Home Blog Page 21

เผยสถานะการเงิน 20 ทีมพรีเมียร์ลีกภายใต้กฎ PSR ปี 2024-25

0

แฟนบอลพรีเมียร์ลีกต่างจับตาสถานะการเงินของสโมสรที่ตนรักอย่างใกล้ชิด เมื่อใกล้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของรอบบัญชีปี 2024-25 ซึ่งจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กำหนดความเคลื่อนไหวในตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์นี้ โดยเฉพาะภายใต้กฎ “Profit and Sustainability Rules” (PSR) ของพรีเมียร์ลีก ที่กำลังเข้มข้นและจริงจังมากขึ้นกว่าที่เคย

กฎ PSR มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการใช้จ่ายของสโมสรไม่ให้เกินตัว โดยกำหนดเพดานการขาดทุนรวมสูงสุดไว้ที่ 105 ล้านปอนด์ภายในระยะเวลา 3 ปี ทั้งนี้ ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเยาวชน, ฟุตบอลหญิง และโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามแข่งและศูนย์ฝึกซ้อม

ล่าสุด The Athletic สื่อชั้นนำของอังกฤษ ได้เผยแพร่ข้อมูลประมาณการว่าแต่ละสโมสรในพรีเมียร์ลีกยังสามารถขาดทุนได้อีกเท่าใดก่อนจะเสี่ยงต่อการละเมิดกฎ PSR โดยเป็นการประเมินจากข้อมูลทางบัญชีและแนวโน้มการใช้จ่ายของสโมสร

เชลซีกลับมาเหนือความคาดหมาย

แม้จะเป็นทีมที่ลงทุนมหาศาลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เชลซีกลับมีสถานะทางการเงินแข็งแกร่งจนน่าประหลาดใจ โดยยังมี “ช่องว่าง” ในการขาดทุนได้อีกมากถึง 300 ล้านปอนด์ ซึ่งมากที่สุดในลีก อย่างไรก็ตาม สโมสรยังคงต้องระวังเรื่องการทำธุรกรรมภายในกลุ่มบริษัท ที่อาจเข้าข่ายละเมิดกฎ Financial Fair Play (FFP) ของยูฟ่า หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด

ทีมที่พร้อมใช้เงินแบบไร้กังวล

ไบรท์ตัน, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และสเปอร์ส ต่างก็อยู่ในกลุ่มที่มีความยืดหยุ่นทางการเงินสูง โดยแต่ละทีมสามารถขาดทุนได้มากกว่า 275 ล้านปอนด์ แบบไม่ละเมิดกฎ อาร์เซน่อล, เวสต์แฮม, คริสตัล พาเลซ และน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ก็อยู่ในระดับปลอดภัยเช่นกัน

กลุ่มเสี่ยงต้องบริหารอย่างระมัดระวัง

สำหรับทีมอย่างนิวคาสเซิ่ล, เอฟเวอร์ตัน, ลีดส์ และเบิร์นลี่ย์ นั้นจัดว่าอยู่ในระดับที่มีความเสี่ยงเล็กน้อย หากใช้จ่ายเกินตัวโดยไม่บริหารอย่างรอบคอบ อาจเผชิญกับบทลงโทษได้เช่นกัน

แอสตัน วิลล่า งานเข้าหนัก

สถานการณ์ของแอสตัน วิลล่า ดูน่ากังวลมากที่สุดในบรรดาทั้ง 20 ทีม โดยมีช่องว่างให้ขาดทุนได้เพียง 15 ล้านปอนด์ เท่านั้น หลังจากขาดทุนก่อนหักภาษีไปกว่า 206.2 ล้านปอนด์ ตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งมากที่สุดในลีกในช่วงเวลาดังกล่าว

ตารางอันดับ “สถานะ PSR” ของแต่ละสโมสร (คาดการณ์โดย The Athletic)

อันดับสโมสรขาดทุนได้สูงสุดในปี 2024-25 (ก่อนหักภาษี)
1เชลซี£300 ล้าน
2ไบรท์ตัน£295 ล้าน
3แมนฯ ซิตี้£292 ล้าน
4สเปอร์ส£277 ล้าน
5แมนฯ ยูไนเต็ด£141 ล้าน
6อาร์เซน่อล£97 ล้าน
7เวสต์แฮม£95 ล้าน
8คริสตัล พาเลซ£90 ล้าน
9ฟอเรสต์£85 ล้าน
10นิวคาสเซิ่ล£83 ล้าน
11ฟูแล่ม£77 ล้าน
12ลิเวอร์พูล£75 ล้าน
13เบรนท์ฟอร์ด£58 ล้าน
14วูล์ฟแฮมป์ตัน£56 ล้าน
15ลีดส์£42 ล้าน
16เอฟเวอร์ตัน£39 ล้าน
17บอร์นมัธ£35 ล้าน
18ซันเดอร์แลนด์£33 ล้าน
19เบิร์นลี่ย์£20 ล้าน
20แอสตัน วิลล่า£15 ล้าน

หมายเหตุ: ตัวเลขข้างต้นเป็นการประมาณการณ์ของ The Athletic สำหรับปีงบประมาณ 2024-25 โดยประเมินจากหลักเกณฑ์ของ PSR ที่ใช้ในรอบ 3 ปี (2022-2023 ถึง 2024-2025)

ลิเวอร์พูลยื่นข้อเสนอรอบ 3 หวังปิดดีล “เวียร์ตซ์”

0

ลิเวอร์พูลเดินหน้าเต็มสูบ ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการครั้งที่ 3 ให้กับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เพื่อคว้าตัว ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมนี โดยรอบนี้มีการใส่เงื่อนไขโบนัส (แอดออน) หวังเจรจาปิดดีลให้ลุล่วงภายในซัมเมอร์นี้

รายงานจาก The Times นำโดย พอล จอยซ์ นักข่าวสายหงส์ผู้เชื่อถือได้ ระบุว่า ข้อเสนอครั้งล่าสุดของลิเวอร์พูลมีมูลค่ารวมสูงถึง 113 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 134 ล้านยูโร โดยแบ่งเป็นค่าตัวเบื้องต้น 100 ล้านปอนด์ และแอดออนเพิ่มเติมอีก 13 ล้านปอนด์

ขณะเดียวกัน ฟลอเรียน เพลตเท่นเบิร์ก นักข่าวคนดังจาก Sky Germany ก็ออกมายืนยันว่าการเจรจาระหว่างทั้งสองสโมสรมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก และใกล้บรรลุข้อตกลง แม้เลเวอร์คูเซ่นยังยืนยันมูลค่าที่ต้องการไว้ที่ 150 ล้านยูโร ก็ตาม โดยปัจจุบันช่องว่างระหว่างข้อเสนอและราคาที่ตั้งไว้เหลือเพียง ราว 13.5 ล้านปอนด์

นอกจากนั้น ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า เวียร์ตซ์ ได้บรรลุเงื่อนไขส่วนตัวกับลิเวอร์พูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าตัวต้องการย้ายมาค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ และรอเพียงสโมสรต้นสังกัดอนุมัติขั้นสุดท้ายเท่านั้น

หากการย้ายทีมเกิดขึ้นจริง ดีลดังกล่าวจะทำให้ เวียร์ตซ์ กลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก แซงหน้า เอนโซ่ แฟร์นานเดซ ที่ย้ายจากเบนฟิก้ามาร่วมทีมเชลซีด้วยค่าตัว 106.8 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2023

ใครคุมต่อ? สเปอร์สเปิดตัวเลือกกุนซือใหม่แทนปอสเตโคกลู

0

ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ตัดสินใจแยกทางกับ แอนจ์ ปอสเตโคกลู อย่างเป็นทางการในวันครบรอบ 2 ปีที่เจ้าตัวเข้ารับตำแหน่ง แม้เพิ่งนำทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีเพียงไม่กี่วันก่อนหน้า โดยสโมสรระบุว่าเป็นการตัดสินใจที่เกิดจากการประเมินผลระยะยาวและมองหาทิศทางใหม่ในการพัฒนาทีม

ขณะนี้ สโมสรดังแห่งลอนดอนเหนือกำลังพิจารณารายชื่อกุนซือที่เหมาะสมสำหรับการนำทีมลุยศึกฤดูกาลหน้า โดยมีชื่อที่น่าสนใจหลายราย ดังนี้:


ตัวเต็งกุนซือใหม่ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์:

1. โธมัส แฟรงค์
กุนซือชาวเดนมาร์กวัย 51 ปี สร้างทีมเบรนท์ฟอร์ดให้แข็งแกร่งในพรีเมียร์ลีกตลอด 6 ปีที่ผ่านมา แม้ยังไม่มีถ้วยแชมป์ติดมือ แต่แนวทางการทำทีมที่ยืดหยุ่นและไม่ยึดติดระบบ ถูกมองว่าอาจเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของสเปอร์สยุคใหม่

2. มาร์โก้ ซิลวา
นายใหญ่ฟูแล่ม ที่เคยพาทีมคว้าแชมป์ในโปรตุเกสกับสปอร์ติ้ง ลิสบอน และโอลิมเปียกอส รวมถึงนำทัพฟูแล่มเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกอย่างน่าประทับใจ เขาคือชื่อที่อยู่ในเรดาร์สเปอร์สตั้งแต่ช่วงท้ายซีซั่นที่ผ่านมา

3. โอลิเวอร์ กลาสเนอร์
ชื่อของกุนซือชาวออสเตรียได้รับเสียงสนับสนุนจากแฟนบอล หลังเคยพาแฟรงค์เฟิร์ตคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก และล่าสุดนำคริสตัล พาเลซ สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นครั้งแรกในรอบ 120 ปี

4. ชาบี เอร์นานเดซ
อดีตกุนซือบาร์เซโลน่า ที่เพิ่งแยกทางกับทีมในลาลีกา ได้รับความนิยมจากแฟนบอลสเปอร์ส ด้วยประสบการณ์คว้าแชมป์ทั้งในซาอุดีอาระเบียและสเปน รวมถึงการพัฒนานักเตะดาวรุ่ง

5. อันโดนี อิราโอล่า
กุนซือชาวสเปนวัย 42 ปี ของบอร์นมัธ เป็นอีกหนึ่งรายชื่อที่ถูกจับตา ด้วยสไตล์การเล่นเพรสซิ่งแบบพลังงานสูงที่คล้ายกับปอสเตโคกลู พร้อมผลงานจบอันดับ 9 พรีเมียร์ลีก และอดีตเคยพามิรานเดสทะลุรอบรองฯ โกปา เดล เรย์

6. โรแบร์โต เด แซร์บี
อดีตกุนซือไบรท์ตัน ที่ปัจจุบันคุมมาร์กเซย และเพิ่งพาทีมคว้ารองแชมป์ลีกเอิง นำทีมลุยแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า แต่ความเป็นไปได้ในการหวนคืนพรีเมียร์ลีกยังคงเปิดกว้าง

7. เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
ชื่อที่แฟนบอลสเปอร์สหลายคนยังเฝ้าฝันจะได้เห็นกลับมาอีกครั้ง หลังเคยพาทีมเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2019 แม้ปัจจุบันคุมทีมชาติสหรัฐอเมริกา และมีค่าฉีกสัญญาสูงที่สุดในวงการ แต่ก็ยังไม่อาจตัดชื่อเขาออกจากสารบบได้


การตัดสินใจครั้งสำคัญของบอร์ดบริหารกำลังจะถูกประกาศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่าอาจมีความชัดเจนภายในวันจันทร์หรืออังคารนี้

แฟนบอลสเปอร์สเตรียมลุ้นว่ากุนซือคนใหม่จะเป็นใคร และจะสามารถต่อยอดความสำเร็จจากแชมป์ยูโรป้า ลีก ได้หรือไม่

ผู้ตัดสินอิตาลีถูกแบน 2 ปี หลังกล่าวคำแช่งนักเตะเป็นมะเร็ง

0

เกิดเหตุการณ์อื้อฉาวในวงการฟุตบอลอิตาลี เมื่อ กาเบรียเล่ กาจเจียรี ผู้ตัดสินในลีกระดับเซเรีย ดี ถูกศาลกีฬาอิตาลีมีคำสั่งลงโทษห้ามทำหน้าที่เป็นเวลา 2 ปี หลังพบว่าเจ้าตัวใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมระหว่างเกมการแข่งขัน รวมถึงกล่าวคำแช่งผู้เล่นให้เป็นโรคมะเร็ง

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมลีกเซเรีย ดี ระหว่าง คลับ มิลาโน กับ โปร เซสโต้ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2024 โดยระหว่างการแข่งขัน กาจเจียรี ถูกกล่าวหาว่าพูดจาหยาบคายและใช้คำพูดรุนแรงใส่ อเลสซานโดร ซาลา กองกลางของทีมโปร เซสโต้ จนทำให้นักเตะถึงขั้นขอเปลี่ยนตัวออกจากสนามทันทีหลังได้ยินถ้อยคำดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เมื่อในเวลาต่อมา ซาลา กลับถูกใบแดงไล่ออกและโดนลงโทษแบนถึง 4 นัดจากคำตัดสินในเกมเดียวกัน ซึ่งต่อมาทางสโมสรโปร เซสโต้ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยระบุว่าผู้ตัดสินแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายครั้ง รวมถึงคำแช่งเกี่ยวกับโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง

หลังจากมีการสอบสวนและพิจารณาอย่างรอบด้าน ศาลกีฬาอิตาลีจึงมีคำตัดสินล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2025 ให้ลงโทษพักงาน กาเบรียเล่ กาจเจียรี จากการปฏิบัติหน้าที่เป็นระยะเวลา 2 ปีเต็ม

ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ กาจเจียรี ตกเป็นประเด็นถกเถียงเรื่องพฤติกรรมในสนาม โดยก่อนหน้านี้ เขาเคยถูกแจ้งร้องเรียนจากเหตุการณ์ในศึกโคปา อิตาเลีย ระหว่าง แอตเลติโก้ ยูรี่ กับ แลตเต้ ดอย ซึ่งมีการกล่าวหาว่าเขาแสดงพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติใส่นักเตะและทีมงานของฝั่งเจ้าบ้าน

กรณีนี้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในวงการฟุตบอลอิตาลี โดยหลายฝ่ายเรียกร้องให้มีมาตรการควบคุมและตรวจสอบผู้ตัดสินอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ซ้ำอีกในอนาคต

สเปนเฉือนฝรั่งเศส 5-4 ลิ่วชิงเนชั่นส์ลีก ดวลโปรตุเกส

0

ศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ณ สนามเอ็มเอชพี อารีน่า เมืองสตุ๊ตการ์ท ประเทศเยอรมนี เกมใหญ่ระหว่าง “กระทิงดุ” สเปน แชมป์ยูโร 2024 และเจ้าของแชมป์เนชั่นส์ ลีก ครั้งล่าสุด พบกับ “ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์ปี 2021 จบลงด้วยความมันระอุ เมื่อสเปนเฉือนชนะ 5-4 ในเกมที่ยิงกันไม่ยั้ง

สเปนเริ่มต้นได้อย่างร้อนแรง เมื่อ นีโก วิลเลียมส์ เปิดสกอร์แรกในนาที 23 ก่อนที่ มิเกล เมริโน่ จะบวกเพิ่มอีกลูกในนาที 25 จบครึ่งแรกกระทิงดุนำ 2-0

เข้าสู่ครึ่งหลัง ลามีน ยามาล ซัดจุดโทษไม่พลาดในนาที 54 และเพียงนาทีถัดมา เปดรี ยิงด้วยซ้ายให้สเปนหนีเป็น 4-0 เกมดูเหมือนขาดแล้ว แต่ฝรั่งเศสไม่ยอมง่าย ๆ เมื่อ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ยิงจุดโทษไล่มาเป็น 4-1 ในนาที 59

แม้สเปนจะได้อีกลูกจาก ยามาล ในนาที 67 เป็น 5-1 แต่ฝรั่งเศสฮึดสู้ในช่วงท้ายเกม ไล่มาแบบหายใจรดต้นคอ เริ่มจาก รายาน แชร์กี ซัดนาที 79 ต่อด้วยจังหวะสกัดพลาดของ ดานี วิเวียน ที่ทำเข้าประตูตัวเองในนาที 84 และลูกโหม่งสุดท้ายจาก ร็องดาล โกโล มูอานี่ นาที 90+3 แต่สุดท้ายไล่ไม่ทัน

จบเกม สเปน เอาตัวรอดแบบหวุดหวิด 5-4 ตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2025 ได้สำเร็จ เป็นการเข้าชิงสองสมัยติดต่อกัน โดยจะพบกับ “ฝอยทอง” โปรตุเกส ในวันที่ 8 มิถุนายนนี้ ส่วนฝรั่งเศสต้องไปชิงอันดับสามกับเจ้าภาพ เยอรมนี ในวันเดียวกัน


รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง:

สเปน (4-3-3):
อูไน ซีมอน – เปโดร ปอร์โร่, โรบิน เลอ นอร์กม็องด์, ดีน เฮาเซน, มาร์ค กูกูเรย่า – มิเกล เมริโน่, มาร์ติน ซูบีเมนดี้, เปดรี – ลามีน ยามาล, นีโก วิลเลียมส์, มิเกล โอยาร์ซาบัล

ฝรั่งเศส (4-2-3-1):
ไมค์ เมนญอง – ปิแอร์ กาลูลู, อิบราฮิมา โกนาเต้, เกลม็องต์ ล็องเลต์, เตโอ แอร์กน็องเดซ – มานู โกเน่, อาเดรียง ราบิโอต์ – อุสมาน เดมเบเล่, ไมเคิล โอลีเซ่, เดซีเร่ ดูเอ้ – คีเลียน เอ็มบัปเป้

ดิอาซไม่ย้าย! ลิเวอร์พูลปัดขาย แม้บาร์ซ่าจ้องดึงตัว

0

แม้จะยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการต่อสัญญาฉบับใหม่ แต่ลิเวอร์พูลยืนยันจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่ปล่อยตัว หลุยส์ ดิอาซ ออกจากถิ่นแอนฟิลด์ในช่วงตลาดนักเตะซัมเมอร์ 2025 ที่กำลังจะมาถึง

ปีกทีมชาติโคลอมเบีย วัย 28 ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลล่าสุด โดยทำไป 17 ประตูรวมทุกรายการ รวมถึง 13 ประตูในพรีเมียร์ลีก ช่วยให้ “หงส์แดง” ผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 แม้จะต้องลงเล่นในบทบาทหมายเลข 9 ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งถนัด หลัง ดีโอโก โชต้า เจออาการบาดเจ็บจนพักยาว 4 เดือน

แม้มีรายงานว่าทั้ง อัล นาสเซอร์ จากซาอุดีอาระเบีย และ บาร์เซโลน่า กำลังจับตาสถานการณ์ของดิอาซอย่างใกล้ชิด แต่แหล่งข่าวจากสโมสรเปิดเผยผ่าน The Times ว่า ลิเวอร์พูลไม่มีแผนพิจารณาข้อเสนอใดๆ สำหรับนักเตะรายนี้ โดย อาร์เน่ สล็อต ผู้จัดการทีมคนใหม่ มองว่าดิอาซคือกำลังสำคัญในแผนการทำทีมระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ดิอาซยังคงเหลือสัญญาอยู่กับสโมสรอีก 2 ปี และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการเริ่มต้นพูดคุยเรื่องขยายสัญญาอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความคาดหวังจากแฟนบอลว่า “หงส์แดง” จะเดินหน้าเจรจาเพื่อรั้งแข้งรายนี้ให้อยู่กับทีมต่อไปในระยะยาว

ศึกคัดบอลโลกเดือด มิ.ย. 68 บราซิล-อาร์เจนตินาเจอศึกหนัก

0

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ เดินหน้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ โดยในเดือนมิถุนายน 2568 เหล่าทีมชาติยักษ์ใหญ่เตรียมลงสนามในนัดที่ 15 และ 16 ภายใต้โปรแกรมฟีฟ่า เดย์ ระหว่างวันที่ 6-11 มิถุนายนนี้

ขณะนี้การแข่งขันในโซน CONMEBOL ลงสนามไปแล้ว 14 นัด โดยแชมป์โลกอย่าง อาร์เจนตินา ยังคงนำเป็นจ่าฝูง เก็บไปแล้ว 31 คะแนนเต็ม ตามด้วย เอกวาดอร์ ที่มี 23 แต้ม ส่วน อุรุกวัย และ บราซิล ไล่มาในอันดับ 3 และ 4 เท่ากันที่ 21 คะแนน

สำหรับรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ มีทั้งหมด 10 ทีมร่วมแข่งขัน เพื่อชิงโควตาไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจำนวน 6 ทีมครึ่ง โดยทีมอันดับ 7 จะได้สิทธิ์เพลย์ออฟกับโซนอื่น

โปรแกรมฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ เดือนมิถุนายน 2568

วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2568

  • 06:00 น. เอกวาดอร์ พบ บราซิล
  • 06:00 น. ปารากวัย พบ อุรุกวัย
  • 08:00 น. ชิลี พบ อาร์เจนตินา

เช้าวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2568

  • 03:30 น. โคลอมเบีย พบ เปรู
  • 05:00 น. เวเนซุเอลา พบ โบลิเวีย

วันพุธที่ 11 มิถุนายน 2568

  • 03:00 น. โบลิเวีย พบ ชิลี
  • 06:00 น. อุรุกวัย พบ เวเนซุเอลา
  • 07:00 น. อาร์เจนตินา พบ โคลอมเบีย
  • 07:45 น. บราซิล พบ ปารากวัย
  • 08:30 น. เปรู พบ เอกวาดอร์

ศึกในเดือนมิถุนายนนี้น่าจับตาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเกมที่ อาร์เจนตินา ต้องไปเยือน ชิลี ก่อนจะเปิดบ้านรับมือ โคลอมเบีย ขณะที่ บราซิล เองก็ไม่ง่าย เมื่อมีคิวเจอกับทั้ง เอกวาดอร์ และ ปารากวัย ซึ่งต่างก็ยังลุ้นพื้นที่ลุยเวิลด์คัพ

กัปตันผีไม่ไขว้เขว บรูโน่ปัดข้อเสนอซาอุฯ มุ่งมั่นลุยยุโรป

0

บรูโน่ แฟร์นันด์ส กองกลางกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเผยถึงเบื้องหลังการปฏิเสธข้อเสนอจำนวนมหาศาลจากสโมสรอัล ฮิลาล แห่งซาอุดีอาระเบีย โดยย้ำชัดว่าเป้าหมายของเขายังคงอยู่ที่การค้าแข้งในระดับสูงสุดของฟุตบอลยุโรป

ก่อนหน้านี้ อัล ฮิลาล ได้ยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจถึงขั้นทุ่มค่าเหนื่อยสูงถึง 700,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ พร้อมเงื่อนไขปลอดภาษี และสัญญา 3 ปี เพื่อดึงตัวมิดฟิลด์วัย 30 ปีไปร่วมทัพสำหรับศึกซาอุดี โปรลีก และเตรียมความพร้อมลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025

อย่างไรก็ตาม แฟร์นันด์ส ออกมาเปิดใจว่า แม้จะได้รับความสนใจอย่างจริงจังจากฝั่งซาอุฯ แต่เขายังไม่พร้อมเดินออกจากเส้นทางฟุตบอลระดับท็อปของยุโรปในตอนนี้

“เมื่อเดือนก่อน ประธานสโมสรของอัล ฮิลาลติดต่อผมมาโดยตรง เขาเป็นคนที่น่าประทับใจมาก และข้อเสนอของพวกเขาก็จริงจังอย่างยิ่ง” แฟร์นันด์สกล่าว

“แต่ผมได้คุยกับครอบครัว ภรรยา และแม้แต่เอเยนต์ ทุกคนสนับสนุนให้ผมคิดให้รอบคอบ ซึ่งสุดท้ายผมตัดสินใจว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคือการได้ลงเล่นในรายการใหญ่ๆ ของยุโรปต่อไป”

เจ้าตัวยังเผยว่าได้หารือกับ รูเบน อาโมริม โค้ชชาวโปรตุเกสที่พยายามชักชวนให้ย้ายทีมเช่นกัน และแม้สโมสรต้นสังกัดจะเปิดโอกาสให้ตัดสินใจได้เต็มที่ แต่เขาเลือกจะอยู่กับยูไนเต็ดต่อไปหากสโมสรยังเชื่อมั่นในตัวเขา

“มันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน ผมมีเพื่อนสนิทอย่าง ชูเอา กานเซโล ที่เล่นอยู่ที่นั่นด้วย แต่นี่เป็นเรื่องของแรงผลักดันส่วนตัว ผมยังเชื่อว่าผมสามารถเล่นในระดับสูงสุดได้ และผมยังไม่พร้อมจะเปลี่ยนเส้นทางในตอนนี้”

เป๊ป ล็อกเป้า! แมนฯ ซิตี้ เดินหน้าล่า เอต-นูรี ร่วมทีม

0

“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดฉากเดินหน้าทาบทาม รายาน เอต-นูรี แบ็กซ้ายฟอร์มเด่นของวูล์ฟแฮมป์ตัน หวังปิดดีลก่อนเปิดฤดูกาลใหม่

ความเคลื่อนไหวในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เริ่มคึกคัก เมื่อมีรายงานจาก เดวิด ออร์นสตีน ผู้สื่อข่าวจาก The Athletic ระบุว่า สโมสรแชมป์พรีเมียร์ลีกกำลังพยายามคว้าตัว รายาน เอต-นูรี แบ็กซ้ายทีมชาติแอลจีเรียของวูล์ฟแฮมป์ตัน มาร่วมทีมในเร็ววันนี้

แม้การเจรจาระหว่างทั้งสองสโมสรและตัวนักเตะวัย 23 ปียังไม่บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้าย แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเชื่อว่าการย้ายทีมมีแนวโน้มเกิดขึ้นสูง เนื่องจาก เอต-นูรี คือหนึ่งในเป้าหมายหลักที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ต้องการตัวเพื่อเพิ่มทางเลือกในเกมรับ โดยเฉพาะฝั่งซ้าย

ซิตี้กำลังมองหาผู้เล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายโดยตรง หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมาต้องใช้ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ยืนตำแหน่งนี้แบบจำเป็นในหลายเกม ขณะที่ นิโก้ โอเรลลี่ ดาวรุ่งจากทีมอะคาเดมี เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในช่วงท้ายฤดูกาล แต่ยังขาดประสบการณ์ในระดับสูง

การคว้าตัว เอต-นูรี ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในดีลสำคัญสำหรับแผนรีเฟรชทีมของเป๊ปในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยเชื่อกันว่าซิตี้มีแผนเสริมทัพถึง 4 ราย เพื่อเพิ่มขุมกำลังและรักษาความแข็งแกร่งในการลุ้นแชมป์หลายรายการในฤดูกาลหน้า

เอต-นูรี ลงเล่นให้วูล์ฟส์อย่างต่อเนื่องในฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยสไตล์การเล่นที่คล่องแคล่วทั้งเกมรุกและรับ ทำให้เขาได้รับความสนใจจากหลายทีมใหญ่ทั่วยุโรป แต่แมนฯ ซิตี้คือทีมที่แสดงความจริงจังมากที่สุดในเวลานี้

ฉลองแชมป์เดือด! แฟน PSG ดับ 2 จับกว่า 500 คนทั่วฝรั่งเศส

0

เหตุชุลมุนปะทุหนักหลัง PSG คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยแรกในประวัติศาสตร์ สองชีวิตต้องสังเวย ขณะตำรวจรวบตัวผู้ก่อเหตุวุ่นวายกว่า 500 รายทั่วประเทศ

การเฉลิมฉลองของแฟนบอลปารีส แซงต์-แชร์กแมง (PSG) หลังทีมรักคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ กลับกลายเป็นฝันร้าย เมื่อเหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้นตามเมืองใหญ่หลายแห่งทั่วฝรั่งเศส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ถูกจับกุมถึง 559 คน

ในเมืองดักซ์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เยาวชนวัย 17 ปี เสียชีวิตจากบาดแผลถูกแทงบริเวณหน้าอกเมื่อกลางดึกคืนวันเสาร์ ขณะที่อีกหนึ่งเหตุสลดเกิดขึ้นในกรุงปารีส ชายวัย 23 ปีเสียชีวิตหลังถูกรถพุ่งชน ขณะขี่สกูตเตอร์บริเวณใจกลางเมือง

กระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ตลอดช่วงค่ำคืนจนถึงเช้าตรู่วันอาทิตย์ มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 192 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 22 นาย และนักดับเพลิงอีก 7 นาย ขณะที่ความเสียหายต่อทรัพย์สินยังรวมถึงรถยนต์ถูกเผาทำลายกว่า 260 คัน โดยเฉพาะในกรุงปารีสที่มีผู้ถูกจับกุมมากถึง 491 คนจากจำนวนรวมทั้งหมด

เหตุการณ์รุนแรงปะทุขึ้นหลังจากแฟนบอลบางกลุ่มเฉลิมฉลองกันอย่างไร้การควบคุม จุดพลุ ดอกไม้ไฟ และสร้างความเสียหายต่อสาธารณสมบัติหลายจุดในเมืองหลวง ซึ่งเป็นผลพวงจากอารมณ์ร่วมที่พุ่งสูงหลังชัยชนะเหนือโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในนัดชิงชนะเลิศ

สโมสร PSG ออกแถลงการณ์ประณามความรุนแรง
สโมสรปารีส แซงต์-แชร์กแมงออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมประณามพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความสูญเสีย โดยย้ำว่าเหตุการณ์ดังกล่าว “ไม่สะท้อนถึงจิตวิญญาณและคุณค่าของแฟนบอลส่วนใหญ่ที่รักและสนับสนุนทีมอย่างสันติ”

ปธน.มาครง ลั่น ไม่ยอมให้ผู้กระทำผิดลอยนวล
ด้านประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง กล่าวประณามเหตุความรุนแรงว่า “เป็นสิ่งที่รับไม่ได้” และให้คำมั่นว่าจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับบทลงโทษอย่างเหมาะสม

แม้จะมีเหตุวุ่นวายเกิดขึ้น ขบวนพาเหรดฉลองแชมป์ของ PSG ใจกลางกรุงปารีสยังคงเดินหน้าตามกำหนดการในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ ภายใต้การรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร พร้อมควบคุมจำนวนผู้เข้าร่วมให้ไม่เกิน 100,000 คน

ภายหลังจากขบวนพาเหรด นักเตะ PSG ทั้งทีมได้เดินทางไปยังทำเนียบเอลิเซ่เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีมาครง ก่อนจะกลับไปปิดฉากค่ำคืนแห่งความทรงจำที่สนามพาร์ค เดส์ แปร็งซ์ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนบอลผู้ถือตั๋วฤดูกาลที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงานฉลองอย่างเป็นทางการ

ห้ามพลาด!