Home Blog Page 2

แพ้อีกแล้ว! สเปอร์สพังคาวิลล่า 0-2 ทำสถิติเลวร้ายสุดตลอดกาล

0

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยังคงฟอร์มย่ำแย่ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล หลังบุกพ่าย แอสตัน วิลล่า 0-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก นัดที่ 37 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทีมของ อังเก้ ปอสเตโคกลู ทำสถิติแพ้รวมทุกรายการถึง 25 นัดในซีซั่นเดียว เป็นจำนวนสูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร เทียบเท่ากับฤดูกาล 1991-92

เกมนี้ “ไก่เดือยทอง” มีการหมุนเวียนตัวผู้เล่นหลายตำแหน่ง เพื่อเก็บความสดไว้สำหรับเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะมีขึ้นกลางสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม แผนโรเตชันกลับไม่เป็นผล เมื่อโดนเจ้าถิ่น แอสตัน วิลล่า ยิงสองประตูรวด คว้าชัยไปแบบไม่ยากเย็น

จากความพ่ายแพ้ในเกมนี้ ทำให้สเปอร์สยังคงมี 38 คะแนน รั้งอันดับ 17 ของตาราง และเผชิญความเสี่ยงที่จะจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ต่ำที่สุดในรอบหลายปี ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหนึ่งสถิติที่น่าเป็นห่วง เมื่อทีมไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้ติดต่อกันเป็นนัดที่ 12 นับเป็นสถิติที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010

ความพ่ายแพ้ต่อวิลล่ายังถือเป็นเครื่องเตือนก่อนเกมสำคัญในวันพุธที่ 21 พฤษภาคมนี้ ซึ่งพวกเขาจะลงสนามในเกมชิงดำ ยูโรป้า ลีก โดยมีเดิมพันเป็นตั๋วลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า หากคว้าแชมป์ได้

ผลบอลพรีเมียร์ลีก เชลซีดับผี 1-0 “ผีแดง” ไร้ชัย 8 นัดติด

0

วันที่ 17 พฤษภาคม – ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี เปิดบ้านเฉือนชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 จากประตูชัยของ มาร์ค คูคูเรย่า ส่งผลให้ “สิงห์บลูส์” เก็บเพิ่มเป็น 66 คะแนนจาก 37 นัด แซง แอสตัน วิลล่า ขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ด้วยผลต่างประตูได้เสียดีกว่า ขณะที่ “ปีศาจแดง” ฟอร์มในลีกยังไม่กระเตื้อง ไม่ชนะใครเป็นนัดที่ 8 ติดต่อกัน รั้งอันดับ 16 ของตาราง

รูปเกมโดยรวม

เอนโซ่ มาเรสก้า กุนซือเชลซีแก้ตัวจากเกมบุกแพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-2 ด้วยการโรเตชั่นส่ง ไทริก จอร์จ หัวหอกวัย 19 ปี ลงแทน นิโคล่าส์ แจ็คสัน ขณะที่ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด ของ รูเบน อโมริม ปรับทีม 5 จุดจากเกมพ่ายคาบ้านต่อเวสต์แฮม 0-2 โดย อ็องเดร โอนาน่า กลับมาเฝ้าเสา และ ลุค ชอว์ ประจำการแผงหลังร่วมกับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ

ตลอดครึ่งแรก เชลซีเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกใส่ มีโอกาสลุ้นหลายครั้ง ส่วนยูไนเต็ดแม้ครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อย (53%) แต่โอกาสยิงมีเพียงครั้งเดียว จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกัน 0-0

ไฮไลต์สำคัญครึ่งหลัง

  • นาที 52: อาหมัด ดิยัลโล่ ลากตัดเข้าใน ก่อนถวายพานให้ เมสัน เมาท์ ยิงเฉียดเสา
  • นาที 55: บรูโน่ แฟร์นันด์ส มีลุ้นยิงเน้นๆ แต่บอลลอยข้ามคานไปแบบน่าผิดหวัง
  • นาที 61: จังหวะชุลมุนในเขตโทษ เมื่อ อ็องเดร โอนาน่า พุ่งใส่ ไทริก จอร์จ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษในตอนแรก แต่ VAR ตรวจสอบแล้วพบว่า โอนาน่า ปัดโดนบอลก่อน ไม่ให้จุดโทษ
  • นาที 71: ประตูชัยเกิดขึ้นจากจังหวะที่ รีซ เจมส์ เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ มาร์ค คูคูเรย่า เทกตัวโหม่งเข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูที่ 5 ของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้
  • นาที 73: เชลซีเกือบได้ลูกที่สอง โคล พาลเมอร์ แทงทะลุให้ โนนี มาดูเอเก้ หลุดไปยิงหลุดกรอบอย่างไม่น่าเชื่อ
  • นาที 79: แมนยูมีลุ้นตีเสมอ อาหมัด ดิยัลโล่ โชว์สกิลเลี้ยงตัดจากขวาก่อนยิงเต็มข้อ แต่ โรเบิร์ต ซานเชซ เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

ช่วงทดเจ็บ 7 นาทีสุดท้าย ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันเต็มที่แต่ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม เชลซี คว้าชัยแบบหืดจับ 1-0 พร้อมขยับขึ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก


สถิติหลังจบเกม

  • เชลซี ชนะในลีก 4 จาก 5 นัดหลังสุด
  • แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ชนะในลีกมาแล้ว 8 นัดติดต่อกัน (เสมอ 3 แพ้ 5)
  • มาร์ค คูคูเรย่า ยิงประตูที่ 5 ของตัวเองในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

11 ตัวจริงทั้งสองทีม

เชลซี (4-2-3-1):
โรเบิร์ต ซานเชซ – รีซ เจมส์, โทซิน อาดาราบิโอโย่, ลีวาย โคลวิลล์, มาร์ค คูคูเรย่า – มอยเซส ไคเซโด้, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ – เปโดร เนโต้, โคล พาลเมอร์, โนนี มาดูเอเก้ – ไทริก จอร์จ

แมนฯ ยูไนเต็ด (3-4-2-1):
อ็องเดร โอนาน่า – วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – นุสแซร์ มาซราอุย, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, กาเซมีโร่, พาทริค ดอร์กู – อาหมัด ดิยัลโล่, เมสัน เมาท์ – ราสมุส ฮอยลุนด์

อัล อิตติฮัด ทุบ อัล ราเอ็ด 3-1 คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 10

0

อัล อิตติฮัด ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ในลีกซาอุดีอาระเบีย หลังการันตีคว้าแชมป์ ซาอุดิ โปร ลีก ฤดูกาล 2024/25 เป็นสมัยที่ 10 ได้สำเร็จ แม้ยังเหลือโปรแกรมให้ลงเล่นอีก 2 นัดก็ตาม

ในเกมนัดล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา ทัพ “เสือเหลือง” ภายใต้การนำของกัปตันทีมอย่าง คาริม เบนเซม่า บุกเยือน อัล ราเอ็ด และแม้จะเป็นฝ่ายตามหลังตั้งแต่ต้นเกม แต่ก็ตอบโต้กลับมาได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนจะเก็บชัยชนะด้วยสกอร์ 3-1

เกมเริ่มต้นได้เพียง 9 นาที เจ้าบ้าน อัล ราเอ็ด ได้ประตูออกนำก่อนจากลูกยิงของ อูมาร์ กอนซาเลซ อย่างไรก็ตาม ทีมเยือนไม่เสียขวัญ และกลับมาทำประตูตีเสมอในนาทีที่ 21 จากการยิงของ สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น

ก่อนหมดครึ่งแรกเพียง 5 นาที ดานิโล่ เปเรยร่า โขกพา อัล อิตติฮัด พลิกแซงเป็น 2-1 และเมื่อลงมาครึ่งหลังไม่ถึงสองนาที อับดุลราห์มาน อัล อาบูด ก็มากดประตูที่สาม ตอกย้ำชัยชนะให้ทีมเยือนแบบเด็ดขาด

ชัยชนะในเกมนี้ทำให้ อัล อิตติฮัด ขยับคะแนนขึ้นเป็น 77 แต้ม จาก 32 นัด ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง อัล ฮิลาล อยู่ 9 คะแนน แม้อัล ฮิลาลจะยังแข่งน้อยกว่า 1 นัด แต่ในกรณีที่คะแนนเท่ากัน อัล อิตติฮัดก็ยังได้เปรียบในเฮดทูเฮด ทำให้สามารถคว้าแชมป์ได้อย่างเป็นทางการ

ด้าน อัล นาสเซอร์ ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก หลังร่วงไปอยู่อันดับ 4 และกำลังสุ่มเสี่ยงต่อการชวดโควต้า AFC Champions League ในฤดูกาลหน้า

แชมป์ครั้งนี้ถือเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 10 ของ อัล อิตติฮัด และเป็นสัญญาณว่าโครงการ “บิ๊กโปรเจกต์” ของทีมในตลาดซื้อขาย รวมถึงการนำซูเปอร์สตาร์จากยุโรปมาเสริมทัพเริ่มส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว

บาร์เซโลน่า การันตีแชมป์ลาลีกา หลังบุกเชือดเอสปันญ่อล 2-0

0

บาร์เซโลน่า ประกาศศักดาแชมป์ลาลีกาสมัยที่ 28 อย่างเป็นทางการ หลังบุกเก็บชัยเหนือ เอสปันญ่อล 2-0 ในเกมดาร์บี้แมตช์แห่งแคว้นกาตาลุนญ่า เมื่อคืนที่ผ่านมา แม้เหลือโปรแกรมอีก 2 นัดก็ตาม

เกมนัดที่ 36 ของฤดูกาลที่สนามอาร์ซีดีอี สเตเดี้ยม เป็นการพบกันครั้งที่ 305 ระหว่างสองทีมจากกาตาลุนญ่า โดยเจ้าบ้าน เอสปันญ่อล ที่กำลังดิ้นรนหนีตกชั้น เปิดรังรับมือจ่าฝูงอย่างบาร์เซโลน่า ซึ่งต้องการเพียงชัยชนะเพื่อปิดจ็อบลุ้นแชมป์

ฝั่งเจ้าบ้าน โฆเซ่ มานูเอล กอนซาเลซ อัลบาเรซ กุนซือของเอสปันญ่อล ได้ตัว โอมาร์ เอล ฮิลาลี พ้นโทษแบนกลับมาประจำการแบ็กขวา ส่วนแนวรุกวาง ฆาเบียร์ ปัวโต้ และ โรเบร์โต้ เฟร์นานเดซ เป็นตัวทีเด็ด

ขณะที่ บาร์เซโลน่า ภายใต้การคุมทีมของ ฮันซี่ ฟลิค ไม่มี อินญีโก้ มาร์ติเนซ ที่ติดโทษแบน แต่ได้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ฟิตกลับมาลงสนาม โดยดร็อป เฟร์ราน ตอร์เรส ไว้ที่ม้านั่ง

แม้ทีมเยือนจะครองบอลได้เหนือกว่าและมีโอกาสยิงถึง 7 ครั้งในครึ่งแรก แต่ยังไม่เฉียบคมพอจะเจาะแนวรับเจ้าบ้านที่ตอบโต้ได้อันตรายเช่นกัน ทำให้จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกันแบบไร้สกอร์

เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 53 ความสามารถเฉพาะตัวของ ลามีน ยามาล ก็ปลดล็อกเกมให้ทีมเยือนจนได้ หลังประสานงานกับ ดาเนียล โอลโม่ ก่อนลากแหวกจากริมเส้นฝั่งขวาเข้ามาปั่นด้วยซ้ายส่งบอลเสียบเสาสามเหลี่ยมอย่างสุดสวย เป็นประตูที่ 8 ของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้

จากนั้นในนาทีที่ 64 บาร์ซ่าเปลี่ยนเอา เฟร์มิน โลเปซ ลงมาแทน เลวานดอฟสกี้ ที่สภาพความฟิตยังไม่เต็มร้อย

เอสปันญ่อล เกือบตีเสมอได้ในนาทีที่ 74 เมื่อ โรเบร์โต้ เฟร์นานเดซ หลุดไปยิงจ่อๆ แต่บอลตรงตัว วอยเชียค เชสนี่ และยังถูกจับล้ำหน้าไปก่อน

ช่วงท้ายเกมสถานการณ์ของเจ้าบ้านยิ่งเลวร้าย เมื่อ เลอันโดร กาเบรร่า ถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม ในนาทีที่ 79 หลัง VAR จับภาพได้ว่าใช้ท่อนแขนฟาดใส่ ลามีน ยามาล อย่างชัดเจน

ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาที 90+6 บาร์เซโลน่าตอกย้ำชัยชนะจากการประสานงานอีกครั้งของ ลามีน ยามาล ที่ผ่านบอลให้ เฟร์มิน โลเปซ ซัดด้วยขวาเข้าไปไม่เหลือ

จบเกม บาร์เซโลน่า บุกมาคว้า 3 คะแนนสำคัญ พร้อมทำแต้มเพิ่มเป็น 85 คะแนน ทิ้งห่าง เรอัล มาดริด อันดับ 2 ถึง 7 แต้ม แม้ยังเหลืออีก 2 นัด แต่ก็เพียงพอที่จะการันตีตำแหน่งแชมป์ลาลีกาฤดูกาล 2024/25 ได้สำเร็จ

ดาวรุ่งวัย 17 ปี ลามีน ยามาล คว้ารางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครองหลังมีส่วนกับทั้งสองประตู พร้อมยืนยันสถานะ “วันเดอร์คิด” ตัวจริงของทีม

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง

เอสปันญ่อล (4-2-3-1): โจน การ์เซีย – โอมาร์ เอล ฮิลาลี, มาราช กุมบุลล่า, เลอันโดร กาเบรร่า, การ์ลอส โรเมโร่ – อูร์โก้ กอนซาเลซ, โปล โลซาโน่ – อันโตนู โรก้า, เอดู เอ๊กโปซีโต้, ฆาเบียร์ ปัวโต้ – โรเบร์โต้ เฟร์นานเดซ

บาร์เซโลน่า (4-2-3-1): วอยเชียค เชสนี่ – เอริก การ์เซีย, โรนัลด์ อาเราโฮ, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, เกราร์ด มาร์ติน – เฟรงกี้ เดอ ย็อง, เปดรี้ – ลามีน ยามาล, ดาเนียล โอลโม่, ราฟินญ่า – โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

บอร์นมัธตกลงปล่อย “เฮาจ์เซ่น” จ่อโยกซบราชันชุดขาว

0

สื่อดังเผย บอร์นมัธ บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการปล่อยตัว ดีน เฮาจ์เซ่น ปราการหลังดาวรุ่งวัย 20 ปี ให้กับ เรอัล มาดริด เป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางความสนใจจากบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีกที่อาจพลาดแข้งเป้าหมายรายนี้

ตามรายงานจาก ฟาบริซิโอ โรมาโน่ ผู้เชี่ยวชาญตลาดนักเตะชาวอิตาเลียน ระบุว่า “ราชันชุดขาว” ได้บรรลุข้อตกลงกับบอร์นมัธในการดึงตัวแนวรับอนาคตไกลรายนี้ โดยดีลนี้จะมี ค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 50 ล้านปอนด์ ซึ่ง เรอัล มาดริด จะต้องชำระภายใน สิ้นปี 2026

ดีลดังกล่าวมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจาก เรอัล มาดริด เปิดโต๊ะเจรจากับตัวแทนของนักเตะโดยตรง แม้ก่อนหน้านี้ เจ้าตัวจะตกเป็นเป้าหมายของหลายทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีก อาทิ เชลซี, ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล, สเปอร์ส และนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

เฮาจ์เซ่น ผู้เกิดในประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่เลือกลงเล่นให้ทีมชาติสเปนชุดใหญ่ ย้ายจาก ยูเวนตุส มาร่วมทีมบอร์นมัธในเดือนกรกฎาคม ปี 2024 ด้วยค่าตัวเพียง 12.8 ล้านปอนด์ พร้อมสัญญาระยะยาว 6 ปี ก่อนจะพัฒนาฟอร์มจนกลายเป็นหนึ่งในเซ็นเตอร์แบ็กที่น่าจับตามองที่สุดของพรีเมียร์ลีก

หากการย้ายทีมลุล่วง เฮาจ์เซ่น จะกลายเป็นอีกหนึ่งนักเตะดาวรุ่งที่เรอัล มาดริด ดึงเข้าสู่โครงการระยะยาว เพื่อสานต่อความสำเร็จในอนาคตต่อจากรุ่นของมิลิเตา, รูดิเกอร์ และอลาบา

แมนยูแจกตั๋วจำกัด อโมริมไม่รอ ควักเงินให้ทีมงานลุยบิลเบา

0

รูเบน อโมริม เฮดโค้ชของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความใจกว้างด้วยการใช้เงินส่วนตัวจัดหาตั๋วเข้าชมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ให้กับทีมงานของเขา หลังจากไม่ได้รับสิทธิ์จากสโมสร

เกมชิงแชมป์ระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ จะมีขึ้นที่สนามซาน มาเมส เมืองบิลเบา ประเทศสเปน ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ โดยฝั่ง “ปีศาจแดง” ได้โควตาตั๋วเข้าชมทั้งสิ้น 15,000 ใบ อย่างไรก็ตาม สโมสรเลือกแจกให้นักเตะแค่คนละ 2 ใบเท่านั้น และ ทีมสตาฟฟ์ กลับถูกละเลยจากการจัดสรรตั๋วโดยตรงในรอบนี้

ทางออกของสโมสรคือเชิญทีมงานทั้งหมดไปรับชมเกมผ่านจอยักษ์ในแมนเชสเตอร์ พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มฟรี 2 แก้ว และสามารถพาแขกไปได้ 1 คน แต่ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง

ทว่าล่าสุด ESPN รายงานว่า อโมริมไม่ปล่อยให้ทีมงานที่ร่วมเหนื่อยมาตลอดฤดูกาลต้องนั่งชมอยู่ห่างไกล โดยเขาตัดสินใจซื้อบัตรเข้าชมด้วยเงินตัวเองจำนวน 30 ใบ เพื่อให้ทีมงานและครอบครัวได้มีโอกาสเดินทางไปเชียร์ติดขอบสนามในนัดประวัติศาสตร์

ในทางตรงกันข้าม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ จัดสรรตั๋วฟรีให้พนักงานประจำทุกคนคนละ 1 ใบ แสดงถึงนโยบายตอบแทนบุคลากรของสโมสรแบบเต็มที่ ต่างจากฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเลือกใช้วิธีจับฉลากตั๋วจำนวนน้อยสำหรับบุคลากรภายในเท่านั้น

การตัดงบในส่วนนี้ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายลดต้นทุนของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เข้ามาบริหารงานเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยถูกวิจารณ์จากการลดสวัสดิการของพนักงานและการปลดคนจำนวนหนึ่ง

อันเชล็อตติเปิดทางอลอนโซ่ รับบทใหม่กับทีมชาติบราซิล

0

คาร์โล อันเชล็อตติ ใกล้เปิดตัวในฐานะหัวหน้าโค้ชทีมชาติบราซิลอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ โดยมีรายงานว่าเขาจะกลายเป็นกุนซือที่รับค่าจ้างมากที่สุดในระดับทีมชาติ

เทรนเนอร์มากประสบการณ์วัย 65 ปี เตรียมอำลาเรอัล มาดริดหลังสิ้นสุดฤดูกาล 2024/25 เพื่อไปรับภารกิจใหม่กับ “เซเลเซา” โดยตั้งเป้าพาบราซิลลุ้นแชมป์โลกในศึกฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก และแคนาดาเป็นเจ้าภาพร่วม

จากรายงานของ The Telegraph ระบุว่า อันเชล็อตติจะได้รับค่าจ้างจากสหพันธ์ฟุตบอลบราซิลสูงถึง 8 ล้านปอนด์ต่อปี หรือประมาณ 354 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในบรรดาเฮดโค้ชทีมชาติทั่วโลก

ก่อนเกมลา ลีกา นัดที่ “ราชันชุดขาว” เตรียมเปิดบ้านรับมือ มายอร์ก้า อันเชล็อตติเปิดเผยว่า

“ใช่ครับ ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม ผมจะเริ่มบทบาทใหม่ในฐานะโค้ชทีมชาติบราซิล มันเป็นความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับผม แต่ก่อนหน้านั้น ผมยังมีหน้าที่กับเรอัล มาดริด ที่ผมอยากปิดฉากอย่างมืออาชีพ”

เขายังย้ำถึงความเคารพต่อสโมสร นักเตะ และแฟนบอลของมาดริด พร้อมตั้งใจทำผลงานให้ดีที่สุดในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล

เมื่อถูกถามถึง ชาบี อลอนโซ่ อดีตลูกทีมของเขาที่มีแนวโน้มจะรับไม้ต่อในถิ่นซานติอาโก เบร์นาเบว อันเชล็อตติกล่าวชื่นชมสั้น ๆ ว่า

“ผมไม่จำเป็นต้องให้คำแนะนำใดๆ เขาเก่งอยู่แล้ว และรู้ดีว่าต้องทำอะไร”

อันเชล็อตติเตรียมโบกมือลามาดริดในช่วงที่ทีมกำลังเจอกับความผิดหวัง หลังพลาดแชมป์จากความพ่ายแพ้ต่อบาร์เซโลน่า 3-4 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตามหลังจ่าฝูงถึง 7 คะแนน ขณะที่เหลืออีกเพียง 3 นัด

ฝั่งบราซิลเอง ปัจจุบันอยู่อันดับ 4 ของโซนอเมริกาใต้ ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก โดยมีแต้มตามหลังทีมจ่าฝูง อาร์เจนตินา อยู่ 10 คะแนน หลังผ่านไป 14 นัด

งบล่าฝัน! อาร์เซน่อลหนุนอาร์เตต้า 100 ล้านปอนด์

0

มีรายงานจาก Sky Sports ว่า มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล จะได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างเต็มที่ในตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้ โดยมีงบขั้นต่ำที่ 100 ล้านปอนด์ เพื่อยกระดับขุมกำลังสำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้า นอกจากนี้ งบเสริมทัพอาจเพิ่มขึ้นได้อีก หากมีการปล่อยผู้เล่นบางรายออกจากทีม

ตามข้อมูลที่เปิดเผย “ปืนใหญ่” ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีภายใต้กฎเรื่องผลกำไรและความยั่งยืน (Profit and Sustainability Rules) ของพรีเมียร์ลีก ทำให้พวกเขาสามารถใช้จ่ายเพื่อการเสริมทัพได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องการละเมิดกฎการเงิน

หนึ่งในเป้าหมายหลักของทีมคือการดึงตัว มาร์ติน ซูบีเมนดี้ มิดฟิลด์ตัวเก่งของเรอัล โซเซียดาด โดยอาร์เซน่อลพร้อมจ่ายค่าฉีกสัญญา 60 ล้านยูโรทันทีที่ฤดูกาลปิดฉากลง

ในแนวรุก อาร์เตต้ากำลังพิจารณาเสริมกองหน้าระดับท็อป ซึ่งในลิสต์มีชื่อของ วิคตอร์ โยเคเรส หัวหอกฟอร์มแรงจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน และ เบนยามิน เชสโก้ ดาวยิงดาวรุ่งจากแอร์เบ ไลป์ซิก โดยทั้งสองรายมีค่าตัวที่ใกล้เคียงกันที่ราว 67.3 ล้านปอนด์

ส่วนแนวรับก็ไม่นิ่งนอนใจ โดยมี ดีน เฮาเซ่น เซ็นเตอร์แบ็กจากบอร์นมัธ เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ ซึ่งคาดว่าจะมีค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านปอนด์

การเสริมทัพครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอาร์เซน่อลในการขยับจากรองแชมป์ไปสู่การคว้าแชมป์อย่างแท้จริงในฤดูกาลหน้า

มาดริดมองไกล! ล็อกเป้าผู้รักษาประตูใหม่จากอังกฤษ

0

แม้ ติโบต์ กูร์กตัวส์ จะยังคงเป็นกำลังหลักของเรอัล มาดริด ในการล่าแชมป์ยุโรป แต่ด้วยวัยที่มากขึ้นของมือกาวชาวเบลเยียม ทำให้สโมสรเริ่มวางแผนอนาคต ด้วยการมองหาผู้รักษาประตูคนใหม่ที่อายุน้อยกว่าเพื่อรับช่วงต่อ

จากรายงานของ The Sun ระบุว่า “ราชันชุดขาว” กำลังจับตามองสองนายทวารจากพรีเมียร์ลีกอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ดาบิด รายา ของอาร์เซน่อล วัย 29 ปี และ บาร์ต แวร์บรูกเกน มือหนึ่งของไบรท์ตัน วัยเพียง 22 ปี ซึ่งทั้งคู่มีศักยภาพพอจะขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของทีมในระยะยาว

ชื่อของแวร์บรูกเกนดูจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ โดยมาดริดต้องการให้เขาเข้ามาเป็นตัวสแตนด์บายของกูร์กตัวส์ในช่วงแรก ก่อนที่จะผลักดันให้กลายเป็นมือหนึ่งในอนาคต อย่างไรก็ตาม ดีลนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนายทวารดัตช์กำลังเป็นตัวเลือกหลักภายใต้การคุมทีมของ ฟาเบียน เฮอร์เซเลอร์ และตัวนักเตะเองก็อาจยังไม่รีบร้อนย้ายออกก่อนฟุตบอลโลก 2026

ในส่วนของรายา แม้ยังไม่ได้ยึดตำแหน่งเบอร์หนึ่งแบบถาวรกับอาร์เซน่อล แต่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะหากราชันชุดขาวต้องการใครสักคนที่มีประสบการณ์สูงในระดับพรีเมียร์ลีก

สถานการณ์ในถิ่นซานติอาโก เบร์นาเบว ยังต้องจับตาอนาคตของ อังเดรย์ ลูนิน นายประตูทีมชาติยูเครน ที่ลงเล่นในรอบน็อคเอาท์ของยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลก่อนถึง 6 จาก 7 นัด และทำผลงานได้น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยังไม่ได้รับโอกาสต่อเนื่อง นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในปี 2018 โดยมีสถิติลงเล่นเพียง 60 นัดกับทีมชุดใหญ่ และอาจพิจารณาย้ายออกในตลาดซัมเมอร์นี้

เรอัล มาดริด กำลังวางรากฐานระยะยาวในหลายตำแหน่ง และตำแหน่งผู้รักษาประตูก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่พวกเขาไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะหากการเปลี่ยนถ่ายยุคในตำแหน่งผู้จัดการทีมที่คาดว่าจะเป็น ชาบี อลอนโซ่ เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ

หงส์เดินเครื่อง! ทุ่ม 40 ล้านยูโร ล่าแบ็กจอมบุกเลเวอร์ฯ

0

ลิเวอร์พูลกำลังเร่งเครื่องในการเดินหน้าคว้าตัว เจเรมี ฟริมปง แบ็กขวาตัวจี๊ดของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น โดยล่าสุด ฟลอเรียน เพลทเทนเบิร์ก นักข่าวคนดังจาก Sky Germany ยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายเข้าสู่ขั้นตอนการเจรจาขั้นสูงแล้ว

แข้งทีมชาติเนเธอร์แลนด์รายนี้กลายเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆ ของทัพ “หงส์แดง” สำหรับตลาดซัมเมอร์นี้ โดยมีรายงานว่าทีมสเกาต์ของลิเวอร์พูลประเมินศักยภาพของเขาอย่างละเอียด ก่อนจะตัดสินใจเดินหน้าทาบทามอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อาจโบกมือลาสโมสรหลังจบฤดูกาล

สำหรับค่าฉีกสัญญาของฟริมปง คาดว่าอยู่ระหว่าง 35-40 ล้านยูโร ซึ่งเป็นราคาที่ลิเวอร์พูลพร้อมจ่ายหากสามารถตกลงเงื่อนไขส่วนตัวกับนักเตะได้

ดาวเตะวัย 24 ปี โดดเด่นไม่เพียงแค่บทบาทแบ็กขวา แต่ยังสามารถโยกไปเล่นวิงแบ็ก หรือแม้แต่ปีกทั้งสองฝั่ง ซึ่งสอดคล้องกับสไตล์การเล่นของ อาร์เน่ สล็อต กุนซือคนใหม่ของลิเวอร์พูลที่ชื่นชอบการใช้ระบบไดนามิกในแนวรับ

นับตั้งแต่ย้ายจากเซลติกมาอยู่กับเลเวอร์คูเซ่นในปี 2021 ฟริมปงก็กลายเป็นกำลังหลักของทีม โดยมีส่วนร่วมกับประตูถึง 74 ลูก จากการลงสนาม 90 นัด (ยิง 30 แอสซิสต์ 44) และมีบทบาทสำคัญในการพาต้นสังกัดคว้าดับเบิลแชมป์ ทั้งบุนเดสลีกาและเดเอฟเบ โพคาล ในฤดูกาล 2023-24

ห้ามพลาด!