้องดวลกับ ฟูแล่ม ทีมที่เล่นเกมรุกได้อันตรายในพรีเมียร์ลีก งานนี้ รูเบน อาโมริม ต้องวางแผนให้รัดกุมหากหวังรักษาเส้นทางป้องกันแชมป์

🔵 แมนฯ ซิตี้ vs พลีมัธ
“เรือใบสีฟ้า” ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะได้เล่นในบ้านพบ พลีมัธ ซึ่งเพิ่งสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเขี่ย ลิเวอร์พูล ตกรอบมาได้ นัดนี้ ซิตี้ อาจต้องระวังทีมน้องใหม่ที่กำลังมั่นใจ หากประมาทอาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นได้

นิวคาสเซิ่ล vs ไบรท์ตัน
ศึกพรีเมียร์ลีกด้วยกัน “สาลิกาดง” จะเปิดบ้านรับมือ ไบรท์ตัน ซึ่งเล่นเกมบุกได้อันตรายและมักสร้างปัญหาให้ทีมใหญ่ได้เสมอ คู่นี้มีโอกาสลุ้นถึงช่วงต่อเวลา


ผลประกบคู่ เอฟเอ คัพ รอบ 5 (รอบ 16 ทีมสุดท้าย)

📍 เปรสตัน 🆚 เบิร์นลี่ย์
📍 แอสตัน วิลล่า 🆚 คาร์ดิฟฟ์
📍 ดอนคาสเตอร์/คริสตัล พาเลซ 🆚 มิลล์วอลล์
📍 แมนฯ ยูไนเต็ด 🆚 ฟูแล่ม
📍 นิวคาสเซิ่ล 🆚 ไบรท์ตัน
📍 บอร์นมัธ 🆚 วูล์ฟแฮมป์ตัน
📍 แมนฯ ซิตี้ 🆚 พลีมัธ
📍 เอ็กเซเตอร์/ฟอเรสต์ 🆚 อิปสวิช

🏆 รอบนี้จะแข่งขันในช่วงวันที่ 1-2 มีนาคม 2025 โดยทีมที่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ฤดูกาลนี้จะได้รับเงินรางวัล 225,000 ปอนด์ หรือประมาณ 10 ล้านบาท

แฟนบอลเตรียมลุ้น! ใครจะผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ? 🎉

ลิเวอร์พูลวางแผนยกเครื่องแนวรุก! ! อาจปล่อย 2 แข้ง

0

ลิเวอร์พูล อาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแนวรุกช่วงซัมเมอร์นี้ โดยสื่อท้องถิ่นรายงานว่า อาร์เน่ สล็อต กุนซือคนใหม่ของทีมหงส์แดง อาจตัดสินใจปล่อย หลุยส์ ดิอาซ และ ดีโอโก้ โชต้า ออกจากทีมเพื่อเปิดทางสำหรับการปรับโฉมแนวรุกในฤดูกาลหน้า


ดิอาซ & โชต้า ส่ออำลาแอนฟิลด์

ตามรายงานจาก Liverpool Echo อ้างอิงข้อมูลจาก Anfield Watch ระบุว่าทั้ง ดิอาซ และ โชต้า อาจไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ สล็อต ในฤดูกาลหน้า โดยมีแนวโน้มสูงที่ลิเวอร์พูลจะพิจารณาปล่อยทั้งสองคนออกไปเพื่อระดมทุนและปรับโฉมทีมใหม่

🔴 หลุยส์ ดิอาซ
แข้งทีมชาติโคลอมเบียเริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยม ยิงไป 5 ประตูจาก 5 เกมแรก แต่หลังจากนั้น ฟอร์มของเขากลับดรอปลง โดยทำได้เพียง 3 ประตูในพรีเมียร์ลีกจาก 17 นัดหลังสุด แม้เขาจะมีศักยภาพสูง แต่ฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวา ทำให้เริ่มเสียตำแหน่งให้กับ โคดี้ กัคโป ในช่วงหลัง

ปัจจัยสำคัญอีกอย่างคือเรื่องสัญญา นักเตะวัย 27 ปี กำลังเข้าสู่ช่วง 2 ปีสุดท้ายของสัญญา แม้มีข่าวว่ามีการเจรจาสัญญาใหม่ แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งทำให้ลิเวอร์พูลอาจเลือกขายเขาออกไป หากได้รับข้อเสนอที่เหมาะสม

ดีโอโก้ โชต้า
แข้งโปรตุเกสวัย 28 ปี ยังคงเป็นหนึ่งในกองหน้าที่อันตรายที่สุดของลิเวอร์พูลเมื่อฟิตสมบูรณ์ แต่ปัญหาใหญ่คืออาการบาดเจ็บที่รบกวนเขามาโดยตลอด ฤดูกาลนี้ โชต้า ได้ลงเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกเพียง 7 นัด เนื่องจากเจ็บบ่อยครั้ง ทำให้ความต่อเนื่องในการเล่นหายไป

สัญญาของเขาเหลืออีก 2 ปี เช่นเดียวกับดิอาซ ซึ่งหากลิเวอร์พูลต้องการปรับปรุงแนวรุก การปล่อยโชต้าออกไปก็เป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีข้อเสนอที่เหมาะสมเข้ามา


แผนปรับโฉมแนวรุกของลิเวอร์พูล

ด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ลิเวอร์พูลอาจมองหาผู้เล่นแนวรุกหน้าใหม่ เข้ามาแทนที่ ดิอาซ และ โชต้า โดยมีข่าวเชื่อมโยงกับนักเตะอย่าง เควิชา ควารัตสเคเลีย (นาโปลี), เลรอย ซาเน่ (บาเยิร์น มิวนิค) และ บราฮิม ดิอาซ (เรอัล มาดริด)

หาก สล็อต ตัดสินใจปล่อยทั้งสองคนออกไป นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ในแนวรุกของลิเวอร์พูลภายใต้การนำทีมของเขา

📌 แฟนหงส์แดงต้องจับตาดูซัมเมอร์นี้ให้ดี! การยกเครื่องแนวรุกครั้งใหญ่ของลิเวอร์พูลอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสโมสรในยุคหลัง เจอร์เก้น คล็อปป์ 🔄🔥

พลีมัธสร้างเซอร์ไพรส์! ดับลิเวอร์พูล 1-0

0

พลีมัธ อาร์ไกล์ ทีมจาก แชมเปี้ยนชิพ ทำให้เกิดหนึ่งในผลการแข่งขันสุดช็อกของ เอฟเอ คัพ หลังเปิดบ้านเฉือนชนะ ลิเวอร์พูล ชุดโรเตชั่น 1-0 จากจุดโทษของ ไรอัน ฮาร์ดี้ ส่งผลให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบ 5 หรือ 16 ทีมสุดท้าย ได้สำเร็จ ขณะที่ “หงส์แดง” ต้องจอดป้ายเพียงรอบนี้


หงส์แดงโรเตชั่นหลายตำแหน่ง ขณะที่พลีมัธใช้ชุดเกือบเต็มกำลัง

มิรอน มุสลิช กุนซือของพลีมัธ ปรับเปลี่ยนทีมเพียงตำแหน่งเดียวจากเกมชนะเวสต์บรอมวิช โดยส่ง ดาร์โก้ กยาบี้ ลงเล่นแทน จอร์แดน ฮาวตัน ในแดนกลาง

ขณะที่ อาร์เน่ สล็อต เฮดโค้ชลิเวอร์พูล เลือกโรเตชั่นผู้เล่นหลายตำแหน่ง โดยให้โอกาสดาวรุ่งอย่าง เทรย์ เอ็นโยนี่ และ เจมส์ แม็คคอนเนลล์ ออกสตาร์ตตัวจริง ขณะที่ วาตารุ เอ็นโด ลงเล่นเป็นกองกลางตัวรับ ส่วน โจ โกเมซ หายเจ็บกลับมาประจำการในแนวรับ


ลิเวอร์พูลบุกหนัก แต่เจาะแนวรับพลีมัธไม่เข้า

🔹 นาทีที่ 4 ลิเวอร์พูลเกือบขึ้นนำ เทรย์ เอ็นโยนี่ ได้โอกาสยิงจากนอกกรอบ แต่แนวรับพลีมัธช่วยกันบล็อกได้ทัน

🔹 นาทีที่ 9 ลิเวอร์พูลเจอข่าวร้าย เมื่อ โจ โกเมซ ได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ต้องเปลี่ยนออกให้ ไอแซ็ก มาบายา ลงสนามแทน ซึ่งถือเป็นการลงเล่นชุดใหญ่ครั้งแรกของเจ้าตัว

🔹 นาทีที่ 37 เจมส์ แม็คคอนเนลล์ ได้โอกาสซัดไกลจากนอกกรอบ บอลแฉลบแนวรับพลีมัธเปลี่ยนทาง แต่ คอนเนอร์ ฮาซาร์ด นายด่านเจ้าถิ่นยังเซฟไว้ได้

🔹 นาทีที่ 42 พลีมัธมีโอกาสลุ้นบ้าง ฮูลิโอ เปลกูเซโล่ ทุ่มไกลให้ ดาร์โก้ กยาบี้ ยิงเน้นๆ แต่บอลข้ามคานออกไป

จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูลครองบอลได้เหนือกว่าชัดเจน แต่ยังเจาะแนวรับพลีมัธไม่เข้า เสมอกัน 0-0


ครึ่งหลัง พลีมัธสวนหมัดเด็ด ลิเวอร์พูลหมดลุ้น

🔸 นาทีที่ 58 อาร์เน่ สล็อต เปลี่ยนตัวเพิ่ม ส่ง ดาร์วิน นูนเญซ ลงมาแทน ไอแซ็ก มาบายา หวังเพิ่มพลังเกมรุก

🔸 นาทีที่ 61 พลีมัธเกือบได้ประตูขึ้นนำ นิโคลา คาติช โหม่งให้ ไรอัน ฮาร์ดี้ ยิงเต็มข้อ แต่ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ปัดไปชนเสาก่อนบอลเด้งออกมา

🔸 นาทีที่ 90+3 ลิเวอร์พูลมีโอกาสใกล้เคียงที่สุดเมื่อ เจมส์ แม็คคอนเนลล์ เปิดบอลให้ ดีโอโก้ โชต้า วอลเลย์จากริมกรอบเขตโทษ แต่ คอนเนอร์ ฮาซาร์ด พุ่งเซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

📌 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ พลีมัธมาได้จุดโทษ และเป็น ไรอัน ฮาร์ดี้ ที่สังหารเข้าไปอย่างเด็ดขาด ทำให้พลีมัธเฉือนชนะลิเวอร์พูล 1-0

จบเกม พลีมัธ อาร์ไกล์ สร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เอฟเอ คัพ ส่วนลิเวอร์พูลต้องจอดป้ายอย่างพลิกล็อก


รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

🔹 พลีมัธ อาร์ไกล์ (3-4-2-1)
คอนเนอร์ ฮาซาร์ด – ฮูลิโอ เปลกูเซโล่, นิโคลา คาติช, มักซิม ทาโลเยรอฟ – แมทธิว โซริโนลา, อดัม แรนเดล, ดาร์โก้ กยาบี้, ทิโมเธอุส ปูชัซ – มุสตาฟา บุนดู, คัลลัม ไรท์ – ไรอัน ฮาร์ดี้

🔹 ลิเวอร์พูล (4-3-3)
ควีวิน เคลเลเฮอร์ – เจมส์ แม็คคอนเนลล์, จาเรลล์ ควอนซาห์, โจ โกเมซ, คอสตาส ซิมิคาส – วาตารุ เอ็นโด, เทรย์ เอ็นโยนี่, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ – เฟเดริโก เคียซ่า, หลุยส์ ดิอาซ – ดีโอโก้ โชต้า


⚠️ ลิเวอร์พูลตกรอบแบบสุดช็อก! ขณะที่พลีมัธสร้างประวัติศาสตร์เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ 🎉🔥

FA CUP ผู้ตัดสินห่วย VAR น่าจะช่วยแก้ปัญหา

0

มาเรสก้าโอด! ไบรท์ตันได้ประตูชัยจากแฮนด์บอล ชี้ VAR น่าจะช่วยแก้ปัญหา

เอ็นโซ มาเรสก้า กุนซือของ เชลซี แสดงความไม่พอใจกับจังหวะสำคัญในเกม เอฟเอ คัพ รอบสี่ ที่ทีมของเขาพ่ายให้กับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 1-2 โดยชี้ว่า ทาริค แลมตีย์ มีจังหวะใช้แขนเล่นบอลก่อนที่ คาโอรุ มิโตมะ จะยิงประตูชัย ซึ่งหากมี VAR ผลการแข่งขันอาจเปลี่ยนไป

เกมที่สนามเอเม็กซ์ สเตเดี้ยมเริ่มต้นอย่างยอดเยี่ยมสำหรับทีมเยือน เมื่อ บาร์ท แฟร์บรูกเก้น นายทวารไบรท์ตัน ทำเข้าประตูตัวเองให้เชลซีออกนำตั้งแต่นาทีที่ 2 อย่างไรก็ตาม เจ้าบ้านตีเสมอได้จากลูกโหม่งของ จอร์จินิโอ รุทแตร์ ก่อนที่ มิโตมะ จะซัดประตูชัย ส่งไบรท์ตันเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม มาเรสก้า เชื่อว่าประตูของมิโตมะไม่ควรเกิดขึ้น เพราะจังหวะก่อนหน้านั้นบอลได้ไปโดนมือของ แลมตีย์ แต่เนื่องจาก FA Cup ยังไม่มีการใช้ VAR ในรอบนี้ ทำให้การตัดสินไม่สามารถย้อนกลับไปตรวจสอบได้

“ผมคิดว่ามันเป็นแฮนด์บอลที่ชัดเจน” มาเรสก้ากล่าวหลังเกม
“เราควบคุมเกมได้ดีมากในครึ่งแรก และพวกเขาแทบไม่มีโอกาสมากนักในครึ่งหลัง แต่เรากลับต้องมาเสียประตูในสถานการณ์แบบนี้”

นอกจากนี้ เฮดโค้ชเชลซียังกล่าวถึงประเด็นที่การแข่งขัน เอฟเอ คัพ ใช้ VAR เฉพาะตั้งแต่รอบห้าขึ้นไป ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมในบางเกม

“ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายเกม ถ้ามี VAR มันอาจช่วยตัดสินได้ถูกต้องขึ้น”

แม้จะผิดหวังกับผลการแข่งขัน แต่ มาเรสก้า ยืนยันว่าทีมต้องเดินหน้าต่อไป โดยโฟกัสที่ พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก

“เราเล่นเพื่อชัยชนะเสมอ แต่เมื่อผลออกมาเป็นแบบนี้ เราก็ต้องยอมรับและมุ่งหน้าต่อไป”

“วิลล่า” ปะทะ “สเปอร์ส” ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4

0

“วิลล่า” ปะทะ “สเปอร์ส” ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 – เปิดสถิติสำคัญก่อนเกม

วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ ศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 จะมีทั้งหมด 3 คู่ แต่เกมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือการเจอกันเองของทีมจากพรีเมียร์ลีกระหว่าง แอสตัน วิลล่า และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่สนามวิลล่า พาร์ค

แม้ช่วงหลัง วิลล่า จะทำผลงานได้ดีกว่า แต่ด้วยศักยภาพทีมที่ใกล้เคียงกันและประวัติศาสตร์ที่สเปอร์สมักทำได้ดีในเกมเยือนที่นี่ ทำให้แมตช์นี้เป็นอีกหนึ่งคู่ที่น่าจับตามอง เรามาดูสถิติน่าสนใจก่อนเกมนี้กัน


🔹 “วิลล่า” แพ้ทาง “สเปอร์ส” ในเอฟเอ คัพ

จาก 6 ครั้งหลังสุด ที่สองทีมพบกันในรายการนี้ วิลล่า เอาชนะ สเปอร์ส ได้แค่ ครั้งเดียว เท่านั้น และต้องย้อนกลับไปถึงปี 1992 ในรอบ 3 นัดรีเพลย์ ที่พวกเขาบุกไปชนะ 1-0 ที่ไวท์ ฮาร์ท เลน


🔹 สเปอร์ส ถนัดเยือน วิลล่า พาร์ค

ช่วงหลัง สเปอร์ส ทำผลงานได้ดีเยี่ยม เวลาเยือนถิ่นวิลล่า พาร์ค โดยพวกเขาคว้าชัยได้ถึง 9 จาก 10 นัดหลังสุด ในทุกรายการที่มาเยือนที่นี่ โดยเกมเดียวที่แพ้คือความพ่ายแพ้ให้กับวิลล่า

ที่น่าสนใจคือ 2 นัดหลังสุดที่สเปอร์สบุกมาชนะวิลล่า (เมษายน 2022 และมีนาคม 2024) พวกเขาถล่มคู่แข่งไป 4-0 ทั้งสองครั้ง ซึ่งอาจเป็นลางดีสำหรับทีมเยือนในเกมนี้


🔹 เอฟเอ คัพ – ทีมหนึ่งลุ้นแก้ตัว อีกทีมลุ้นต่อยอด

แอสตัน วิลล่า ไม่สามารถผ่านเข้ารอบ 5 ของ เอฟเอ คัพ ได้มานาน เกือบ 10 ปี โดยครั้งสุดท้ายที่ไปถึงรอบนั้นคือฤดูกาล 2014-15 ซึ่งปีนั้นพวกเขาทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศก่อนแพ้ให้กับ อาร์เซน่อล 0-4

ในขณะที่ สเปอร์ส ทำได้ดีกว่าในรายการนี้ โดยพวกเขาผ่านรอบ 4 มาได้ถึง 4 จาก 5 ฤดูกาลหลังสุด ยกเว้นฤดูกาลที่แล้วที่แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-1


🔹 ซน ฮึง-มิน – เดอะแบกแห่งเอฟเอ คัพ

ซน ฮึง-มิน เป็นนักเตะของสเปอร์สที่มีส่วนร่วมกับประตูใน เอฟเอ คัพ มากที่สุดในยุคพรีเมียร์ลีก โดยทำไปแล้ว 26 ประตู (14 ประตู + 12 แอสซิสต์)

นอกจากนี้ มีเพียง แฮร์รี่ เคน และ เจอร์เมน เดโฟ เท่านั้นที่ทำประตูในรายการนี้ให้สเปอร์สได้มากกว่าเขา (15 ประตู) ซึ่งหมายความว่าหาก ซน ยิงได้ในเกมนี้ เขาจะขึ้นมาเทียบสถิติของทั้งสองคน


🔹 เกมแห่งศักดิ์ศรี – ใครจะเป็นฝ่ายคว้าตั๋วรอบต่อไป?

ด้วยสถิติเก่า สเปอร์ส อาจดูเหนือกว่า แต่ วิลล่า ภายใต้การคุมทีมของ อูไน เอเมรี่ มีพัฒนาการที่ดีและเล่นได้แข็งแกร่งในบ้าน การดวลกันครั้งนี้จึงมีโอกาสสูงที่เกมจะออกมาสูสี และอาจต้องลุ้นกันถึงช่วงท้ายเกม

📍 แอสตัน วิลล่า vs ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
📅 วันอาทิตย์ที่ 11 ก.พ. 67
🏟 สนามวิลล่า พาร์ค
เวลา 21:00 น. ตามเวลาประเทศไทย

แฟนบอลห้ามพลาด! เกมนี้อาจมีพลิกล็อก หรือจะเป็น “สเปอร์ส” ที่ยังคงทำได้ดีในบ้านของวิลล่า? 👀🔥

“กุนซือพลีมัธ” ลั่น พร้อมเต็มที่ดวล “ลิเวอร์พูล”

0

วันที่ 9 ก.พ. 67 – มิรอน มุสลิช กุนซือพลีมัธ อาร์ไกล์ แสดงความตื่นเต้นก่อนเกมใหญ่ที่จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 คืนวันอาทิตย์นี้ โดยยกย่อง ว่าเป็น “ทีมที่ดีที่สุดในโลก” และกระตุ้นลูกทีมให้สนุกไปกับโอกาสสุดพิเศษนี้

“นี่คือวันที่เรารอคอย” – มุสลิชปลุกใจลูกทีม

มุสลิช เปิดเผยว่าเกมนี้เป็นมากกว่าแมตช์ทั่วไปสำหรับพลีมัธ ซึ่งปัจจุบันอยู่ใน แชมเปียนชิพ และต้องเผชิญหน้ากับหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป

“ความท้าทายที่สวยงามอยู่ตรงหน้าเรา นี่คือวันที่เรารอคอยและอยากสนุกไปกับมันอย่างเต็มที่ นักเตะทุกคนตื่นเต้นที่จะได้เผชิญหน้ากับทีมระดับโลก นี่ไม่ใช่แค่เกมธรรมดา แต่เป็นโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้และพัฒนา”

แม้จะรู้ดีว่าทีมเป็นรอง ลิเวอร์พูล อยู่มาก แต่กุนซือชาวบอสเนียก็ยังเชื่อว่า “นี่คือเอฟเอ คัพ อะไรก็เกิดขึ้นได้” โดยเฉพาะเมื่อได้เล่นในถิ่นโฮมพาร์ค ซึ่งอาจสร้างบรรยากาศที่ช่วยให้ทีมสู้ได้อย่างสูสี

“หงส์แดง” ฟอร์มแรง แม้โรเตชั่น – ซัตตันฟันธง 1-3

ด้าน คริส ซัตตัน กูรูฟุตบอลชื่อดัง ได้วิเคราะห์ว่าถึงแม้ ลิเวอร์พูล อาจมีการปรับทัพจากชุดหลัก แต่ศักยภาพของทีมยังคงเหนือกว่าพลีมัธอย่างชัดเจน

“ลิเวอร์พูลมีคุณภาพที่เหนือกว่า แม้ว่าจะมีการโรเตชั่นนักเตะ แต่พวกเขายังมีเกมรุกที่อันตราย และเชื่อว่าพลีมัธจะสู้ได้ดี แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายชนะ 3-1”

สำหรับแมตช์นี้ คาดว่า อาจเปิดโอกาสให้แข้งสำรองและดาวรุ่งลงสนาม เช่น ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, ไรอัน กราเวนเบิร์ช และ เบน โด๊ค รวมถึงอาจเป็นเกมที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีลุ้นกลับมามีชื่อบนม้านั่งสำรอง หลังจากฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บที่แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์

บรรยากาศก่อนเกม – เอฟเอ คัพ ยังมีเซอร์ไพรส์เสมอ

พลีมัธ อาจเป็นรองทุกด้าน แต่ด้วยมนต์เสน่ห์ของเอฟเอ คัพ ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ หากพวกเขาสามารถสร้างแรงกดดัน และใช้เสียงเชียร์ในบ้านเป็นแรงกระตุ้น ก็อาจทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับงานยากกว่าที่คาดไว้

🔴 พลีมัธ vs ลิเวอร์พูล
📅 วันอาทิตย์ที่ 11 ก.พ. 67
🏟 สนามโฮมพาร์ค
เตะเวลา 19:30 น. ตามเวลาประเทศไทย

แฟนบอลเตรียมลุ้นว่า “ปาฏิหาริย์เอฟเอ คัพ” จะเกิดขึ้นหรือไม่! 🚀🔥

แมนฯ ซิตี้ พลิกแซง เลย์ตัน โอเรียนท์ 2-1

0

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เร่งเครื่องในครึ่งหลัง หลังจากโดนนำก่อน พลิกกลับมาเอาชนะ เลย์ตัน โอเรียนท์ ทีมจาก ลีก วัน 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 5 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในศึก เอฟเอ คัพ

เลย์ตัน โอเรียนท์ สู้สุดใจ ก่อนพ่ายแชมป์เก่า

ริชี่ เวลเลนส์ กุนซือของเจ้าถิ่น จัดทัพส่ง เดียอัลแลง ไจเยซิมี่ ประเดิมสนามในแนวรุก โดยมี ชาร์ลี เคลแมน ดาวยิงตัวยืมจาก ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ที่ซัดไปแล้ว 12 ประตู ยืนเป็นหน้าเป้า ส่วน เจมี่ ดอนลี่ย์ ดาวรุ่งที่ยืมตัวจากสเปอร์ส ทำหน้าที่เชื่อมเกมแดนกลาง

ด้าน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ตัดสินใจส่ง วิคตอร์ เฮส กองหลังดาวรุ่งวัย 19 ปี ที่เพิ่งคว้าตัวมาจากพัลไมรัสลงสนามเป็นตัวจริง เช่นเดียวกับ นิโก้ กอสซาเลซ แข้งใหม่ของทีม โดยมี โอมาร์ มาร์มูช รับหน้าที่เป็นหัวหอกตัวเป้า

โอเรียนท์ ช็อกแฟนเรือใบ! ขึ้นนำก่อน 1-0

เกมเริ่มต้นมาได้เพียง 8 นาที แมนฯ ซิตี้ เกือบขึ้นนำ เมื่อ ซาวินโญ่ เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษ แต่แนวรุกของทีมพลาดจังหวะเข้าชาร์จไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 16 กลายเป็นเจ้าบ้านที่ได้เฮก่อน! เจมี่ ดอนลี่ย์ ลองส่องไกลจากระยะไกล บอลพุ่งชนคานก่อนเด้งมาโดน สเตฟาน ออร์เตก้า ผู้รักษาประตูของซิตี้เข้าประตูตัวเอง ทำให้ เลย์ตัน โอเรียนท์ นำ 1-0

หลังจากเสียประตู แมนฯ ซิตี้ พยายามเร่งเกมบุกอย่างหนัก แม้จะครองบอลมากถึง 77% และมีโอกาสยิงถึง 13 ครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ จอช คีลี่ย์ ได้ ทำให้จบ 45 นาทีแรก เจ้าถิ่นยังนำอยู่ 1-0

ครึ่งหลัง ซิตี้ เร่งเครื่อง พลิกเกมสำเร็จ

กลับมาครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ ทำเกมรุกได้ดีขึ้น และมาตีเสมอเป็น 1-1 ในนาทีที่ 56 เมื่อ อับดูโคดีร์ คูซานอฟ กองหลังตัวสำรอง ซ้ำจ่อๆ เข้าไป หลังจากที่ จอช คีลี่ย์ เซฟลูกยิงไกลของ ริโก้ ลูอิส ไม่อยู่

นาทีที่ 63 ซิตี้เกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะยิงไกลของ เจมส์ แม็คเคที แต่บอลพุ่งชนคานออกหลังไป

จนกระทั่ง นาทีที่ 79 ซิตี้มาได้ประตูสำคัญจาก เควิน เดอ บรอยน์ ที่ถูกเปลี่ยนลงสนามได้เพียง 7 นาที โดยเจ้าตัวรับบอลจาก แจ็ค กรีลิช ก่อนแตะหนึ่งจังหวะแล้วจิ้มบอลเข้ามุมไกลสุดสวย ส่งให้ แมนฯ ซิตี้ พลิกแซง 2-1

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่ม จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกชนะ เลย์ตัน โอเรียนท์ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ


รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

เลย์ตัน โอเรียนท์ (4-2-3-1)
จอช คีลี่ย์ – ทอม เจมส์, แจ็ค ซิมป์สัน, แดน แฮ็ปป์, แจ็ค เคอร์รี่ – อีธาน กัลล์เบิร์ธ, จอร์แดน บราวน์ – ซอนนี่ เพอร์กิ้นส์, เจมี่ ดอนลี่ย์, เดียอัลแลง ไจเยซิมี่ – ชาร์ลี เคลแมน

แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1)
สเตฟาน ออร์เตก้า – ริโก้ ลูอิส, วิคตอร์ เฮส, รูเบน ดิอาส, นิโก้ โอเรลลี่ – นิโก้ กอสซาเลซ, อิลคาย กุนโดกัน – ซาวินโญ่, เจมส์ แม็คเคที, แจ็ค กรีลิช – โอมาร์ มาร์มูช


แมนฯ ซิตี้ ผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ แต่เกมนี้พวกเขาโดนทดสอบอย่างหนักจากทีมรองบ่อน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงต้องปรับปรุงฟอร์มการเล่นก่อนเข้าสู่รอบต่อไป 💙🔥

อโมริม รับ แมนฯ ยูไนเต็ด ฟอร์มยังไม่เข้าที่

0

รูเบน อโมริม กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความไม่พอใจกับฟอร์มของทีม แม้ว่าจะสามารถพลิกกลับมาเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ และผ่านเข้าสู่รอบ 5 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ ศึกเอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ

แม็กไกวร์ โขกชัยทดเจ็บ พาผีแดงเข้ารอบ

เกมนี้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กลายเป็นฮีโร่ หลังเติมขึ้นมาโหม่งจากลูกฟรีคิกในช่วง ทดเวลาบาดเจ็บนาที 90+3 ส่งให้ แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกแซงเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป และยังอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์ อย่างไรก็ตาม จังหวะโขกของแม็กไกวร์ถูกมองว่าเป็นลูกล้ำหน้า แต่เนื่องจาก เอฟเอ คัพ รอบนี้ยังไม่มี VAR ทำให้ประตูดังกล่าวได้รับการรับรอง

อโมริม ชี้ฟอร์มการเล่นยังไม่ดีพอ

แม้ทีมจะผ่านเข้ารอบได้ แต่ อโมริม ยังไม่พอใจกับฟอร์มโดยรวมของลูกทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งแรก

“เราต้องมีความเชื่อมั่นจนถึงวินาทีสุดท้าย แต่เกมนี้ไม่ได้เกี่ยวกับ ‘เฟอร์กี้ไทม์’ เลย สิ่งสำคัญคือ ฟอร์มการเล่นของเรายังไม่ดีพอ ทั้งในแง่ของการครองบอลและการเล่นเกมรับ”

“เราขาดพลังงาน โดยเฉพาะในครึ่งแรก แต่พอเข้าสู่ครึ่งหลัง เราเริ่มเล่นได้ดีขึ้น เร็วขึ้น และสามารถเก็บบอลจังหวะสองได้ดีขึ้น ซึ่งช่วยให้ทีมกลับมาได้ในท้ายที่สุด แต่เรายังต้องพัฒนาอีกมาก

“ในฐานะโค้ช ผมต้องรับผิดชอบเต็มที่ ถ้าทีมเล่นได้ไม่ดี นั่นหมายความว่าผมต้องทำงานให้หนักขึ้น เราจะทำการวิเคราะห์และปรับปรุงในเกมถัดไป”

“ผมไม่ได้มองแค่เรื่องคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ ผมโฟกัสไปที่การพัฒนาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้เป็นทีมที่แข็งแกร่งในระยะยาว”

แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเร่งปรับปรุงก่อนเข้าสู่โปรแกรมหนัก

แม้จะได้ชัยชนะในเกมนี้ แต่สิ่งที่แฟนบอล “ปีศาจแดง” กังวลคือ ฟอร์มการเล่นที่ยังขาดความแน่นอน ซึ่งอาจเป็นปัญหาในการเจอกับทีมที่แข็งแกร่งกว่าในรอบต่อไป อโมริม และลูกทีมยังมีงานต้องทำ หากต้องการพาทีมกลับมาท้าทายทุกแชมป์อีกครั้ง 🔥🔴

ห้ามพลาด!