Home Blog Page 21

ผลบอลพรีเมียร์ลีก: อาร์เซน่อลเฉือนนิวคาสเซิ่ล 1-0 ไรซ์ยิงชัย

0

เดแคลน ไรซ์ กลายเป็นฮีโร่อีกครั้ง หลังซัดประตูโทนในครึ่งหลัง พา “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เปิดเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เบียดเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-0 คว้า 3 คะแนนสำคัญ การันตีอันดับรองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้อย่างเป็นทางการ

เกมนี้ มิเกล อาร์เตต้า ตัดสินใจพัก ไค ฮาแวร์ตซ์ ไว้ที่ม้านั่งสำรอง ขณะที่ เดแคลน ไรซ์ ฟิตทันกลับมาคุมแดนกลาง โดยมี เลอันโดร ทรอสซาร์, บูคาโย่ ซาก้า และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ประสานงานในแนวรุก

ฝั่งทีมเยือน นิวคาสเซิ่ล ต้องขาด อเล็กซานเดอร์ อิซัค ที่มีอาการเจ็บเล็กน้อย คัลลั่ม วิลสัน จึงได้โอกาสลงล่าตาข่าย ร่วมกับ แอนโธนี่ กอร์ดอน และ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์

เกมช่วงต้นเปิดแลกกันสนุก นาทีที่ 6 ดาบิด ราย่า เกือบแจกของขวัญให้ทีมเยือน แต่ยังเซฟลูกยิงจ่อ ๆ ของ บรูโน่ กีมาไรช์ ได้หวุดหวิด

นาที 14 เจ้าบ้านเริ่มมีจังหวะลุ้น บูคาโย่ ซาก้า เปิดเตะมุมให้ โธมัส ปาร์เตย์ ขึ้นโขก แต่ติดเซฟของ นิค โป๊ป เช่นกัน

ช่วงท้ายครึ่งแรกยังไม่มีฝ่ายใดเฉียบคมพอ จบ 45 นาทีแรกเสมอกันอยู่ 0-0

เข้าสู่ครึ่งหลังนาที 55 แฟนบอลเจ้าถิ่นได้เฮ เมื่อ มาร์ติน โอเดการ์ด วางบอลให้ เดแคลน ไรซ์ ซัดไกลด้วยขวา บอลพุ่งเสียบเสาไกลอย่างสุดสวย กลายเป็นประตูที่ 9 ของมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษในฤดูกาลนี้

แม้นิวคาสเซิ่ลจะพยายามตีเสมอ โดยมีจังหวะลุ้นจาก ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ และ โจ วิลล็อค แต่จบไม่คมพอ ขณะที่แนวรับเจ้าถิ่นยังคุมเกมไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง

จบเกม อาร์เซน่อล เฉือนชนะ นิวคาสเซิ่ล 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 71 คะแนน การันตีตำแหน่งรองจ่าฝูงเป็นปีที่สามติดต่อกัน ส่วน “สาลิกาดง” พลาดโอกาสแซงขึ้นอันดับสอง ยังคงมี 66 แต้ม เท่ากับ เชลซี และ แอสตัน วิลล่า ต้องลุ้นหนักกับตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกในช่วงโค้งสุดท้าย

ซาล่าห์ต่อสัญญาหงส์ 2 ปี ลั่นยังไม่ถอดใจล่าบัลลงดอร์

0

โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ แนวรุกทีมชาติอียิปต์ของลิเวอร์พูล ออกมาเปิดใจหลังจากเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับต้นสังกัดออกไปอีก 2 ปี โดยเจ้าตัวยืนยันชัดเจนว่าเป้าหมายสูงสุดของตนคือการคว้ารางวัลลูกบอลทองคำ หรือ “บัลลงดอร์” มาครองให้ได้สักครั้งในเส้นทางอาชีพ

ดาวยิงวัย 32 ปีทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในซีซั่นล่าสุด ช่วยให้ทัพ “หงส์แดง” ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก พร้อมทำสถิติยิงไป 33 ประตู และแอสซิสต์อีก 23 ครั้งจากทุกรายการ จนมีชื่อเข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA และมีลุ้นคว้ารองเท้าทองคำของลีกอีกหนึ่งสมัย

ซาล่าห์ยังเป็นหนึ่งในตัวเต็งลุ้นรางวัลบัลลงดอร์ในปีนี้ หลังโชว์ฟอร์มอย่างต่อเนื่องแม้ในอดีตจะไม่เคยหลุดเกินอันดับ 5 ในการจัดอันดับสุดยอดนักเตะของโลก โดยเจ้าตัวยอมรับว่าเคยรู้สึกผิดหวัง แต่ตอนนี้เลือกที่จะโฟกัสกับสิ่งที่ควบคุมได้

“ครั้งหนึ่งผมเคยรู้สึกเหมือนจะบ้ากับเรื่องนี้ มันเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา” ซาล่าห์เผยกับสื่อสโมสร
“คุณต้องเตือนตัวเองเสมอว่าคุณมีภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จในแต่ละฤดูกาล นั่นเป็นแรงผลักดันให้ผมทุ่มเทมากขึ้น”

“ผมอยากคว้าบัลลงดอร์สักวันหนึ่งจริง ๆ นี่คือความฝันที่ผมไม่เคยปิดบัง และผมจะไม่ยอมแพ้แน่นอน ถ้ามันไม่เกิดขึ้นก็ไม่เป็นไร แต่ปีนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสที่ดีมาก”

การต่อสัญญาของซาล่าห์ถือเป็นข่าวดีสำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูล และยังส่งสัญญาณว่าดาวเตะรายนี้ยังมุ่งมั่นเต็มร้อยกับเป้าหมายระดับสูงทั้งในระดับสโมสรและส่วนตัว

เป๊ปยอมรับความพ่ายแพ้ ชื่นชมพาเลซคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ

0

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมรับรู้สึกผิดหวังกับผลการแข่งขันในศึก เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่ทีมของเขาพลาดท่าให้กับ คริสตัล พาเลซ พร้อมแสดงความยินดีกับแชมป์หน้าใหม่ที่คว้าถ้วยได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

เกมที่เวมบลีย์จบลงด้วยชัยชนะของพาเลซ 1-0 จากประตูชัยของ เอเบเรชี่ เอเซ่ แม้ “เรือใบสีฟ้า” จะสร้างโอกาสได้มากมาย รวมถึงได้จุดโทษในครึ่งแรก แต่ โอมาร์ มาร์มูช ยิงไปติดเซฟของ ดีน เฮนเดอร์สัน นายทวารฟอร์มร้อนแรงของพาเลซ

หลังจบเกม กวาร์ดิโอล่า กล่าวในห้องแถลงข่าวว่า

“ขอแสดงความยินดีกับคริสตัล พาเลซ กับแชมป์เอฟเอ คัพครั้งแรก ถือเป็นก้าวสำคัญของสโมสร พวกเขาสมควรได้รับคำชื่นชม”

แม้ผลจะไม่เป็นใจ แต่กุนซือชาวสแปนิชยังมองเห็นข้อดีในฟอร์มของลูกทีม

“เราคุมเกมได้ดี โดยเฉพาะในเกมรับและการตัดเกมสวนกลับ แต่ขาดแค่ประตูเท่านั้น เราเล่นดีกว่าเกมกับเซาธ์แฮมป์ตัน เราเคลื่อนที่มากขึ้น สร้างโอกาสได้เยอะ แต่บอลไม่ยอมเข้าเอง”

เขายอมรับว่าแผนการเล่นล้มเหลวในแง่ผลลัพธ์ แม้ภาพรวมของฟอร์มจะไม่เลว

“เมื่อคุณยิงไม่ได้ คุณก็ไม่ชนะ นั่นคือความจริง แม้เราเล่นดีในหลายจังหวะ ผมไม่เสียใจ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงตรงหน้า”

ในช่วงท้ายเกมมีจังหวะปัญหาเมื่อ ดีน เฮนเดอร์สัน มีจังหวะแฮนด์บอลนอกกรอบแต่รอดพ้นใบแดงไปได้ ซึ่งเป๊ปตอบสั้น ๆ ว่า

“เรื่องนี้ไปถามผู้ตัดสินเถอะ”

แม้จะผิดหวังกับผลการแข่งขัน แต่กุนซือซิตี้ยังคงมีเป้าหมายที่ต้องเดินหน้าต่อ โดยกล่าวทิ้งท้ายว่า

“เราต้องฟื้นตัวให้เร็ว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรอบชิงอีก 2 รายการที่เหลือ และลุ้นคว้าตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้”

แรชฟอร์ดยอมลดค่าเหนื่อย หวังซบบาร์เซโลน่าซัมเมอร์นี้

0

มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าทีมชาติอังกฤษของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความตั้งใจชัดเจนในการย้ายไปค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า ในฤดูกาลหน้า โดยยินดีลดค่าเหนื่อยเพื่อให้การเจรจาเป็นไปได้ราบรื่นมากขึ้น

รายงานจาก Sport สื่อดังของสเปนระบุว่า ดาวยิงวัย 27 ปีเปิดใจอย่างเต็มที่กับโอกาสในการย้ายไปลาลีกา และมองว่าโปรเจกต์ของ ฮันซี่ ฟลิค ที่คัมป์ นู อาจเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ที่ช่วยให้เขากลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้ง หลังฤดูกาลที่ไม่สู้ดีในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด

แหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า แรชฟอร์ดถึงขั้นพร้อมลดค่าเหนื่อยของตนเองเพื่อให้การย้ายไปบาร์เซโลน่าเกิดขึ้นจริง จุดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่ชัดเจน เพราะเจ้าตัวไม่เคยพิจารณาเงื่อนไขลักษณะนี้กับสโมสรอื่น แม้จะได้รับความสนใจจากทีมในพรีเมียร์ลีกและซาอุดีอาระเบียก็ตาม

ย้อนกลับไปในช่วงตลาดเดือนมกราคมที่ผ่านมา แรชฟอร์ดเคยพยายามผลักดันการย้ายทีม โดยมีการหารือกับบาร์ซ่าเกี่ยวกับดีลยืมตัว แต่ขั้นตอนต่างๆ ถูกระงับไว้เมื่อยอดทีมจากกาตาลันเลือกมุ่งเน้นการต่อสัญญานักเตะภายในทีมเป็นหลัก

แรชฟอร์ดเคยถูกปล่อยให้ แอสตัน วิลล่า ยืมตัวใช้งาน ซึ่งเขามีส่วนร่วมในทีมอย่างต่อเนื่องก่อนจะประสบปัญหาบาดเจ็บ โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตั้งมูลค่าขายเขาไว้ที่ 40 ล้านปอนด์ ซึ่งแม้จะมีออปชั่นซื้อขาดในดีลของวิลล่า แต่รายงานล่าสุดเผยว่าทีมจากเบอร์มิงแฮมไม่พร้อมจ่ายค่าเหนื่อยระดับสูงตามที่แรชฟอร์ดคาดหวัง

ท่ามกลางความไม่แน่นอนเรื่องอนาคต แรชฟอร์ดกำลังพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมทั้งด้านกีฬาและชีวิตส่วนตัว โดยเขายังเปิดรับข้อเสนอจากสโมสรใหญ่ทั้งในอังกฤษและตะวันออกกลาง แต่เป้าหมายอันดับแรกยังคงเป็นการได้สวมเสื้อของบาร์เซโลน่าในฤดูกาลหน้า

ต้องติดตามกันต่อว่า “เจ้าบุญทุ่ม” จะขยับตัวจริงจังแค่ไหนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

แพ้อีกแล้ว! สเปอร์สพังคาวิลล่า 0-2 ทำสถิติเลวร้ายสุดตลอดกาล

0

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยังคงฟอร์มย่ำแย่ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล หลังบุกพ่าย แอสตัน วิลล่า 0-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก นัดที่ 37 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทีมของ อังเก้ ปอสเตโคกลู ทำสถิติแพ้รวมทุกรายการถึง 25 นัดในซีซั่นเดียว เป็นจำนวนสูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร เทียบเท่ากับฤดูกาล 1991-92

เกมนี้ “ไก่เดือยทอง” มีการหมุนเวียนตัวผู้เล่นหลายตำแหน่ง เพื่อเก็บความสดไว้สำหรับเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะมีขึ้นกลางสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม แผนโรเตชันกลับไม่เป็นผล เมื่อโดนเจ้าถิ่น แอสตัน วิลล่า ยิงสองประตูรวด คว้าชัยไปแบบไม่ยากเย็น

จากความพ่ายแพ้ในเกมนี้ ทำให้สเปอร์สยังคงมี 38 คะแนน รั้งอันดับ 17 ของตาราง และเผชิญความเสี่ยงที่จะจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ต่ำที่สุดในรอบหลายปี ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหนึ่งสถิติที่น่าเป็นห่วง เมื่อทีมไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้ติดต่อกันเป็นนัดที่ 12 นับเป็นสถิติที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010

ความพ่ายแพ้ต่อวิลล่ายังถือเป็นเครื่องเตือนก่อนเกมสำคัญในวันพุธที่ 21 พฤษภาคมนี้ ซึ่งพวกเขาจะลงสนามในเกมชิงดำ ยูโรป้า ลีก โดยมีเดิมพันเป็นตั๋วลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า หากคว้าแชมป์ได้

ผลบอลพรีเมียร์ลีก เชลซีดับผี 1-0 “ผีแดง” ไร้ชัย 8 นัดติด

0

วันที่ 17 พฤษภาคม – ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี เปิดบ้านเฉือนชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 จากประตูชัยของ มาร์ค คูคูเรย่า ส่งผลให้ “สิงห์บลูส์” เก็บเพิ่มเป็น 66 คะแนนจาก 37 นัด แซง แอสตัน วิลล่า ขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ด้วยผลต่างประตูได้เสียดีกว่า ขณะที่ “ปีศาจแดง” ฟอร์มในลีกยังไม่กระเตื้อง ไม่ชนะใครเป็นนัดที่ 8 ติดต่อกัน รั้งอันดับ 16 ของตาราง

รูปเกมโดยรวม

เอนโซ่ มาเรสก้า กุนซือเชลซีแก้ตัวจากเกมบุกแพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-2 ด้วยการโรเตชั่นส่ง ไทริก จอร์จ หัวหอกวัย 19 ปี ลงแทน นิโคล่าส์ แจ็คสัน ขณะที่ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด ของ รูเบน อโมริม ปรับทีม 5 จุดจากเกมพ่ายคาบ้านต่อเวสต์แฮม 0-2 โดย อ็องเดร โอนาน่า กลับมาเฝ้าเสา และ ลุค ชอว์ ประจำการแผงหลังร่วมกับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ

ตลอดครึ่งแรก เชลซีเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกใส่ มีโอกาสลุ้นหลายครั้ง ส่วนยูไนเต็ดแม้ครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อย (53%) แต่โอกาสยิงมีเพียงครั้งเดียว จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกัน 0-0

ไฮไลต์สำคัญครึ่งหลัง

  • นาที 52: อาหมัด ดิยัลโล่ ลากตัดเข้าใน ก่อนถวายพานให้ เมสัน เมาท์ ยิงเฉียดเสา
  • นาที 55: บรูโน่ แฟร์นันด์ส มีลุ้นยิงเน้นๆ แต่บอลลอยข้ามคานไปแบบน่าผิดหวัง
  • นาที 61: จังหวะชุลมุนในเขตโทษ เมื่อ อ็องเดร โอนาน่า พุ่งใส่ ไทริก จอร์จ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษในตอนแรก แต่ VAR ตรวจสอบแล้วพบว่า โอนาน่า ปัดโดนบอลก่อน ไม่ให้จุดโทษ
  • นาที 71: ประตูชัยเกิดขึ้นจากจังหวะที่ รีซ เจมส์ เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ มาร์ค คูคูเรย่า เทกตัวโหม่งเข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูที่ 5 ของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้
  • นาที 73: เชลซีเกือบได้ลูกที่สอง โคล พาลเมอร์ แทงทะลุให้ โนนี มาดูเอเก้ หลุดไปยิงหลุดกรอบอย่างไม่น่าเชื่อ
  • นาที 79: แมนยูมีลุ้นตีเสมอ อาหมัด ดิยัลโล่ โชว์สกิลเลี้ยงตัดจากขวาก่อนยิงเต็มข้อ แต่ โรเบิร์ต ซานเชซ เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

ช่วงทดเจ็บ 7 นาทีสุดท้าย ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันเต็มที่แต่ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม เชลซี คว้าชัยแบบหืดจับ 1-0 พร้อมขยับขึ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก


สถิติหลังจบเกม

  • เชลซี ชนะในลีก 4 จาก 5 นัดหลังสุด
  • แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ชนะในลีกมาแล้ว 8 นัดติดต่อกัน (เสมอ 3 แพ้ 5)
  • มาร์ค คูคูเรย่า ยิงประตูที่ 5 ของตัวเองในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

11 ตัวจริงทั้งสองทีม

เชลซี (4-2-3-1):
โรเบิร์ต ซานเชซ – รีซ เจมส์, โทซิน อาดาราบิโอโย่, ลีวาย โคลวิลล์, มาร์ค คูคูเรย่า – มอยเซส ไคเซโด้, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ – เปโดร เนโต้, โคล พาลเมอร์, โนนี มาดูเอเก้ – ไทริก จอร์จ

แมนฯ ยูไนเต็ด (3-4-2-1):
อ็องเดร โอนาน่า – วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – นุสแซร์ มาซราอุย, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, กาเซมีโร่, พาทริค ดอร์กู – อาหมัด ดิยัลโล่, เมสัน เมาท์ – ราสมุส ฮอยลุนด์

อัล อิตติฮัด ทุบ อัล ราเอ็ด 3-1 คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 10

0

อัล อิตติฮัด ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ในลีกซาอุดีอาระเบีย หลังการันตีคว้าแชมป์ ซาอุดิ โปร ลีก ฤดูกาล 2024/25 เป็นสมัยที่ 10 ได้สำเร็จ แม้ยังเหลือโปรแกรมให้ลงเล่นอีก 2 นัดก็ตาม

ในเกมนัดล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา ทัพ “เสือเหลือง” ภายใต้การนำของกัปตันทีมอย่าง คาริม เบนเซม่า บุกเยือน อัล ราเอ็ด และแม้จะเป็นฝ่ายตามหลังตั้งแต่ต้นเกม แต่ก็ตอบโต้กลับมาได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนจะเก็บชัยชนะด้วยสกอร์ 3-1

เกมเริ่มต้นได้เพียง 9 นาที เจ้าบ้าน อัล ราเอ็ด ได้ประตูออกนำก่อนจากลูกยิงของ อูมาร์ กอนซาเลซ อย่างไรก็ตาม ทีมเยือนไม่เสียขวัญ และกลับมาทำประตูตีเสมอในนาทีที่ 21 จากการยิงของ สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น

ก่อนหมดครึ่งแรกเพียง 5 นาที ดานิโล่ เปเรยร่า โขกพา อัล อิตติฮัด พลิกแซงเป็น 2-1 และเมื่อลงมาครึ่งหลังไม่ถึงสองนาที อับดุลราห์มาน อัล อาบูด ก็มากดประตูที่สาม ตอกย้ำชัยชนะให้ทีมเยือนแบบเด็ดขาด

ชัยชนะในเกมนี้ทำให้ อัล อิตติฮัด ขยับคะแนนขึ้นเป็น 77 แต้ม จาก 32 นัด ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง อัล ฮิลาล อยู่ 9 คะแนน แม้อัล ฮิลาลจะยังแข่งน้อยกว่า 1 นัด แต่ในกรณีที่คะแนนเท่ากัน อัล อิตติฮัดก็ยังได้เปรียบในเฮดทูเฮด ทำให้สามารถคว้าแชมป์ได้อย่างเป็นทางการ

ด้าน อัล นาสเซอร์ ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก หลังร่วงไปอยู่อันดับ 4 และกำลังสุ่มเสี่ยงต่อการชวดโควต้า AFC Champions League ในฤดูกาลหน้า

แชมป์ครั้งนี้ถือเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 10 ของ อัล อิตติฮัด และเป็นสัญญาณว่าโครงการ “บิ๊กโปรเจกต์” ของทีมในตลาดซื้อขาย รวมถึงการนำซูเปอร์สตาร์จากยุโรปมาเสริมทัพเริ่มส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว

บาร์เซโลน่า การันตีแชมป์ลาลีกา หลังบุกเชือดเอสปันญ่อล 2-0

0

บาร์เซโลน่า ประกาศศักดาแชมป์ลาลีกาสมัยที่ 28 อย่างเป็นทางการ หลังบุกเก็บชัยเหนือ เอสปันญ่อล 2-0 ในเกมดาร์บี้แมตช์แห่งแคว้นกาตาลุนญ่า เมื่อคืนที่ผ่านมา แม้เหลือโปรแกรมอีก 2 นัดก็ตาม

เกมนัดที่ 36 ของฤดูกาลที่สนามอาร์ซีดีอี สเตเดี้ยม เป็นการพบกันครั้งที่ 305 ระหว่างสองทีมจากกาตาลุนญ่า โดยเจ้าบ้าน เอสปันญ่อล ที่กำลังดิ้นรนหนีตกชั้น เปิดรังรับมือจ่าฝูงอย่างบาร์เซโลน่า ซึ่งต้องการเพียงชัยชนะเพื่อปิดจ็อบลุ้นแชมป์

ฝั่งเจ้าบ้าน โฆเซ่ มานูเอล กอนซาเลซ อัลบาเรซ กุนซือของเอสปันญ่อล ได้ตัว โอมาร์ เอล ฮิลาลี พ้นโทษแบนกลับมาประจำการแบ็กขวา ส่วนแนวรุกวาง ฆาเบียร์ ปัวโต้ และ โรเบร์โต้ เฟร์นานเดซ เป็นตัวทีเด็ด

ขณะที่ บาร์เซโลน่า ภายใต้การคุมทีมของ ฮันซี่ ฟลิค ไม่มี อินญีโก้ มาร์ติเนซ ที่ติดโทษแบน แต่ได้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ฟิตกลับมาลงสนาม โดยดร็อป เฟร์ราน ตอร์เรส ไว้ที่ม้านั่ง

แม้ทีมเยือนจะครองบอลได้เหนือกว่าและมีโอกาสยิงถึง 7 ครั้งในครึ่งแรก แต่ยังไม่เฉียบคมพอจะเจาะแนวรับเจ้าบ้านที่ตอบโต้ได้อันตรายเช่นกัน ทำให้จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกันแบบไร้สกอร์

เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 53 ความสามารถเฉพาะตัวของ ลามีน ยามาล ก็ปลดล็อกเกมให้ทีมเยือนจนได้ หลังประสานงานกับ ดาเนียล โอลโม่ ก่อนลากแหวกจากริมเส้นฝั่งขวาเข้ามาปั่นด้วยซ้ายส่งบอลเสียบเสาสามเหลี่ยมอย่างสุดสวย เป็นประตูที่ 8 ของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้

จากนั้นในนาทีที่ 64 บาร์ซ่าเปลี่ยนเอา เฟร์มิน โลเปซ ลงมาแทน เลวานดอฟสกี้ ที่สภาพความฟิตยังไม่เต็มร้อย

เอสปันญ่อล เกือบตีเสมอได้ในนาทีที่ 74 เมื่อ โรเบร์โต้ เฟร์นานเดซ หลุดไปยิงจ่อๆ แต่บอลตรงตัว วอยเชียค เชสนี่ และยังถูกจับล้ำหน้าไปก่อน

ช่วงท้ายเกมสถานการณ์ของเจ้าบ้านยิ่งเลวร้าย เมื่อ เลอันโดร กาเบรร่า ถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม ในนาทีที่ 79 หลัง VAR จับภาพได้ว่าใช้ท่อนแขนฟาดใส่ ลามีน ยามาล อย่างชัดเจน

ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาที 90+6 บาร์เซโลน่าตอกย้ำชัยชนะจากการประสานงานอีกครั้งของ ลามีน ยามาล ที่ผ่านบอลให้ เฟร์มิน โลเปซ ซัดด้วยขวาเข้าไปไม่เหลือ

จบเกม บาร์เซโลน่า บุกมาคว้า 3 คะแนนสำคัญ พร้อมทำแต้มเพิ่มเป็น 85 คะแนน ทิ้งห่าง เรอัล มาดริด อันดับ 2 ถึง 7 แต้ม แม้ยังเหลืออีก 2 นัด แต่ก็เพียงพอที่จะการันตีตำแหน่งแชมป์ลาลีกาฤดูกาล 2024/25 ได้สำเร็จ

ดาวรุ่งวัย 17 ปี ลามีน ยามาล คว้ารางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครองหลังมีส่วนกับทั้งสองประตู พร้อมยืนยันสถานะ “วันเดอร์คิด” ตัวจริงของทีม

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง

เอสปันญ่อล (4-2-3-1): โจน การ์เซีย – โอมาร์ เอล ฮิลาลี, มาราช กุมบุลล่า, เลอันโดร กาเบรร่า, การ์ลอส โรเมโร่ – อูร์โก้ กอนซาเลซ, โปล โลซาโน่ – อันโตนู โรก้า, เอดู เอ๊กโปซีโต้, ฆาเบียร์ ปัวโต้ – โรเบร์โต้ เฟร์นานเดซ

บาร์เซโลน่า (4-2-3-1): วอยเชียค เชสนี่ – เอริก การ์เซีย, โรนัลด์ อาเราโฮ, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, เกราร์ด มาร์ติน – เฟรงกี้ เดอ ย็อง, เปดรี้ – ลามีน ยามาล, ดาเนียล โอลโม่, ราฟินญ่า – โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

บอร์นมัธตกลงปล่อย “เฮาจ์เซ่น” จ่อโยกซบราชันชุดขาว

0

สื่อดังเผย บอร์นมัธ บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการปล่อยตัว ดีน เฮาจ์เซ่น ปราการหลังดาวรุ่งวัย 20 ปี ให้กับ เรอัล มาดริด เป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางความสนใจจากบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีกที่อาจพลาดแข้งเป้าหมายรายนี้

ตามรายงานจาก ฟาบริซิโอ โรมาโน่ ผู้เชี่ยวชาญตลาดนักเตะชาวอิตาเลียน ระบุว่า “ราชันชุดขาว” ได้บรรลุข้อตกลงกับบอร์นมัธในการดึงตัวแนวรับอนาคตไกลรายนี้ โดยดีลนี้จะมี ค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 50 ล้านปอนด์ ซึ่ง เรอัล มาดริด จะต้องชำระภายใน สิ้นปี 2026

ดีลดังกล่าวมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจาก เรอัล มาดริด เปิดโต๊ะเจรจากับตัวแทนของนักเตะโดยตรง แม้ก่อนหน้านี้ เจ้าตัวจะตกเป็นเป้าหมายของหลายทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีก อาทิ เชลซี, ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล, สเปอร์ส และนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

เฮาจ์เซ่น ผู้เกิดในประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่เลือกลงเล่นให้ทีมชาติสเปนชุดใหญ่ ย้ายจาก ยูเวนตุส มาร่วมทีมบอร์นมัธในเดือนกรกฎาคม ปี 2024 ด้วยค่าตัวเพียง 12.8 ล้านปอนด์ พร้อมสัญญาระยะยาว 6 ปี ก่อนจะพัฒนาฟอร์มจนกลายเป็นหนึ่งในเซ็นเตอร์แบ็กที่น่าจับตามองที่สุดของพรีเมียร์ลีก

หากการย้ายทีมลุล่วง เฮาจ์เซ่น จะกลายเป็นอีกหนึ่งนักเตะดาวรุ่งที่เรอัล มาดริด ดึงเข้าสู่โครงการระยะยาว เพื่อสานต่อความสำเร็จในอนาคตต่อจากรุ่นของมิลิเตา, รูดิเกอร์ และอลาบา

แมนยูแจกตั๋วจำกัด อโมริมไม่รอ ควักเงินให้ทีมงานลุยบิลเบา

0

รูเบน อโมริม เฮดโค้ชของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความใจกว้างด้วยการใช้เงินส่วนตัวจัดหาตั๋วเข้าชมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ให้กับทีมงานของเขา หลังจากไม่ได้รับสิทธิ์จากสโมสร

เกมชิงแชมป์ระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ จะมีขึ้นที่สนามซาน มาเมส เมืองบิลเบา ประเทศสเปน ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ โดยฝั่ง “ปีศาจแดง” ได้โควตาตั๋วเข้าชมทั้งสิ้น 15,000 ใบ อย่างไรก็ตาม สโมสรเลือกแจกให้นักเตะแค่คนละ 2 ใบเท่านั้น และ ทีมสตาฟฟ์ กลับถูกละเลยจากการจัดสรรตั๋วโดยตรงในรอบนี้

ทางออกของสโมสรคือเชิญทีมงานทั้งหมดไปรับชมเกมผ่านจอยักษ์ในแมนเชสเตอร์ พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มฟรี 2 แก้ว และสามารถพาแขกไปได้ 1 คน แต่ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง

ทว่าล่าสุด ESPN รายงานว่า อโมริมไม่ปล่อยให้ทีมงานที่ร่วมเหนื่อยมาตลอดฤดูกาลต้องนั่งชมอยู่ห่างไกล โดยเขาตัดสินใจซื้อบัตรเข้าชมด้วยเงินตัวเองจำนวน 30 ใบ เพื่อให้ทีมงานและครอบครัวได้มีโอกาสเดินทางไปเชียร์ติดขอบสนามในนัดประวัติศาสตร์

ในทางตรงกันข้าม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ จัดสรรตั๋วฟรีให้พนักงานประจำทุกคนคนละ 1 ใบ แสดงถึงนโยบายตอบแทนบุคลากรของสโมสรแบบเต็มที่ ต่างจากฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเลือกใช้วิธีจับฉลากตั๋วจำนวนน้อยสำหรับบุคลากรภายในเท่านั้น

การตัดงบในส่วนนี้ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายลดต้นทุนของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เข้ามาบริหารงานเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยถูกวิจารณ์จากการลดสวัสดิการของพนักงานและการปลดคนจำนวนหนึ่ง

ห้ามพลาด!