Home Blog Page 40

แมนฯ ยูไนเต็ด ขยายสัญญา “อาหมัด ดิยัลโล่” ยาวถึงปี 2030

0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศยืนยันการต่อสัญญาระยะยาวกับ อาหมัด ดิยัลโล่ ปีกตัวรุกวัย 22 ปี โดยข้อตกลงใหม่จะทำให้เขาอยู่กับสโมสรจนถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2030

สัญญาฉบับใหม่นี้เป็นระยะเวลา 5 ปีครึ่ง แทนที่จะใช้ออปชั่นขยายสัญญาเพิ่มอีก 12 เดือนตามข้อตกลงเดิม การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ดาวเตะทีมชาติไอวอรี่โคสต์แสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ ทั้งในยุคของ เอริก เทน ฮาก และการปรับตัวเข้ากับสไตล์การทำทีมของ รูเบน อาโมริม กุนซือคนปัจจุบัน

ดิยัลโล่กล่าวถึงการต่อสัญญาครั้งนี้ว่า

“ผมรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เซ็นสัญญาใหม่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งสำหรับผม แต่ผมเชื่อว่ายังมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมรออยู่ในอนาคต”
“นับตั้งแต่ผมย้ายมาที่นี่เมื่อ 4 ปีก่อน ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย ต้องขอบคุณโค้ชและทีมงานที่คอยช่วยพัฒนาผม รวมถึงแฟนบอลที่สนับสนุนผมมาตลอด ทุกครั้งที่ลงสนาม ผมรู้สึกถึงพลังจากพวกเขา”

เส้นทางของดิยัลโล่ในสีเสื้อปีศาจแดง

ดิยัลโล่ย้ายมาจาก อตาลันต้า เมื่อปี 2021 ด้วยค่าตัวราว 37 ล้านปอนด์ ก่อนถูกส่งไปเก็บประสบการณ์กับ เรนเจอร์ส และ ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งการปล่อยยืมตัวดังกล่าวช่วยให้เขาพัฒนาฝีเท้าจนสามารถสร้างผลงานได้โดดเด่นในฤดูกาลนี้

ปัจจุบัน ดิยัลโล่ลงเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ดไปแล้วทั้งหมด 50 นัด ทำได้ 9 ประตู ซึ่งในฤดูกาลนี้เขาทำผลงานยอดเยี่ยมในเกมใหญ่ เช่น การยิงประตูสำคัญที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม และ แอนฟิลด์

การต่อสัญญาครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของสโมสรในตัวดิยัลโล่ โดยเขาจะเป็นกำลังสำคัญในระยะยาวของทีม และเป็นส่วนหนึ่งในแผนการสร้างอนาคตของแมนฯ ยูไนเต็ด

เผย 20 นักเตะมูลค่าสูงสุดโลกปี 2025

0

ผลการประเมินมูลค่านักเตะล่าสุดโดย CIES Football Observatory หน่วยงานชั้นนำด้านการวิเคราะห์มูลค่าการย้ายทีมในเชิงวิทยาศาสตร์ เปิดเผยว่า จู๊ด เบลลิ่งแฮม กองกลางดาวรุ่งของเรอัล มาดริด ครองตำแหน่งนักเตะที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกประจำปี 2025 ด้วยมูลค่า 251.4 ล้านยูโร

เกณฑ์การประเมินมูลค่า

CIES Football Observatory ใช้ข้อมูลด้านอายุของนักเตะ ระยะเวลาสัญญา ฟอร์มการเล่น และบทบาทในทีม เพื่อจัดอันดับนักเตะที่มีมูลค่าการย้ายทีมสูงที่สุด ณ วันที่ 1 มกราคม 2025 ผลปรากฏว่า จู๊ด เบลลิ่งแฮม วัย 21 ปี ซึ่งมีสัญญากับเรอัล มาดริดจนถึงปี 2029 รั้งอันดับ 1 ขณะที่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามมาในอันดับ 2 ด้วยมูลค่า 221.5 ล้านยูโร

ดาวรุ่งและตัวเต็งในลิสต์

หนึ่งในนักเตะที่โดดเด่นคือ ลามีน ยามาล แนวรุกดาวรุ่งวัย 17 ปีของบาร์เซโลน่า ที่ติดอันดับ 4 ด้วยมูลค่า 180.3 ล้านยูโร ส่วน คีเลียน เอ็มบัปเป้ แม้จะมีสัญญายาวกับเรอัล มาดริดจนถึงปี 2029 แต่รั้งอันดับ 5 ด้วยมูลค่า 175.2 ล้านยูโร

ในพรีเมียร์ลีก มีนักเตะถึง 3 รายที่ติดท็อป 10 ได้แก่ บูกาโย่ ซาก้า จากอาร์เซน่อล (อันดับ 6, 157.3 ล้านยูโร), โคล พาลเมอร์ จากเชลซี (อันดับ 8, 150 ล้านยูโร) และ ฟิล โฟเด้น จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อันดับ 9, 144.6 ล้านยูโร)

ผู้รักษาประตูค่าตัวสูงสุด

สำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตู บาร์ต เวอร์บรู๊กเก้น ของไบรท์ตัน คือผู้เล่นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตำแหน่งนี้ ด้วยค่าประเมิน 67.3 ล้านยูโร


20 อันดับนักเตะมูลค่าสูงสุดในโลก ปี 2025

  1. จู๊ด เบลลิ่งแฮม – 251.4 ล้านยูโร (เรอัล มาดริด)
  2. เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ – 221.5 ล้านยูโร (แมนฯ ซิตี้)
  3. วินิซิอุส จูเนียร์ – 205.7 ล้านยูโร (เรอัล มาดริด)
  4. ลามีน ยามาล – 180.3 ล้านยูโร (บาร์เซโลน่า)
  5. คีเลียน เอ็มบัปเป้ – 175.2 ล้านยูโร (เรอัล มาดริด)
  6. บูกาโย่ ซาก้า – 157.3 ล้านยูโร (อาร์เซน่อล)
  7. ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ – 151.2 ล้านยูโร (เลเวอร์คูเซ่น)
  8. โคล พาลเมอร์ – 150 ล้านยูโร (เชลซี)
  9. ฟิล โฟเด้น – 144.6 ล้านยูโร (แมนฯ ซิตี้)
  10. โรดรีโก้ – 141.3 ล้านยูโร (เรอัล มาดริด)
  11. ไค ฮาแวร์ตซ์ – 130.1 ล้านยูโร (อาร์เซน่อล)
  12. ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ – 125.2 ล้านยูโร (แอตเลติโก มาดริด)
  13. ซาวินโญ่ – 118.3 ล้านยูโร (แมนฯ ซิตี้)
  14. จามาล มูเซียล่า – 117.1 ล้านยูโร (บาเยิร์น มิวนิค)
  15. เบนจามิน เซสโก้ – 116.6 ล้านยูโร (แอร์เบ ไลป์ซิก)
  16. ยอสโก้ กวาร์ดิโอล – 115.7 ล้านยูโร (แมนฯ ซิตี้)
  17. เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ – 114 ล้านยูโร (เรอัล มาดริด)
  18. ราสมุส ฮอยลุนด์ – 111.2 ล้านยูโร (แมนฯ ยูไนเต็ด)
  19. เดแคลน ไรซ์ – 108.3 ล้านยูโร (อาร์เซน่อล)
  20. เลาตาโร่ มาร์ติเนซ – 107.2 ล้านยูโร (อินเตอร์ มิลาน)

การจัดอันดับนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถ ศักยภาพ และมูลค่าของนักเตะในตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คงต้องจับตาดูว่าเบลลิ่งแฮมและดาวรุ่งคนอื่นๆ จะสามารถรักษาฟอร์มและเพิ่มมูลค่าต่อไปได้หรือไม่ในอนาคต

นิวคาสเซิ่ลเล็ง “เคลเลเฮอร์” เสริมทัพแทน “ดูบราฟก้า”

0

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เตรียมแผนคว้าตัว ควีวีน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูมือสองของลิเวอร์พูล เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตำแหน่งนายทวาร หาก มาร์ติน ดูบราฟก้า ตัดสินใจย้ายทีมในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม

อนาคตของดูบราฟก้าในซาอุดีอาระเบีย

ตามรายงานของ เบน เจค็อบส์ ผู้สื่อข่าวฟุตบอลชื่อดัง ระบุว่า มาร์ติน ดูบราฟก้า อาจย้ายไปเล่นให้กับ อัล ชาบับ ในลีกซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากสัญญาของเขากับนิวคาสเซิ่ลกำลังจะหมดลงในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียผู้เล่นไปแบบฟรีๆ สโมสรจึงมีแนวโน้มปล่อยตัวเขาในตลาดหน้าหนาว

ขณะเดียวกัน ฟาบริซิโอ โรมาโน่ กูรูด้านตลาดนักเตะ รายงานว่าดูบราฟก้าได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับอัล ชาบับแล้ว และตอนนี้รอเพียงการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากนิวคาสเซิ่ลก่อนการย้ายทีมในเดือนมกราคม

นิวคาสเซิ่ลมองหาทางเลือกใหม่

หากการย้ายทีมของดูบราฟก้าเกิดขึ้นจริง นิวคาสเซิ่ล จะต้องมองหาผู้รักษาประตูคนใหม่ทันที โดยมี เจมส์ แทรฟฟอร์ด นายด่านดาวรุ่งของเบิร์นลีย์ เป็นเป้าหมายหนึ่งที่พวกเขาให้ความสนใจมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งชื่อที่น่าจับตามองคือ ควีวีน เคลเลเฮอร์ นายทวารฝีมือดีของลิเวอร์พูล ซึ่งเคยโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในการช่วยทีมคว้าแชมป์คาราบาว คัพ 2 สมัย

ศักยภาพของเคลเลเฮอร์

นายทวารวัย 26 ปี ได้รับคำชื่นชมอย่างมากในฤดูกาลนี้ ด้วยการเก็บ 6 คลีนชีตจากการลงสนาม 13 นัด พร้อมทั้งทำผลงานเด่นด้วยการเซฟจุดโทษของ คีเลียน เอ็มบัปเป้ และ อดัม อาร์มสตรอง ในเกมสำคัญที่ผ่านมา นอกจากนี้ เขายังพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูระดับท็อปของพรีเมียร์ลีก

อย่างไรก็ตาม ความต้องการของเคลเลเฮอร์ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูตัวเลือกแรกอาจไม่สามารถเป็นจริงได้ในถิ่นแอนฟิลด์ เนื่องจากทีมมี อลิสซอน เบ็คเกอร์ และกำลังวางแผนคว้าตัว จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี นายด่านของบาเลนเซียมาเสริมทีมในฤดูกาลหน้า

ค่าตัวและความเป็นไปได้ในการย้ายทีม

ควีวีน เคลเลเฮอร์ ยังมีสัญญากับลิเวอร์พูลจนถึงปี 2026 โดยคาดว่าค่าตัวของเขาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านปอนด์ หากนิวคาสเซิ่ลสามารถดึงตัวมาร่วมทีมได้ เขาน่าจะช่วยเพิ่มความมั่นคงในตำแหน่งผู้รักษาประตูได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม หากการย้ายทีมเกิดขึ้นในเดือนมกราคม เคลเลเฮอร์จะติด คัพไท ไม่สามารถลงเล่นในศึกคาราบาว คัพให้กับนิวคาสเซิ่ลได้ เนื่องจากเขาเคยลงเล่นรายการนี้กับลิเวอร์พูลแล้วในฤดูกาลปัจจุบัน

นิวคาสเซิ่ลจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากพวกเขายังคงมุ่งมั่นกับการรักษาฟอร์มในทุกการแข่งขัน รวมถึงการผลักดันสู่รอบลึกๆ ของยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก

เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป ปฏิเสธขายลิเวอร์พูล

0

เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (FSG) เจ้าของสโมสรลิเวอร์พูล ออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่าไม่มีแผนที่จะขายทีม และไม่เคยได้รับการติดต่อจาก อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ตามที่มีกระแสข่าวในช่วงที่ผ่านมา

ข่าวลือการซื้อขายที่ถูกจุดประกาย

กระแสข่าวดังกล่าวเริ่มต้นจาก เออร์รอล มัสก์ บิดาของอีลอน มัสก์ ซึ่งระบุในระหว่างให้สัมภาษณ์กับรายการ ไทม์ส เรดิโอ ว่า ลูกชายของเขาแสดงความสนใจที่จะซื้อสโมสรลิเวอร์พูล ด้วยมูลค่าสูงถึง 6 พันล้านปอนด์ โดยเออร์รอลกล่าวว่า “เขาแสดงความปรารถนาที่จะซื้อสโมสร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีการยื่นข้อเสนอ”

เมื่อถูกถามถึงเหตุผลที่อีลอนสนใจในลิเวอร์พูล เออร์รอลกล่าวว่า “คุณย่าของเขาเกิดที่ลิเวอร์พูล ครอบครัวของเรามีสายสัมพันธ์กับเมืองนี้ อีกทั้งยังเติบโตมาพร้อมกับเรื่องราวของวง เดอะ บีทเทิลส์ ดังนั้นลิเวอร์พูลจึงเป็นสโมสรที่พวกเราผูกพันเป็นพิเศษ”

FSG ยืนยันไม่ขายทีม

อย่างไรก็ตาม รายงานจาก เดลี เมล ชี้ชัดว่า แหล่งข่าวภายในของลิเวอร์พูลได้ปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว โดยยืนยันว่า FSG ไม่มีแผนที่จะขายสโมสร และไม่เคยได้รับการติดต่อจากอีลอน มัสก์ แม้จะมีกระแสข่าวถึงความสนใจจากมหาเศรษฐีผู้นี้

ในรายงานยังระบุอีกว่า แม้ว่าอีลอน มัสก์ จะร่ำรวยเป็นอันดับ 1 ของโลก และอาจสามารถเสนอราคาที่น่าสนใจได้ แต่ FSG ไม่มีความตั้งใจที่จะเจรจาเรื่องการขายทีม เนื่องจากพวกเขายังคงมุ่งมั่นกับการบริหารสโมสร และเพิ่งขายหุ้นส่วนเล็กๆ ให้กับ ไดแนสตี้ เอควิตี้ ในเดือนกันยายน 2023 เพื่อเพิ่มเงินทุนสำหรับการพัฒนาทีม

สรุปท่าทีของ FSG

แหล่งข่าวจาก เดอะ ไทม์ส ให้ข้อมูลในทิศทางเดียวกันว่า ขณะนี้ FSG ไม่มีเหตุผลใดที่จะขายสโมสร โดยเฉพาะหลังจากที่พวกเขาได้ดำเนินการปรับโครงสร้างการถือหุ้นบางส่วนเพื่อเพิ่มความมั่นคงในระยะยาว

แม้การเป็นเจ้าของโดยบุคคลที่มั่งคั่งอย่างอีลอน มัสก์ อาจเป็นที่สนใจของแฟนบอลบางส่วน แต่สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน และ FSG ยืนยันว่าพวกเขายังคงมุ่งมั่นกับการบริหารสโมสรลิเวอร์พูลอย่างต่อเนื่อง.

นิวคาสเซิ่ล บุกคว้าชัยเหนือ อาร์เซน่อล 2-0 ตุนความได้เปรียบ

0

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการบุกเอาชนะ อาร์เซน่อล 2-0 ในเกมคาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก จากการทำประตูของ อเล็กซานเดอร์ อีซัค และ แอนโธนี่ กอร์ดอน ส่งผลให้ทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว ได้เปรียบก่อนกลับไปเล่นนัดที่สองที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค

ครึ่งแรก: นิวคาสเซิ่ล ออกนำจากลูกยิงของอีซัค

มิเกล อาร์เตต้า กุนซืออาร์เซน่อล เลือกส่ง ไค ฮาแวร์ตซ์ ลงเป็นตัวจริงในแนวรุกแทน กาเบรียล เชซุส โดยมี กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ เลอันโดร ทรอสซาร์ คอยประสานงาน ส่วนแดนกลางนำโดย มาร์ติน โอเดอการ์ด กัปตันทีม

ด้าน นิวคาสเซิ่ล ปรับผู้เล่นจากเกมลีกนัดล่าสุด โดย โจ วิลล็อค ลงมาแทน บรูโน่ กิมาไรส์ ที่ติดโทษแบน แดนกลางยังคงมี โชลินตอน และ ซานโดร โตนาลี่ คุมเกม

นาทีที่ 37 ความพยายามของนิวคาสเซิ่ลสัมฤทธิ์ผล เมื่อ เจค็อบ เมอร์ฟี่ เปิดบอลอย่างแม่นยำให้ อเล็กซานเดอร์ อีซัค โฉบเข้ายิงผ่านมือ ดาบิด ราย่า เข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้นิวคาสเซิ่ลขึ้นนำ 1-0

แม้อาร์เซน่อลจะมีโอกาสจากลูกยิงในกรอบของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ช่วงท้ายครึ่งแรก แต่ไม่ผ่านมือ มาร์ติน ดูบราฟก้า ทำให้จบครึ่งแรก นิวคาสเซิ่ลยังนำอยู่ 1-0

ครึ่งหลัง: กอร์ดอนยิงย้ำชัย

กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง นาทีที่ 51 นิวคาสเซิ่ลขยับหนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่ อีซัค ซัดบอลไปติดเซฟของ ราย่า ก่อนที่บอลจะกระเด้งมาเข้าทาง แอนโธนี่ กอร์ดอน ซ้ำจ่อๆ เข้าไป

อาร์เซน่อลพยายามเร่งเกมเพื่อทวงประตูคืน ในนาทีที่ 58 เลอันโดร ทรอสซาร์ เปิดบอลเข้ามาให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ขึ้นโหม่ง แต่ไม่โดนบอลเต็มหัว ทำให้โอกาสหลุดลอยไป

ช่วงท้ายเกม ทีมปืนใหญ่ส่งตัวสำรองอย่าง จอร์จินโญ่ ลงมาเสริมเกมรุก แต่ความพยายามจากลูกยิงไกลของเขากลับหลุดกรอบไปหลายครั้ง รวมถึงลูกวอลเลย์ของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่ข้ามคานออกไป

แม้จะทดเวลาบาดเจ็บเพิ่มอีก 5 นาที แต่แนวรับของนิวคาสเซิ่ลยังคงเหนียวแน่น ปิดโอกาสของอาร์เซน่อลได้ทุกจังหวะ จบเกม นิวคาสเซิ่ล บุกมาคว้าชัย 2-0 พร้อมตุนความได้เปรียบก่อนนัดที่สอง

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล (4-3-3): ดาบิด ราย่า – ยูเลี่ยน ทิมเบอร์, วิลเลี่ยม ซาลิบา, กาเบรียล มากัลเญส, ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่ – มาร์ติน โอเดอการ์ด, โทมัส ปาเตย์, เดแคลน ไรซ์ – กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, ไค ฮาแวร์ตซ์, เลอันโดร ทรอสซาร์

นิวคาสเซิ่ล (4-3-3): มาร์ติน ดูบราฟก้า – วาเลนติโน ลิฟราเมนโต, สเวน บอตแมน, แดน เบิร์น, ลูอิส ฮอลล์ – ซานโดร โตนาลี่, โจ วิลล็อค, โชลินตอน – เจค็อบ เมอร์ฟี่, อเล็กซานเดอร์ อีซัค, แอนโธนี่ กอร์ดอน

นัดต่อไป

นิวคาสเซิ่ลจะกลับไปเปิดบ้านที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค เพื่อลงเล่นนัดที่สองในรอบรองชนะเลิศนี้ โดยพวกเขาหวังรักษาความได้เปรียบและผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศคาราบาว คัพ ขณะที่อาร์เซน่อลต้องพยายามพลิกสถานการณ์ให้ได้ในเกมถัดไป.

แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมขาย “เมนู” และ “การ์นาโช่”

0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังพิจารณาปล่อยตัวสองดาวรุ่งจากอะคาเดมีอย่าง ค็อบบี้ เมนู และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ เพื่อช่วยปรับสมดุลทางการเงินของสโมสร ท่ามกลางแรงกดดันจากกฎเกณฑ์ผลกำไรและความยั่งยืนของพรีเมียร์ลีก (Profitability and Sustainability Rules หรือ PSR) โดยมีการประเมินมูลค่ารวมของทั้งสองคนไว้ที่ราว 70 ล้านปอนด์

เหตุผลทางการเงินบีบให้ต้องขาย

รายงานจากสื่ออังกฤษหลายสำนักชี้ให้เห็นว่า ยูไนเต็ดกำลังเผชิญกับแรงกดดันในการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านค่าจ้างและสร้างรายได้เพื่อปฏิบัติตามกฎ PSR โดยการขายนักเตะดาวรุ่งทั้งสองคนถือเป็นวิธีที่เป็นไปได้ในการปลดล็อกปัญหานี้

ค็อบบี้ เมนู กองกลางวัย 19 ปี กำลังเป็นที่สนใจจากหลายสโมสรชั้นนำในยุโรป รวมถึง เชลซี โดยมีรายงานว่าตัวนักเตะเรียกร้องค่าเหนื่อยสูงถึง 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งเกินกว่าที่แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมจ่ายในสถานการณ์ปัจจุบัน การปล่อยตัวเมนูจึงอาจเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ด้าน อเลฮานโดร การ์นาโช่ ปีกดาวรุ่งชาวอาร์เจนไตน์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นผู้เล่นสำคัญในอนาคตของทีม กลับต้องดิ้นรนอย่างหนักภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อาโมริม กุนซือคนใหม่ สไตล์การเล่นระบบ 3-4-3 ของอาโมริมดูเหมือนจะไม่เข้ากับศักยภาพของการ์นาโช่ ทำให้เขาไม่มีชื่อในทีม 5 นัดหลังสุด และมีแนวโน้มถูกขายออกในตลาดนักเตะ

โอกาสและความสำคัญทางการตลาด

มูลค่าตลาดที่สูงขึ้นของเมนูและการ์นาโช่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สโมสรอาจต้องตัดสินใจปล่อยพวกเขาออกไป การประเมินมูลค่าที่ 70 ล้านปอนด์นั้นถือเป็นเม็ดเงินก้อนโตที่ช่วยพยุงสถานการณ์ทางการเงินของทีม และลดแรงกดดันจากปัญหาค่าจ้างที่พุ่งสูง

ขายเพื่อปรับสมดุลทีม

นอกเหนือจากการขายดาวรุ่งทั้งสองคน แมนฯ ยูไนเต็ด ยังพยายามปล่อยตัวผู้เล่นที่มีรายได้สูง เช่น มาร์คัส แรชฟอร์ด, กาเซมิโร่, และ อันโตนี่ แต่การเจรจายังไม่คืบหน้า และด้วยสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ สโมสรจึงอาจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยนักเตะพรสวรรค์อย่างเมนูหรือการ์นาโช่ เพื่อปรับโครงสร้างทีมและรักษาเสถียรภาพทางการเงิน

อนาคตของทีมและตลาดซื้อขาย

แมนฯ ยูไนเต็ด คาดว่าจะเร่งดำเนินการในตลาดนักเตะเดือนมกราคมนี้ หากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในเชิงการเงิน สโมสรอาจต้องปล่อยนักเตะเหล่านี้ในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งจะกลายเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับทีมในการรักษาสมดุลระหว่างผลงานในสนามและการจัดการทางการเงินในอนาคต

สเปอร์ส ขยายสัญญา “ซน ฮึง-มิน” เพิ่มอีก 1 ปี

0

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ประกาศใช้เงื่อนไขขยายสัญญาของ ซน ฮึง-มิน กองหน้ากัปตันทีมออกไปอีก 1 ปี ส่งผลให้ดาวยิงชาวเกาหลีใต้จะอยู่กับทีมไปจนถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2026

เดิมทีสัญญาของแข้งวัย 32 ปีจะหมดลงหลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ แต่ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมและความสำคัญของเขาในทีม “ไก่เดือยทอง” จึงตัดสินใจใช้เงื่อนไขดังกล่าวเพื่อรักษาเจ้าของปลอกแขนกัปตันทีมไว้กับสโมสรต่อไป

ดาวยิงประวัติศาสตร์ของสโมสร
ซน ฮึง-มิน ย้ายจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาร่วมทีมในปี 2015 และกลายเป็นหนึ่งในนักเตะระดับตำนานของสโมสรอย่างรวดเร็ว ด้วยผลงานการยิงประตูรวม 169 ลูกจากการลงสนาม 431 นัด เป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับ 4 ตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของสเปอร์ส

ในพรีเมียร์ลีก ซน ทำไปได้ 125 ประตูและ 68 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 320 นัด พร้อมมีส่วนสำคัญในการพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในปี 2019 อีกทั้งยังช่วยให้ทีมจบอันดับ 5 ในพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

คำยกย่องจากสโมสร
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ของสโมสร ระบุว่า “ซน ฮึง-มิน ไม่เพียงแต่กลายเป็นนักเตะระดับโลกในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับเรา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์สำคัญในยุคใหม่ของสโมสร และเรายินดีที่เขาจะอยู่เป็นส่วนหนึ่งของทีมต่อไปอีกหลายปี”

ผลงานในฤดูกาลปัจจุบัน
ในฤดูกาล 2024/25 ซนยังคงเป็นกำลังหลักของทีม โดยยิงไปแล้ว 5 ประตูและทำ 6 แอสซิสต์จากการลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 17 นัด ขณะที่ผลงานของทีมโดยรวม สเปอร์ส รั้งอันดับ 12 ของตารางลีกในขณะนี้

โปรแกรมนัดถัดไป
สำหรับโปรแกรมสำคัญที่จะถึงนี้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เตรียมเปิดบ้านรับมือ ลิเวอร์พูล ในศึกคาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ซึ่งจะแข่งขันกันในวันพุธที่ 9 มกราคม 2568 โดยซน ฮึง-มิน คาดว่าจะยังคงเป็นกำลังหลักในแนวรุกเพื่อพาทีมลุ้นแชมป์รายการนี้ต่อไป

“อโมริม” สุดหัวเสีย ชี้เกมก่อนหน้าน่าทำได้ดีกว่านี้

0

รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่ารู้สึกหงุดหงิด แม้ทีมจะโชว์ฟอร์มสู้ได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมเสมอกับ ลิเวอร์พูล 2-2 ที่แอนฟิลด์ แต่กลับตั้งคำถามว่าทำไมลูกทีมถึงไม่สามารถเล่นในระดับนี้ได้ในแมตช์ก่อนหน้านี้

อโมริมติงความผ่อนคลายเกินไปของทีม
เฮดโค้ชวัย 39 ปี แสดงความคิดเห็นว่า ทีมของเขาอาจขาดความกระตือรือร้นในช่วงก่อนหน้า และนั่นเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

“ผมพยายามผลักดันตัวเองและลูกทีมทุกวัน ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่ผมต้องการท้าทายพวกเขาในทุกสิ่งที่ทำ อย่างที่ผมเห็นคือ เราทุกคนในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่อนคลายกันเกินไป และสิ่งที่เราต้องการในตอนนี้คือความมุ่งมั่นและกระหายมากกว่านี้” อโมริมกล่าว

ฟอร์มดีแต่จิตใจคือจุดที่ต้องแก้ไข
“วันนี้เราเล่นได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่เราต้องปรับปรุงไม่ใช่แค่แท็คติกหรือระบบ มันคือเรื่องของสภาพจิตใจ เราต้องเผชิญหน้ากับทุกคู่แข่งแบบที่เราทำในวันนี้ ไม่ว่าจะเจอทีมใด เราก็ต้องแสดงความกระหายแบบนี้ออกมา”

ย้อนมองเกมก่อนหน้า ยิ่งทำให้ผิดหวัง
“เราแพ้ในบ้านถึงสามเกมติด บางนัดเราเสียสองประตูโดยแทบไม่ได้ตอบโต้เลย” อโมริมกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ผมพอใจกับฟอร์มในเกมนี้ แต่ยิ่งมองย้อนกลับไปที่เกมก่อนหน้านี้ ผมยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงไม่สามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้”

“ผลเสมอในเกมนี้เป็นเรื่องที่ควรผิดหวังมากกว่าการแพ้ต่อ นิวคาสเซิล หรือ ฟอเรสต์ เพราะวันนี้เราแสดงให้เห็นว่าเราทำอะไรได้ แต่กลับได้แค่แต้มเดียว”

เป้าหมายใหม่: สานต่อฟอร์มดีกับอาร์เซน่อล
อโมริมยังกล่าวถึงเกมสำคัญในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะพบกับ อาร์เซน่อลในวันอาทิตย์หน้า พร้อมหวังว่าทีมจะรักษาฟอร์มการเล่นจากเกมที่แอนฟิลด์เอาไว้

“ผมพอใจกับฟอร์มในวันนี้ แต่เราต้องต่อยอดมันให้ได้ในเกมหน้า ผมคาดหวังว่าเราจะเล่นแบบนี้อีกครั้งเมื่อเจอกับ อาร์เซน่อลในเอฟเอ คัพ และในพรีเมียร์ลีกที่เราจะกลับมาเจอ เซาธ์แฮมป์ตัน”

แม้จะมีความพอใจกับผลงาน แต่กุนซือชาวโปรตุกีสยังแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจกับทัศนคติของทีมในช่วงก่อนหน้า โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความมุ่งมั่นและความต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญในการพาทีมกลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะอีกครั้ง.

อาร์เน่อ สล็อต ป้อง “เทรนต์” ฟอร์มตกไม่เกี่ยวข่าวสัญญาใหม่

0

อาร์เน่อ สล็อต ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ออกโรงสนับสนุน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หลังถูกวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นในเกมที่ “หงส์แดง” เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2 ที่แอนฟิลด์ โดยย้ำว่าผลงานที่ต่ำกว่ามาตรฐานไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นอนาคตของเจ้าตัว

เทรนต์เผชิญแรงกดดันท่ามกลางข่าวลือการย้ายทีม
ฟูลแบ็กทีมชาติอังกฤษกำลังตกเป็นเป้าหมายของ เรอัล มาดริด ที่มีแผนยื่นข้อเสนอช่วงตลาดนักเตะเดือนมกราคม โดยปัจจุบัน อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เหลือสัญญาเพียง 6 เดือน และสามารถเจรจาล่วงหน้ากับสโมสรต่างแดนได้ อย่างไรก็ตาม สล็อต เชื่อมั่นว่าข่าวลือเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลงานในสนามของเขา

“ผมไม่คิดว่าเรื่องเกี่ยวกับสัญญาจะกระทบต่อเขาเลย หลายคนอาจมองต่างออกไป แต่ผมไม่ใช่หนึ่งในนั้น” สล็อต กล่าว

คู่แข่งที่แข็งแกร่งคือความท้าทายสำคัญ
ในเกมนี้ เทรนต์ ต้องเผชิญหน้ากับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ ดีโอโก้ ดาโล่ต์ ซึ่งเป็นสองผู้เล่นตัวหลักของทีมชาติโปรตุเกส นอกจากนี้ยังต้องเจอกับความกดดันจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เต็มไปด้วยนักเตะคุณภาพ โดยสุดท้าย เทรนต์ ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงท้ายเกม และส่ง คอนอร์ แบร็ดลีย์ ลงสนามแทน

“สิ่งที่ส่งผลต่อเขาในเกมนี้ไม่ใช่เรื่องข่าวลือ แต่เป็นเพราะคู่แข่งอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ ดีโอโก้ ดาโล่ต์ พวกเขาคือผู้เล่นระดับท็อป เรารู้ดีว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีขุมกำลังที่ยอดเยี่ยม และถ้านักเตะเหล่านี้เล่นด้วยฟอร์มที่ดีที่สุด มันก็ยากมากที่จะดวลกับพวกเขา”

การเผชิญหน้ากับคุณภาพของคู่ต่อสู้
สล็อต ยังเน้นย้ำถึงคุณภาพของนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด โดยชี้ให้เห็นว่า เทรนต์ ต้องเจอกับสถานการณ์ดวลแบบตัวต่อตัวกับผู้เล่นอย่าง แฟร์นันด์ส และ ดาโล่ต์ หลายครั้งตลอดเกม

“ในเกมนี้ เทรนต์ต้องดวลกับผู้เล่นคุณภาพสูงแบบ 1 ต่อ 1 บ่อยครั้ง มันเป็นงานที่หนักมาก เหมือนที่เราเห็นเวลานักเตะคู่แข่งต้องรับมือกับ โม ซาลาห์, โคดี้ กัคโป หรือ หลุยส์ ดิอาซ ของเรา”

เชื่อมั่นในตัวเทรนต์ แม้ผ่านช่วงเวลายากลำบาก
แม้จะมีข้อผิดพลาดหรือช่วงเวลาที่ยากลำบาก สล็อตยังคงเชื่อมั่นในตัวรองกัปตันทีมรายนี้ โดยมองว่าเขาเป็นผู้เล่นที่มีส่วนสำคัญกับทีมมาโดยตลอด

“แน่นอนว่า เทรนต์เคยผ่านช่วงเวลาที่ลำบากมาก่อน แต่ส่วนใหญ่เขาเล่นได้ดีให้กับทีมนี้ เขามักจะต้องดวลกับนักเตะระดับสูง และมันเป็นเรื่องธรรมดาที่บางครั้งเขาจะเผชิญกับความยากลำบาก”

สล็อตปิดท้ายด้วยการยืนยันว่า ฟอร์มการเล่นของเทรนต์ในเกมนี้ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นข่าวลือหรือสถานการณ์เรื่องสัญญา พร้อมชื่นชมความพยายามและคุณภาพของนักเตะที่เขาเชื่อว่าจะกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดได้อีกครั้ง.

แดงเดือดสุดมัน! ลิเวอร์พูลเปิดบ้านเสมอแมนฯ ยูไนเต็ด

0

ศึกพรีเมียร์ลีกคู่เอกแห่งฤดูกาล “แดงเดือด” ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบลงด้วยผลเสมอสุดตื่นเต้น 2-2 ที่แอนฟิลด์ ท่ามกลางเกมที่ทั้งสองทีมสู้กันอย่างดุเดือด โดย “หงส์แดง” ยังครองตำแหน่งจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น ทิ้งห่างอันดับสอง อาร์เซน่อล 6 แต้ม

รูปเกมก่อนพักครึ่ง: ลิเวอร์พูล-แมนยู ยังไร้สกอร์
แม้ทั้งสองทีมจะมีโอกาสลุ้นทำประตูหลายครั้งในครึ่งแรก แต่จังหวะสุดท้ายยังขาดความเฉียบคม ลิเวอร์พูลที่ครองบอลเหนือกว่าเกือบออกนำตั้งแต่นาทีที่ 13 เมื่อ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงติดบล็อก ก่อนที่ หลุยส์ ดิอาซ จะซ้ำข้ามคานออกไป

แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสทองในนาทีที่ 42 จาก ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่หลุดกับดักล้ำหน้าไปดวลกับ อลีสซง เบ็คเกอร์ แต่ยิงไม่ผ่านมือผู้รักษาประตูชาวบราซิล จบครึ่งแรกเสมอกันแบบไร้สกอร์ 0-0

ครึ่งหลังเดือด! ลิเวอร์พูล-แมนยูเปิดเกมแลก
เริ่มครึ่งหลัง นาทีที่ 49 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลุ้นจาก ดีโอโก้ ดาโล่ต์ แต่จังหวะสุดท้ายโดน เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค บล็อกได้ทัน

ลิเวอร์พูลตามตีเสมอได้ในนาทีที่ 59 จากความยอดเยี่ยมของ โคดี้ กัคโป ที่ล็อกหลบ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ก่อนยิงเข้าไปอย่างเฉียบขาด เป็นประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีกของกัคโปในฤดูกาลนี้

เกมเปิดมากขึ้นจนกระทั่งนาทีที่ 67 VAR แจ้งเตือนผู้ตัดสินให้ตรวจสอบจังหวะแฮนด์บอลของ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ในเขตโทษ ก่อนเป่าให้เป็นจุดโทษ ลิเวอร์พูลได้ประตูแซงนำ 2-1 ในนาทีที่ 70 จาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ซัดไม่พลาด นี่คือประตูที่ 18 ของเขาในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ยอมแพ้ นาทีที่ 80 ตัวสำรอง อเลฮานโดร การ์นาโช่ เปิดบอลให้ อาหมัด ดิยัลโล่ ซัดประตูตีเสมอเป็น 2-2 เกมยังคงดุเดือดในช่วงท้าย โดย ลิเวอร์พูล มีโอกาสสำคัญจาก ดีโอโก้ โชต้า และ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค แต่ อ็องเดร โอนาน่า โชว์ฟอร์มเซฟช่วยทีมเยือนเอาไว้ได้

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แมนฯ ยูไนเต็ด มีลุ้นอีกครั้งจาก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แต่ยิงข้ามคานไปแบบน่าผิดหวัง จบเกม ลิเวอร์พูล เสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-2

สถานการณ์บนตารางพรีเมียร์ลีก
ลิเวอร์พูลยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงหลังผ่าน 19 นัด มี 46 คะแนน ทิ้งห่าง อาร์เซน่อล 6 แต้ม แถมแข่งน้อยกว่า 1 นัด ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ชนะใครติดต่อกันเป็นนัดที่ 5 มี 23 แต้มจาก 20 นัด รั้งอันดับ 13 บนตารางคะแนน

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1):
อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, ไรอัน กราเฟนแบร์ก – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เคอร์ติส โจนส์, โคดี้ กัคโป – หลุยส์ ดิอาซ

แมนฯ ยูไนเต็ด (3-4-2-1):
อ็องเดร โอนาน่า – มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลิซานโดร มาร์ติเนซ – นุสซาร์ มาซราอุย, ค็อบบี้ เมนู, มานูเอล อูการ์เต้, ดีโอโก้ ดาโล่ต์ – อาหมัด ดิยัลโล่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส – ราสมุส ฮอยลุนด์

ห้ามพลาด!