Home Blog Page 21

“4 ทีมจ้าวยุโรป!ศึกชิงถ้วย UCL 2024/25”

0

“4 มหาอำนาจลูกหนังยุโรปฝ่าด่านสู่รอบรอง! อาร์เซนอล-บาร์ซ่า-อินเตอร์-เปแอสเช จุดไฟศึกชิงจ้าวยุโรป UCL 2024/25”

🔥 เปิดอันดับทีมลุ้นแชมป์ UCL 2024/25! ใครมาแรงสุดหลังรู้ผล 4 ทีมเข้ารอบรองฯ

วันที่ 21 เมษายน 2568 – ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2024/25 เดินทางมาถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย และตอนนี้ก็เริ่มมีการประเมินโอกาสของแต่ละทีมในการคว้าแชมป์รายการใหญ่ที่สุดของยุโรปกันแล้ว

4 สโมสรที่ฝ่าด่านรอบก่อนรองชนะเลิศมาได้ ประกอบด้วย:

  • อาร์เซนอล (อังกฤษ)
  • อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี)
  • ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส)
  • บาร์เซโลนา (สเปน)

🏆 อันดับโอกาสคว้าแชมป์ UCL 2024/25 (จากโมเดลคำนวณ):

  1. บาร์เซโลนา – 28.7%
  2. อาร์เซนอล – 25.5%
  3. เปแอสเช – 24.0%
  4. อินเตอร์ มิลาน – 21.8%

ช่วงปลายเดือนนี้เตรียมเข้าสู่เกมรอบรองชนะเลิศอย่างเป็นทางการ ความเข้มข้นของการแข่งขันกำลังจะพุ่งถึงขีดสุด และหากดูจากโอกาสข้างต้น ศึก UCL ปีนี้ยังคง “เปิดกว้าง” กว่าที่เคย

ใครจะก้าวขึ้นไปคว้าถ้วย “บิ๊กเอียร์” ในฤดูกาลนี้? อีกไม่นานได้รู้กันแน่นอน!


ถ้าต้องการให้จัดอันดับตามฟอร์มการเล่นหรือสไตล์แท็กติกเพิ่มเติมก็แจ้งได้นะครับ!

แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจให้โอกาส “โอนาน่า” อยู่ต่อ!

0

“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงวางใจในตัว อ็องเดร โอนาน่า ให้เป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมต่อไปในฤดูกาลหน้า โดยมีแผนโฟกัสไปที่การเสริมความแข็งแกร่งในจุดอื่นที่มีความจำเป็นมากกว่า ตามรายงานจาก เดลี่ มิร์เรอร์ สื่อดังของอังกฤษ

แม้ฟอร์มของนายด่านทีมชาติแคเมอรูนจะถูกวิจารณ์อย่างหนักในซีซั่นนี้ จากความผิดพลาดหลายครั้งที่ส่งผลต่อผลการแข่งขัน แต่ รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมคนใหม่ ยังคงมั่นใจในศักยภาพของเจ้าตัว และมองว่าแผนการเสริมทีมช่วงซัมเมอร์ควรไปเน้นที่ตำแหน่งอื่นก่อน

โอนาน่า ย้ายมาร่วมทัพแมนฯ ยูไนเต็ด จากอินเตอร์ มิลาน เมื่อกลางปี 2023 ด้วยความหวังว่าจะมาแทนที่ ดาบิด เด เคอา อย่างไรก็ตาม ผลงานในปีแรกของเขากลับไม่เป็นไปตามความคาดหวัง โดยเฉพาะในเกมยุโรปที่มีจังหวะผิดพลาดให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง

อย่างไรก็ตาม สโมสรยังคงให้การสนับสนุนผู้รักษาประตูวัย 29 ปี และต้องการมอบโอกาสให้เขาแสดงผลงานที่ดีขึ้นในฤดูกาล 2024-25 เนื่องจากเชื่อว่าการลงทุนในตำแหน่งอื่น เช่น แบ็กซ้าย เซ็นเตอร์แบ็ก และมิดฟิลด์ตัวกลาง จะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับทีมให้กลับมาท้าทายความสำเร็จได้อีกครั้ง

ลา ลีกา การันตีส่ง 5 สโมสรลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

0

ทีมจากสเปนกลายเป็นลีกที่สอง ต่อจากอังกฤษ ที่ได้รับสิทธิ์ส่งตัวแทน 5 ทีม เข้าร่วมการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2025-26 อย่างเป็นทางการแล้ว

สถานการณ์ล่าสุดยืนยันได้หลังจากที่ แอธเลติก บิลเบา เปิดบ้านเอาชนะ เรนเจอร์ส 2-0 ในเกมยูโรปา ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกสอง ขณะที่ เรอัล เบติส บุกไปยันเสมอ ยากิเอลโลเนีย 1-1 ในศึกยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ทำให้สโมสรจากลา ลีกา สเปน มีค่าสัมประสิทธิ์สะสมในฤดูกาลนี้ถึง 23.250 แต้ม ซึ่งเพียงพอสำหรับการคว้าสิทธิ์พิเศษดังกล่าวจากระบบ “คะแนนผลงานรวม” ของยูฟ่า

ระบบใหม่นี้ของยูฟ่า จะคิดคะแนนสะสมจากผลงานของทุกสโมสรที่เข้าร่วม 3 รายการหลักของยุโรป ได้แก่ แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูโรปา ลีก และคอนเฟอเรนซ์ ลีก โดยให้ 2 คะแนนสำหรับชัยชนะ และ 1 คะแนนสำหรับผลเสมอ จากนั้นนำคะแนนรวมของทุกสโมสรในลีกเดียวกันมาหารจำนวนทีมที่เข้าร่วมจากลีกนั้น เพื่อหาค่าสัมประสิทธิ์เฉลี่ยของลีกในแต่ละฤดูกาล

ก่อนหน้านี้ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้สิทธิ์ส่ง 5 ทีมเข้าสู่ถ้วยใหญ่ของยุโรปไปก่อนแล้ว และล่าสุด ลา ลีกา สเปน ตามมาเป็นลีกที่สองที่การันตีโควตาเพิ่มเป็นพิเศษนี้

ทั้งนี้ หากในกรณีที่ แอธเลติก บิลเบา คว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้ และไม่จบใน 5 อันดับแรกของลา ลีกา สเปน ก็อาจทำให้ประเทศได้สิทธิ์ส่งทีมเข้าร่วมแชมเปี้ยนส์ลีกถึง 6 ทีมในฤดูกาลหน้า ซึ่งถือเป็นความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้นภายใต้กฎใหม่ของยูฟ่า

สำหรับแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูโรปา ลีก จะยังได้รับสิทธิ์อัตโนมัติในการเข้าร่วมรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลถัดไป หากพวกเขาไม่สามารถคว้าตั๋วผ่านอันดับในลีกได้อยู่แล้ว

แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างประวัติศาสตร์! ยิง 2 ลูกในนาทีที่ 120

0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นสโมสรแรกในประวัติศาสตร์การแข่งขันฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรป ที่สามารถทำสองประตูได้ในนาทีที่ 120 ของการแข่งขัน หลังบุกแซงเฉือนเอาชนะ โอลิมปิก ลียง แบบสุดระทึก 5-4 ในศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกสอง เมื่อคืนที่ผ่านมา

เกมที่ กรูปาม่า สเตเดี้ยม เต็มไปด้วยดราม่าจนถึงวินาทีสุดท้าย เมื่อ “ปีศาจแดง” ที่ตามหลังอยู่หลายช่วงเวลา กลับมารัว 3 ประตูในช่วง 6 นาทีสุดท้าย รวมถึงสองประตูในช่วงนาทีที่ 120 จาก ค็อบบี้ เมนู และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ช่วยให้ทีมของ รูเบน อโมริม คว้าชัยไปแบบหวุดหวิด 5-4 และทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศด้วยผลรวม 7-6

จากข้อมูลของ Opta เว็บไซต์สถิติฟุตบอลชื่อดัง ยืนยันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมแรกที่สามารถยิงได้ถึงสองประตูในนาที 120 ในเกมการแข่งขันระดับเมเจอร์ของยุโรป และยังกลายเป็นแมตช์แรกในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลยุโรปที่มีการยิงรวมถึง 5 ประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษเพียง 30 นาทีอีกด้วย

นี่ยังถือเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่จบเกมด้วยสกอร์ 5-4 โดยหนแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 1958 ในเกมลีกสูงสุดอังกฤษ (ดิวิชั่น 1 เดิม) ที่พวกเขาเฉือนชนะ อาร์เซน่อล

สำหรับรอบรองชนะเลิศ “ปีศาจแดง” จะไปดวลกับ แอธเลติก บิลเบา ตัวแทนจาก ลาลีกา สเปน โดยเกมแรกจะบุกไปเยือนที่ซาน มาเมส วันที่ 1 พฤษภาคม ก่อนกลับมาเล่นที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในนัดที่สอง วันที่ 8 พฤษภาคม

อาร์เซน่อล บุกอัด เรอัล มาดริด 2-1 เข้ารอบรองฯ UCL

0

กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ กลายเป็นฮีโร่อีกครั้ง หลังยิงประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บช่วยให้ อาร์เซน่อล บุกเอาชนะ เรอัล มาดริด 2-1 รวมผลสองนัด “เดอะ กันเนอร์ส” ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยสกอร์รวม 5-1

รูปเกมในครึ่งแรก

คาร์โล อันเชล็อตติ ตัดสินใจปรับทีมจากเกมแรก 2 ตำแหน่ง ส่ง ลูคัส บาสเกซ กับ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ลงสนาม ขณะที่แนวรุกยังใช้ คีเลียน เอ็มบัปเป้ เป็นหน้าเป้า โดยมี วินิซิอุส, เบลลิงแฮม และ โรดรีโก้ คอยสนับสนุน

ฝั่ง มิเกล อาร์เตต้า วางผู้เล่นชุดเดิม โธมัส ปาร์เตย์ ฟิตทันลงยืนกลางร่วมกับ โอเดการ์ด และ เดแคลน ไรซ์ โดยแนวรุกฝากความหวังไว้กับ ซาก้า, เมริโน่ และ มาร์ติเนลลี่

นาที 13 ทีมเยือนพลาดโอกาสทอง บูคาโย่ ซาก้า ยิงจุดโทษไปติดเซฟ กูร์กตัวส์ หลังผู้ตัดสินเช็ก VAR ย้อนหลังก่อนให้จุดโทษจากจังหวะ อเซนซิโอ ดึง เมริโน่

นาที 23 มาดริดเกือบได้จุดโทษบ้าง เมื่อ ไรซ์ ไปชน เอ็มบัปเป้ ล้มในเขต แต่ VAR กลับคำตัดสินว่าไม่ฟาวล์

ท้ายครึ่งแรก อาร์เซน่อลเกือบขึ้นนำจากลูกยิงของ มาร์ติเนลลี่ แต่ยังไม่ผ่านมือ กูร์กตัวส์ จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0 โดยเจ้าบ้านยังไม่มีโอกาสยิงตรงกรอบแม้แต่ครั้งเดียว

ครึ่งหลังเปิดเกมแลก

เปิดครึ่งหลังได้เพียง 6 นาที เดแคลน ไรซ์ เปิดให้ เมริโน่ โหม่งหลุดกรอบ ถัดมา มาดริด ตอบโต้จากลูกเตะมุม โรดรีโก้ เปิดให้ เอ็มบัปเป้ โหม่งเฉี่ยวคานออก

นาที 65 ทีมเยือนได้เฮ เมริโน่ จ่ายทะลุช่องให้ ซาก้า หลุดเข้าไปชิปข้าม กูร์กตัวส์ ส่งบอลตุงตาข่ายให้ อาร์เซน่อลนำ 1-0

แต่เพียง 2 นาทีถัดมา เรอัล มาดริด ก็ตามตีเสมอทันควันจากความผิดพลาดของแนวรับ อาร์เซน่อล เมื่อ ดาบิด ราย่า จ่ายให้ ซาลิบา ถูก วินิซิอุส ฉกบอลแล้วยิงเข้าไปไม่เหลือ

ช่วงทดเวลา นาที 90+3 ทีมเยือนมาได้ประตูปิดกล่อง จากจังหวะ เมริโน่ วางบอลยาวให้ มาร์ติเนลลี่ หลุดเดี่ยวก่อนยิงผ่านมือ กูร์กตัวส์ เข้าไปแบบเฉียบคม

จบเกม อาร์เซน่อล บุกชนะ เรอัล มาดริด 2-1 รวมสองนัดชนะขาดลอย 5-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ

ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีที่ “เดอะ กันเนอร์ส” ทะลุถึงรอบตัดเชือก UCL โดยครั้งล่าสุดต้องย้อนกลับไปในปี 2008-09 และเป็นเพียงครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสร


รายชื่อ 11 ตัวจริงทั้งสองทีม

เรอัล มาดริด (4-2-3-1) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ – ลูคัส บาสเกซ, ราอูล อเซนซิโอ, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, ดาวิด อลาบา – ออเรเลียง ชูอาเมนี่, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ – โรดรีโก้, จู๊ด เบลลิงแฮม, วินิซิอุส จูเนียร์ – คีเลียน เอ็มบัปเป้

อาร์เซน่อล (4-3-3) : ดาบิด ราย่า – ยูร์เรียน ทิมเบอร์, วิลเลี่ยม ซาลิบา, ยาคุบ คีวีออร์, ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ – โธมัส ปาร์เตย์, มาร์ติน โอเดการ์ด, เดแคลน ไรซ์ – บูคาโย่ ซาก้า, มิเกล เมริโน่, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่

“ฟาน ไดจ์ค” ขยายสัญญากับลิเวอร์พูลถึงปี 2027

0

ลิเวอร์พูล ยืนยันการต่อสัญญากับ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กัปตันทีมจอมแกร่ง ออกไปอีก 2 ปี ส่งผลให้เจ้าตัวจะอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์อย่างน้อยจนถึงปี 2027

แนวรับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ซึ่งอยู่กับสโมสรมาเกือบ 7 ปีนับตั้งแต่ย้ายจากเซาธ์แฮมป์ตันเมื่อเดือนมกราคม 2018 ได้ตกลงฝากอนาคตระยะยาวไว้กับ “หงส์แดง” ต่อไปอย่างเป็นทางการ

“ผมรู้สึกมีความสุขและภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก” ฟาน ไดจ์ค กล่าวกับเว็บไซต์สโมสร “มันเต็มไปด้วยอารมณ์ ทั้งความทรงจำ ความรัก และความผูกพันกับสโมสรแห่งนี้ ลิเวอร์พูลคือบ้านของผม และมันก็อยู่ในหัวของผมเสมอว่าที่นี่คือที่ที่ใช่”

“มีคนเรียกผมว่าเป็น ‘สเกาเซอร์ที่ถูกรับเลี้ยง’ ซึ่งผมรู้สึกดีใจอย่างที่สุดเมื่อได้ยินแบบนั้น สำหรับผมและครอบครัว ที่นี่คือสถานที่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด”

ดาวเตะวัย 33 ปี กลายเป็นหนึ่งในเสาหลักของลิเวอร์พูล และถือเป็นกองหลังระดับโลกที่มีบทบาทสำคัญในการพาทีมประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์ไปแล้วถึง 7 รายการ รวมถึง พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ฟุตบอลสโมสรโลก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ, เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ อีกสองสมัย

นับตั้งแต่รับบทกัปตันทีมเต็มตัวเมื่อซัมเมอร์ 2023 ฟาน ไดจ์ค ลงสนามให้ทีมไปแล้ว 314 นัด ทำได้ 27 ประตู พร้อมตั้งเป้าพาทีมเดินหน้าสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง

“การได้อยู่กับสโมสรนี้ต่อไปอีก 2 ปี มันคือสิ่งที่น่าทึ่ง ผมยังคงมีแรงกระตุ้น มีความฝัน และพร้อมจะช่วยทีมคว้าแชมป์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมมีความสุขมากที่ได้ต่อสัญญา และพร้อมสำหรับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า”

แมนฯ ยูไนเต็ด เล็งดึง แรมส์เดล เสริมทัพ แก้วิกฤตด่านสุดท้าย

0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังพิจารณายื่นข้อเสนอเพื่อคว้าตัว อารอน แรมส์เดล อดีตนายทวารของอาร์เซน่อล ซึ่งปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับเซาธ์แฮมป์ตัน หลังทีมกำลังเผชิญปัญหาอย่างหนักในตำแหน่งผู้รักษาประตู

สถานการณ์ของ อ็องเดร โอนาน่า ที่เพิ่งถูกดร็อปจากเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุด ซึ่ง “ปีศาจแดง” บุกไปพ่าย นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-4 ส่งผลให้กุนซือ รูเบน อโมริม เริ่มมองหาทางออกระยะยาว โดยก่อนหน้านี้ โอนาน่า ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากความผิดพลาดถึง 2 จังหวะในเกมยูโรป้าลีก รอบก่อนรองฯ นัดแรก ที่บุกเสมอ โอลิมปิก ลียง 2-2

ส่วนทางฝั่ง อัลตาย บายินดีร์ นายด่านทีมชาติตุรกี ที่ได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกในลีก ก็ไม่สามารถสร้างความประทับใจได้เช่นกัน ทำให้บอร์ดบริหารเริ่มหันมาจับตามอง แรมส์เดล อย่างจริงจัง ตามรายงานของ The Sun

แรมส์เดล ที่ย้ายจากอาร์เซน่อลไปอยู่กับเซาธ์แฮมป์ตันในฤดูกาลที่ผ่านมา มีแนวโน้มจะย้ายออกจากถิ่นนักบุญในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังสโมสรตกชั้นสู่แชมเปี้ยนชิพ โดยคาดว่ามือกาววัย 25 ปีต้องการกลับไปเล่นในพรีเมียร์ลีกเพื่อรักษาโอกาสในการติดทีมชาติอังกฤษภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล

ไม่ใช่เพียงแค่แมนฯ ยูไนเต็ดที่ให้ความสนใจ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก็เป็นอีกทีมที่ต้องการดึงตัวแรมส์เดลมาร่วมทีม โดยมี เกรแฮม พ็อตเตอร์ กุนซือคนใหม่เป็นหัวเรือใหญ่ในการผลักดันดีลนี้

ขณะเดียวกัน ฟาบริซิโอ โรมาโน นักข่าวคนดังของตลาดซื้อขาย เปิดเผยว่า โอนาน่า กำลังได้รับความสนใจจากหลายทีมในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งอาจเป็นทางออกสำหรับปีศาจแดงในการปล่อยตัวเขา และหาโกลมือหนึ่งคนใหม่มาแทนในซัมเมอร์นี้

อูไน ปลื้มแรชฟอร์ดมีอิทธิพลเกมรุก พาวิลล่าหวิดคว่ำเปแอสเช

0

อูไน เอเมรี่ ผู้จัดการทีมแอสตัน วิลล่า กล่าวชื่นชมผลงานของ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลังดาวเตะชาวอังกฤษมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในเกมที่ทีมเฉียดตีเสมอปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ

แม้ไม่มีชื่อเป็นผู้ทำประตู แรชฟอร์ดที่ถูกยืมตัวมาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มเด่นในครึ่งหลัง ช่วยกระตุ้นเกมรุกของ “สิงห์ผงาด” และสร้างปัญหาให้แนวรับของแชมป์ลีกเอิงอย่างหนัก หลังตามหลัง 0-2 ในช่วง 30 นาทีแรก รวมผลสองนัดเป็น 5-1 วิลล่ากลับมาเร่งเครื่องจนเอาชนะในเกมนี้ 3-2 ก่อนจะตกรอบไปด้วยสกอร์รวม 5-4 อย่างหวุดหวิด

กุนซือชาวสเปนกล่าวหลังจบเกมว่า เขาประทับใจกับการตอบสนองของแรชฟอร์ดและเพื่อนร่วมทีมอย่างมาก แม้สุดท้ายจะไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้สำเร็จ

“เขากลับมาอยู่ในจุดที่ดีอีกครั้ง และเราทุกคนได้เห็นแล้วว่าเขาสร้างความแตกต่างได้มากแค่ไหน” เอเมรี่กล่าว

“เมื่อเขาเล่นด้วยความมั่นใจ เขาคือหนึ่งในนักเตะที่อันตรายที่สุด และเราก็ยินดีที่ได้เขามาช่วยทีมในช่วงสำคัญแบบนี้”

แรชฟอร์ด วัย 27 ปี ยังมีอนาคตไม่แน่นอนกับต้นสังกัดแม่ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ฟอร์มในเกมนี้ทำให้เขาได้รับคำชมอย่างมาก และอาจเพิ่มความสนใจจากหลายทีมในยุโรปช่วงซัมเมอร์

เอเมรี่ยังกล่าวถึงภาพรวมของทีมว่า เขารู้สึกภาคภูมิใจในความพยายามของลูกทีม แม้ต้องยุติเส้นทางในเวทียุโรปเพียงรอบ 8 ทีมสุดท้ายก็ตาม

“เรามาไกลกว่าที่ใครคาดคิด และเราแสดงให้เห็นว่าเราพร้อมจะยืนในระดับนี้”

“การไปถึงจุดนี้คืออีกก้าวสำคัญของแอสตัน วิลล่า และเป้าหมายของเราคือการได้กลับมาเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้งในฤดูกาลหน้า”

ลูก้า โมดริช ร่วมถือหุ้น “สวอนซี ซิตี้” สะเทือนวงการลูกหนัง

0

ลูก้า โมดริช มิดฟิลด์ระดับตำนานของเรอัล มาดริด และทีมชาติโครเอเชีย กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหม่ของสโมสรสวอนซี ซิตี้ ทีมดังจากศึกแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ อย่างเป็นทางการ

ดาวเตะวัย 39 ปี เข้าร่วมกลุ่มนักลงทุนที่มีทั้ง แอนดี้ โคลแมน, เบรตต์ คราวัตต์, ไนเจล มอร์ริส และ เจสัน โคเฮน หลังกลุ่มดังกล่าวเข้าซื้อหุ้นจากอดีตเจ้าของสโมสร เจสัน เลเวียน และ สตีฟ คาเพลน เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ข่าวดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลเป็นอย่างมาก เมื่ออดีตแข้งโครแอตเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ปี 2018 เปิดเผยความรู้สึกในการก้าวเข้าสู่วงการบริหารทีมอย่างเป็นทางการ

“ผมรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสครั้งนี้ สวอนซี ซิตี้ เป็นสโมสรที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน แฟนบอลมีความกระตือรือร้น และมีความทะเยอทะยานในการกลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง” โมดริชกล่าว

“ผมยังคงลงเล่นในระดับสูงสุดอยู่ และเชื่อว่าประสบการณ์ของผมจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาของสโมสรแห่งนี้ ทั้งในสนามและด้านกลยุทธ์นอกสนาม”

แม้เจ้าตัวจะยังไม่ประกาศแขวนสตั๊ด และมีสัญญากับเรอัล มาดริด ถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2025 แต่เขาเริ่มวางรากฐานในการเปลี่ยนบทบาทสู่การเป็นเจ้าของทีมในอนาคตแล้ว

ด้านแถลงการณ์ของสวอนซีระบุว่า การเข้ามาของโมดริช ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของสโมสร พร้อมทั้งเผยว่าเขาจะมีบทบาทสำคัญในการยกระดับแบรนด์ของสโมสรในระดับนานาชาติ และส่งเสริมเป้าหมายระยะยาวของทีมในการหวนคืนสู่เวทีพรีเมียร์ลีก

ขณะที่ด้านการเงิน สโมสรเปิดเผยรายงานล่าสุดว่าขาดทุนก่อนหักภาษี 15.2 ล้านปอนด์ ในปีงบประมาณล่าสุด ซึ่งแม้จะยังเป็นตัวเลขติดลบ แต่ก็ลดลงจากปีก่อนหน้าที่เคยขาดทุน 17.9 ล้านปอนด์ โดยรายได้รวมของสโมสรในปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2024 อยู่ที่ 21.5 ล้านปอนด์

เผยค่าเหนื่อย “ซาล่าห์” สูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร

0

โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ปีกซ้ายตัวเก่งของลิเวอร์พูล ยังคงครองตำแหน่งนักเตะที่รับค่าเหนื่อยสูงสุดของสโมสร หลังบรรลุข้อตกลงต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปอีก 2 ปี ซึ่งจะทำให้เขาอยู่ค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์จนถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2027

ตามรายงานจาก คริส บาสคอมบ์ แห่ง The Telegraph ระบุว่า สัญญาฉบับใหม่นี้จะทำให้ ซาล่าห์ วัย 32 ปี รับค่าตอบแทนรวมสูงถึง 25 ล้านปอนด์ต่อปี ซึ่งเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 480,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ รวมโบนัสและสิทธิประโยชน์ต่างๆ แม้ว่าตัวเลขพื้นฐานของค่าจ้างประจำยังไม่ได้รับการเปิดเผยอย่างชัดเจน แต่คาดว่าสูงกว่าสัญญาเดิมที่เจ้าตัวเคยรับอยู่ที่ 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

ด้านสื่อในอังกฤษและอียิปต์เปิดเผยไปในทิศทางเดียวกันว่า ค่าจ้างรายสัปดาห์ของดาวยิงจากแอฟริกาอาจอยู่ที่ราว 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งยังคงสูงกว่า เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เซ็นเตอร์แบ็กกัปตันทีม ที่รับอยู่ 220,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ โดยทั้งคู่กำลังอยู่ในช่วงเจรจาสัญญาระยะยาวฉบับใหม่กับทีมเช่นกัน

ในภาพรวมของพรีเมียร์ลีก เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดาวยิงของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงครองตำแหน่งนักเตะที่รับค่าจ้างสูงสุดอยู่ที่ 500,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ตามมาด้วย ซาล่าห์ และ เควิน เดอ บรอยน์ ที่กำลังจะอำลาเรือใบในซัมเมอร์นี้ ซึ่งรับอยู่ที่ 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

สำหรับ ซาล่าห์ ย้ายจากโรม่า มาร่วมทัพลิเวอร์พูลในปี 2017 ก่อนจะกลายเป็นตำนานแห่งแอนฟิลด์ทันที โดยจนถึงตอนนี้ เจ้าตัวลงสนามไปแล้ว 394 นัด ทำได้ 243 ประตู กับอีก 111 แอสซิสต์ พาทีมคว้าแชมป์ครบเกือบทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็น พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ

ห้ามพลาด!