Home Blog Page 36

บิ๊กแมตช์บุนเดสลากี ! บาเยิร์น มิวนิค พบกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่สนามอัลลิอันซ์ อารีน่า ศึกบุนเดสลากี วีคที่ 5

0

ในเกมที่อาจกลายเป็นเกมสำคัญในการลุ้นแชมป์บุนเดสลีกา ทีมแชมป์เก่า อย่าง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน จะเดินทางไปที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า ในวันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2567 เวลา 23.30 น. โดยพวกเขาจะพบกับ บาเยิร์น มิวนิค เจ้าบ้านเริ่มต้นชีวิตภายใต้การคุมทีมของ แว็งซองต์ กอมปานีได้ดี และปัจจุบันรั้งจ่าฝูงด้วย 12 คะแนนจาก 4 เกมลีก ในขณะที่เจ้าบ้านรั้งอันดับสองด้วย 9 คะแนน ชนะไปแล้ว 3 จาก 4 เกมในลีกสูงสุด

ภาพรวมทีมและผลงานนัดที่ผ่านมา

ภายใต้การคุมทีมของแวงซ็องต์ กอมปานี บาเยิร์น มิวนิคเริ่มต้นฤดูกาล 2024-25 ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยชนะทั้ง 6 นัดอย่างเป็นทางการ รวมถึงชัยชนะล่าสุด 5-0 เหนือแวร์เดอร์ เบรเมนเมื่อวันที่ 21 กันยายน ผลงานโดดเด่นของ ไมเคิล โอลิเซ่ ที่ทำ 2 ประตูและจ่ายอีก 2 ครั้ง รวมถึง แฮร์รี่ เคน ที่ยิง 1 ประตูและทำ 2 แอสซิสต์ แสดงให้เห็นถึงฟอร์มอันร้อนแรงของทั้งสองคน ขณะที่ในเกมก่อนหน้านี้ บาเยิร์นยังถล่มดินาโม ซาเกร็บ 9-2 โดยที่เคนทำ 4 ประตู ทำให้เขากลายเป็นนักเตะอังกฤษที่ทำประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์แชมเปี้ยนส์ลีก

แม้ว่าบาเยิร์นจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ยิงไปแล้ว 29 ประตูจาก 6 นัดในฤดูกาลนี้ โดยใน 3 นัดล่าสุดยิงรวม 20 ประตู แต่สิ่งที่น่าสนใจคือจำนวนประตูที่ยิงได้ในบุนเดสลีกาถึง 16 ประตูนั้นเกินกว่าที่คาดไว้ถึงเกือบ 6 ประตู แม้ว่าทีมจะเป็นอันดับ 4 ในการสร้างโอกาสทองเท่านั้นในลีก นี่สะท้อนให้เห็นถึงความคมของทีมในการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตู ซึ่งเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญของความสำเร็จในช่วงต้นฤดูกาล

ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ภายใต้การคุมทีมของ ชาบี อลอนโซ่ เริ่มต้นฤดูกาล 2024-25 อย่างแข็งแกร่งด้วยการชนะ 6 จาก 7 เกมอย่างเป็นทางการ แม้ทีมจะมีผลงานที่ดีในแง่ของชัยชนะ แต่ก็เสียประตูไปถึง 11 ลูกในช่วงต้นฤดูกาล เกมล่าสุดเมื่อวันที่ 22 กันยายน พวกเขาเฉือนชนะโวล์ฟสบวร์ก 3-2 ด้วยประตูชัยในนาทีที่ 93 ของวิกเตอร์ โบนิเฟซ อย่างไรก็ตาม สถิติเกมรับของทีมค่อนข้างน่ากังวล เมื่อพิจารณาจากการเสียประตูเฉลี่ยถึง 2.25 ประตูต่อเกมในฤดูกาลนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากฤดูกาลก่อนที่เสียเพียง 0.71 ประตูต่อเกมในบุนเดสลีกา

กรานิต ชาก้า ยืนยันว่าปัญหาเกมรับของเลเวอร์คูเซ่นไม่ได้มาจากระบบ แต่เกิดจากการที่ทีมไม่สามารถเพรสซิ่งหรือเล่นเกมรุกมากพอเมื่อไม่มีบอล ปล่อยให้คู่แข่งมีพื้นที่ในการโจมตีมากเกินไป ชาบี อลอนโซ่ สะท้อนความเห็นนี้หลังเกมกับโวล์ฟสบวร์ก โดยระบุว่าทีมเล่นแบบวุ่นวายทั้งในแนวรับและแนวรุก แม้จะมีความผิดพลาดในเกมรับ แต่เลเวอร์คูเซ่นยังคงเป็นทีมที่น่ากลัว ด้วยสถิติที่น่าประทับใจ ชนะ 31 เสมอ 6 และแพ้เพียง 1 จาก 38 เกมลีกหลังสุด รวมถึงชนะ 16 จาก 19 เกมเยือน

ข่าวทีมล่าสุด

บาเยิร์น มิวนิค จะขาดกองหลังสำคัญอย่าง ฮิโรกิ อิโตะ และโยซิป สตานิซิช จนถึงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนตามลำดับ ขณะที่แบ็กขวา ซาชา โบอี้ จะไม่กลับมาจนถึงเดือนธันวาคม แต่ในขณะเดียวกัน มานูเอล นอยเออร์ เตรียมคืนตำแหน่งผู้รักษาประตู โดยมีแนวรับชุดหลักนำโดย คอนราด ไลเมอร์, ดาโยต์ อูปาเมกาโน, คิม มินแจ และอัลฟอนโซ เดวีส์ เกมรุกยังคงมีความหวังกับการกลับมาของ อาริฆอน อิบราฮิโมวิช ส่วนโจชัว คิมมิช ทำผลงานได้ดีในแดนกลางร่วมกับ อเล็กซานดาร์ พาฟโลวิช ซึ่งคงได้รับโอกาสเล่นต่อเนื่องในเกมถัดไป

ในทางกลับกัน ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ ทำให้ ชาบี อลอนโซ่ สามารถเลือกทีมที่ดีที่สุดได้ แกรนิต ชาก้า ยังคงได้รับความไว้วางใจในแดนกลาง แต่คู่หูอย่าง อเล็กซ์ การ์เซีย อาจถูกแทนที่โดย เอเซเกล ปาลาซิโอส เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านเกมรับ ในแนวรุก เจเรมี ฟริมปง และ วิกเตอร์ โบนิเฟซ จะกลับมาลงสนามแทน นอร์ดี มูกิเอเล และ พาตริก ชิค ส่วน ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ที่ทำไปแล้ว 4 ประตูจาก 3 นัดหลัง จะเป็นความหวังในการสร้างผลงานให้ทีมต่อไป

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่น่าจะลงสนาม

  • บาเยิร์น มิวนิค
    นอยเออร์; ไลเมอร์, อูปาเมกาโน่, คิม, เดวีส์; คิมมิช, พาฟโลวิช; โอลิเซ่, มูเซียลา, กนาบรี้; เคน
  • ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน
    ฮราเด็คกี้, แทปโซบา, ทาห์, ฮินคาเปีย, ฟริมปง, ปาลาซิโอส, ชาก้า, กริมัลโด้, เทอร์เรียร์, เวิร์ตซ์, โบนิเฟซ

คาดการณ์ผลการแข่งขัน

บาเยิร์น ทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อจากมุมมองเกมรุกในฤดูกาลนี้ และเมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงในแนวรับของ เลเวอร์คูเซ่น ในฤดูกาลนี้ พวกเขาอาจสร้างโอกาสทำประตูได้มากมาย ทีมของอลอนโซ่ เองก็มีเกมรุกที่แข็งแกร่งเช่นกัน แต่ถึงแม้ผู้เล่นอย่าง เวิร์ตซ์และโบนิเฟซ อาจยิงประตูได้ แต่ก็ยากที่จะเห็นว่าพวกเขาจะชนะได้อย่างไรหากบาเยิร์นมีเกมรุกที่แข็งแกร่งในวันเสาร์นี้เช่นเดียวกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา

บาเยิร์น มิวนิค 4-2 ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น

“ทีมจ่าฝูงของตาราง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ฤดูกาลนี้ยังไม่แพ้ใคร บุกเยือน นิวคลาสเซิ่ล”

0

บทวิเคราะห์ก่อนเกม

พรีเมียร์ลีกคู่แรกประจำสัปดาห์ เริ่มต้นด้วยทีมจ่าฝูงของตาราง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ฤดูกาลนี้ยังไม่แพ้ใครจะไปเยือนบ้าน นิวคาสเซิล ทีมที่พึ่งแพ้นัดแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สดุดเสมอสุดช้ำใจให้กับอาเซน่อลทีมแย่งแชมป์พรีเมียลีคโดยตรง ส่วนนิวคลาสเซิ่ล สดุดแพ้นัดแรกให้กับ ฟูแล่ม 3-1

รูปแบบเกมและแท็กติก

นิวคลาสเซิ่ล เกมรับดูจะมีปัญหาเสียเร็ว โดยประกบตัวห่างปล่อยให้คู่แข่งเล่นบอลในกรอบเขตโทษง่ายเกินไป จะต้องมาเจอกับทีมที่มีเกมรุกดีที่สุดทีมหนึ่งอย่างจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะต้องประกบติด เออร์ลิ่ง ฮาลัน ให้ได้มากที่สุด

ส่วนทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากนัดล่าสุดที่เอาชนะไม่ได้ ในนัดนี้คาดว่า จะต้องรีบเปิดเกมรุกอย่างหนักเพื่อให้ได้ขึ้นนำให้ได้เร็วที่สุดแบะครองเกมไปจนจบ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-2-3-1):

  • ผู้รักษาประตู: เอเดอร์สัน
  • กองหลัง: ไคล์ วอล์คเกอร์มานูเอล อคานจีรูเบน ดิอาสยอสโก้ กวาร์ดิโอ
  • กองกลาง: มาเตโอ โควาชิซ, อิลคาย กุนโดกัน
  • แนวรุก: แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ซาวินโญ่เฌเรมี่ โดกู,
  • กองหน้า: ออร์ลิ่ง ฮาลันด์

นิวคลาสเซิ่ล (4-3-3):

  • ผู้รักษาประตู: นิค โป๊ป
  • กองหลัง:  ลิฟราเมนโต้, ฟาเบียน แชร์, แดน เบิร์น, ลูวิส ฮอลล์
  • กองกลาง: บรูโน่ กิมาไรส์, ซานโดร โตนาลี่, โจเอลินตัน
  • กองหน้า: ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์, แอนโทนี่ กอร์ดอน, อเล็กซานเดอร์ อิซัค

คาดการณ์ผลการแข่งขัน

คาดว่าเกมนี้จะจบลงด้วยชัยชนะของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2

“อาเซน่อลเตรียมเปิดบ้านดวลเลสเตอร์ซิตี้ หลังสดุดเสมอแมนซิตี้สุดมันส์”

0

บทวิเคราะห์ก่อนเกม

อาเซน่อล เตรียมเปิดบ้านรับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อาเซน่อลทำผลงานได้น่าพอใจในการเสมอแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงแม้จะมาโดนยิงตีเสมอในช่วงท้ายเกม แต่ก็เป็นผลที่น่าพอใจ จากการเหลือผู้เล่นในสนามเพียง 10 คน ส่วนเลสเตอร์ ซิตี้ ทำได้เพียงการเสมอเอฟเวอร์ตัน 1-1 ในบ้านของตัวเอง

รูปแบบเกมและแท็กติก

อาเซน่อล คาดว่าจะใช้แผน 4-4-2 ด้วยรูปแบบการเล่นของอาร์เซน่อลที่มีความรัดกุม แนวรุกไว้ใจได้เสมอ เจ้าบ้านอาเซน่อลจะเป็นฝ่ายคุมเกมในแดนกลางและค่อยเข้าทำเกมรุกอย่างใจเย็น

ส่วนทางด้าน เลสเตอร์ ซิตี้ คาดว่าจะใช้แผน 4-2-3-1 อาจจะมาเผื่อตั้งรับหวังเพีนงมีแต้มออกจากบ้านอาเซน่อลคงจะเป็นผลงานที่น่าพอใจแล้ว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม: (4-4-2):

  • ผู้รักษาประตู: ดาบิด รายา
  • กองหลัง: ริกการ์โด กาลาฟีโอรีกาบรีเอลวีลียาม ซาลีบายือร์รีเยิน ติมเบอร์
  • กองกลาง: กาบรีแยล มาร์ชีแนลี, เดคลัน ไรซ์, ทอมัส พาร์ทีย์ และ บูกาโย ซากา
  • กองหน้า: ไค ฮาเวิทซ์ , กาเบรียล เจซุส

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม: (4-2-3-1):

  • ผู้รักษาประตู: แมส แฮร์แมนเซิน
  • กองหลัง: เจมส์ จัสตินวูท ฟาส, เมเมห์ โอโคลีวิกเตอร์ คริสเตียนเซน
  • กองกลาง: แฮร์รี่ วิงส์วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้
  • แนวรุก : จอร์แดน อายิวบิลาล คานนุส,สเตฟี มาวีดีดี
  • กองหน้า: เจมี วาร์ดี

คาดการณ์ผลการแข่งขัน

คาดว่าเกมนี้จะจบลงด้วยชัยชนะของ อาเซน่อล 2-0

“เชลซีเปิดบ้านพบไบรตัน มาดูว่าสิงบลูจะยัดเยียดความพ่ายแพ้นัดแรกให้ไบรตันได้หรือไม่”

0

บทวิเคราะห์ก่อนเกม

เป็นการเจอกันของสองทีมที่ผลงานกำลังดี เจ้าบ้านสิงห์บลู เชลซี จะต้อนรับการมาเยือนของทีมนกนางนวล ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ที่ฤดูกาลนี้ยังไม่แพ้ใคร “เชลซีเปิดบ้านพบไบรตันแอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเชลซีบุกไปชนะเวสต์แฮม 3-0 ไม่แพ้ใครในลีกมาสี่เกมติดต่อกันแล้ว ส่วนไบรตันเกมล่าสุดเปิดบ้านเสมอฟอเรสต์ 2-2มาดูว่าสิงบลูจะยัดเยียดความพ่ายแพ้นัดแรกในพรีเมียลีคให้ไบรตันได้หรือไม่”

รูปแบบเกมและแท็กติก

เชลซี คาดว่าจะใช้แผน 4-2-3-1 ซึ่งเน้นอาศัยจังหวะขึ้นบอลเร็วและทำเกมสวนกลับจากการขึ้นเกมที่ผิดพลาดของไบรตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน โดยมี มอยเซส ไกเซโด และ เอนโซ เฟร์นันเดซ เป็นคีย์แมนในการตัดบอลและจ่ายบอลไปให้แนวรุกซ้ายขวา

ส่วนทางด้าน ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน คาดว่าจะใช้แผน 4-2-3-1 ซึ่งอาจจะเน้นจังหวะขึ้นเกมทางด้านข้างซ้ายขวา โดยมีปีกอย่าง คาโอรุ มิโตมะ และ ยานคูบา มินเตห์ เป็นปัจจัยหลักในการทำเกมรุก โดยจะต้องระวังการจ่ายบอลที่ผิดพลาดและโดนสวนกลับ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:

เชลซี (4-2-3-1):

  • ผู้รักษาประตู: โรเบิร์ต ซานเชซ
  • กองหลัง: มาโล กุสโตเวสลี่ โฟฟาน่า, ลีไว โคลวิลล์มาร์ก กูกูเรย่า
  • กองกลาง: มอยเซส ไกเซโดเอนโซ เฟร์นันเดซ
  • แนวรุก: โนนี มาดูเอเก้, โคล พาล์มเมอร์, เจดอน ซานโช่
  • กองหน้า: นิโคลัส แจ็คสัน

ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน (4-2-3-1):

  • ผู้รักษาประตู: บาร์ท แฟร์บรูกเกน
  • กองหลัง: โจเอล เวลท์แมน, ลูวิส ดังก์ยาน ฟานเฮกเก้, เปร์บิส เอสตูปิญญัน
  • กองกลาง: แจ็ค ฮินเชลวูด, แมทส์ เวียฟเฟอร์
  • แนวรุก: คาโอรุ มิโตมะยานคูบา มินเตห์จอร์จินิโอ รุตแตร์
  • กองหน้า: แดนนี่ เวลเบ็ค

คาดการณ์ผลการแข่งขัน

คาดว่าเกมนี้จะจบลงด้วยชัยชนะของ เชลซี 3-1

“ลิเวอร์พูลหวังยึดจ่าฝูง! บุกเยือนวูล์ฟแฮมป์ตันในศึกพรีเมียร์ลีก เสาร์นี้”

0

การพบกันระหว่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน กับ ลิเวอร์พูล ในศึกพรีเมียร์ลีก วันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2567 นี้ จะเป็นการดวลที่น่าติดตาม โดยลิเวอร์พูลของโค้ชอาร์เน่ สล็อต กำลังอยู่ในฟอร์มร้อนแรง หวังคว้าชัยเพื่อก้าวขึ้นจ่าฝูงหลังจากเก็บชัยชนะสามเกมติดในลีก พร้อมสถิติการทำประตูที่น่าทึ่ง 11 ประตูจาก 3 นัดล่าสุด​

วูล์ฟแฮมป์ตัน ภายใต้การคุมทีมของแกรี่ โอนีล

กลับพบกับปัญหาใหญ่เมื่อต้องเสียตัวหลักอย่าง เยอร์สัน มอสเกร่า ที่บาดเจ็บหนักจนต้องพักทั้งฤดูกาล ขณะที่นักเตะตัวเก๋าอย่าง เครก ดอว์สัน น่าจะลงเป็นเซ็นเตอร์หลักร่วมกับ ซานติอาโก้ บูเอโน่ ซึ่งยังไม่ฟิตเต็มร้อย​

การเล่นในบ้านของวูล์ฟอาจไม่ง่ายนักเมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเกมรุกที่แข็งแกร่งของลิเวอร์พูล รวมถึงการสร้างสรรค์เกมของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เป็นหัวใจสำคัญของการบุกในทีม​

ลิเวอร์พูล

ต้องเฝ้าระวังปัญหาบาดเจ็บของผู้รักษาประตู อลิสซอน เบ็คเกอร์ ซึ่งอาจยังไม่พร้อมลงเฝ้าเสา หากไม่พร้อม เคลเลเฮอร์ จะลงแทน ขณะที่เกมรุกยังคงเต็มไปด้วยความอันตรายจากผู้เล่นอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่พร้อมบุกใส่เกมรับของวูล์ฟที่อ่อนแอลง

คาดการณ์รายชื่อ 11 ตัวจริง

วูล์ฟแฮมป์ตัน (3-5-2):
ผู้รักษาประตู: โชเซ่ ซา
กองหลัง: เครก ดอว์สัน, ซานติอาโก้ บูเอโน่, แม็กซ์ คิลแมน
วิงแบ็ค: เนลสัน เซเมโด้, ไรอัน ไอต์-นูรี
กองกลาง: มาเธอุส นูเนส, มาริโอ เลอมิน่า, เจา โกเมส
กองหน้า: เปโดร เนโต้, ฮวาง ฮีชาน

ลิเวอร์พูล (4-3-3):
ผู้รักษาประตู: เคลเลเฮอร์ (ถ้า อลิสซอน ไม่พร้อม)
กองหลัง: เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โคนาเต้, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน
กองกลาง: อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โดมินิค โซบอสซ์ไล, เคอร์ติส โจนส์
กองหน้า: โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ, หลุยส์ ดิอาซ

ลิเวอร์พูลมีเกมรุกที่แข็งแกร่งและฟอร์มการเล่นที่ดีในช่วงหลัง แม้จะต้องบุกไปเยือนแต่คาดว่าพวกเขาจะสามารถคว้าชัยชนะเหนือวูล์ฟได้อย่างสบาย โดยเฉพาะเมื่อวูล์ฟเจอปัญหาเรื่องผู้เล่นบาดเจ็บหลายราย ขณะที่ลิเวอร์พูลน่าจะใช้ความเร็วและทักษะในการโจมตี

คาดการณ์สกอร์:

ลิเวอร์พูล 3-1 วูล์ฟแฮมป์ตัน

“เอฟเวอร์ตัน พบ คริสตัล พาเลซ: ศึกหนีตกชั้นที่ทั้งสองทีมต้องการชัยชนะอย่างเร่งด่วน”

0

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2567 เอฟเวอร์ตันจะเปิดบ้านที่กูดิสัน พาร์ก ต้อนรับการมาเยือนของคริสตัล พาเลซ ในศึกพรีเมียร์ลีกที่ทั้งสองทีมต่างต้องการคะแนนเพื่อหนีโซนตกชั้น เอฟเวอร์ตันอยู่ในอันดับที่ 19 ของตาราง มีเพียง 1 คะแนนจาก 5 นัด ขณะที่คริสตัล พาเลซอยู่อันดับที่ 16 มี 3 คะแนน แต่ยังไม่ชนะในลีกเลยทั้งสองทีม

ภาพรวมเชิงแทคติก:

เอฟเวอร์ตัน: ทีมของฌอน ไดช์

มีปัญหาเกมรับอย่างหนัก เสียไปแล้ว 14 ประตูใน 5 เกม แม้ว่าจะเพิ่งเสมอเลสเตอร์ ซิตี้ 1-1 แต่ยังคงเล่นในบ้านได้ไม่ค่อยดี อย่างไรก็ตาม การกลับมาของผู้เล่นหลักอย่างจาร์ราด แบรนธ์เวต และวิตาลี มิโคเลนโก้ อาจช่วยให้เกมรับแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่ ดไวท์ แม็คนีล ที่มีบทบาทสำคัญในเกมรุก จะเป็นตัวหลักในการสร้างสรรค์โอกาสให้โดมินิก คัลเวิร์ต-ลูวินที่ต้องยิงประตูให้ได้

คริสตัล พาเลซ: ทีมของโอลิเวอร์

กลาสเนอร์ทำผลงานดีในเกมรับ โดยเสมอกับทีมใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้ยังยิงประตูไม่ค่อยได้ โดยฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ยิงได้เพียง 2 ประตูในฤดูกาลนี้ พาเลซจะเน้นการป้องกันแน่นและใช้โอกาสจากการโต้กลับผ่านเอเบเรชี เอเซ และแดเนียล มูนอซ ที่เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเกมรุก

คาดการณ์รายชื่อ 11 ตัวจริงของเอฟเวอร์ตันและคริสตัล พาเลซ

เอฟเวอร์ตัน (4-2-3-1):

  • ผู้รักษาประตู: จอร์แดน พิคฟอร์ด
  • กองหลัง: แอชลีย์ ยัง, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, จาร์ราด แบรนธ์เวต, วิตาลี มิโคเลนโก้
  • กองกลางตัวรับ: อิดริสซา เกย์, อับดูลาเย ดูกูเร่
  • กองกลางตัวรุก: แจ็ค แฮร์ริสัน, บูน่า ซาร์, ดไวท์ แม็คนีล
  • กองหน้า: โดมินิก คัลเวิร์ต-ลูวิน

หมายเหตุ: การกลับมาของ แบรนธ์เวต และ มิโคเลนโก้ จากอาการบาดเจ็บจะช่วยเสริมแนวรับ ขณะที่ แม็คนีล ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์เกมรุก​

คริสตัล พาเลซ (3-4-2-1):

  • ผู้รักษาประตู: ดีน เฮนเดอร์สัน
  • กองหลัง: โรบิน เลอโน่ร์, มาร์ค เกฮี, คริส ริชาร์ดส์
  • วิงแบ็ค: แดเนียล มูนอซ, โจเอล วอร์ด
  • กองกลาง: เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา, ไดจิ คามาดะ
  • กองกลางตัวรุก: อิบราอิม่า ซาร์, เอเบเรชี เอเซ
  • กองหน้า: เอ็ดดี เอ็นเคเทียห์

พาเลซจะเน้นความยืดหยุ่นในเกมรับ และการโต้กลับด้วยความเร็วของ เอเซ และ ซาร์ ขณะที่ เอ็นเคเทียห์ เป็นตัวจบสกอร์หลักในระบบเกมรุก

คาดการณ์ผลการแข่งขัน:

จากฟอร์มของทั้งสองทีม คาดว่าเกมนี้จะสูสี เอฟเวอร์ตันอาจได้เปรียบจากการเล่นในบ้าน แต่ผลเสมอมีความเป็นไปได้สูง คาดว่าเกมนี้จะจบลงด้วยสกอร์ 1-1 ทั้งสองทีมอาจต้องแบ่งแต้มกันเพื่อรักษาโอกาสในการหนีตกชั้นต่อไป

“ศึกเดือดพรีเมียร์ลีก! เบรนท์ฟอร์ดปะทะเวสต์แฮม: ทัพผึ้งหวังซิวชัยในบ้าน”

0

การแข่งขันพรีเมียร์ลีกในวันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2567 ระหว่างเบรนท์ฟอร์ดกับเวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่สนาม Gtech Community Stadium น่าจะเป็นอีกหนึ่งแมตช์สำคัญของสุดสัปดาห์นี้ ทั้งสองทีมต่างต้องการชัยชนะเพื่อต่อยอดสู่ตำแหน่งที่ดีขึ้นในตารางคะแนน

ฟอร์มการเล่น:

เบรนท์ฟอร์ด (อันดับ 12) เปิดบ้านต้อนรับเวสต์แฮม (อันดับ 14)

โดยทีมเจ้าบ้านมีสถิติที่ดีเยี่ยมในการเจอเวสต์แฮมที่บ้าน เก็บชัยชนะทั้งสามครั้งจากการพบกันในพรีเมียร์ลีกก่อนหน้านี้ การกลับมาของคริสเตียน นอร์การ์ดน่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แดนกลางของทีม​

ขณะเดียวกัน ไบรอัน เอ็มบูโม่ แนวรุกตัวเก่งของทีมที่ทำประตูได้ 4 ลูกใน 5 นัด น่าจะเป็นตัวอันตรายอีกครั้งในเกมนี้​ทางด้านเวสต์แฮม แม้จะเสียกำลังใจจากการพ่ายแพ้ให้กับลิเวอร์พูลใน EFL Cup แต่ทีมของกุนซือ จูเลน โลเปเตกี ก็จะต้องการเร่งฟอร์มให้กลับมา​อย่างไรก็ตาม การป้องกันที่หลวมเป็นปัญหาสำคัญของพวกเขา ซึ่งเห็นได้จากการเสียประตูในเกมล่าสุด

คาดการณ์ 11 ตัวจริงและสกอร์: เบรนท์ฟอร์ด vs เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

เบรนท์ฟอร์ด (5-3-2):

  • ผู้รักษาประตู: มาร์ค เฟล็คเคน
  • กองหลัง: คริส อาเยอร์, เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก, อีธาน พินน็อก, นาธาน คอลลินส์, คีน ลูอิส-พอตเตอร์
  • กองกลาง: เยห์อร์ ยาร์โมลยุค, วิตาลี่ ยาเนลท์, มิคเคล ดัมส์การ์ด
  • กองหน้า: คาร์วัลโญ่, ไบรอัน เอ็มบูโม่

เบรนท์ฟอร์ดจะขาดผู้เล่นคนสำคัญอย่างคริสเตียน นอร์การ์ดและริโก้ เฮนรี ซึ่งยังคงบาดเจ็บ

เวสต์แฮม (4-2-3-1):

  • ผู้รักษาประตู: อัลฟองซ์ อาเรโอล่า
  • กองหลัง: อารอน วาน-บิสซาก้า, มักซิมิเลียน คิลแมน, คอนสแตนตินอส มาฟโรปานอส, เอเมอร์สัน
  • กองกลางตัวรับ: โทมัส ซูเช็ค, กุยโด โรดริเกซ
  • กองกลางตัวรุก: จาร์ร็อด โบเว่น, ลูคัส ปาเกต้า, โมฮัมเหม็ด คูดุส
  • กองหน้า: มิคาอิล อันโตนิโอ

เวสต์แฮมจะไม่มี เอดสัน อัลวาเรซ เนื่องจากติดโทษแบน และนิคลาส ฟุลล์ครุกยังคงเป็นที่สงสัยจากอาการบาดเจ็บ

คาดการณ์สกอร์:

ด้วยฟอร์มการเล่นของเบรนท์ฟอร์ดที่แข็งแกร่งในบ้านและเวสต์แฮมที่ยังขาดความคงเส้นคงวา เบรนท์ฟอร์ดน่าจะมีโอกาสชนะมากกว่า คาดการณ์สกอร์ 2-1 ให้กับเบรนท์ฟอร์ด

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ตั้งเป้ารักษาสถิติไม่แพ้ใคร เจอฟูแล่มในศึกพรีเมียร์ลีกที่ซิตี้กราวด์

0

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ จะเปิดบ้านต้อนรับฟูแล่มที่สนาม ซิตี้กราวด์ ในวันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นแมตช์ที่น่าติดตามในพรีเมียร์ลีก ทั้งสองทีมมีฟอร์มการเล่นที่น่าพอใจ โดยฟอเรสต์อยู่ในอันดับ 8 ส่วนฟูแล่มตามมาในอันดับ 9 ของตาราง

ฟอเรสต์ ภายใต้การคุมทีมของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต

ยังไม่แพ้ใครใน 5 เกมแรกของฤดูกาล เก็บได้ 2 ชัยชนะ และเสมอ 3 นัด การบุกของพวกเขานำโดย คริส วู้ด ที่ยิงประตูสำคัญได้หลายลูก อย่างไรก็ตาม การขาดกัปตันทีม มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ ที่ถูกแบนจากการได้รับใบแดงในเกมล่าสุด รวมถึงผู้เล่นสำคัญอย่าง ดานิโล และ อิบราฮิม ซังกาเร่ ที่บาดเจ็บ อาจทำให้ฟอเรสต์ต้องเจอความท้าทายในเกมนี้

ฟูแล่ม ภายใต้การคุมทีมของ มาร์โก ซิลวา

มีฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจ โดยเพิ่งเอาชนะนิวคาสเซิล 3-1 ในนัดที่ผ่านมา ผู้เล่นเด่นอย่าง เอมิล สมิธ โรว์ และ ราอูล ฆิเมเนซ ทำผลงานได้ดีและมีส่วนสำคัญในเกมรุก ทีมมีปัญหาบาดเจ็บเล็กน้อย โดย คาร์ลอส วินิซิอุส ยังคงต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนาม

คาดการณ์ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีมในเกมระหว่าง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ vs ฟูแล่ม วันที่ 28 กันยายน 2567

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (ระบบ 4-2-3-1):

  1. ผู้รักษาประตู: มัตส์ เซลส์
  2. แบ็คขวา: โอล่า ไอน่า
  3. เซ็นเตอร์แบ็ค: นิโคล่า มิเลนโควิช
  4. เซ็นเตอร์แบ็ค: มูริโญ่
  5. แบ็คซ้าย: อเล็กซ์ โมเรโน่
  6. มิดฟิลด์ตัวรับ: เจมส์ วอร์ด-พราวส์
  7. มิดฟิลด์ตัวรับ: ไรอัน เยตส์
  8. ปีกขวา: คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย
  9. มิดฟิลด์ตัวรุก: มาร์คัส แอนเดอร์สัน
  10. ปีกซ้าย: แอนโธนี่ เอแลงก้า
  11. กองหน้า: คริส วู้ด

ผู้เล่นที่ไม่สามารถลงสนาม: มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ (ติดโทษแบน), ดานิโล (บาดเจ็บ), อิบราฮิม ซังกาเร่ (บาดเจ็บ)​

ฟูแล่ม (ระบบ 4-2-3-1):

  1. ผู้รักษาประตู: แบร์นด์ เลโน่
  2. แบ็คขวา: เคนนี่ เตเต้
  3. เซ็นเตอร์แบ็ค: โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น
  4. เซ็นเตอร์แบ็ค: คาลวิน บาสซี่ย์
  5. แบ็คซ้าย: แอนโทนี โรบินสัน
  6. มิดฟิลด์ตัวรับ: อันเดรียส เปเรยร่า
  7. มิดฟิลด์ตัวรับ: ซาซ่า ลูคิช
  8. ปีกขวา: อาดาม่า ตราโอเร่
  9. มิดฟิลด์ตัวรุก: เอมิล สมิธ โรว์
  10. ปีกซ้าย: อเล็กซ์ อิโวบี้
  11. กองหน้า: ราอูล ฆิเมเนซ

ผู้เล่นที่ไม่สามารถลงสนาม: คาร์ลอส วินิซิอุส (ยังรอเช็คความฟิต)​

ทั้งสองทีมคาดว่าจะลงสนามในแผน 4-2-3-1 ซึ่งเน้นการเล่นเกมรุกและการใช้ความเร็วของปีกในการเจาะแนวรับ

การคาดการณ์ว่าสกอร์

คาดว่าเกมนี้มีโอกาสที่ทั้งสองทีมจะทำประตูได้ และผลอาจจบลงที่ เสมอ 1-1

ปีศาจแดง-ดำ เอซี มิลาน เปิดซาน ซีโร่ พบกับ เลชเช่ ในศึก กัลโช่ เซเรีย อา วีคที่ 6

0

หลังจากความมันส์ในเกมดาร์บี้แมตช์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเอซี มิลานกำลังหวังที่จะคว้าชัยชนะนัดที่สามติดต่อกันในเซเรียอาในเย็นวันที่ 28 กันยายน 2567 เวลา 01.45 น. เมื่อพวกเขาต้อนรับเลชเช่ที่ซาน ซีโร่ ชัยชนะของทัพรอสโซเนรีเหนือศัตรูเก่าอย่างอินเตอร์ มิลานทำให้แรงกดดันต่อเปาโล ฟอนเซก้าลดลงและตอนนี้ทีมของเขาต้องพบกับคู่แข่งโดยไม่ได้รับชัยชนะเลยมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม

ภาพรวมทีมและผลงานนัดที่ผ่านมา

มิลานสามารถเอาชนะอินเตอร์ได้ 2-1 ในเกมดาร์บี้ เดลลา มาดอนนิน่า หลังจากพ่ายแพ้มา 6 นัดติดต่อกัน โดยมีมัตเตโอ กับเบียเป็นฮีโร่ด้วยการทำประตูชัยในช่วงท้ายเกม ชัยชนะนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวการเปลี่ยนโค้ชและผลงานที่ไม่ดีในช่วงต้นฤดูกาล ผู้จัดการทีมเปาโล ฟอนเซก้าตัดสินใจปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่น ส่งผลให้คริสเตียน พูลิซิชทำประตูขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่กับเบียจะซัดประตูชัยในนาทีที่ 89

ปัจจุบันมิลานรั้งอันดับที่ 6 ของตารางด้วย 8 คะแนนจาก 5 เกม และมีโปรแกรมสำคัญในแชมเปี้ยนส์ลีกกับเลเวอร์คูเซ่นในสัปดาห์หน้า ทีมตั้งเป้าที่จะเก็บชัยชนะสามนัดติดในเซเรียอา โดยจะเจอกับเลชเช่ ทีมที่พวกเขามีสถิติที่ดี โดยไม่แพ้มา 12 นัดติดต่อกันในลีกและชนะถึง 7 นัด ในเกมล่าสุดที่พบกัน พูลิซิชก็ทำประตูแรกให้มิลานในชัยชนะ 3-0 แสดงให้เห็นถึงฟอร์มที่กำลังขึ้นของทีม

เลชเช่กำลังมองหาชัยชนะนัดแรกในการเจอกับมิลานในลีกสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2549 โดยที่ถูกมิลานทำแต้มนำไป 29-12 นับตั้งแต่ชัยชนะครั้งล่าสุด ฟอร์มปัจจุบันของทีมไม่ได้บ่งบอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในเกมคืนนี้ เนื่องจากทีมของลูก้า ก๊อตติยังไม่ได้ชัยชนะในลีกตั้งแต่เดือนสิงหาคม และเพิ่งตกรอบโคปปา อิตาเลียจากทีมในลีกระดับสองเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

แม้ว่าเลชเช่จะมีโอกาสชนะในเกมกับปาร์ม่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนำ 2-0 จากประตูของแพทริค ดอร์กูและนิโคล่า คริสโตวิช แต่กลับโดนตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซึ่งเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับทีม อย่างไรก็ตาม เลชเช่ยังไม่แพ้ใครในสามนัดล่าสุดของเซเรียอา ก่อนที่จะเดินทางไปเยือนซานซิโร่ในเกมที่ท้าทายนี้

ข่าวทีมล่าสุด

เปาโล ฟอนเซก้า ผู้จัดการทีมมิลาน อาจต้องตัดสินใจว่าจะใช้กองหน้าสองคนจับคู่กันในแนวรุกต่อไปหรือกลับไปใช้รูปแบบการเล่นแบบเดิม โดย ราฟาเอล เลเอา และ คริสเตียน พูลิซิช น่าจะได้รับโอกาสลงสนาม เว้นแต่ฟอนเซก้าจะตัดสินใจโรเตชั่นนักเตะเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเกมแชมเปี้ยนส์ลีกกับไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ทีมยังมีปัญหาการบาดเจ็บของผู้เล่นหลายคน รวมถึงสปอร์ติเอลโล, เบนนาเซอร์ และฟลอเรนซี ขณะที่คาลาเบรีย กัปตันทีม ยังต้องลุ้นความฟิต

ส่วนทางด้านเลชเช่ ผู้จัดการทีมลูก้า ก๊อตติน่าจะส่งผู้เล่นหลักอย่างเฟเดอริโก้ บาสคิรอตโต้และนิโคล่า เคิร์สโตวิชกลับมาลงสนามหลังจากที่พักในเกมถ้วย โดยอาจมีอันเต้ เรบิช อดีตกองหน้าของมิลานร่วมทีมด้วย ทีมจะขาดเฟรเดอริก กิลแบร์ที่ติดโทษแบน ทำให้แอนดี้ เปลมาร์ดมีโอกาสลงเล่นแทน นอกจากนี้ยังมีผู้เล่นบาดเจ็บอีกสองราย คือ โมฮัมเหม็ด คาบาและเมดอน เบริชา ทั้งสองทีมต้องจัดการกับปัญหาการบาดเจ็บและการพักโทษแบนของผู้เล่น ซึ่งอาจส่งผลต่อแผนการเล่นในเกมนี้

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่น่าจะลงสนาม

  • เอซี มิลาน
    ไมญ็อง; เอเมอร์สัน, โทโมรี, กับเบีย, เอร์นันเดซ; โฟฟานา, ไรน์เดอร์ส; พูลิซิช, โมราต้า, เลเอา; อับราฮัม
  • เลชเช่
    ฟัลโคเน่, เปลมาร์ด, กัสปาร์, บาสคิรอตโต, กัลโล, รามาดานี, คูลิบาลี, ดอร์กู, เรบิช, โมเรนเต้, คริสโตวิช

คาดการณ์ผลการแข่งขัน

ในขณะที่มิลานกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ดีหลังจากดาร์บี้แมตช์ และเลชเช่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เดินทางมากนัก เจ้าบ้านน่าจะเดินหน้าคว้าชัยชนะในเวลาปกติที่ซาน ซีโร่ได้ แม้ว่าแนวรับยังคงมีปัญหา แต่ทีมรอสโซเนรีก็มีผู้เล่นแนวรุกที่มีความสามารถมากมายเพื่อ เปาโล ฟอนเซก้า ใช้ประโยชน์เอาชนะคู่แข่งได้

เอซี มิลาน 2-0 เลชเช่

ยักษ์ใหญ่แดนน้ำหอม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง พบกับ แรนส์ ศึก ลีคเอิง วีคที่ 6 วิเคราะห์ภาพรวมทีมก่อนแมตช์

0

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จ่าฝูงลีกเอิงเตรียมพบกับแรนส์ที่ปาร์กเดส์แพร็งซ์ ในวันที่ 28 กันยายน 2567 เวลา 02.00 น. โดยตั้งเป้าที่จะรักษาสถิติไร้พ่ายในฤดูกาล 2024-25 เอาไว้ได้ เจ้าบ้านชนะไปแล้ว 4 นัดและเสมอ 1 นัดจาก 5 นัดแรกของลีก ในขณะที่เจ้าบ้านรั้งอยู่อันดับที่ 8 มี 7 คะแนนจากนัดเปิดสนาม

ภาพรวมทีมและผลงานนัดที่ผ่านมา

หลังจากการสูญเสียคีลิยัน เอ็มบัปเป้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ภายใต้การนำของหลุยส์ เอ็นริเก้ยังคงรักษาฟอร์มที่ไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้ แม้ว่าผลงานจะลดลงเล็กน้อยใน 2 เกมหลังสุด ทีมยังคงครองเกมได้ดีแต่ขาดความเฉียบคมในการทำประตู โดยเฉพาะเมื่อขาดกองหน้าตัวเก่งอย่างเอ็มบัปเป้และกอนซาโล รามอส ทำให้ต้องพึ่งพาการทำประตูจากปีกอย่างแบรดลีย์ บาร์โคล่าและอุสมาน เดมเบเล่ ซึ่งร่วมกันทำไปแล้ว 8 ประตูจาก 17 ประตูในลีก เอ็นริเก้หวังว่าทีมจะกลับมาทำผลงานได้โดดเด่นเหมือนช่วงต้นฤดูกาลในเกมต่อๆ ไป

แรนส์เริ่มต้นฤดูกาลได้ค่อนข้างดี โดยอยู่ในอันดับกลางตารางด้วย 7 แต้มจาก 5 นัด ทีมของจูเลียน สเตฟานเปิดฤดูกาลด้วยชัยชนะเหนือลียง 3-0 ก่อนจะพ่ายแพ้สองนัดติด แต่กลับมาฟื้นฟูด้วยชัยชนะและเสมอในสองเกมล่าสุด ทำให้พวกเขายังไม่แพ้ใครในบ้าน อย่างไรก็ตาม แรนส์ยังไม่สามารถเก็บแต้มได้เลยในการเล่นนอกบ้านในฤดูกาลนี้ ซึ่งสเตฟานหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ได้ในเกมวันศุกร์นี้

ข่าวทีมล่าสุด

เจ้าบ้าน ปารีส แซงต์ แชร์กแมง อาจต้องเผชิญกับปัญหาการขาดผู้เล่นสำคัญถึง 6 คนในเกมที่จะถึงเนื่องจากอาการบาดเจ็บต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผู้เล่นอย่างดอนนารุมม่า, อเซนซิโอ, คิมเพมเบ้ และกอนซาโล รามอสจะต้องพักหลายสัปดาห์ ส่วนเอร์นานเดซจะไม่ได้ลงเล่นจนถึงเดือนมกราคม นอกจากนี้ เดซีเร ดูเอยังมีข้อสงสัยเรื่องความฟิต ซึ่งอาจทำให้โคโล มูอานีได้โอกาสลงเป็นตัวจริงเป็นครั้งแรกของฤดูกาล

ทางด้านทีมเยือนแรนส์ก็ประสบปัญหาการบาดเจ็บเช่นกัน โดยจะขาดผู้เล่นอย่างน้อย 3 คน ได้แก่ โชต้า, โกเมซ และอเล็มดาร์ ขณะที่อาลิดู เซดูอาจไม่ได้ลงเล่นหลังถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีสุดท้ายของเกมล่าสุด ทำให้มีโอกาสสูงที่เลโอ ออสติการ์ดจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแทน สถานการณ์การบาดเจ็บของทั้งสองทีมอาจส่งผลต่อแผนการเล่นและการจัดทัพในเกมนี้อย่างมีนัยสำคัญ

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่น่าจะลงสนาม

  • ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
    ซาโฟนอฟ; ฮาคิมิ, มาร์ควินญอส, ปาโช, เมนเดส; ซาอีร์-เอเมรี่, วิตินญา, รุยซ์; เดมเบเล่, โคโล มูอานี่, บาร์โคลา
  • แรนส์
    ม็องด็องด้า; Hateboer, Wooh, Ostigard; อัสซีญง, ซานตามาเรีย, มาตูซิวา, ทรัฟเฟิร์ต; บลาส, กรอนเบก; กาลิมูเอนโด

คาดการณ์ผลการแข่งขัน

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นฝ่ายเหนือกว่าในทุกนัดของฤดูกาลนี้ และมีแนวโน้มว่าจะกลับมาคุมเกมได้อีกครั้งในแมตช์นี้ ทำให้เราคาดว่าเจ้าบ้านจะชนะได้อย่างสบายๆ

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 2-0 แรนส์

ห้ามพลาด!