Home Blog Page 38

ลิเวอร์พูล จัดแผนแลกตัว “นูนเญซ” หวังคว้า “อิซัค”

0

ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก กำลังพิจารณานำ ดาร์วิน นูนเญซ เป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอแลกตัว อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าตัวเก่งของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ที่จะถึงนี้

นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ตั้งค่าตัวของ อิซัค ไว้ไม่น้อยกว่า 100 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,300 ล้านบาท) เนื่องจากนักเตะยังมีสัญญายาวถึง ปี 2028 อย่างไรก็ตาม รายงานจาก Football Insider เผยว่า ลิเวอร์พูล อาจใช้แผนเจรจาด้วยการแนบ นูนเญซ เป็นส่วนหนึ่งของดีล เพื่อลดจำนวนเงินที่ต้องจ่าย

สำหรับ ดาร์วิน นูนเญซ วัย 25 ปี ปัจจุบันยังมีสัญญากับ “หงส์แดง” ถึงปี 2028 เช่นกัน โดยค่าตัวของเขายังอยู่ที่ราว 60 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,580 ล้านบาท) ซึ่งหาก ลิเวอร์พูล เสนอเงินก้อนเพิ่มเข้าไป คาดว่าอาจทำให้ นิวคาสเซิล ยอมพิจารณาปล่อยตัว อิซัค ออกมา

ขณะเดียวกัน ฟอร์มของ นูนเญซ ตลอดฤดูกาลนี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก หลังทำไปเพียง 6 ประตู 5 แอสซิสต์ จาก 34 นัดในทุกรายการ ส่งผลให้อนาคตของเขากับถิ่นแอนฟิลด์เริ่มไม่แน่นอน และอาจเป็นหนึ่งในนักเตะที่ ลิเวอร์พูล พร้อมปล่อยตัวเพื่อปรับปรุงแนวรุกในซีซั่นหน้า

“แมนฯ ยูไนเต็ด” หนี้ทะลุพันล้านปอนด์ – แฟนบอลเดือดจัด

0

กลุ่มแฟนบอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจต่อการบริหารที่ผิดพลาดของบอร์ดบริหาร ซึ่งส่งผลให้สโมสรมีภาระหนี้สินพุ่งเกิน 1,000 ล้านปอนด์ หลังการเปิดเผยงบการเงินประจำไตรมาสล่าสุด

แมนฯ ยูไนเต็ด เผยตัวเลขทางการเงินประจำไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ โดยระบุว่าสโมสรมีหนี้หลักอยู่ที่ 731 ล้านปอนด์ นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายในการเสริมทัพที่สูงกว่า 300 ล้านปอนด์ รวมถึงค่าชดเชยในการปลด เอริก เทน ฮาก อดีตกุนซือ และ แดน แอชเวิร์ธ อดีตผู้อำนวยการกีฬาของทีม ที่มีมูลค่ารวม 14.5 ล้านปอนด์ ทำให้ภาระหนี้ของ “ปีศาจแดง” ทะลุหลักพันล้านปอนด์ หรือมากกว่า 43,000 ล้านบาท

ตัวเลขหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้กลุ่มแฟนบอล Manchester United Supporters’ Trust (MUST) ออกแถลงการณ์วิจารณ์นโยบายบริหารของสโมสรอย่างรุนแรง พร้อมตำหนิการตัดสินใจขึ้นราคาตั๋วเข้าชมเกมพรีเมียร์ลีกกลางฤดูกาล ซึ่งทำให้ราคาตั๋วเพิ่มขึ้นเป็น 66 ปอนด์ (ประมาณ 2,900 บาท) โดยพวกเขามองว่านี่คือการผลักภาระให้แฟนบอลแบกรับผลกระทบจากความล้มเหลวในการบริหารทีม

แฟนบอลยังเรียกร้องให้ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วมของสโมสร ทบทวนแนวทางการบริหารใหม่ พร้อมขอให้บอร์ดบริหาร นักเตะ และแฟนบอลทุกคน ร่วมแรงร่วมใจพาสโมสรกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง แทนที่จะปล่อยให้ทีมจมอยู่กับปัญหาทางการเงินเช่นนี้

ลิเวอร์พูล ไล่เจ๊า วิลล่า 2-2! “หงส์แดง” เก็บแต้มสำคัญ

0

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงประตูสำคัญช่วยให้ ลิเวอร์พูล บุกเสมอ แอสตัน วิลล่า 2-2 แบ่งแต้มกันไป ทำให้ “หงส์แดง” ขยับนำ อาร์เซน่อล 8 แต้ม แต่ลงเล่นมากกว่า 1 นัด


วิลล่าปรับ 3 ตำแหน่ง “แรชฟอร์ด-อเซนซิโอ” ออกสตาร์ทตัวจริง

อูไน เอเมรี่ กุนซือ แอสตัน วิลล่า ปรับทีมถึง 3 ตำแหน่ง โดย มาร์โก อเซนซิโอ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกให้กับสโมสรหลังย้ายมาเมื่อเดือนมกราคม ขณะที่ ไทโรน มิงส์ หายเจ็บกลับมาคุมแนวรับ

ทางฝั่ง อาร์เน่ สล็อต นายใหญ่ของ ลิเวอร์พูล เปลี่ยนผู้เล่นแค่ตำแหน่งเดียว ส่ง เคอร์ติส โจนส์ ลงสนามแทน หลุยส์ ดิอาซ


“หงส์แดง” นำก่อน แต่โดน วิลล่า รัวสองลูกแซง

นาทีที่ 17 วิลล่า ส่งบอลเข้าตาข่ายจากการเล่นชิ่งกันของ แรชฟอร์ด และ อเซนซิโอ ก่อนที่ แรชฟอร์ด จะซัดแฉลบ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เข้าประตู แต่ VAR เช็กว่าเป็นจังหวะล้ำหน้า ทำให้เจ้าบ้านพลาดขึ้นนำ

นาทีที่ 29 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 เมื่อ อันเดรส การ์เซีย จ่ายบอลพลาดหน้ากรอบเขตโทษไปเข้าทาง ดีโอโก้ โชต้า ก่อนจะไหลให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ซัดเข้าไปอย่างเฉียบขาด นี่เป็นประตูที่ 15 ของเขาในเกมเยือนฤดูกาลนี้

แต่เจ้าถิ่นมาตามตีเสมอได้ในนาทีที่ 38 จากจังหวะที่ โดมินิค โซบอสซ์ไล โหม่งเคลียร์บอลไม่ขาดไปเข้าทาง ยูริ ติเลอมันส์ วอลเลย์เต็มข้อ ส่งบอลพุ่งตุงตาข่ายเป็น 1-1

ก่อนจบครึ่งแรก นาทีที่ 45+3 ลูก้า ดีญ เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งขวาให้ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ขึ้นโขกเต็มศีรษะผ่านมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ เข้าไป ทำให้ แอสตัน วิลล่า พลิกนำ 2-1


เทรนต์ ซัดช่วย ลิเวอร์พูล ตีเสมอ 2-2

ครึ่งหลัง นาทีที่ 50 ลิเวอร์พูล เกือบเสียประตูที่สาม เมื่อ อลีสซง พยายามออกมาตัดบอลจาก แรชฟอร์ด แต่พลาดโดนลากหนีไปยิงโล่งๆ แต่ อิบราฮิมา โคนาเต้ วิ่งมาสกัดจากเส้นได้อย่างหวุดหวิด

นาทีที่ 61 ลิเวอร์พูล ได้ประตูตีเสมอจากความยอดเยี่ยมของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ลากบอลจากแดนตัวเองขึ้นมา จ่ายให้ ซาล่าห์ ก่อนไหลคืนกลับมาให้ เทรนต์ แต่งบอลหนึ่งจังหวะก่อนปั่นด้วยซ้าย บอลแฉลบ ไทโรน มิงส์ เปลี่ยนทางเข้าประตู 2-2


VAR ปฏิเสธประตูชัยของ วิลล่า

นาทีที่ 69 ลิเวอร์พูล มีโอกาสขึ้นนำจากลูกเปิดของ คอเนอร์ แบรดลีย์ ให้ ดาร์วิน นูนเญซ แต่ยิงข้ามคานออกไป

จากนั้น นาทีที่ 80 วิลล่า ส่งบอลเข้าตาข่ายได้อีกครั้งจาก เจค็อบ แรมซีย์ ที่หลุดไปยิงผ่าน อลีสซง แต่ VAR เช็กพบว่าล้ำหน้าไปก่อน ทำให้สกอร์ยังคงอยู่ที่ 2-2

ช่วงท้ายเกม นาทีที่ 89 ลิเวอร์พูล ต้องเปลี่ยนตัวเมื่อ คอเนอร์ แบรดลีย์ ได้รับบาดเจ็บ และส่ง จาเรลล์ ควอนซาห์ ลงสนามแทน

จบเกม แอสตัน วิลล่า เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งแต้ม


สรุปตารางคะแนนล่าสุด

  • ลิเวอร์พูล ยังนำเป็นจ่าฝูง แข่ง 26 นัด มี 61 คะแนน ชนะ 18 เสมอ 7 แพ้ 1 นำ อาร์เซน่อล 8 แต้ม แต่แข่งมากกว่า 1 นัด
  • “หงส์แดง” ไม่ชนะเกมเยือนมา 3 นัดติดต่อกัน รวมทุกรายการ
  • แอสตัน วิลล่า รั้งอันดับ 9 แข่ง 26 นัด มี 39 คะแนน (ชนะ 10 เสมอ 9 แพ้ 7)

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

แอสตัน วิลล่า (4-2-3-1):
เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – อันเดรส การ์เซีย, ไทโรน มิงส์, อักเซล ดิซาซี่, ลูก้า ดีญ – ยูริ ติเลอมันส์, จอห์น แม็คกินน์ – มาร์โก อเซนซิโอ, มอร์แกน โรเจอร์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด – โอลลี่ วัตกิ้นส์

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1):
อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โคนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, คอสตาส ซิมิคาส – อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, ไรอัน กราเฟนแบร์ก – เคอร์ติส โจนส์, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โดมินิค โซบอสซ์ไล – ดีโอโก้ โชต้า

เอ็มบัปเป้ กดแฮตทริก! เรอัล มาดริด ถล่ม แมนฯ ซิตี้ 3-1

0

คีเลียน เอ็มบัปเป้ โชว์ฟอร์มสุดร้อนแรง กดแฮตทริกพา เรอัล มาดริด เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 รวมสองนัด ราชันชุดขาว เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ด้วยสกอร์รวม 6-3


“ราชันชุดขาว” จัดเต็ม รับมือ “เรือใบ” ที่ไร้ ฮาลันด์

คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือ เรอัล มาดริด ได้ข่าวดีเมื่อ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ หายเจ็บกลับมายืนคุมแนวรับ ทำให้ โอเรเลียง ชูอาเมนี่ ได้กลับไปยืนกองกลางตามถนัด โดยแนวรุกยังเป็น คีเลียน เอ็มบัปเป้ จับคู่กับ วินิซิอุส จูเนียร์

ฝั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องเผชิญปัญหาเมื่อ เออร์ลิง ฮาลันด์ ไม่ฟิตพอสำหรับการออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ทำให้ต้องใช้ ซาวินโญ่ และ โอมาร์ มาร์มุซ เป็นคู่กองหน้าแทน


เอ็มบัปเป้ ซัดเร็ว เรอัล มาดริด ออกนำไว

เกมเริ่มมาเพียง 4 นาที แฟนบอลเจ้าถิ่นได้เฮ เมื่อ ราอูล อเซนซิโอ วางบอลยาวจากแดนหลัง รูเบน ดิอาส โหม่งสกัดพลาด ปล่อยให้ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ฉกบอลไปซัดตุงตาข่าย ส่งให้ เรอัล มาดริด ขึ้นนำ 1-0 และสกอร์รวมขยับเป็น 4-2

นาทีที่ 6 จอห์น สโตนส์ มีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว นาธาน อาเก้ ถูกส่งลงมาแทน


เอ็มบัปเป้ เบิ้ล! มาดริด หนีห่าง 2-0

นาทีที่ 33 โรดรีโก้ โกเอส แทงทะลุช่องให้ เอ็มบัปเป้ โชว์ความเร็วพาบอลเข้าไปล็อกหนี ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ก่อนยิงสวนตัว เอแดร์ซอน โมราเอส เป็นประตูที่ 2 ของเขาในเกมนี้ และส่ง เรอัล มาดริด หนีห่าง 5-2

ช่วงท้ายครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสยิงเข้ากรอบเพียง 1 ครั้ง ทำให้จบ 45 นาทีแรก เรอัล มาดริด นำ 2-0 และสกอร์รวมขยับไปเป็น 5-2


ครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ ยังเจาะไม่เข้า ก่อน เอ็มบัปเป้ ทำแฮตทริก

ครึ่งหลัง นาทีที่ 53 เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ เอ็มบัปเป้ ได้ลุ้นทำแฮตทริก แต่ รูเบน ดิอาส เคลียร์บอลทิ้งไปได้หวุดหวิด

นาทีที่ 57 วัลเวร์เด้ เปิดบอลเข้าไปให้ เอ็มบัปเป้ อีกครั้ง แต่คราวนี้ เอแดร์ซอน เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

กระทั่งนาทีที่ 61 แฟนบอลเจ้าถิ่นได้เฮลั่น เมื่อ เอ็มบัปเป้ ได้บอลทางกรอบเขตโทษ ก่อนโยกหลอก ฟิล โฟเด้น แล้วซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งหนีมือ เอแดร์ซอน เสียบตาข่าย ส่งให้ เรอัล มาดริด นำขาด 3-0 และเป็น แฮตทริกของ เอ็มบัปเป้ ในเกมนี้


แมนฯ ซิตี้ ได้ประตูปลอบใจช่วงทดเจ็บ แต่ไม่ทันการณ์

ช่วงท้ายเกม นาทีที่ 90+2 โอมาร์ มาร์มุซ ซัดฟรีคิกชนคาน บอลเด้งมาเข้าทาง นิโก้ กอนซาเลซ ซ้ำเข้าไป VAR เช็กแล้วให้เป็นประตู ส่งให้ แมนฯ ซิตี้ ไล่มาเป็น 1-3

จบเกม เรอัล มาดริด เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 รวมสองนัด “ราชันชุดขาว” คว้าชัยด้วยสกอร์ 6-3 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยจะมีการจับสลากประกบคู่ในวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์นี้

ส่วน แมนฯ ซิตี้ เตรียมกลับไปโฟกัสพรีเมียร์ลีก โดยมีเกมใหญ่รออยู่ พบกับ ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์นี้


รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

เรอัล มาดริด (4-4-2): ติโบต์ กูร์กตัวส์ – เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้, ราอูล อเซนซิโอ, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ – โรดรีโก้ โกเอส, โอเรเลียง ชูอาเมนี่, ดานี่ เซบายอส, จู๊ด เบลลิงแฮม – คีเลียน เอ็มบัปเป้, วินิซิอุส จูเนียร์

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-1-2): เอแดร์ซอน โมราเอส – อับดูโคดีร์ คูซานอฟ, จอห์น สโตนส์ (นาธาน อาเก้ น.6), รูเบน ดิอาส, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล – ฟิล โฟเด้น, นิโก้ กอนซาเลซ, แบร์นาร์โด ซิลวา – อิลคาย กุนโดกัน – ซาวินโญ่, โอมาร์ มาร์มุซ

แข้งแมนยูบางส่วนเริ่มไม่เชื่อมั่นแท็กติกของ “อโมริม”

0

มีรายงานจากสื่ออังกฤษระบุว่า นักเตะบางส่วนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเริ่มสูญเสียความเชื่อมั่นในแนวทางการทำทีมของ รูเบน อโมริม หลังจากที่ฟอร์มของทีมยังคงตกต่ำอย่างต่อเนื่อง


ผลงานย่ำแย่ทำให้ความเชื่อมั่นเริ่มสั่นคลอน

แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งพ่ายให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 0-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งที่ 8 จาก 12 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก ส่งผลให้ทีมหล่นไปอยู่อันดับ 15 ของตาราง และมีแต้มห่างจากโซนตกชั้นเพียง 12 คะแนน

เดลี่ เมล รายงานว่าหลังเกมดังกล่าว นักเตะของ “ปีศาจแดง” ได้รวมตัวกันไปรับประทานอาหารนอกบ้านในเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจก่อนเจอกับโปรแกรมหนักที่กำลังจะมาถึง


เริ่มตั้งคำถามถึงแท็กติกของอโมริม

จากรายงานเดียวกันระบุว่า นักเตะบางคนของ แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มมีข้อสงสัยเกี่ยวกับระบบการเล่นของ รูเบน อโมริม หลังจากที่กุนซือชาวโปรตุเกสคุมทีมไปแล้ว 21 นัด แต่เก็บชัยชนะได้เพียง 9 นัด นับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งแทน เอริก เทน ฮาก เมื่อเดือนพฤศจิกายน

แม้ว่าส่วนใหญ่ยังคงให้การสนับสนุนเขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเชื่อมั่นในวิธีการของเขาเริ่มลดลงเรื่อยๆ บางคนเชื่อว่าหากทีมชนะ ก็มักจะมาจากฟอร์มส่วนตัวของนักเตะหรือโชคช่วย มากกว่าการวางแท็กติกที่เหนือกว่า


ฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร?

แมนฯ ยูไนเต็ด เผชิญปัญหาความขัดแย้งภายในมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เจดอน ซานโช่ ที่จบลงด้วยการอำลาทีมไปแบบเงียบๆ

อย่างไรก็ตาม มีการมองว่าผลงานของทีมในฤดูกาลนี้อาจแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกของสโมสร หากพวกเขาไม่สามารถเก็บชัยชนะได้อย่างน้อย 10 จาก 13 นัดสุดท้าย ของฤดูกาล


โปรแกรมหนักรออยู่ข้างหน้า

“ปีศาจแดง” มีภารกิจหนักรออยู่ โดยต้องบุกไปเยือน เอฟเวอร์ตัน ที่ฟอร์มกำลังแข็งแกร่ง จากนั้นจะเจอกับ อิปสวิช ทาวน์ ซึ่งกำลังดิ้นรนหนีตกชั้น ทำให้เกมที่เหลือของฤดูกาลนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับอนาคตของ รูเบน อโมริม และทีมแมนเชส

โทมิยาสุ ผ่าตัดหัวเข่าครั้งที่สอง ปิดฉากฤดูกาลนี้เรียบร้อย

0

ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ กองหลังทีมชาติญี่ปุ่นของ อาร์เซน่อล ได้เข้ารับการผ่าตัดหัวเข่าครั้งที่สองเป็นที่เรียบร้อย และจะหมดสิทธิ์ลงสนามในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้


บาดเจ็บเรื้อรัง ทำให้ต้องพักยาวทั้งซีซั่น

เซ็นเตอร์แบ็กวัย 26 ปี มีปัญหาอาการบาดเจ็บหัวเข่าอย่างต่อเนื่อง โดยฤดูกาลนี้เขาเพิ่งได้ลงเล่นเพียง 6 นาที เท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นในเกมที่ “ปืนใหญ่” เอาชนะ เซาแธมป์ตัน เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บกลับมาเล่นงานอีกครั้ง ทำให้ อาร์เซน่อล ตัดสินใจส่งตัวเขาเข้ารับการผ่าตัดเป็นครั้งที่สอง เพื่อแก้ปัญหาให้หายขาด ส่งผลให้เขาจะต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกหลายเดือน และพลาดการลงสนามในช่วงที่เหลือของฤดูกาล


โทมิยาสุ เปิดใจหลังผ่าตัด

เจ้าตัวได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน อินสตาแกรมส่วนตัว หลังเข้ารับการผ่าตัดว่า

“ผมเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่าเมื่อไม่กี่วันก่อน และตอนนี้ก็เริ่มทำกายภาพบำบัดเพื่อกลับมาทำในสิ่งที่รักอีกครั้ง”

“นี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในอาชีพของผม และมันยังคงดำเนินต่อไปอีกสักระยะ แต่ผมจะไม่ยอมแพ้ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ แล้วพบกันใหม่”


อนาคตในถิ่นเอมิเรตส์ยังไม่แน่นอน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2023 โทมิยาสุเคยเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่ามาแล้ว และต้องพักนานถึง 3 เดือน ทำให้การผ่าตัดครั้งนี้กลายเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับเส้นทางอาชีพของเขา

ปัจจุบันสัญญาของ โทมิยาสุ กับ อาร์เซน่อล เหลืออีก 18 เดือน แต่ด้วยการที่ทีมมีตัวเลือกในแนวรับค่อนข้างเยอะ ทำให้มีโอกาสที่สโมสรอาจพิจารณาปล่อยตัวเขาออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ หากได้รับข้อเสนอที่เหมาะสม

เปแอสเช เดินหน้าล่าตัว กรีนวู้ด แมนยู รอรับส่วนแบ่ง

0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจได้รับเงินก้อนโตจากข้อตกลงส่วนแบ่งค่าตัวของ เมสัน กรีนวู้ด หลังมีรายงานว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง กำลังพิจารณาคว้าตัวแนวรุกชาวอังกฤษมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้


เปแอสเช ยื่นข้อเสนอ 75 ล้านยูโร – แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมรับทรัพย์

กรีนวู้ด ย้ายจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ไปอยู่กับ โอลิมปิก มาร์กเซย เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 31.6 ล้านยูโร พร้อมเซ็นสัญญาระยะยาว 5 ปี อย่างไรก็ตาม จากรายงานของสื่อสเปน Fichajes ระบุว่า “ปีศาจแดง” ได้ใส่เงื่อนไขส่วนแบ่งค่าตัวไว้ที่ 40-50% หากมีการขายนักเตะในอนาคต

ล่าสุด เปแอสเช ได้ยื่นข้อเสนอแรกมูลค่า 75 ล้านยูโร ให้กับ มาร์กเซย พิจารณา ซึ่งหากดีลนี้เกิดขึ้น แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้รับเงินส่วนแบ่งประมาณ 30 ล้านยูโร (40%) หรือสูงสุดถึง 37.5 ล้านยูโร (50%) ตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้


ฟอร์มร้อนแรงในลีกเอิง ดึงดูดทีมยักษ์ใหญ่

กรีนวู้ด กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ มาร์กเซย ฤดูกาลนี้ โดยลงสนามไปแล้ว 22 นัด ยิงไป 14 ประตู และทำ 3 แอสซิสต์ มีส่วนสำคัญช่วยทีมรั้งอันดับ 2 ของศึก ลีก เอิง ทำให้กลายเป็นที่จับตามองของหลายสโมสรในยุโรป

การย้ายทีมของ กรีนวู้ด กลายเป็นหนึ่งในดีลที่น่าจับตาช่วงซัมเมอร์นี้ และหาก เปแอสเช ปิดดีลได้สำเร็จ แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้รับผลประโยชน์ทางการเงินที่เป็นกอบเป็นกำจากการขายแข้งรายนี้ออกไป

แมนฯ ซิตี้ เล็งคว้า “เวิร์ตซ์” เสริมแดนกลาง ซัมเมอร์นี้

0

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังพิจารณาคว้าตัว ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้างทีมในช่วงซัมเมอร์ โดยมองว่าแข้งทีมชาติเยอรมนีรายนี้เป็นตัวแทนระยะยาวของ เควิน เดอ บรอยน์


เวิร์ตซ์ โชว์ฟอร์มเด่น – บาเยิร์น, มาดริด พร้อมร่วมวงล่าตัว

กองกลางวัย 21 ปี ทำผลงานโดดเด่นกับ เลเวอร์คูเซ่น ในฤดูกาลนี้ โดยยิงและแอสซิสต์รวมกันไปแล้ว 27 ประตู จนกลายเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดในยุโรป ไม่เพียงแค่ แมนฯ ซิตี้ ที่ต้องการตัวเขา แต่ บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่จากบุนเดสลีกา และ เรอัล มาดริด ก็ต่างให้ความสนใจแข้งรายนี้เช่นกัน

ปัจจุบัน เวิร์ตซ์ มีค่าตัวประเมินอยู่ที่ราว 85 ล้านปอนด์ และทาง เลเวอร์คูเซ่น กำลังพยายามรั้งตัวด้วยการเสนอสัญญาฉบับใหม่ แม้ว่าสัญญาปัจจุบันของเขาจะยังเหลืออยู่ถึงปี 2027


แมนฯ ซิตี้ วางแผนเสริมกลางแทน เดอ บรอยน์

แม้ว่า แมนฯ ซิตี้ จะไม่ได้เสริมทัพในช่วงตลาดเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่มีความเข้าใจกันภายในสโมสรว่า การหาตัวแทน เดอ บรอยน์ คือภารกิจสำคัญ เนื่องจากสัญญาของมิดฟิลด์ชาวเบลเยียมกำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย และเขาจะมีอายุครบ 34 ปี ในเดือนมิถุนายนนี้

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องการลดอายุเฉลี่ยของทีม และการคว้าตัว เวิร์ตซ์ อาจเป็นก้าวสำคัญสำหรับการสร้างทีมในระยะยาว อย่างไรก็ตาม บาเยิร์น มิวนิค ภายใต้การคุมทีมของ แวงซองต์ กอมปานี และ เรอัล มาดริด ต่างก็พร้อมที่จะยื่นข้อเสนอแข่งกับ แมนฯ ซิตี้ ในช่วงซัมเมอร์นี้

ตลาดซื้อขายนักเตะรอบหน้ายังคงเปิดกว้าง และ เวิร์ตซ์ กำลังจะกลายเป็นหนึ่งในแข้งที่เนื้อหอมที่สุดของยุโรปในปี 2024

“จู๊ด” ส่อแววโดนแบนสูงสุด 12 นัด หลังสบทใส่ผู้ตัดสิน

0

จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางตัวเก่งของ เรอัล มาดริด อาจเผชิญบทลงโทษหนักถึง 12 นัด จากกรณีได้รับใบแดงในเกมที่ทีมของเขาเสมอ โอซาซูน่า 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งมีรายงานว่าเจ้าตัวใช้คำพูดไม่เหมาะสมใส่ผู้ตัดสิน แม้ทั้งนักเตะและสโมสรจะออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ก็ตาม


เรอัล มาดริด เตรียมยื่นอุทธรณ์ หลัง เบลลิงแฮม ถูกใบแดง

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงท้ายเกม เมื่อ เบลลิงแฮม ถูกไล่ออกจากสนามหลังจากพูดบางอย่างที่ถูกมองว่าเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ตัดสิน ซึ่งแม้เจ้าตัวจะพยายามชี้แจงว่าไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นกรรมการ แต่ โฆเซ่ หลุยส์ มูนูเอร่า มอนเตโร่ ผู้ตัดสินในเกมนี้ยังคงยืนยันการตัดสินของตน

เรอัล มาดริด ไม่ได้นิ่งนอนใจ และเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อ สหพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) เพื่อขอลดโทษของดาวเตะทีมชาติอังกฤษรายนี้


บทลงโทษอาจหนักถึง 12 นัด หากอุทธรณ์ไม่ผ่าน

สื่ออังกฤษ “เดลี่ เมล” รายงานว่ากฎระเบียบของ RFEF ระบุชัดเจนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อผู้ตัดสินว่า

“นักเตะที่มีความผิดฐานดูหมิ่นหรือแสดงท่าทีไม่ให้เกียรติผู้ตัดสิน ผู้ช่วยผู้ตัดสิน เจ้าหน้าที่เทคนิค หรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน อาจถูกแบนตั้งแต่ 4 ถึง 12 นัด

หากการอุทธรณ์ของ มาดริด ไม่สำเร็จ เบลลิงแฮม อาจพลาดลงสนามในเกม ลา ลีกา กับ คิโรน่า, เรอัล เบติส และ ราโย บาเยกาโน่ รวมถึง รอบรองชนะเลิศโกปา เดล เรย์ เลกแรก กับ เรอัล โซเซียดาด และหากโทษสูงสุดถูกบังคับใช้ เขาอาจหมดสิทธิ์ลงเล่นเกือบครึ่งฤดูกาล


“จู๊ด” แจงไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เชื่อหลักฐานช่วยเคลียร์ข้อกล่าวหา

หลังเหตุการณ์ดังกล่าว เบลลิงแฮม ออกมาให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่า

“ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก มันเป็นเพียงความเข้าใจผิด ผมไม่เคยมีเจตนาดูหมิ่นกรรมการ และผมก็ได้ขอโทษเพื่อนร่วมทีมไปแล้วที่ทำให้พวกเขาต้องเจอสถานการณ์แบบนี้”

“ผมเชื่อว่าหลักฐานจากวิดีโอจะช่วยยืนยันทุกอย่าง ขอบคุณแฟนๆ ที่เข้าใจ และหวังว่าจะได้พบกันในเกมวันพุธนี้ที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว


สื่อสเปนขุดอดีตเชิ้ตดำ เคยมีประเด็นกับ เรอัล มาดริด มาก่อน

นอกจากกรณีของ เบลลิงแฮม สื่อสเปนยังขุดคุ้ยประวัติของ โฆเซ่ หลุยส์ มูนูเอร่า มอนเตโร่ ผู้ตัดสินในเกมนี้ โดยระบุว่าเขาเคยมีพฤติกรรมที่ถูกมองว่า อคติ ต่อ เรอัล มาดริด มาก่อน

ในเกมที่ เออิบาร์ ถล่ม เรอัล มาดริด 3-0 เมื่อปี 2018 ซึ่งขณะนั้น มอนเตโร่ ทำหน้าที่เป็น ผู้ตัดสิน VAR เขาถูกจับภาพได้ว่ามีการแสดงท่าทางดีใจ หลังตรวจสอบภาพช้าและยืนยันว่า ประตูขึ้นนำของ เออิบาร์ ไม่ล้ำหน้า ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ก็มีมุมมองตรงข้ามที่เชื่อว่าเขาเพียงแค่พอใจที่ตัดสินได้ถูกต้องเท่านั้น


เรอัล มาดริด ต้องลุ้นผลอุทธรณ์ก่อนเกมสำคัญ

ขณะนี้ เรอัล มาดริด กำลังเตรียมยื่นอุทธรณ์เพื่อให้โทษของ เบลลิงแฮม ลดลง แต่หากไม่เป็นผล พวกเขาอาจต้องรับมือกับช่วงเวลาที่ยากลำบากใน ลา ลีกา และโกปา เดล เรย์ โดยไม่มีแข้งตัวหลักรายนี้ในทีม

“เป๊ป” รับ แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสแค่ 1% ขนะ เรอัล มาดริด

0

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกมายอมรับว่าทีมของเขามีโอกาสเพียง 1% ที่จะพลิกสถานการณ์เอาชนะ เรอัล มาดริด และผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก


สถานการณ์ของ แมนฯ ซิตี้ ก่อนบุกเบอร์นาเบว

แมนฯ ซิตี้ กำลังเผชิญกับภารกิจสุดหินในการลุ้นตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังจากพ่ายให้กับ ราชันชุดขาว ในเลกแรก 2-3 คารังเอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาต้องบุกไปเล่นที่ ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ในวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ นี้ โดยต้องการชัยชนะเพื่อพลิกสถานการณ์เข้ารอบ

แม้ว่าเกมล่าสุด แมนฯ ซิตี้ จะเรียกความมั่นใจกลับมาได้บ้าง หลังจากเปิดบ้านถล่ม นิวคาสเซิ่ล 4-0 จากแฮตทริกของ โอมาร์ มาร์มูช แต่ กวาร์ดิโอล่า ยังมองว่าทีมของเขามีโอกาสเพียงน้อยนิดในการคว่ำ เรอัล มาดริด


เป๊ป ยอมรับ “เรามีแค่ 1% แต่จะสู้เต็มที่”

กวาร์ดิโอล่า เปิดใจถึงความท้าทายครั้งนี้ว่า

“ทุกคนรู้ดีว่าการบุกไปชนะที่ เบอร์นาเบว เป็นเรื่องที่ยากขนาดไหน ถ้าถามว่าโอกาสผ่านเข้ารอบมีเท่าไหร่? ผมไม่รู้แน่ชัดหรอก แต่มันคงน้อยมาก อาจจะราวๆ 1% หรืออาจจะน้อยกว่านั้นด้วยซ้ำ”

“แต่ตราบใดที่เรายังมีโอกาส เราจะสู้ให้เต็มที่ เราจะพยายามทำเหมือนที่เราทำมาตลอด แต่ความจริงก็คือ ฤดูกาลนี้เรายังไม่ดีพอ เรายังห่างไกลจากเป้าหมาย และผลงานโดยรวมของเรายังไม่อยู่ในระดับที่ควรจะเป็น”

“เกมกับ นิวคาสเซิ่ล เราเล่นได้ดี แต่มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงอะไร มันก็ดีกว่าการเดินทางไปมาดริดพร้อมกับฟอร์มที่ย่ำแย่ แต่สุดท้ายแล้วเรายังคงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก”

“ถ้าผลการแข่งขันในเลกแรกออกมาดีกว่านี้ เช่น นำ 2-1 จนถึง 5 นาทีสุดท้าย มันอาจจะต่างออกไป แต่เรามีโอกาสแค่ 1% เท่านั้น และเราจะดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”


แมนฯ ซิตี้ ต้องลุ้นปาฏิหาริย์ที่เบอร์นาเบว

แมนฯ ซิตี้ เคยเอาชนะ เรอัล มาดริด ได้ในเกมเยือนมาก่อน แต่กับสถานการณ์ที่พวกเขาเป็นรองและต้องบุกไปคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการในสนามที่ ราชันชุดขาว มักแข็งแกร่งเสมอ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

แม้ กวาร์ดิโอล่า จะพูดถึงโอกาสเพียง 1% แต่ด้วยสไตล์ของ แมนฯ ซิตี้ พวกเขาย่อมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และพร้อมที่จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อสร้างปาฏิหาริย์ที่ ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว

ห้ามพลาด!