Home Blog Page 20

อัล ฮิลาลพร้อมทุ่ม 200 ล้านปอนด์ดึงบรูโน่จากแมนยูฯ

0

สื่อดังอังกฤษเผย สโมสรอัล ฮิลาล จากซาอุดีอาระเบีย เตรียมเดินหน้าเต็มสูบในการคว้าตัว บรูโน่ แฟร์นันด์ส มิดฟิลด์กัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร่วมทีม โดยพร้อมเสนอค่าตอบแทนมหาศาลที่อาจสูงเกินกว่า 200 ล้านปอนด์

รายงานจาก Daily Mail ระบุว่า บรูโน่ วัย 29 ปี ซึ่งเพิ่งพลาดโอกาสคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก หลังแมนฯ ยูไนเต็ด พ่ายให้กับสเปอร์สในรอบชิงชนะเลิศ กำลังตกเป็นเป้าหมายเบอร์หนึ่งของทีมยักษ์ใหญ่แห่งลีกซาอุฯ อย่างอัล ฮิลาล ที่ต้องการเสริมแกร่งก่อนลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ซึ่งจะจัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาในช่วงกลางเดือนหน้า

ข้อเสนอที่ถูกเตรียมไว้สำหรับดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสรายนี้คือ สัญญาระยะเวลา 3 ปี พร้อมค่าเหนื่อยสุดอลังการถึง 700,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือราว 65 ล้านปอนด์ต่อปี ซึ่งจะทำให้บรูโน่มีรายได้รวมจากสัญญาฉบับนี้แตะหลัก 195 ล้านปอนด์ และอาจทะลุเกิน 200 ล้านปอนด์เมื่อรวมโบนัสต่างๆ

ทั้งนี้ บรูโน่ เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตนเปิดกว้างต่อทุกความเป็นไปได้ในอนาคต และเข้าใจดีว่าสโมสรอาจต้องพิจารณาข้อเสนอที่เหมาะสมหากมีทีมใดยื่นเข้ามา ด้วยสถานการณ์ทางการเงินของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่อาจต้องพิจารณาขายผู้เล่นบางรายเพื่อนำเงินมาเสริมทีมในช่วงซัมเมอร์

อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยังไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการอยู่ค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดต่อไป หากเงื่อนไขต่าง ๆ ลงตัว และสโมสรมีแผนการที่ชัดเจนสำหรับอนาคต

อันเชล็อตติลามาดริด โพสต์อาลัยแฟนบอล ย้ำสายใยนิรันดร์

0

คาร์โล อันเชล็อตติ เฮดโค้ชมากประสบการณ์ของเรอัล มาดริด โพสต์ข้อความซาบซึ้งผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ส่งสารถึงแฟนบอล “ราชันชุดขาว” ก่อนลงคุมทีมนัดสุดท้ายในสุดสัปดาห์นี้ พร้อมอำลาตำแหน่งเป็นครั้งที่สองในชีวิตการทำงานกับสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งสเปน

กุนซือชาวอิตาเลียน วัย 65 ปี ซึ่งกลับมารับงานคุมมาดริดอีกครั้งในปี 2021 หลังจากเคยพาทีมประสบความสำเร็จช่วงปี 2013–2015 เตรียมนำทีมลงสนามนัดอำลาในเกมลาลีกานัดสุดท้ายของฤดูกาล ที่จะพบกับเรอัล โซเซียดาด ณ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคมนี้ ก่อนเดินหน้ารับงานคุมทีมชาติบราซิลต่อไป

อันเชล็อตติ โพสต์ข้อความสุดประทับใจถึงแฟนบอลมาดริดว่า

“วันนี้เราจำต้องแยกจากกันอีกครั้ง ผมขอเก็บเกี่ยวทุกความทรงจำในช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในการกลับมาคุมทีมเป็นครั้งที่สองนี้ไว้ในหัวใจตลอดไป”

เขายังกล่าวยกย่องช่วงเวลาที่ได้อยู่กับสโมสรว่าเต็มไปด้วยความรู้สึก ความสำเร็จ และความภาคภูมิใจ พร้อมขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

“ขอบคุณท่านประธานฟลอเรนติโน่ เปเรซ ขอบคุณสโมสร นักเตะ ทีมงาน และเหนือสิ่งอื่นใดคือแฟนบอลผู้ยิ่งใหญ่ ที่ทำให้ผมรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมาดริดิสต้าอย่างแท้จริง”

“ทุกสิ่งที่เราสร้างร่วมกันจะยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลตลอดไป—ไม่ใช่แค่ชัยชนะ แต่รวมถึงแนวทางที่เราบรรลุความสำเร็จเหล่านั้นด้วย”

อันเชล็อตติยังทิ้งท้ายด้วยข้อความที่บ่งบอกถึงสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับทีม

“แม้การเดินทางครั้งใหม่จะเริ่มต้นขึ้น แต่สายใยของผมกับเรอัล มาดริด จะไม่มีวันจางหาย มันจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์”

พร้อมปิดท้ายอย่างอบอุ่นว่า

“แล้วพบกันใหม่ในไม่ช้า… ชาวมาดริดิสต้า! ฮาลา มาดริด!”

“อโมริม” พร้อมวางมือ หากไม่ใช่คำตอบที่ใช่ของแมนยู

0

รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยันว่า พร้อมอำลาตำแหน่งหากสโมสรเห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่ใช่ หลังพาทีมพ่าย ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 0-1 ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า ยูโรป้า ลีก

แม้จะวางเดิมพันทั้งหมดในฤดูกาลนี้กับการลุ้นแชมป์ยุโรปใบรอง โดยเลือกพักผู้เล่นหลักในพรีเมียร์ลีกเพื่อโฟกัสถ้วยยูโรป้า ลีก แต่สุดท้าย “ปีศาจแดง” ก็ไม่อาจสมหวัง หลังจบเกมแบบไร้สกอร์ ทำให้เสียงวิจารณ์ต่อการทำงานของกุนซือชาวโปรตุเกสเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง

อโมริม เปิดใจกับสื่อหลังเกมว่า

“หากผู้บริหารหรือแฟนบอลของสโมสรเชื่อว่าผมไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ ผมพร้อมที่จะจากไปทันที โดยไม่ขอเงินชดเชยแม้แต่ปอนด์เดียว”

“ผมจะไม่ลาออกเอง แต่ถ้าคำตัดสินคือผมไม่ใช่คำตอบ ผมก็ยอมรับ ผมเชื่อว่าวันนี้เราคุมเกมได้ดีกว่า เราแค่ขาดประสิทธิภาพในการจบสกอร์”

แม้เจ้าตัวจะยังเชื่อว่าทีมของเขาทำผลงานได้ดีกว่าในนัดชิงดำ แต่ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ แมนฯ ยูไนเต็ด จบฤดูกาลโดยไม่มีแชมป์ติดมือ ขณะที่ฟอร์มในพรีเมียร์ลีกก็ตกต่ำอย่างหนัก จนขณะนี้รั้งอันดับ 16 ของตาราง ตามหลัง สเปอร์ส ซึ่งอยู่อันดับ 17 เพียงแต้มเดียว

ฤดูกาลที่เริ่มต้นด้วยความคาดหวัง กลับกลายเป็นอีกหนึ่งปีที่น่าผิดหวังสำหรับแฟนปีศาจแดง และอนาคตของ อโมริม กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนในหมู่ผู้บริหารและกองเชียร์ทันทีหลังเสียงนกหวีดยาวที่ซาน มาเมส

ผลบอลยูโรป้า: สเปอร์สเฉือนแมนยู 1-0 ผงาดแชมป์ยูโรป้า ลีก

0

ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้ง หลังเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ฤดูกาล 2024/25 ที่สนามซาน มาเมส ประเทศสเปน จากประตูโทนของ เบรนแนน จอห์นสัน ส่งให้ “ไก่เดือยทอง” คว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 3 พร้อมคว้าตั๋วสู่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าอย่างยิ่งใหญ่ และถือเป็นถ้วยแชมป์แรกในรอบ 17 ปีของสโมสร

ไก่เฉือนหวิว – ผงาดแชมป์ยุโรปอีกคำรบ

ลูกทีมของ อังเก้ ปอสเตโคกลู ทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งตลอดทั้งเกม แม้จะเลือกพัก ซน ฮึง-มิน ไว้ที่ม้านั่งสำรอง โดยส่ง ริชาร์ลิซอน ลงคุมแนวรุกฝั่งซ้ายแทน ร่วมกับ เบรนแนน จอห์นสัน และ โดมินิก โซลันกี้

เกมนี้เปิดฉากมาด้วยความสูสี ทั้งสองทีมมีจังหวะเข้าทำพอๆ กัน โดย แมนฯ ยูไนเต็ด มีลุ้นใกล้เคียงจาก อาหมัด ดิยัลโล่ ในนาทีที่ 16 ส่วนฝั่งสเปอร์สได้จังหวะทองจากจอห์นสันแต่ยังติดเซฟของ อ็องเดร โอนาน่า

จนกระทั่งนาทีที่ 42 สเปอร์สปลดล็อกสำเร็จ เมื่อ ปาป ซาร์ เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษฝั่งขวา บอลถึง เบรนแนน จอห์นสัน ที่วิ่งเข้าชาร์จ บอลไปแฉลบแขน ลุค ชอว์ ก่อนจะเข้าประตู ซึ่งผู้ตัดสินให้เป็นประตูทันที ส่งให้ดาวเตะเวลส์รายนี้กลายเป็นฮีโร่ของทีม และยังจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังยันอยู่ – ปิดเกมอย่างมีวินัย

หลังพักครึ่ง สเปอร์สเน้นครองเกมและชะลอจังหวะเมื่อมีโอกาส ขณะที่ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ดเร่งเกมบุกอย่างต่อเนื่อง โดยมีลุ้นจาก ราสมุส ฮอยลุนด์ และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ แต่สุดท้ายยังไม่สามารถฝ่าแนวรับของ มิกกี้ ฟาน เดอ เฟ่น และ กูเยลโม่ วิคาริโอ ได้

ช่วงท้ายเกม แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนตัวเสริมเกมรุกหวังทวงประตูคืน แต่แนวรับไก่เดือยทองยังเหนียวแน่น โดยเฉพาะ วิคาริโอ ที่โชว์ฟอร์มเซฟได้หลายจังหวะสำคัญ ก่อนจะรักษาสกอร์ 1-0 ไว้ได้จนจบ 90 นาที

คว้าแชมป์ยุโรปครั้งแรกในรอบเกือบสองทศวรรษ

ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นถ้วยยุโรปใบแรกของสเปอร์สนับตั้งแต่ปี 1984 และนับเป็นแชมป์รายการเมเจอร์ครั้งแรกของสโมสรนับตั้งแต่คว้าแชมป์ลีกคัพ เมื่อฤดูกาล 2007/08 โดยยังเป็นการล้มแมนฯ ยูไนเต็ด เป็นนัดที่ 4 จากการพบกันทั้งหมดในฤดูกาลเดียวอีกด้วย

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

สเปอร์ส (4-3-3):
กูเยลโม่ วิคาริโอ – เปโดร ปอร์โร่, คริสเตียน โรเมโร่, มิกกี้ ฟาน เดอ เฟ่น, เดสตินี่ อูโดกี้ – ปาป ซาร์, อีฟส์ บิสซูม่า, โรดริโก้ เบนตันกูร์ – เบรนแนน จอห์นสัน, โดมินิก โซลันกี้, ริชาร์ลิซอน

แมนฯ ยูไนเต็ด (3-4-2-1):
อ็องเดร โอนาน่า – เลนี่ โยโร่, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – นุสซาร์ มาซราอุย, กาเซมีโร่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, พาทริก ดอร์กู – อาหมัด ดิยัลโล่, เมสัน เมาท์ – ราสมุส ฮอยลุนด์

เดอ บรอยน์ อำลาเอติฮัดซึ้ง น้ำตาคลอปิดตำนาน 10 ปีเรือใบสีฟ้า

0

เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์ระดับตำนานของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โบกมือลาสโมสรอย่างเป็นทางการ หลังลงเล่นนัดสุดท้ายในบ้านช่วยทีมเอาชนะบอร์นมัธ 3-1 เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา พร้อมกล่าวคำอำลาที่เต็มไปด้วยอารมณ์และน้ำตาต่อหน้าแฟนบอลในเอติฮัด สเตเดี้ยม

มิดฟิลด์ชาวเบลเยียมวัย 33 ปี ปิดฉากเส้นทาง 10 ปีในสีเสื้อ “เรือใบสีฟ้า” โดยลงสนามไปทั้งสิ้น 421 นัด ยิง 108 ประตู และจ่าย 177 แอสซิสต์ พร้อมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัย รวมถึงตำแหน่งจอมแอสซิสต์ประจำฤดูกาลถึง 3 ครั้ง

ในเกมอำลานัดสุดท้าย เดอ บรอยน์ ยังทิ้งสถิติระดับตำนานไว้ ด้วยการทำจำนวน “โอกาสสร้างสรรค์เกม” เทียบเท่ากับ เชสก์ ฟาเบรกาส ที่ 846 ครั้ง ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดอันดับต้นๆ ของพรีเมียร์ลีก

หลังจบเกม เดอ บรอยน์ เปิดใจอย่างสุดซึ้งท่ามกลางเสียงปรบมือจากแฟนบอลทั้งสนาม

“มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย แมนเชสเตอร์คือบ้านของผม ที่ที่ลูกๆ เกิดและเติบโต ผมกับภรรยาเดินทางมาที่นี่เพื่อหวังจะมีเส้นทางที่ดี แต่ไม่เคยคิดว่าผมจะได้อยู่กับสโมสรนี้นานถึง 10 ปี”

“เราคว้าแชมป์มาทุกรายการ ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับแฟนบอล เพื่อนร่วมทีม และเมืองแห่งนี้ มันคือเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้ และผมจะจดจำช่วงเวลานี้ตลอดไป”

หนึ่งในช่วงเวลาที่สะเทือนอารมณ์ที่สุดคือการพูดถึง “รูปปั้น” ที่เตรียมจะถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา ซึ่งเจ้าตัวตอบด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งว่า

“ผมจะอยู่กับสโมสรนี้ตลอดไป แม้ในวันที่ไม่ได้ลงเล่นอีกต่อไป เมื่อไหร่ที่ผมกลับมาที่นี่ ผมจะได้เห็นตัวเองยืนอยู่ตรงนั้น… ผมจะเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรนี้ตลอดไป”

เมื่อถูกถามว่าเขาอยากให้แฟนบอลจดจำตัวเองในฐานะอะไร เดอ บรอยน์ยิ้มและกล่าวเพียงคำเดียวว่า

“ด้วยความสุข”

การอำลาของเดอ บรอยน์ ไม่ใช่แค่การจากลา แต่เป็นการส่งต่อมรดกแห่งความสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจ และความภักดีต่อสีฟ้าแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ ที่จะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรตลอดไป.

วิเคราะห์ก่อนเกม ยูโรป้า ลีก: สเปอร์ส ดวล แมนฯ ยูไนเต็ด

0

ศึกยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ฤดูกาล 2024/25 เดินทางถึงบทสรุป โดยรอบชิงชนะเลิศจะเป็นการพบกันของสองทีมจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คือ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยจะลงสนามกันในคืนวันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2568 ที่สนามซาน มาเมส เมืองบิลเบา ประเทศสเปน เวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย


ความพร้อมของทั้งสองทีม

ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์
ลูกทีมของ อังเก้ ปอสเตโคกลู ผ่านเข้าชิงด้วยการปราบ โบโด/กลิมท์ ด้วยสกอร์รวม 4-0 แต่ยังต้องลุ้นความพร้อมผู้เล่นหลักหลายราย เจมส์ แมดดิสัน มีอาการเจ็บเข่าแม้จะเดินทางกับทีม ขณะที่ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ชวดแน่นอน ส่วน ลูคัส เบิร์กวาลล์ ฟื้นตัวจากอาการเจ็บข้อเท้า และ ปาป ซาร์ ที่บาดเจ็บจากเกมแพ้แอสตัน วิลล่า ก็อยู่ระหว่างการประเมินสภาพร่างกายก่อนเกม

ตัวเลือกในเกมรุกฝั่งซ้ายยังต้องตัดสินใจระหว่าง ซน ฮึง-มิน ที่เพิ่งหายเจ็บ กับ ริชาร์ลิซอน ขณะที่ โดมินิก โซลันกี้ จะเป็นหัวหอกตัวเป้าหลังทำผลงานได้อย่างต่อเนื่อง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รูเบน อโมริม พา “ปีศาจแดง” ถล่ม แอธเลติก บิลเบา ในรอบรองฯ ด้วยสกอร์รวม 7-1 แต่สภาพทีมยังไม่เต็มร้อย ลิซานโดร มาร์ติเนซ และ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ยังเจ็บยาว ขณะที่ โจชัว เซิร์กซี่, เลนี่ โยโร่ และ ดิโอโก้ ดาโลต์ เดินทางมากับทีม และน่าจะพร้อมมีส่วนร่วม

ในแนวรุก บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยังคงเป็นตัวความหวัง ยิงไปแล้ว 7 ประตูในรายการนี้ โดยจะสนับสนุน ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่ยืนค้ำหน้า ส่วนอีกหนึ่งตำแหน่งแนวรุกอาจเป็น การ์นาโช่ หรือ เมสัน เมาท์ ที่ทำประตูสำคัญในรอบก่อนหน้า


11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

สเปอร์ส (4-2-3-1)
กูเยลโม่ วิคาริโอ – เปโดร ปอร์โร่, โรเมโร่, ฟาน เดอ เฟ่น, อูโดกี้ – เบนตันกูร์, บิสซูม่า – เบรแน็น จอห์นสัน, ปาป ซาร์, ซน ฮึง-มิน – โซลันกี้

แมนฯ ยูไนเต็ด (3-4-2-1)
อ็องเดร โอนาน่า – ลินเดอเลิฟ, แม็กไกวร์, โยโร่ – มาซราอุย, อูการ์เต้, คาเซมิโร่, ดอร์กู – การ์นาโช่, บรูโน่ – ฮอยลุนด์


มุมมองเกม & ความเป็นไปได้

แม้สถิติการพบกันในฤดูกาลนี้จะเทไปทางฝั่งสเปอร์สที่เอาชนะยูไนเต็ดได้ทั้ง 3 นัด (รวมลีกและบอลถ้วย) แต่รอบชิงชนะเลิศในสนามกลางเช่นนี้มักเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ยูไนเต็ดมีประสบการณ์ในเกมใหญ่และขุมกำลังแน่นกว่าบ้าง แต่สเปอร์สก็มีระบบการเพรสซิ่งที่อันตราย และเล่นโต้กลับได้ดี

หากดูตามแนวโน้ม รูปเกมอาจเบียดสูสีและมีโอกาสสูงที่จะยืดเยื้อถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ หรือแม้กระทั่งการดวลจุดโทษ


สกอร์ที่คาด

เสมอ 1-1 ในเวลา 90 นาที (ต่อเวลา สเปอร์สชนะ 2-1)


สถิติ-ข้อมูลน่าสนใจก่อนเกม

  • นี่เป็นรอบชิงยูโรป้า ลีก ที่มีทีมจากประเทศเดียวกันเป็นครั้งที่ 4
  • สเปอร์ส เคยคว้าแชมป์ยูโรป้ารายการนี้ 2 ครั้ง หากชนะจะเป็นทีมอังกฤษทีมที่สองที่คว้า 3 สมัย ต่อจากลิเวอร์พูล
  • แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยนำสเปอร์สแม้แต่วินาทีเดียวใน 3 นัดที่พบกันฤดูกาลนี้
  • ทีมใดที่คว้าแชมป์นัดนี้จะกลายเป็นแชมป์จากลีกอังกฤษที่มีอันดับในลีกต่ำสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุโรป (ยูไนเต็ดจบที่ 16, สเปอร์สจบที่ 17)

รูเบน อโมริม เตือนแข้งผีแดง “ไม่มีใครจดจำผู้แพ้”

0

รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่งสารเตือนถึงนักเตะของเขาก่อนศึกยูฟ่า ยูโรป้า ลีก นัดชิงชนะเลิศกับท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่จะฟาดแข้งกันในคืนวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ ที่สนามซาน มาเมส เมืองบิลเบา ประเทศสเปน โดยย้ำว่าในฟุตบอลระดับสูง ไม่มีใครจดจำทีมที่แพ้ในรอบชิง

“ผมเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว สมัยเป็นนักเตะกับเบนฟิก้า เราเข้าชิงยูโรป้า ลีกปี 2014 และแพ้เซบีย่าด้วยการดวลจุดโทษ ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี และสิ่งเดียวที่เรียนรู้คือ – คุณต้องเป็นฝ่ายชนะ ไม่มีใครพูดถึงทีมรองแชมป์” อโมริมกล่าว

แม้การคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีกจะเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้ แต่อโมริมก็ยอมรับว่าความสำเร็จในเกมนี้อาจยังไม่เพียงพอต่อการลบล้างฤดูกาลที่น่าผิดหวังในพรีเมียร์ลีก ซึ่งทีมทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน

“เรารู้ว่าเราไม่ได้อยู่ในจุดที่เราควรจะเป็นในลีก มันเป็นฤดูกาลที่น่าหงุดหงิด แต่เราต้องตอบแทนสโมสรและแฟนบอลให้ได้บ้าง อย่างน้อยที่สุดคือชัยชนะในเกมนัดชิงนี้” เขากล่าวเสริม

อโมริมยังพูดถึงการตัดสินใจภายในทีม โดยเฉพาะเรื่องผู้เล่นตัวจริงในเกมชิงดำที่เป็นหัวข้ออ่อนไหวสำหรับนักเตะทุกคน

“ผมรู้ดีว่ามันไม่ง่ายสำหรับใครก็ตามที่ไม่มีชื่อใน 11 ตัวจริง แต่เรามีนักเตะหลายคนเจ็บ และทุกคนต้องพร้อม แม้จะได้ลงไม่กี่นาทีก็มีความหมาย เพราะถ้าเราคว้าแชมป์ ทุกคนในทีมจะเป็นแชมป์เหมือนกันหมด”

กุนซือวัย 39 ปีทิ้งท้ายถึงบทบาทของตัวเองว่า “ในฐานะโค้ช หน้าที่ของผมคือเตรียมทีม พูดให้ถูกในเวลาที่เหมาะสม ช่วยเหลือทีมงานทุกทางเพื่อให้เรามีโอกาสดีที่สุด และสิ่งสำคัญที่สุดในเกมนี้คือ ต้องชนะ เท่านั้น”

ยามาลรับเบอร์ 10 บาร์ซ่าเตรียมต่อสัญญา-ตั้งค่าฉีกพันล้านยูโร

0

สื่อดังในสเปนรายงานว่า บาร์เซโลน่า เตรียมประกาศข่าวใหญ่ภายในซัมเมอร์นี้ ด้วยการมอบเสื้อหมายเลข 10 อันเป็นตำนานให้กับ ลามีน ยามาล ดาวรุ่งพรสวรรค์สูงวัย 17 ปี พร้อมขยายสัญญาระยะยาวผูกอนาคตกับทีม

ยามาล ซึ่งปัจจุบันสวมเสื้อหมายเลข 19 กลายเป็นความหวังใหม่ของ “อาซูลกราน่า” หลังสร้างผลงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยมีบทบาทสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ภายในประเทศถึง 3 รายการ และได้รับการยกย่องให้เป็นทายาททางฟุตบอลของ ลิโอเนล เมสซี่ อย่างแท้จริง

รายงานจาก Memorabilia1899.co เผยว่า การเปลี่ยนหมายเลขเสื้อครั้งนี้เกิดขึ้นหลัง อันซู ฟาติ เจ้าของเบอร์ 10 คนปัจจุบัน เตรียมอำลาถิ่นคัมป์นูหลังจบฤดูกาล 2024/25 เนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บที่ส่งผลต่อฟอร์มการเล่น จึงเปิดทางให้ยามาลก้าวขึ้นมาสวมเบอร์สำคัญของสโมสร

บาร์ซ่ามีแผนมอบสัญญาฉบับใหม่ให้กับปีกทีมชาติสเปนทันทีที่เขาอายุครบ 18 ปีในปีหน้า โดยประธานสโมสร โจน ลาปอร์ต้า มีเป้าหมายชัดเจนในการกันท่าเหล่าสโมสรเงินหนา ด้วยการวางค่าฉีกสัญญาฉบับใหม่สูงถึง 1,000 ล้านยูโร เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ซ้ำรอยกรณี เนย์มาร์ ที่ย้ายออกในปี 2017

การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนเบอร์เสื้อ แต่ถือเป็นการส่งไม้ต่ออย่างเป็นทางการของหมายเลข 10 อันเป็นสัญลักษณ์ของแข้งระดับตำนาน ไม่ว่าจะเป็น ดีเอโก มาราโดน่า, ริวัลโด้, โรนัลดินโญ่ และแน่นอน ลิโอเนล เมสซี่ ที่เคยสร้างชื่อกับหมายเลขนี้ในถิ่นคัมป์นู


สรุปสถานการณ์:

  • ลามีน ยามาล เตรียมเปลี่ยนมาสวมเบอร์ 10 บาร์ซ่าในฤดูกาลหน้า
  • อันซู ฟาติ จะอำลาทีมหลังจบฤดูกาล 2024/25
  • บาร์เซโลน่าเตรียมต่อสัญญาระยะยาวกับยามาล พร้อมตั้งค่าฉีก 1 พันล้านยูโร
  • การมอบเบอร์ 10 เป็นสัญลักษณ์ความเชื่อมั่นจากสโมสร สู่การสืบทอดตำนานใหม่

ยามาลจะรับภาระความหวังของทีมในยุคเปลี่ยนผ่าน และทุกสายตาจะจับจ้องว่าเขาจะก้าวขึ้นมาแบกรับหมายเลขประวัติศาสตร์นี้ได้อย่างไรในฤดูกาลหน้า.

วิเคราะห์ก่อนเกม: แมนฯ ซิตี้ ปะทะ บอร์นมัธ

0

การแข่งขันพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคมนี้ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เตรียมเปิดรังเอติฮัด สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ บอร์นมัธ โดยเจ้าบ้านต้องการชัยชนะเพื่อไล่ล่าตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก หลังเพิ่งพลาดแชมป์เอฟเอ คัพ ขณะที่ทีมเยือนยังมีลุ้นเล็กๆ กับการไปเล่นยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก


ความพร้อมก่อนเกม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เตรียมโรเตชั่นนักเตะจากเกมที่พ่าย คริสตัล พาเลซ ในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ 0-1 โดยคาดว่าจะส่ง เอแดร์ซอน กลับมาลงเฝ้าเสาอีกครั้งแทน สเตฟาน ออร์เตก้า ส่วน มาเตโอ โควาซิช ยังต้องลุ้นความฟิต เช่นเดียวกับโอกาสของ เคลาดิโอ เอเชเวร์รี่ มิดฟิลด์อนาคตไกลชาวอาร์เจนไตน์ วัย 19 ปี ที่อาจได้ประเดิมสนามพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก หลังมีชื่อลงเล่นในถ้วยเอฟเอ คัพ มาแล้ว

บอร์นมัธ
ฝั่งของ อันโดนี่ อิราโอล่า เจอปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายราย ทั้ง อเล็กซ์ สกอตต์ (กรามหัก), หลุยส์ ซินิสเตร์ร่า, เอเนส อูนาล, ไรอัน คริสตี้ และ ดังโก้ วัตตาร่า ที่ยังไม่พร้อมใช้งาน อย่างไรก็ดี ดีน เฮาเซ่น กองหลังดาวรุ่งที่เตรียมย้ายไป เรอัล มาดริด จะได้โอกาสลงสนามอีกครั้ง ส่วน มิลอส เคอร์เคซ แบ็กซ้ายฮังการีที่กำลังตกเป็นข่าวกับ ลิเวอร์พูล ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในแนวรับ


รายชื่อ 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1):
เอแดร์ซอน – มาเตอุส นูเนส, รูเบน ดิอาส, ยอชโก้ กวาร์ดิโอล, นิโก้ โอเรลลี่ – นิโก้ กอนซาเลซ, อิลคาย กุนโดอัน – ซาวินโญ่, เควิน เดอ บรอยน์, โอมาร์ มาร์มูช – เออร์ลิง ฮาลันด์

บอร์นมัธ (4-2-3-1):
เกปา อาร์รีซาบาลาก้า – อดัม สมิธ, อิลลีย่า ซาบาร์นี่, ดีน เฮาเซ่น, มิลอส เคอร์เคซ – ลูอิส คุก, ไทเลอร์ อดัมส์ – อองตวน เซเมนโย่, จัสติน ไคลเวิร์ต, เจมส์ เทเวอร์เนียร์ – เอวานิลซอน


สถิติที่น่าสนใจ

  • ซิตี้ชนะรวดใน 7 เกมลีกหลังสุดที่พบกับบอร์นมัธในบ้าน ยิงได้รวม 10 ประตูใน 2 เกมหลังสุดที่เอติฮัด
  • บอร์นมัธพ่ายไปถึง 10 จาก 11 เกมเยือนล่าสุดในการเจอกับแมนฯ ซิตี้ รวมทุกรายการ
  • บอร์นมัธเคยเก็บผลเสมอ 3-3 ได้เพียงครั้งเดียวเมื่อปี 1989 ที่สนามเมน โร้ด ในระดับดิวิชั่น 2
  • ฤดูกาลนี้ บอร์นมัธเคยชนะซิตี้ 2-1 ที่บ้านตัวเองในลีก และหวังจะทำสถิติชนะ “เหย้า-เยือน” ครั้งแรก แต่แพ้ไปก่อนในเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองฯ 1-2

บทวิเคราะห์เกม

ซิตี้กลับมาเล่นในบ้านด้วยความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมหลังผิดหวังจากเกมนัดชิงบอลถ้วย แต่อาจเจอความเหนื่อยล้าและแรงกดดันจากสถานการณ์ลุ้นท็อปโฟร์ บอร์นมัธภายใต้การคุมทีมของอิราโอล่า มีเกมเยือนที่แข็งแกร่ง และมักทำผลงานได้ดีเวลาเจอกับทีมใหญ่ มีโอกาสแบ่งแต้มจากเกมนี้หากรับแน่นและฉวยโอกาสจากจังหวะสวนกลับได้ดี

สกอร์ที่คาด: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 บอร์นมัธ

โรนัลโด้ จูเนียร์ กด 2 ลูก พาโปรตุเกส U15 ซิวแชมป์โครเอเชีย

0

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น! คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จูเนียร์ ลูกชายของซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง ยิงสองประตูสำคัญช่วยให้ทีมชาติโปรตุเกสรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี เอาชนะเจ้าภาพโครเอเชีย 3-2 ผงาดคว้าแชมป์รายการ วลัตโก มาร์โควิช ทัวร์นาเมนต์ ที่ประเทศโครเอเชีย

เกมนี้เป็นการลงสนามนัดที่ 4 ของหัวหอกวัย 14 ปีในนามทีมชาติ U15 ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง โดยซัดประตูแรกด้วยลูกยิงสุดงามพุ่งชนคานเข้าไป พร้อมฉลองประตูด้วยท่าดีใจ “SIU” อันเป็นซิกเนเจอร์ของคุณพ่อระดับตำนานอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ส่วนประตูที่สอง เจ้าตัวใช้ความสูงและการอ่านเกมโหม่งบอลเข้าไปอย่างเด็ดขาด กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม

หลังจบเกม โรนัลโด้ ซีเนียร์ ซึ่งกำลังค้าแข้งกับอัล นาสเซอร์ ในลีกซาอุฯ ได้โพสต์คลิปจังหวะการทำประตูของลูกชายผ่าน Instagram พร้อมใส่อิโมจิ “🔥” แสดงความภาคภูมิใจอย่างเต็มเปี่ยม

ขณะเดียวกัน สื่อต่างประเทศรายงานว่า ผลงานของโรนัลโด้ จูเนียร์ ในระดับเยาวชนกำลังดึงดูดความสนใจจากหลายสโมสรใหญ่ในยุโรป โดยเฉพาะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อดีตต้นสังกัดของพ่อ อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามกันต่อไปว่า เส้นทางลูกหนังของเขาจะสามารถก้าวไปสู่ระดับเดียวกับผู้เป็นพ่อได้หรือไม่

ห้ามพลาด!