คาร์โล อันเชล็อตติ ใกล้เปิดตัวในฐานะหัวหน้าโค้ชทีมชาติบราซิลอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ โดยมีรายงานว่าเขาจะกลายเป็นกุนซือที่รับค่าจ้างมากที่สุดในระดับทีมชาติ

เทรนเนอร์มากประสบการณ์วัย 65 ปี เตรียมอำลาเรอัล มาดริดหลังสิ้นสุดฤดูกาล 2024/25 เพื่อไปรับภารกิจใหม่กับ “เซเลเซา” โดยตั้งเป้าพาบราซิลลุ้นแชมป์โลกในศึกฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก และแคนาดาเป็นเจ้าภาพร่วม

จากรายงานของ The Telegraph ระบุว่า อันเชล็อตติจะได้รับค่าจ้างจากสหพันธ์ฟุตบอลบราซิลสูงถึง 8 ล้านปอนด์ต่อปี หรือประมาณ 354 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในบรรดาเฮดโค้ชทีมชาติทั่วโลก

ก่อนเกมลา ลีกา นัดที่ “ราชันชุดขาว” เตรียมเปิดบ้านรับมือ มายอร์ก้า อันเชล็อตติเปิดเผยว่า

“ใช่ครับ ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม ผมจะเริ่มบทบาทใหม่ในฐานะโค้ชทีมชาติบราซิล มันเป็นความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับผม แต่ก่อนหน้านั้น ผมยังมีหน้าที่กับเรอัล มาดริด ที่ผมอยากปิดฉากอย่างมืออาชีพ”

เขายังย้ำถึงความเคารพต่อสโมสร นักเตะ และแฟนบอลของมาดริด พร้อมตั้งใจทำผลงานให้ดีที่สุดในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล

เมื่อถูกถามถึง ชาบี อลอนโซ่ อดีตลูกทีมของเขาที่มีแนวโน้มจะรับไม้ต่อในถิ่นซานติอาโก เบร์นาเบว อันเชล็อตติกล่าวชื่นชมสั้น ๆ ว่า

“ผมไม่จำเป็นต้องให้คำแนะนำใดๆ เขาเก่งอยู่แล้ว และรู้ดีว่าต้องทำอะไร”

อันเชล็อตติเตรียมโบกมือลามาดริดในช่วงที่ทีมกำลังเจอกับความผิดหวัง หลังพลาดแชมป์จากความพ่ายแพ้ต่อบาร์เซโลน่า 3-4 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตามหลังจ่าฝูงถึง 7 คะแนน ขณะที่เหลืออีกเพียง 3 นัด

ฝั่งบราซิลเอง ปัจจุบันอยู่อันดับ 4 ของโซนอเมริกาใต้ ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก โดยมีแต้มตามหลังทีมจ่าฝูง อาร์เจนตินา อยู่ 10 คะแนน หลังผ่านไป 14 นัด

มีรายงานจาก Sky Sports ว่า มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล จะได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างเต็มที่ในตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้ โดยมีงบขั้นต่ำที่ 100 ล้านปอนด์ เพื่อยกระดับขุมกำลังสำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้า นอกจากนี้ งบเสริมทัพอาจเพิ่มขึ้นได้อีก หากมีการปล่อยผู้เล่นบางรายออกจากทีม

ตามข้อมูลที่เปิดเผย “ปืนใหญ่” ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีภายใต้กฎเรื่องผลกำไรและความยั่งยืน (Profit and Sustainability Rules) ของพรีเมียร์ลีก ทำให้พวกเขาสามารถใช้จ่ายเพื่อการเสริมทัพได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องการละเมิดกฎการเงิน

หนึ่งในเป้าหมายหลักของทีมคือการดึงตัว มาร์ติน ซูบีเมนดี้ มิดฟิลด์ตัวเก่งของเรอัล โซเซียดาด โดยอาร์เซน่อลพร้อมจ่ายค่าฉีกสัญญา 60 ล้านยูโรทันทีที่ฤดูกาลปิดฉากลง

ในแนวรุก อาร์เตต้ากำลังพิจารณาเสริมกองหน้าระดับท็อป ซึ่งในลิสต์มีชื่อของ วิคตอร์ โยเคเรส หัวหอกฟอร์มแรงจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน และ เบนยามิน เชสโก้ ดาวยิงดาวรุ่งจากแอร์เบ ไลป์ซิก โดยทั้งสองรายมีค่าตัวที่ใกล้เคียงกันที่ราว 67.3 ล้านปอนด์

ส่วนแนวรับก็ไม่นิ่งนอนใจ โดยมี ดีน เฮาเซ่น เซ็นเตอร์แบ็กจากบอร์นมัธ เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ ซึ่งคาดว่าจะมีค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านปอนด์

การเสริมทัพครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอาร์เซน่อลในการขยับจากรองแชมป์ไปสู่การคว้าแชมป์อย่างแท้จริงในฤดูกาลหน้า

แม้ ติโบต์ กูร์กตัวส์ จะยังคงเป็นกำลังหลักของเรอัล มาดริด ในการล่าแชมป์ยุโรป แต่ด้วยวัยที่มากขึ้นของมือกาวชาวเบลเยียม ทำให้สโมสรเริ่มวางแผนอนาคต ด้วยการมองหาผู้รักษาประตูคนใหม่ที่อายุน้อยกว่าเพื่อรับช่วงต่อ

จากรายงานของ The Sun ระบุว่า “ราชันชุดขาว” กำลังจับตามองสองนายทวารจากพรีเมียร์ลีกอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ดาบิด รายา ของอาร์เซน่อล วัย 29 ปี และ บาร์ต แวร์บรูกเกน มือหนึ่งของไบรท์ตัน วัยเพียง 22 ปี ซึ่งทั้งคู่มีศักยภาพพอจะขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของทีมในระยะยาว

ชื่อของแวร์บรูกเกนดูจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ โดยมาดริดต้องการให้เขาเข้ามาเป็นตัวสแตนด์บายของกูร์กตัวส์ในช่วงแรก ก่อนที่จะผลักดันให้กลายเป็นมือหนึ่งในอนาคต อย่างไรก็ตาม ดีลนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนายทวารดัตช์กำลังเป็นตัวเลือกหลักภายใต้การคุมทีมของ ฟาเบียน เฮอร์เซเลอร์ และตัวนักเตะเองก็อาจยังไม่รีบร้อนย้ายออกก่อนฟุตบอลโลก 2026

ในส่วนของรายา แม้ยังไม่ได้ยึดตำแหน่งเบอร์หนึ่งแบบถาวรกับอาร์เซน่อล แต่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะหากราชันชุดขาวต้องการใครสักคนที่มีประสบการณ์สูงในระดับพรีเมียร์ลีก

สถานการณ์ในถิ่นซานติอาโก เบร์นาเบว ยังต้องจับตาอนาคตของ อังเดรย์ ลูนิน นายประตูทีมชาติยูเครน ที่ลงเล่นในรอบน็อคเอาท์ของยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลก่อนถึง 6 จาก 7 นัด และทำผลงานได้น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยังไม่ได้รับโอกาสต่อเนื่อง นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในปี 2018 โดยมีสถิติลงเล่นเพียง 60 นัดกับทีมชุดใหญ่ และอาจพิจารณาย้ายออกในตลาดซัมเมอร์นี้

เรอัล มาดริด กำลังวางรากฐานระยะยาวในหลายตำแหน่ง และตำแหน่งผู้รักษาประตูก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่พวกเขาไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะหากการเปลี่ยนถ่ายยุคในตำแหน่งผู้จัดการทีมที่คาดว่าจะเป็น ชาบี อลอนโซ่ เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ

ลิเวอร์พูลกำลังเร่งเครื่องในการเดินหน้าคว้าตัว เจเรมี ฟริมปง แบ็กขวาตัวจี๊ดของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น โดยล่าสุด ฟลอเรียน เพลทเทนเบิร์ก นักข่าวคนดังจาก Sky Germany ยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายเข้าสู่ขั้นตอนการเจรจาขั้นสูงแล้ว

แข้งทีมชาติเนเธอร์แลนด์รายนี้กลายเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆ ของทัพ “หงส์แดง” สำหรับตลาดซัมเมอร์นี้ โดยมีรายงานว่าทีมสเกาต์ของลิเวอร์พูลประเมินศักยภาพของเขาอย่างละเอียด ก่อนจะตัดสินใจเดินหน้าทาบทามอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อาจโบกมือลาสโมสรหลังจบฤดูกาล

สำหรับค่าฉีกสัญญาของฟริมปง คาดว่าอยู่ระหว่าง 35-40 ล้านยูโร ซึ่งเป็นราคาที่ลิเวอร์พูลพร้อมจ่ายหากสามารถตกลงเงื่อนไขส่วนตัวกับนักเตะได้

ดาวเตะวัย 24 ปี โดดเด่นไม่เพียงแค่บทบาทแบ็กขวา แต่ยังสามารถโยกไปเล่นวิงแบ็ก หรือแม้แต่ปีกทั้งสองฝั่ง ซึ่งสอดคล้องกับสไตล์การเล่นของ อาร์เน่ สล็อต กุนซือคนใหม่ของลิเวอร์พูลที่ชื่นชอบการใช้ระบบไดนามิกในแนวรับ

นับตั้งแต่ย้ายจากเซลติกมาอยู่กับเลเวอร์คูเซ่นในปี 2021 ฟริมปงก็กลายเป็นกำลังหลักของทีม โดยมีส่วนร่วมกับประตูถึง 74 ลูก จากการลงสนาม 90 นัด (ยิง 30 แอสซิสต์ 44) และมีบทบาทสำคัญในการพาต้นสังกัดคว้าดับเบิลแชมป์ ทั้งบุนเดสลีกาและเดเอฟเบ โพคาล ในฤดูกาล 2023-24

มีรายงานจากอังกฤษเปิดเผยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมตั้งเป้าหมายสำหรับฤดูกาล 2025-2026 ไว้เพียงการจบอันดับภายใน 6 อันดับแรกของพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นการลดความคาดหวังอย่างชัดเจน หลังจากทีมทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐานในซีซั่นนี้อย่างหนัก

ทัพ “ปีศาจแดง” ภายใต้การนำของ รูเบน อโมริม กุนซือชาวโปรตุเกส ที่เพิ่งเข้ามาคุมทีม ยังไม่สามารถพาทีมโชว์ฟอร์มได้ตามที่หวัง โดยปัจจุบันรั้งอันดับ 16 ของตารางพรีเมียร์ลีก เก็บได้เพียง 39 แต้มจาก 36 เกมลีก และแพ้ไปถึง 17 นัด ซึ่งถือเป็นสถิติที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งสำหรับสโมสรระดับนี้

ซามูเอล ลัคเฮิร์สต์ นักข่าวจาก Manchester Evening News รายงานว่า ผู้บริหารระดับสูงของสโมสรที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ยอมรับว่า การได้อันดับท็อป 6 ในฤดูกาลหน้าคือเป้าหมายที่ “เป็นไปได้และยอมรับได้” ท่ามกลางสถานการณ์ที่สโมสรอาจจบด้วยอันดับต่ำที่สุดในรอบกว่าครึ่งศตวรรษ

แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ชนะใครในพรีเมียร์ลีกมาแล้ว 7 เกมติดต่อกัน และในขณะที่เหลือโปรแกรมอีกเพียง 2 นัด ทีมก็อยู่เหนือโซนตกชั้นแค่เพียงสองอันดับเท่านั้น โดยทีมที่ตกชั้นแน่นอนแล้วในฤดูกาลนี้ล้วนเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาทั้งหมด

ย้อนกลับไปในฤดูกาล 2021-2022 “ปีศาจแดง” เคยมีผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดในยุคพรีเมียร์ลีกด้วยการเก็บได้เพียง 58 คะแนน และจบในอันดับ 6 ซึ่งในซีซั่นนั้นมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมถึงสามราย ได้แก่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, ไมเคิล คาร์ริก และราล์ฟ รังนิค

อย่างไรก็ตาม ยูไนเต็ด ยังมีโอกาสสร้างความสำเร็จในฤดูกาลนี้ หากสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ที่ตอนนี้พวกเขาทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศกับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ได้สำเร็จ โดยหากชนะจะได้ตั๋วลุยศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าแบบอัตโนมัติ ซึ่งอาจเป็นทางรอดเดียวที่เหลือของพวกเขาในฤดูกาลที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อาจชะลอการตัดสินใจเรื่องอนาคตกับ อัล นาสเซอร์ หลังผลงานของทีมในช่วงหลังสะดุดหนัก โดยสื่อดังอย่าง Marca รายงานว่า การเจรจาสัญญาฉบับใหม่ระหว่างทั้งสองฝ่ายถูกพักไว้ชั่วคราว ท่ามกลางความผิดหวังจากการพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องทั้งในลีกและบอลถ้วย

แมตช์ล่าสุดที่อัล นาสเซอร์ พลาดท่าพ่าย อัล อิตติฮัด 2-3 ในศึกซาอุดี โปรลีก เมื่อกลางสัปดาห์ ทำให้ความเชื่อมั่นของซูเปอร์สตาร์โปรตุเกสเริ่มสั่นคลอน โดยเพียงไม่กี่วันก่อนหน้านั้น พวกเขาก็เพิ่งกระเด็นตกรอบรองฯ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก จากฝีเท้าของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ตัวแทนจากญี่ปุ่น

โรนัลโด้ ซึ่งทำผลงานส่วนตัวได้ยอดเยี่ยม ยิงไปแล้ว 33 ประตูจาก 39 เกมในซีซั่นนี้ เดิมทีคาดว่าจะต่อสัญญาใหม่เพิ่มอีก 2 ปี พร้อมรับค่าเหนื่อยสูงถึง 171 ล้านปอนด์ต่อปี แต่ฟอร์มทีมที่ต่ำกว่าความคาดหวัง ทำให้เจ้าตัวขอเวลาทบทวนอนาคตอีกครั้ง โดยปัจจุบันทีมของเขารั้งเพียงอันดับ 4 ของลีก

ดาวเตะเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัย ย้ายมาร่วมทีมอัล นาสเซอร์ ตั้งแต่ต้นปี 2023 พร้อมกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการปฏิวัติเกมลูกหนังในซาอุดีอาระเบีย แต่การไร้ถ้วยแชมป์อย่างต่อเนื่องอาจทำให้เขาเริ่มเปิดใจรับฟังข้อเสนออื่น

รายงานเพิ่มเติมระบุว่า ผู้บริหารอัล นาสเซอร์อาจจำเป็นต้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการเสียนักเตะระดับโลกรายนี้ หากไม่สามารถโน้มน้าวให้โรนัลโด้เชื่อมั่นในโปรเจกต์ระยะยาวได้ โดยมีชื่อของ อัล ฮิลาล ทีมคู่แข่งร่วมลีกที่เพิ่งคว้าตั๋วสู่ศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 โผล่ขึ้นมาเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เป็นไปได้

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การบริหารของเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ยังคงเน้นนโยบายควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด โดยในเกมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ที่จะพบกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ ที่สนามซาน มาเมส ประเทศสเปน สโมสรตัดสินใจไม่จัดสรรตั๋วฟรีให้กับเจ้าหน้าที่และพนักงานเหมือนเช่นในอดีต

ทั้ง ยูไนเต็ด และ สเปอร์ส ต่างได้รับโควตาตั๋วฝั่งละประมาณ 15,000 ใบ แต่ “ปีศาจแดง” จะคัดเลือกเฉพาะพนักงานบางกลุ่มให้ได้รับสิทธิเข้าชมเกมด้วยตั๋วจำนวนจำกัด ขณะที่พนักงานส่วนใหญ่จะได้รับชมการแข่งขันผ่านการถ่ายทอดสดบนจอยักษ์ภายในเมืองแมนเชสเตอร์แทน โดยจะมีเครื่องดื่มฟรีให้ 2 แก้วต่อคน แต่ผู้ติดตามที่มาด้วยจะต้องชำระเงินเองสำหรับค่าเครื่องดื่ม

แนวทางของแมนฯ ยูไนเต็ด สะท้อนความตั้งใจในการมอบประสบการณ์ให้กับแฟนบอลเป็นหลัก ท่ามกลางความต้องการตั๋วเข้าชมที่เพิ่มสูงขึ้น และเกรงว่าการจัดสรรตั๋วให้บุคลากรภายในมากเกินไป อาจกระทบต่อโอกาสของแฟนบอลทั่วไปที่จะได้เข้าสนาม

ในทางตรงกันข้าม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เลือกแนวทางที่แตกต่าง โดยมอบบัตรเข้าชมฟรีให้กับพนักงานประจำทุกคน 1 ใบ คาดว่าจะมีพนักงานราว 700 รายที่ได้รับสิทธินี้ แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางและที่พักในเมืองบิลเบาจะสูงถึงหลักพันปอนด์ก็ตาม

เมื่อเทียบกับอดีต ยูไนเต็ด เคยออกค่าใช้จ่ายทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และอาหารให้เจ้าหน้าที่ในเกมนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 ครั้งหลังสุด รวมถึงนัดชิงยูโรป้า ลีก ปี 2017 แม้ในตอนนั้นจะได้รับตั๋วเพียง 10,000 ใบ แต่ก็มีการจัดกิจกรรมในเมืองแมนเชสเตอร์เป็นการทดแทน พร้อมบริการเครื่องดื่มฟรี

สำหรับอีกหนึ่งตัวอย่างในปีนี้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ซึ่งมีโปรแกรมชิงแชมป์ยุโรปกับ อินเตอร์ มิลาน ที่เมืองมิวนิก เยอรมนี ได้เลือกที่จะรับภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางและตั๋วเข้าชมให้กับเจ้าหน้าที่ทั้ง 600 คนของสโมสร โดยแต่ละทีมได้รับตั๋วประมาณ 19,000 ใบ

มีรายงานจากสื่ออังกฤษระบุว่า อัล ฮิลาล หนึ่งในทีมเงินถังจาก ซาอุดี โปร ลีก เตรียมเดินหน้าล่าลายเซ็นสองแนวรุกตัวเก่งของลิเวอร์พูลอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ และ หลุยส์ ดิอาซ โดยพร้อมเสนอเม็ดเงินก้อนโตเพื่อปิดดีลให้ทันก่อนศึก ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 ที่จะจัดขึ้นในสหรัฐอเมริกา

จากข้อมูลของ Caught Offside และ Liverpool Echo ทั้งสองแหล่งข่าวเผยตรงกันว่า อัล ฮิลาล ตั้งใจจะเปิดโต๊ะเจรจากับ “หงส์แดง” ทันทีที่ตลาดซื้อขายนักเตะเปิดทำการในวันที่ 1 มิถุนายน 2025 โดยเฉพาะในรายของ นูนเญซ ที่แม้จะมีสถิติยิงประตูพอสมควร แต่กลับถูกวิจารณ์เรื่องความสม่ำเสมอและโอกาสหลุดออกจากแผนในฤดูกาลหน้าเริ่มชัดเจนมากขึ้น

ขณะที่ หลุยส์ ดิอาซ แนวรุกสารพัดประโยชน์ชาวโคลอมเบีย ยังคงเหลือสัญญาในถิ่นแอนฟิลด์อีก 2 ปี แต่ตกเป็นข่าวกับหลายทีมในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าสโมสรจะมีแผนเจรจาสัญญาฉบับใหม่กับเจ้าตัวในซัมเมอร์นี้ และ อาร์เน่ สล็อต กุนซือใหม่ของทีม ก็มีท่าทีไม่อยากเสียผู้เล่นสำคัญวัย 28 ปีรายนี้ออกจากทีมก็ตาม

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเชื่อว่าหาก อัล ฮิลาล ยื่นข้อเสนอระดับ 80 ล้านยูโร สำหรับแต่ละคน ก็อาจเพียงพอให้บอร์ดบริหารของลิเวอร์พูลพิจารณา เนื่องจากมองว่าการขายนักเตะในช่วงที่ตลาดซาอุฯ กำลังเติบโต อาจเป็นโอกาสในการรีเฟรชขุมกำลังและสร้างทีมใหม่ในยุคของสล็อต

แม้จะเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ตกชั้นไปก่อนหน้านี้ได้ ก่อนจบเกมด้วยผลเสมอแบบไร้ประตู ในศึกพรีเมียร์ลีก นัดที่ 36 เมื่อคืนที่ผ่านมา

เกมนี้จัดขึ้นที่สนามเซนต์ แมรี่ส์ โดยเจ้าถิ่น เซาธ์แฮมป์ตัน ภายใต้การคุมทีมของ ไซม่อน รัสก์ ปรับแผนจากนัดก่อนถึง 3 จุด ส่ง เจมส์ บรี, ไทเลอร์ ดิบลิง และ เวลิงตัน ลงสนามเป็นตัวจริง ขณะที่ทีมเยือนของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งกำลังลุ้นพื้นที่ท็อปไฟว์ มีการเปลี่ยนผู้เล่นถึง 5 ตำแหน่งจากเกมที่ชนะวูล์ฟส์ โดยได้ ฟิล โฟเด้น และ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กลับมาสตาร์ตเป็นตัวจริงอีกครั้ง

ครึ่งแรก “เรือใบสีฟ้า” เป็นฝ่ายครองบอลอย่างขาดลอยถึง 72% แต่ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของนักบุญได้ โดยมีโอกาสยิงตรงกรอบเพียงครั้งเดียว ทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0

เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 64 เซาธ์แฮมป์ตันเกือบเสียประตู เมื่อบอลเกือบข้ามเส้นจากจังหวะที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ลากเข้าไปยิง แต่ แจ็ค สตีเฟ่นส์ สกัดออกได้หวุดหวิด

นาทีที่ 67 ตัวสำรอง เฌเรมี่ โดกู เปิดบอลเข้ามาให้ ฮาลันด์ ลุ้นทำประตู แต่ อารอน แรมส์เดล อ่านเกมและออกมาตัดบอลได้ก่อนอย่างยอดเยี่ยม

ช่วงท้ายเกมนาที 84 รูเบน ดิอาส ได้โอกาสโหม่งเต็มศีรษะจากลูกเตะมุม แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ แรมส์เดล ที่โชว์ซูเปอร์เซฟปัดออกหลัง

เข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาที 90+1 โอมาร์ มาร์มูช มีโอกาสส่องด้วยซ้ายจากนอกกรอบ บอลพุ่งโค้งมุดลงแต่ดันไปชนคานอย่างจัง

หมดเวลาการแข่งขัน เซาธ์แฮมป์ตัน ยันเสมอ แมนฯ ซิตี้ 0-0 คว้าแต้มที่ 12 ของฤดูกาล และหลีกเลี่ยงการจารึกสถิติทีมที่มีแต้มต่ำสุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ส่วน ซิตี้ เก็บเพิ่มเป็น 65 คะแนน ยึดอันดับ 3 ต่อไป

รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริง

เซาธ์แฮมป์ตัน (3-4-2-1) :
อารอน แรมส์เดล – เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส, ยาน เบดนาเร็ค, แจ็ค สตีเฟ่นส์ – เจมส์ บรี, ฟลินน์ ดาวน์ส, เลสลี่ย์ อูโกชุควู, เวลิงตัน – ไทเลอร์ ดิบลิง, มาเตอุส แฟร์นานเดส – กามัลดีน ซูเลมาน่า

แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) :
เอแดร์ซอน – ริโก้ ลูอิส, มานูเอล อคานจี, รูเบน ดิอาส, ยอชโก้ กวาร์ดิโอล – เจมส์ แม็คอาที, มัตเตโอ โควาซิช – แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเด้น – เออร์ลิ่ง ฮาลันด์

หลังจากทำผลงานได้น่าประทับใจนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นแบบยืมตัวกับ เรอัล เบติส เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา อนาคตของ อันโตนี่ แนวรุกทีมชาติบราซิลจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็กำลังถูกจับตามองอีกครั้ง เมื่อเบติสต้องการเก็บเจ้าของฉายา “เดอะหมุน” ไว้ใช้งานต่อในฤดูกาลหน้า

ปีกวัย 25 ปี มีส่วนสำคัญในความสำเร็จของทีม โดยล่าสุดเพิ่งทำ 1 ประตูและ 1 แอสซิสต์ในเกมที่ เบติส เอาชนะ ฟิออเรนติน่า ตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานที่สะท้อนฟอร์มอันร้อนแรงของเจ้าตัว

อังเคล ฮาโร่ ประธานสโมสรเรอัล เบติส เปิดเผยว่า สโมสรมีแผนที่จะเจรจากับ “ปีศาจแดง” เพื่อขอต่อสัญญายืมตัวอันโตนี่ออกไปอีกหนึ่งฤดูกาล โดยย้ำว่า ดีลนี้ถือเป็นความคุ้มค่าสำหรับสโมสร เพราะค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ยังคงมาจากแมนยู และไม่มีเงื่อนไขซื้อขาดแต่อย่างใด

ฮาโร่กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝ่ายบริหารของเบติสมองว่าอันโตนี่เป็นเป้าหมายสำคัญ และตัวนักเตะเองก็มีความต้องการอยู่กับทีมต่อ สถานการณ์ตอนนี้ขึ้นอยู่กับการตอบรับจากฝั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และนักเตะ ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าหลังจบฤดูกาล

ขณะเดียวกัน สื่ออังกฤษอย่าง i Paper เคยรายงานก่อนหน้านี้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมองว่ามีโอกาสขายอันโตนี่ได้ในราคาประมาณ 40 ล้านปอนด์ แม้จะเคยทุ่มเงินถึง 85 ล้านปอนด์ ดึงตัวจากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในยุคของ เอริก เทน ฮาก และยังมีสัญญาผูกพันในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดถึงปี 2027