ลิเวอร์พูล ยืนยันการต่อสัญญากับ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กัปตันทีมจอมแกร่ง ออกไปอีก 2 ปี ส่งผลให้เจ้าตัวจะอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์อย่างน้อยจนถึงปี 2027

แนวรับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ซึ่งอยู่กับสโมสรมาเกือบ 7 ปีนับตั้งแต่ย้ายจากเซาธ์แฮมป์ตันเมื่อเดือนมกราคม 2018 ได้ตกลงฝากอนาคตระยะยาวไว้กับ “หงส์แดง” ต่อไปอย่างเป็นทางการ

“ผมรู้สึกมีความสุขและภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก” ฟาน ไดจ์ค กล่าวกับเว็บไซต์สโมสร “มันเต็มไปด้วยอารมณ์ ทั้งความทรงจำ ความรัก และความผูกพันกับสโมสรแห่งนี้ ลิเวอร์พูลคือบ้านของผม และมันก็อยู่ในหัวของผมเสมอว่าที่นี่คือที่ที่ใช่”

“มีคนเรียกผมว่าเป็น ‘สเกาเซอร์ที่ถูกรับเลี้ยง’ ซึ่งผมรู้สึกดีใจอย่างที่สุดเมื่อได้ยินแบบนั้น สำหรับผมและครอบครัว ที่นี่คือสถานที่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด”

ดาวเตะวัย 33 ปี กลายเป็นหนึ่งในเสาหลักของลิเวอร์พูล และถือเป็นกองหลังระดับโลกที่มีบทบาทสำคัญในการพาทีมประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์ไปแล้วถึง 7 รายการ รวมถึง พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ฟุตบอลสโมสรโลก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ, เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ อีกสองสมัย

นับตั้งแต่รับบทกัปตันทีมเต็มตัวเมื่อซัมเมอร์ 2023 ฟาน ไดจ์ค ลงสนามให้ทีมไปแล้ว 314 นัด ทำได้ 27 ประตู พร้อมตั้งเป้าพาทีมเดินหน้าสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง

“การได้อยู่กับสโมสรนี้ต่อไปอีก 2 ปี มันคือสิ่งที่น่าทึ่ง ผมยังคงมีแรงกระตุ้น มีความฝัน และพร้อมจะช่วยทีมคว้าแชมป์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมมีความสุขมากที่ได้ต่อสัญญา และพร้อมสำหรับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า”

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังพิจารณายื่นข้อเสนอเพื่อคว้าตัว อารอน แรมส์เดล อดีตนายทวารของอาร์เซน่อล ซึ่งปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับเซาธ์แฮมป์ตัน หลังทีมกำลังเผชิญปัญหาอย่างหนักในตำแหน่งผู้รักษาประตู

สถานการณ์ของ อ็องเดร โอนาน่า ที่เพิ่งถูกดร็อปจากเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุด ซึ่ง “ปีศาจแดง” บุกไปพ่าย นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-4 ส่งผลให้กุนซือ รูเบน อโมริม เริ่มมองหาทางออกระยะยาว โดยก่อนหน้านี้ โอนาน่า ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากความผิดพลาดถึง 2 จังหวะในเกมยูโรป้าลีก รอบก่อนรองฯ นัดแรก ที่บุกเสมอ โอลิมปิก ลียง 2-2

ส่วนทางฝั่ง อัลตาย บายินดีร์ นายด่านทีมชาติตุรกี ที่ได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกในลีก ก็ไม่สามารถสร้างความประทับใจได้เช่นกัน ทำให้บอร์ดบริหารเริ่มหันมาจับตามอง แรมส์เดล อย่างจริงจัง ตามรายงานของ The Sun

แรมส์เดล ที่ย้ายจากอาร์เซน่อลไปอยู่กับเซาธ์แฮมป์ตันในฤดูกาลที่ผ่านมา มีแนวโน้มจะย้ายออกจากถิ่นนักบุญในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังสโมสรตกชั้นสู่แชมเปี้ยนชิพ โดยคาดว่ามือกาววัย 25 ปีต้องการกลับไปเล่นในพรีเมียร์ลีกเพื่อรักษาโอกาสในการติดทีมชาติอังกฤษภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล

ไม่ใช่เพียงแค่แมนฯ ยูไนเต็ดที่ให้ความสนใจ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก็เป็นอีกทีมที่ต้องการดึงตัวแรมส์เดลมาร่วมทีม โดยมี เกรแฮม พ็อตเตอร์ กุนซือคนใหม่เป็นหัวเรือใหญ่ในการผลักดันดีลนี้

ขณะเดียวกัน ฟาบริซิโอ โรมาโน นักข่าวคนดังของตลาดซื้อขาย เปิดเผยว่า โอนาน่า กำลังได้รับความสนใจจากหลายทีมในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งอาจเป็นทางออกสำหรับปีศาจแดงในการปล่อยตัวเขา และหาโกลมือหนึ่งคนใหม่มาแทนในซัมเมอร์นี้

อูไน เอเมรี่ ผู้จัดการทีมแอสตัน วิลล่า กล่าวชื่นชมผลงานของ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลังดาวเตะชาวอังกฤษมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในเกมที่ทีมเฉียดตีเสมอปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ

แม้ไม่มีชื่อเป็นผู้ทำประตู แรชฟอร์ดที่ถูกยืมตัวมาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มเด่นในครึ่งหลัง ช่วยกระตุ้นเกมรุกของ “สิงห์ผงาด” และสร้างปัญหาให้แนวรับของแชมป์ลีกเอิงอย่างหนัก หลังตามหลัง 0-2 ในช่วง 30 นาทีแรก รวมผลสองนัดเป็น 5-1 วิลล่ากลับมาเร่งเครื่องจนเอาชนะในเกมนี้ 3-2 ก่อนจะตกรอบไปด้วยสกอร์รวม 5-4 อย่างหวุดหวิด

กุนซือชาวสเปนกล่าวหลังจบเกมว่า เขาประทับใจกับการตอบสนองของแรชฟอร์ดและเพื่อนร่วมทีมอย่างมาก แม้สุดท้ายจะไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้สำเร็จ

“เขากลับมาอยู่ในจุดที่ดีอีกครั้ง และเราทุกคนได้เห็นแล้วว่าเขาสร้างความแตกต่างได้มากแค่ไหน” เอเมรี่กล่าว

“เมื่อเขาเล่นด้วยความมั่นใจ เขาคือหนึ่งในนักเตะที่อันตรายที่สุด และเราก็ยินดีที่ได้เขามาช่วยทีมในช่วงสำคัญแบบนี้”

แรชฟอร์ด วัย 27 ปี ยังมีอนาคตไม่แน่นอนกับต้นสังกัดแม่ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ฟอร์มในเกมนี้ทำให้เขาได้รับคำชมอย่างมาก และอาจเพิ่มความสนใจจากหลายทีมในยุโรปช่วงซัมเมอร์

เอเมรี่ยังกล่าวถึงภาพรวมของทีมว่า เขารู้สึกภาคภูมิใจในความพยายามของลูกทีม แม้ต้องยุติเส้นทางในเวทียุโรปเพียงรอบ 8 ทีมสุดท้ายก็ตาม

“เรามาไกลกว่าที่ใครคาดคิด และเราแสดงให้เห็นว่าเราพร้อมจะยืนในระดับนี้”

“การไปถึงจุดนี้คืออีกก้าวสำคัญของแอสตัน วิลล่า และเป้าหมายของเราคือการได้กลับมาเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้งในฤดูกาลหน้า”

ลูก้า โมดริช มิดฟิลด์ระดับตำนานของเรอัล มาดริด และทีมชาติโครเอเชีย กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหม่ของสโมสรสวอนซี ซิตี้ ทีมดังจากศึกแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ อย่างเป็นทางการ

ดาวเตะวัย 39 ปี เข้าร่วมกลุ่มนักลงทุนที่มีทั้ง แอนดี้ โคลแมน, เบรตต์ คราวัตต์, ไนเจล มอร์ริส และ เจสัน โคเฮน หลังกลุ่มดังกล่าวเข้าซื้อหุ้นจากอดีตเจ้าของสโมสร เจสัน เลเวียน และ สตีฟ คาเพลน เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ข่าวดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลเป็นอย่างมาก เมื่ออดีตแข้งโครแอตเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ปี 2018 เปิดเผยความรู้สึกในการก้าวเข้าสู่วงการบริหารทีมอย่างเป็นทางการ

“ผมรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสครั้งนี้ สวอนซี ซิตี้ เป็นสโมสรที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน แฟนบอลมีความกระตือรือร้น และมีความทะเยอทะยานในการกลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง” โมดริชกล่าว

“ผมยังคงลงเล่นในระดับสูงสุดอยู่ และเชื่อว่าประสบการณ์ของผมจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาของสโมสรแห่งนี้ ทั้งในสนามและด้านกลยุทธ์นอกสนาม”

แม้เจ้าตัวจะยังไม่ประกาศแขวนสตั๊ด และมีสัญญากับเรอัล มาดริด ถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2025 แต่เขาเริ่มวางรากฐานในการเปลี่ยนบทบาทสู่การเป็นเจ้าของทีมในอนาคตแล้ว

ด้านแถลงการณ์ของสวอนซีระบุว่า การเข้ามาของโมดริช ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของสโมสร พร้อมทั้งเผยว่าเขาจะมีบทบาทสำคัญในการยกระดับแบรนด์ของสโมสรในระดับนานาชาติ และส่งเสริมเป้าหมายระยะยาวของทีมในการหวนคืนสู่เวทีพรีเมียร์ลีก

ขณะที่ด้านการเงิน สโมสรเปิดเผยรายงานล่าสุดว่าขาดทุนก่อนหักภาษี 15.2 ล้านปอนด์ ในปีงบประมาณล่าสุด ซึ่งแม้จะยังเป็นตัวเลขติดลบ แต่ก็ลดลงจากปีก่อนหน้าที่เคยขาดทุน 17.9 ล้านปอนด์ โดยรายได้รวมของสโมสรในปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2024 อยู่ที่ 21.5 ล้านปอนด์

โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ปีกซ้ายตัวเก่งของลิเวอร์พูล ยังคงครองตำแหน่งนักเตะที่รับค่าเหนื่อยสูงสุดของสโมสร หลังบรรลุข้อตกลงต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปอีก 2 ปี ซึ่งจะทำให้เขาอยู่ค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์จนถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2027

ตามรายงานจาก คริส บาสคอมบ์ แห่ง The Telegraph ระบุว่า สัญญาฉบับใหม่นี้จะทำให้ ซาล่าห์ วัย 32 ปี รับค่าตอบแทนรวมสูงถึง 25 ล้านปอนด์ต่อปี ซึ่งเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 480,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ รวมโบนัสและสิทธิประโยชน์ต่างๆ แม้ว่าตัวเลขพื้นฐานของค่าจ้างประจำยังไม่ได้รับการเปิดเผยอย่างชัดเจน แต่คาดว่าสูงกว่าสัญญาเดิมที่เจ้าตัวเคยรับอยู่ที่ 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

ด้านสื่อในอังกฤษและอียิปต์เปิดเผยไปในทิศทางเดียวกันว่า ค่าจ้างรายสัปดาห์ของดาวยิงจากแอฟริกาอาจอยู่ที่ราว 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งยังคงสูงกว่า เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เซ็นเตอร์แบ็กกัปตันทีม ที่รับอยู่ 220,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ โดยทั้งคู่กำลังอยู่ในช่วงเจรจาสัญญาระยะยาวฉบับใหม่กับทีมเช่นกัน

ในภาพรวมของพรีเมียร์ลีก เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ดาวยิงของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงครองตำแหน่งนักเตะที่รับค่าจ้างสูงสุดอยู่ที่ 500,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ตามมาด้วย ซาล่าห์ และ เควิน เดอ บรอยน์ ที่กำลังจะอำลาเรือใบในซัมเมอร์นี้ ซึ่งรับอยู่ที่ 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

สำหรับ ซาล่าห์ ย้ายจากโรม่า มาร่วมทัพลิเวอร์พูลในปี 2017 ก่อนจะกลายเป็นตำนานแห่งแอนฟิลด์ทันที โดยจนถึงตอนนี้ เจ้าตัวลงสนามไปแล้ว 394 นัด ทำได้ 243 ประตู กับอีก 111 แอสซิสต์ พาทีมคว้าแชมป์ครบเกือบทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็น พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ

รูเบน อโมริม กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมตัดสินใจครั้งสำคัญในการพัก อ็องเดร โอนาน่า จากตำแหน่งผู้รักษาประตูตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกนัดสำคัญที่ “ปีศาจแดง” ต้องบุกเยือนถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค ของนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายนนี้ ตามรายงานจาก เดลี่ เมล

รายงานระบุว่า นายด่านทีมชาติแคเมอรูนอาจต้องหลีกทางให้กับ อัลตาย บายินดีร์ ผู้รักษาประตูชาวตุรกี หลังจากที่ โอนาน่า ทำพลาดในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองฯ นัดแรก ที่แมนฯ ยูไนเต็ด ถูก โอลิมปิก ลียง ตามตีเสมอ 2-2 โดยเขาถูกวิจารณ์อย่างหนักจากการที่มีส่วนทำให้ทีมเสียสองประตูสำคัญในเกมนั้น

แม้หลังเกมดังกล่าว อโมริม จะออกมาปกป้องลูกทีมต่อหน้าสื่อ แต่แหล่งข่าววงในระบุว่า เฮดโค้ชชาวโปรตุกีสกำลังพิจารณาโรเตชันในหลายตำแหน่ง รวมถึงมือกาวของทีม

“เราต้องลงสนามพบกับนิวคาสเซิ่ลด้วยทีมที่สามารถคว้าชัยได้” อโมริม กล่าว
“การชนะเกมหนึ่งอาจเป็นการเตรียมตัวที่ดีที่สุดสำหรับเกมถัดไป เราต้องบริหารจัดการสภาพร่างกายของผู้เล่นบางรายให้เหมาะสม แต่ก็ยังต้องเน้นผลการแข่งขันด้วย”

สถิติล่าสุดจาก Opta เผยว่า โอนาน่า คือผู้รักษาประตูที่ทำพลาดจนทีมเสียประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ โดยมีความผิดพลาดถึง 8 ครั้ง และนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม “ปีศาจแดง” เขาลงสนามไปแล้ว 94 นัด เสียประตูรวมถึง 139 ลูก ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่แย่ที่สุดของผู้รักษาประตูแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ลงสนามเกิน 10 นัดในประวัติศาสตร์สโมสร

ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยังไม่นิ่ง บวกกับความกดดันจากแฟนบอลและผลงานที่ยังไม่แน่นอนในลีก การเปลี่ยนตัวผู้รักษาประตูอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่อโมริมต้องตัดสินใจเพื่อรักษาเสถียรภาพของทีมในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล

โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ แนวรุกตัวเก่งของลิเวอร์พูล ตัดสินใจฝากอนาคตกับต้นสังกัดต่อไปจนถึงปี 2027 หลังสโมสรออกแถลงยืนยันการต่อสัญญาฉบับใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมตั้งเป้าสานต่อช่วงเวลาแห่งความสำเร็จให้ยาวนานถึง 10 ปี

ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลปัจจุบัน หลังซัดไปแล้ว 32 ประตูจาก 45 นัดในทุกรายการ โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีกที่เจ้าตัวนำเป็นดาวซัลโวที่ 27 ประตู และแสดงความชัดเจนว่าเขายังมีความสุขกับชีวิตในถิ่นแอนฟิลด์

“ผมรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ ที่ได้ต่อสัญญา ผมยังคงสนุกกับฟุตบอลของผมที่นี่ และเชื่อมั่นว่าเรายังสามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่ๆ ได้อีก” ซาล่าห์ เปิดใจหลังต่อสัญญา

“ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ผมมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้ง และผมหวังว่าสองปีที่เหลือข้างหน้าจะเป็นอีกช่วงที่พิเศษเหมือนเดิม ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ครบ 10 ปีที่สนุกกับฟุตบอลที่ลิเวอร์พูล”

ซาล่าห์ ยังได้กล่าวถึงแฟนบอลผู้ให้กำลังใจเขาเสมอมา

“ผมอยากขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่อยู่เคียงข้างเสมอ นี่คือเหตุผลที่ผมอยู่ที่นี่ เพราะผมเชื่อว่าเรายังสามารถประสบความสำเร็จร่วมกันได้อีกมาก และผมจะพยายามทำเต็มที่เพื่อตอบแทนการสนับสนุนนั้นให้ได้มากที่สุด”

แนวรุกวัย 31 ปี ย้ายมาจากโรม่าในปี 2017 และนับตั้งแต่นั้นมา เขากลายเป็นขวัญใจแฟนบอลทันที โดยยิงไปแล้ว 243 ประตูจาก 394 นัด พร้อมจ่ายอีก 111 แอสซิสต์ นำทีมคว้าแชมป์ครบทั้ง พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ

รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความเชื่อมั่นต่อ อ็องเดร โอนาน่า นายด่านมือหนึ่งของทีม แม้เจ้าตัวจะมีส่วนสำคัญในจังหวะเสียประตูช่วงทดเจ็บ จนทำให้ “ปีศาจแดง” พลาดคว้าชัยเหนือ โอลิมปิก ลียง ในศึกยูโรป้า ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก ที่จบลงด้วยผลเสมอ 2-2

เกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูแซงนำจาก เลนี่ โยโร่ และ โจชัว เซิร์กซี แต่ก็มาโดนทีเด็ดของ รายาน เชอร์กี ซัดจ่อๆ ตีเสมอให้ลียงในนาทีที่ 90+5 หลังจากโอนาน่าปัดลูกยิงของ จอร์จส์ มิกาอูตัดเซ่ ไม่ขาด ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดส่วนตัวอีกครั้งในฤดูกาลนี้

ถึงอย่างนั้น อโมริม ยังออกมายืนยันหลังจบเกมว่าเขายังคงวางใจในตัวผู้รักษาประตูทีมชาติแคเมอรูน พร้อมชี้ว่าความผิดพลาดไม่ควรถูกโยนใส่คนเดียว

“ผมคงพูดอะไรไม่ได้มากกับอ็องเดรในตอนนี้ที่จะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น เพราะเขาก็รู้ตัวดีว่านั่นเป็นความผิดพลาด แต่ผมเชื่อมั่นในตัวเขาเสมอ”

“ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา ผมเองก็ทำพลาดหลายครั้งยิ่งกว่าเขาเสียอีก ไม่ใช่แค่ในเกมนี้ แต่ในหลายเดือนที่ผ่านมา ผมเองก็มีส่วนผิดเช่นกัน”

กุนซือชาวโปรตุกีสยังกล่าวด้วยว่า ทีมต้องเดินหน้าต่อ และมองไปที่เกมลีกสุดสัปดาห์นี้ก่อนจะกลับมาโฟกัสที่นัดสอง

“เวลาเราทำผิดพลาด มันไม่ใช่แค่ของใครคนหนึ่ง แต่คือความรับผิดชอบของทั้งทีม และเราจะเดินหน้าต่อด้วยกัน ผมจะเลือกนักเตะ 11 คนที่ดีที่สุดลงเล่นในเกมหน้า และแน่นอนว่าโอนาน่ายังเป็นคนที่ผมไว้ใจ”

เมื่อถูกถามถึงอนาคตของโอนาน่าในตำแหน่งมือหนึ่ง อโมริมให้สัมภาษณ์กับ TNT Sports ว่า

“ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เราจะประเมินจากการฝึกซ้อมและผลงาน เพื่อเลือกทีมที่ดีที่สุดในแต่ละเกม”

แมนฯ ยูไนเต็ด มีคิวลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกในสุดสัปดาห์นี้ ก่อนจะกลับไปเล่นนัดสองกับโอลิมปิก ลียง ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตกเป็นข่าวว่ากำลังพิจารณายื่นข้อเสนอระดับประวัติศาสตร์เพื่อดึงตัว ลามีน ยามาล ปีกดาวรุ่งพุ่งแรงของบาร์เซโลน่าไปร่วมทีม ตามรายงานจากสื่อสเปนอย่าง Fichajes

ยามาล วัย 17 ปี ผลผลิตจากลามาเซีย กำลังกลายเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามากที่สุดในยุโรป หลังสร้างผลงานโดดเด่นทั้งในสีเสื้อของบาร์ซ่าและทีมชาติสเปน ล่าสุดเขาทำประตูสำคัญในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นัดที่ บาร์ซ่า ถล่ม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 4-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศเลกแรก

รายงานระบุว่า แมนฯ ซิตี้ พร้อมเดินหน้ายื่นข้อเสนอสูงถึง 275 ล้านยูโร เพื่อแลกกับลายเซ็นของแข้งพรสวรรค์รายนี้ แม้ว่าเจ้าตัวจะมีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 1,000 ล้านยูโร และยังมีสัญญาอยู่กับบาร์เซโลน่าจนถึงปี 2026 ก็ตาม

บาร์เซโลน่าไม่มีความประสงค์จะปล่อยตัวนักเตะ และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาฉบับใหม่ แต่แหล่งข่าวระบุว่า สถานการณ์ทางการเงินของทีมอาจเป็นอุปสรรคสำคัญในการรักษาเจ้าหนูรายนี้เอาไว้ ขณะเดียวกันตัวนักเตะเองก็เริ่มลังเลเกี่ยวกับอนาคตในถิ่นคัมป์ นู เนื่องจากความไม่แน่นอนหลายด้านในระดับบริหารของสโมสร

หากการย้ายทีมครั้งนี้เกิดขึ้นจริง ยามาลจะกลายเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนัง แซงหน้า เนย์มาร์ ที่ย้ายจากบาร์ซ่าไป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อปี 2017 ด้วยค่าตัว 222 ล้านยูโร

“สิงห์บลูส์” เชลซี เตรียมจบดีลยืมตัว เจดอน ซานโช่ ด้วยการยอมจ่ายเงินค่าชดเชยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อยกเลิกเงื่อนไขการเซ็นสัญญาถาวร หลังดาวเตะทีมชาติอังกฤษไม่สามารถสร้างความประทับใจในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ตามที่หวัง

ซานโช่ ย้ายจาก “ปีศาจแดง” มาร่วมทีมเชลซีในฤดูกาล 2024-25 ด้วยสัญญายืมตัวพ่วงเงื่อนไขบังคับซื้อ หากสโมสรจบอันดับในพรีเมียร์ลีกระหว่าง 1 ถึง 14 โดยค่าตัวในการซื้อขาดอยู่ที่ 25 ล้านปอนด์

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด The Sun รายงานว่า เชลซีมีแผนที่จะไม่ใช้ออปชันดังกล่าว และพร้อมจ่ายเงินจำนวน 5 ล้านปอนด์ให้กับแมนฯ ยูไนเต็ดเพื่อปลดล็อกข้อตกลงดังกล่าวแทน

รายงานระบุเพิ่มเติมว่า การตัดสินใจนี้มีขึ้นหลังจาก ซานโช่ วัย 25 ปี ไม่สามารถสอดแทรกขึ้นมาเป็นตัวหลักในแผนการเล่นได้ โดยมักเป็นตัวเลือกรองจาก เปโดร เนโต้ และ โนนี มาดูเอเก้ ซึ่งโชว์ฟอร์มได้ต่อเนื่องกว่าในฤดูกาลนี้

สำหรับผลงานของอดีตแข้งโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในสีเสื้อเชลซี ปัจจุบันเจ้าตัวทำไปเพียง 3 ประตู และ 5 แอสซิสต์ โดยไม่ได้ยิงประตูเลยนับตั้งแต่ต้นปี 2025