Home Blog Page 41

“วิลล่า” ปะทะ “สเปอร์ส” ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4

0

“วิลล่า” ปะทะ “สเปอร์ส” ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 – เปิดสถิติสำคัญก่อนเกม

วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ ศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 จะมีทั้งหมด 3 คู่ แต่เกมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือการเจอกันเองของทีมจากพรีเมียร์ลีกระหว่าง แอสตัน วิลล่า และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่สนามวิลล่า พาร์ค

แม้ช่วงหลัง วิลล่า จะทำผลงานได้ดีกว่า แต่ด้วยศักยภาพทีมที่ใกล้เคียงกันและประวัติศาสตร์ที่สเปอร์สมักทำได้ดีในเกมเยือนที่นี่ ทำให้แมตช์นี้เป็นอีกหนึ่งคู่ที่น่าจับตามอง เรามาดูสถิติน่าสนใจก่อนเกมนี้กัน


🔹 “วิลล่า” แพ้ทาง “สเปอร์ส” ในเอฟเอ คัพ

จาก 6 ครั้งหลังสุด ที่สองทีมพบกันในรายการนี้ วิลล่า เอาชนะ สเปอร์ส ได้แค่ ครั้งเดียว เท่านั้น และต้องย้อนกลับไปถึงปี 1992 ในรอบ 3 นัดรีเพลย์ ที่พวกเขาบุกไปชนะ 1-0 ที่ไวท์ ฮาร์ท เลน


🔹 สเปอร์ส ถนัดเยือน วิลล่า พาร์ค

ช่วงหลัง สเปอร์ส ทำผลงานได้ดีเยี่ยม เวลาเยือนถิ่นวิลล่า พาร์ค โดยพวกเขาคว้าชัยได้ถึง 9 จาก 10 นัดหลังสุด ในทุกรายการที่มาเยือนที่นี่ โดยเกมเดียวที่แพ้คือความพ่ายแพ้ให้กับวิลล่า

ที่น่าสนใจคือ 2 นัดหลังสุดที่สเปอร์สบุกมาชนะวิลล่า (เมษายน 2022 และมีนาคม 2024) พวกเขาถล่มคู่แข่งไป 4-0 ทั้งสองครั้ง ซึ่งอาจเป็นลางดีสำหรับทีมเยือนในเกมนี้


🔹 เอฟเอ คัพ – ทีมหนึ่งลุ้นแก้ตัว อีกทีมลุ้นต่อยอด

แอสตัน วิลล่า ไม่สามารถผ่านเข้ารอบ 5 ของ เอฟเอ คัพ ได้มานาน เกือบ 10 ปี โดยครั้งสุดท้ายที่ไปถึงรอบนั้นคือฤดูกาล 2014-15 ซึ่งปีนั้นพวกเขาทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศก่อนแพ้ให้กับ อาร์เซน่อล 0-4

ในขณะที่ สเปอร์ส ทำได้ดีกว่าในรายการนี้ โดยพวกเขาผ่านรอบ 4 มาได้ถึง 4 จาก 5 ฤดูกาลหลังสุด ยกเว้นฤดูกาลที่แล้วที่แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-1


🔹 ซน ฮึง-มิน – เดอะแบกแห่งเอฟเอ คัพ

ซน ฮึง-มิน เป็นนักเตะของสเปอร์สที่มีส่วนร่วมกับประตูใน เอฟเอ คัพ มากที่สุดในยุคพรีเมียร์ลีก โดยทำไปแล้ว 26 ประตู (14 ประตู + 12 แอสซิสต์)

นอกจากนี้ มีเพียง แฮร์รี่ เคน และ เจอร์เมน เดโฟ เท่านั้นที่ทำประตูในรายการนี้ให้สเปอร์สได้มากกว่าเขา (15 ประตู) ซึ่งหมายความว่าหาก ซน ยิงได้ในเกมนี้ เขาจะขึ้นมาเทียบสถิติของทั้งสองคน


🔹 เกมแห่งศักดิ์ศรี – ใครจะเป็นฝ่ายคว้าตั๋วรอบต่อไป?

ด้วยสถิติเก่า สเปอร์ส อาจดูเหนือกว่า แต่ วิลล่า ภายใต้การคุมทีมของ อูไน เอเมรี่ มีพัฒนาการที่ดีและเล่นได้แข็งแกร่งในบ้าน การดวลกันครั้งนี้จึงมีโอกาสสูงที่เกมจะออกมาสูสี และอาจต้องลุ้นกันถึงช่วงท้ายเกม

📍 แอสตัน วิลล่า vs ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
📅 วันอาทิตย์ที่ 11 ก.พ. 67
🏟 สนามวิลล่า พาร์ค
เวลา 21:00 น. ตามเวลาประเทศไทย

แฟนบอลห้ามพลาด! เกมนี้อาจมีพลิกล็อก หรือจะเป็น “สเปอร์ส” ที่ยังคงทำได้ดีในบ้านของวิลล่า? 👀🔥

“กุนซือพลีมัธ” ลั่น พร้อมเต็มที่ดวล “ลิเวอร์พูล”

0

วันที่ 9 ก.พ. 67 – มิรอน มุสลิช กุนซือพลีมัธ อาร์ไกล์ แสดงความตื่นเต้นก่อนเกมใหญ่ที่จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 คืนวันอาทิตย์นี้ โดยยกย่อง ว่าเป็น “ทีมที่ดีที่สุดในโลก” และกระตุ้นลูกทีมให้สนุกไปกับโอกาสสุดพิเศษนี้

“นี่คือวันที่เรารอคอย” – มุสลิชปลุกใจลูกทีม

มุสลิช เปิดเผยว่าเกมนี้เป็นมากกว่าแมตช์ทั่วไปสำหรับพลีมัธ ซึ่งปัจจุบันอยู่ใน แชมเปียนชิพ และต้องเผชิญหน้ากับหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป

“ความท้าทายที่สวยงามอยู่ตรงหน้าเรา นี่คือวันที่เรารอคอยและอยากสนุกไปกับมันอย่างเต็มที่ นักเตะทุกคนตื่นเต้นที่จะได้เผชิญหน้ากับทีมระดับโลก นี่ไม่ใช่แค่เกมธรรมดา แต่เป็นโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้และพัฒนา”

แม้จะรู้ดีว่าทีมเป็นรอง ลิเวอร์พูล อยู่มาก แต่กุนซือชาวบอสเนียก็ยังเชื่อว่า “นี่คือเอฟเอ คัพ อะไรก็เกิดขึ้นได้” โดยเฉพาะเมื่อได้เล่นในถิ่นโฮมพาร์ค ซึ่งอาจสร้างบรรยากาศที่ช่วยให้ทีมสู้ได้อย่างสูสี

“หงส์แดง” ฟอร์มแรง แม้โรเตชั่น – ซัตตันฟันธง 1-3

ด้าน คริส ซัตตัน กูรูฟุตบอลชื่อดัง ได้วิเคราะห์ว่าถึงแม้ ลิเวอร์พูล อาจมีการปรับทัพจากชุดหลัก แต่ศักยภาพของทีมยังคงเหนือกว่าพลีมัธอย่างชัดเจน

“ลิเวอร์พูลมีคุณภาพที่เหนือกว่า แม้ว่าจะมีการโรเตชั่นนักเตะ แต่พวกเขายังมีเกมรุกที่อันตราย และเชื่อว่าพลีมัธจะสู้ได้ดี แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายชนะ 3-1”

สำหรับแมตช์นี้ คาดว่า อาจเปิดโอกาสให้แข้งสำรองและดาวรุ่งลงสนาม เช่น ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, ไรอัน กราเวนเบิร์ช และ เบน โด๊ค รวมถึงอาจเป็นเกมที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีลุ้นกลับมามีชื่อบนม้านั่งสำรอง หลังจากฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บที่แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์

บรรยากาศก่อนเกม – เอฟเอ คัพ ยังมีเซอร์ไพรส์เสมอ

พลีมัธ อาจเป็นรองทุกด้าน แต่ด้วยมนต์เสน่ห์ของเอฟเอ คัพ ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ หากพวกเขาสามารถสร้างแรงกดดัน และใช้เสียงเชียร์ในบ้านเป็นแรงกระตุ้น ก็อาจทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับงานยากกว่าที่คาดไว้

🔴 พลีมัธ vs ลิเวอร์พูล
📅 วันอาทิตย์ที่ 11 ก.พ. 67
🏟 สนามโฮมพาร์ค
เตะเวลา 19:30 น. ตามเวลาประเทศไทย

แฟนบอลเตรียมลุ้นว่า “ปาฏิหาริย์เอฟเอ คัพ” จะเกิดขึ้นหรือไม่! 🚀🔥

แมนฯ ซิตี้ พลิกแซง เลย์ตัน โอเรียนท์ 2-1

0

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เร่งเครื่องในครึ่งหลัง หลังจากโดนนำก่อน พลิกกลับมาเอาชนะ เลย์ตัน โอเรียนท์ ทีมจาก ลีก วัน 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 5 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในศึก เอฟเอ คัพ

เลย์ตัน โอเรียนท์ สู้สุดใจ ก่อนพ่ายแชมป์เก่า

ริชี่ เวลเลนส์ กุนซือของเจ้าถิ่น จัดทัพส่ง เดียอัลแลง ไจเยซิมี่ ประเดิมสนามในแนวรุก โดยมี ชาร์ลี เคลแมน ดาวยิงตัวยืมจาก ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ที่ซัดไปแล้ว 12 ประตู ยืนเป็นหน้าเป้า ส่วน เจมี่ ดอนลี่ย์ ดาวรุ่งที่ยืมตัวจากสเปอร์ส ทำหน้าที่เชื่อมเกมแดนกลาง

ด้าน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ตัดสินใจส่ง วิคตอร์ เฮส กองหลังดาวรุ่งวัย 19 ปี ที่เพิ่งคว้าตัวมาจากพัลไมรัสลงสนามเป็นตัวจริง เช่นเดียวกับ นิโก้ กอสซาเลซ แข้งใหม่ของทีม โดยมี โอมาร์ มาร์มูช รับหน้าที่เป็นหัวหอกตัวเป้า

โอเรียนท์ ช็อกแฟนเรือใบ! ขึ้นนำก่อน 1-0

เกมเริ่มต้นมาได้เพียง 8 นาที แมนฯ ซิตี้ เกือบขึ้นนำ เมื่อ ซาวินโญ่ เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษ แต่แนวรุกของทีมพลาดจังหวะเข้าชาร์จไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 16 กลายเป็นเจ้าบ้านที่ได้เฮก่อน! เจมี่ ดอนลี่ย์ ลองส่องไกลจากระยะไกล บอลพุ่งชนคานก่อนเด้งมาโดน สเตฟาน ออร์เตก้า ผู้รักษาประตูของซิตี้เข้าประตูตัวเอง ทำให้ เลย์ตัน โอเรียนท์ นำ 1-0

หลังจากเสียประตู แมนฯ ซิตี้ พยายามเร่งเกมบุกอย่างหนัก แม้จะครองบอลมากถึง 77% และมีโอกาสยิงถึง 13 ครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ จอช คีลี่ย์ ได้ ทำให้จบ 45 นาทีแรก เจ้าถิ่นยังนำอยู่ 1-0

ครึ่งหลัง ซิตี้ เร่งเครื่อง พลิกเกมสำเร็จ

กลับมาครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ ทำเกมรุกได้ดีขึ้น และมาตีเสมอเป็น 1-1 ในนาทีที่ 56 เมื่อ อับดูโคดีร์ คูซานอฟ กองหลังตัวสำรอง ซ้ำจ่อๆ เข้าไป หลังจากที่ จอช คีลี่ย์ เซฟลูกยิงไกลของ ริโก้ ลูอิส ไม่อยู่

นาทีที่ 63 ซิตี้เกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะยิงไกลของ เจมส์ แม็คเคที แต่บอลพุ่งชนคานออกหลังไป

จนกระทั่ง นาทีที่ 79 ซิตี้มาได้ประตูสำคัญจาก เควิน เดอ บรอยน์ ที่ถูกเปลี่ยนลงสนามได้เพียง 7 นาที โดยเจ้าตัวรับบอลจาก แจ็ค กรีลิช ก่อนแตะหนึ่งจังหวะแล้วจิ้มบอลเข้ามุมไกลสุดสวย ส่งให้ แมนฯ ซิตี้ พลิกแซง 2-1

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่ม จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกชนะ เลย์ตัน โอเรียนท์ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ


รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

เลย์ตัน โอเรียนท์ (4-2-3-1)
จอช คีลี่ย์ – ทอม เจมส์, แจ็ค ซิมป์สัน, แดน แฮ็ปป์, แจ็ค เคอร์รี่ – อีธาน กัลล์เบิร์ธ, จอร์แดน บราวน์ – ซอนนี่ เพอร์กิ้นส์, เจมี่ ดอนลี่ย์, เดียอัลแลง ไจเยซิมี่ – ชาร์ลี เคลแมน

แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1)
สเตฟาน ออร์เตก้า – ริโก้ ลูอิส, วิคตอร์ เฮส, รูเบน ดิอาส, นิโก้ โอเรลลี่ – นิโก้ กอสซาเลซ, อิลคาย กุนโดกัน – ซาวินโญ่, เจมส์ แม็คเคที, แจ็ค กรีลิช – โอมาร์ มาร์มูช


แมนฯ ซิตี้ ผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ แต่เกมนี้พวกเขาโดนทดสอบอย่างหนักจากทีมรองบ่อน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงต้องปรับปรุงฟอร์มการเล่นก่อนเข้าสู่รอบต่อไป 💙🔥

อโมริม รับ แมนฯ ยูไนเต็ด ฟอร์มยังไม่เข้าที่

0

รูเบน อโมริม กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความไม่พอใจกับฟอร์มของทีม แม้ว่าจะสามารถพลิกกลับมาเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ และผ่านเข้าสู่รอบ 5 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ ศึกเอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ

แม็กไกวร์ โขกชัยทดเจ็บ พาผีแดงเข้ารอบ

เกมนี้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กลายเป็นฮีโร่ หลังเติมขึ้นมาโหม่งจากลูกฟรีคิกในช่วง ทดเวลาบาดเจ็บนาที 90+3 ส่งให้ แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกแซงเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป และยังอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์ อย่างไรก็ตาม จังหวะโขกของแม็กไกวร์ถูกมองว่าเป็นลูกล้ำหน้า แต่เนื่องจาก เอฟเอ คัพ รอบนี้ยังไม่มี VAR ทำให้ประตูดังกล่าวได้รับการรับรอง

อโมริม ชี้ฟอร์มการเล่นยังไม่ดีพอ

แม้ทีมจะผ่านเข้ารอบได้ แต่ อโมริม ยังไม่พอใจกับฟอร์มโดยรวมของลูกทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งแรก

“เราต้องมีความเชื่อมั่นจนถึงวินาทีสุดท้าย แต่เกมนี้ไม่ได้เกี่ยวกับ ‘เฟอร์กี้ไทม์’ เลย สิ่งสำคัญคือ ฟอร์มการเล่นของเรายังไม่ดีพอ ทั้งในแง่ของการครองบอลและการเล่นเกมรับ”

“เราขาดพลังงาน โดยเฉพาะในครึ่งแรก แต่พอเข้าสู่ครึ่งหลัง เราเริ่มเล่นได้ดีขึ้น เร็วขึ้น และสามารถเก็บบอลจังหวะสองได้ดีขึ้น ซึ่งช่วยให้ทีมกลับมาได้ในท้ายที่สุด แต่เรายังต้องพัฒนาอีกมาก

“ในฐานะโค้ช ผมต้องรับผิดชอบเต็มที่ ถ้าทีมเล่นได้ไม่ดี นั่นหมายความว่าผมต้องทำงานให้หนักขึ้น เราจะทำการวิเคราะห์และปรับปรุงในเกมถัดไป”

“ผมไม่ได้มองแค่เรื่องคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ ผมโฟกัสไปที่การพัฒนาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้เป็นทีมที่แข็งแกร่งในระยะยาว”

แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเร่งปรับปรุงก่อนเข้าสู่โปรแกรมหนัก

แม้จะได้ชัยชนะในเกมนี้ แต่สิ่งที่แฟนบอล “ปีศาจแดง” กังวลคือ ฟอร์มการเล่นที่ยังขาดความแน่นอน ซึ่งอาจเป็นปัญหาในการเจอกับทีมที่แข็งแกร่งกว่าในรอบต่อไป อโมริม และลูกทีมยังมีงานต้องทำ หากต้องการพาทีมกลับมาท้าทายทุกแชมป์อีกครั้ง 🔥🔴

แมนฯ ซิตี้ เดินหน้าค้าน “กฎสปอนเซอร์” พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

0

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ยื่นฟ้องพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง เพื่อคัดค้านกฎการสนับสนุนทางการเงิน (กฎสปอนเซอร์) ฉบับใหม่ ที่สโมสรเห็นว่าไม่เป็นธรรม

เดลี่ เมล สื่อชื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า “เรือใบสีฟ้า” เจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัยติดต่อกัน ได้นำทีมกฎหมายยื่นคำร้องต่อ อนุญาโตตุลาการ อีกครั้ง โดยมี ลอร์ด แพนนิค เป็นหัวหน้าทีมทนายความ

แมนฯ ซิตี้ ยื่นค้านกฎ APT

ข้อพิพาทหลักของซิตี้ คือ กฎ APT (Associated Party Transaction) ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ออกแบบมาเพื่อ ควบคุมการทำสัญญากับบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของสโมสร โดยพรีเมียร์ลีกต้องการป้องกันไม่ให้เจ้าของทีมใช้บริษัทในเครือ ฉีดเงินเข้าสโมสรโดยอ้อม

เดิมที อนุญาโตตุลาการเคยตัดสินว่าบางส่วนของกฎดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่พรีเมียร์ลีกได้ทำการ ปรับปรุงกฎใหม่ และผ่านการลงคะแนนเสียงรับรองจากสโมสรส่วนใหญ่ในลีก ซึ่งแมนฯ ซิตี้ มองว่ายังคงไม่เป็นธรรม

ศึกกฎหมายระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ พรีเมียร์ลีก ยังไม่จบ

การยื่นเรื่องฟ้องร้องครั้งนี้เป็นอีกหนึ่ง บทบาททางกฎหมายที่ซิตี้ต้องต่อสู้กับพรีเมียร์ลีก หลังจากก่อนหน้านี้ สโมสรถูกตั้งข้อหา 115 กระทงเกี่ยวกับการละเมิดกฎการเงิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา

นอกจากคดีดังกล่าว แมนฯ ซิตี้ ยังมีข้อพิพาททางกฎหมายกับพรีเมียร์ลีกอีก 3 คดี ซึ่งทั้งหมดกำลังอยู่ในกระบวนการไต่สวน

นี่จึงเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนในพรีเมียร์ลีกที่อาจส่งผลต่อโครงสร้างกฎระเบียบทางการเงินของลีกในอนาคต 🔥⚖️

ยูฟ่า สั่งปรับเงินเซลติก หลังแฟนบอลก่อเหตุจุดพลุไฟ

0

เซลติก สโมสรดังจากสกอตแลนด์ ถูกยูฟ่าลงโทษปรับเงิน หลังจากแฟนบอลของทีมจุดพลุและขว้างปาสิ่งของระหว่างเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดเยือน แอสตัน วิลล่า ที่ วิลล่า พาร์ค

เกมดังกล่าวเป็นการแข่งขันรอบ ลีกเฟส นัดสุดท้ายของเซลติกในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนที่พวกเขาจะพ่ายให้กับเจ้าบ้าน แอสตัน วิลล่า 2-4 เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา

เซลติก ถูกลงโทษ ฐานแฟนบอลก่อเหตุในสนาม

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อแฟนบอลเซลติกบางส่วน จุดพลุไฟและขว้างปาสิ่งของลงสนาม ส่งผลให้ยูฟ่าเปิดการสอบสวนและตั้งข้อหาต่อสโมสร 2 กระทง ได้แก่ การใช้ดอกไม้ไฟในสนาม และการขว้างปาสิ่งของ

ล่าสุด คณะกรรมการควบคุม จริยธรรม และวินัยของยูฟ่า ตัดสินปรับเงินเซลติกจำนวน 10,000 ยูโร (ประมาณ 8,340 ปอนด์ หรือ 349,716 บาท) โดยไม่มีบทลงโทษเพิ่มเติม เช่น การห้ามแฟนบอลเข้าชมหรือบทลงโทษทางกีฬา

เซลติกเตือนแฟนบอล ก่อนเกมเยือนบาเยิร์น มิวนิค

หลังจากถูกยูฟ่าปรับเงิน เซลติกได้ออกคำเตือนถึงแฟนบอลของทีม ให้หลีกเลี่ยงการก่อพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่บทลงโทษเพิ่มเติม โดยเฉพาะในเกมเยือน บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเป็นนัดแรกของรอบเพลย์ออฟ ที่จะเตะในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ก่อนกลับมาเล่นที่เยอรมนีในอีก 6 วันถัดไป

แม้บทลงโทษครั้งนี้อาจไม่ร้ายแรง แต่ยูฟ่าได้แสดงให้เห็นถึงการเข้มงวดต่อพฤติกรรมของแฟนบอลในสนาม หากเกิดเหตุซ้ำรอยอีก อาจส่งผลกระทบต่อสโมสรในอนาคต 🚨

ห้ามดีใจเย้ยคู่แข่ง เสี่ยงโดนลงโทษจากผู้ตัดสิน

0

พรีเมียร์ลีกออกคำเตือนถึงนักเตะเกี่ยวกับการฉลองประตูที่อาจเข้าข่าย ยั่วยุคู่แข่งหรือแฟนบอลฝั่งตรงข้าม โดยระบุว่า หากมีการแสดงท่าทางที่เกินขอบเขต อาจถูกลงโทษได้ในอนาคต

โทนี่ สโคลส์ ซีอีโอของพรีเมียร์ลีก ย้ำว่าลีกกำลังพิจารณานโยบายการลงโทษที่เข้มงวดขึ้นสำหรับนักเตะที่แสดงพฤติกรรมดังกล่าว โดยอาจนำแนวทางจากลีก เอ็นเอฟแอล (NFL) ของอเมริกันฟุตบอลมาใช้ ซึ่งมีบทลงโทษที่เข้มงวดกับนักกีฬาที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมระหว่างการแข่งขัน

“เราทุกคนชอบเห็นนักเตะฉลองประตู แต่ทุกอย่างต้องมีขอบเขต” สโคลส์กล่าว “หากการดีใจนั้นกลายเป็นการเยาะเย้ยคู่แข่ง หรือสร้างความไม่พอใจให้ฝ่ายตรงข้าม เราจำเป็นต้องจัดการ”

พรีเมียร์ลีกอาจเข้มงวดเหมือน NFL

กฎของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) ได้กำหนดไว้อยู่แล้วว่า นักเตะสามารถแสดงความดีใจเมื่อทำประตูได้ แต่ต้องไม่ล้ำเส้นจนกลายเป็นการยั่วยุ ไม่ควรสร้างความไม่พอใจให้แฟนบอลฝ่ายตรงข้าม หรือทำให้เกมต้องหยุดชะงักโดยไม่จำเป็น

ประเด็นนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้งหลังจากเกมที่ เอฟเวอร์ตัน บุกชนะ ไบรท์ตัน 1-0 ซึ่ง อิลิมัน เอ็นดิยาย ได้รับใบเหลืองจากการฉลองประตูด้วยการทำมือเลียนแบบนกนางนวล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของไบรท์ตัน นอกจากนี้ ยังมีกรณีของ ไมล์ ลูอิส-สเคลลีย์ ดาวรุ่งอาร์เซน่อล ที่ทำท่าดีใจเลียนแบบ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ หลังยิงประตูใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่กลับไม่ถูกลงโทษ

แม้ว่าหลายเหตุการณ์ที่คล้ายกันจะไม่ได้รับบทลงโทษใดๆ แต่พรีเมียร์ลีกกำลังพิจารณาแนวทางที่ชัดเจนขึ้น เพื่อควบคุมพฤติกรรมของนักเตะและป้องกันไม่ให้การฉลองประตูนำไปสู่ความขัดแย้งในสนาม

พรีเมียร์ลีกอาจกำหนดบทลงโทษที่เข้มงวดขึ้นในอนาคต หากนักเตะมีพฤติกรรมฉลองที่ ยั่วยุคู่แข่งหรือแฟนบอลฝั่งตรงข้าม ซึ่งอาจรวมถึงการแจกใบเหลือง หรือบทลงโทษเพิ่มเติมจากฝ่ายวินัยของลีก 🚨

“โรนัลโด้” ตั้งเป้าซัด 1,000 ประตูก่อนแขวนสตั๊ด

0

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ของ อัล นาสเซอร์ เปิดเผยแผนอนาคตของตัวเอง โดยตั้งเป้าทำให้ได้ 1,000 ประตู ก่อนอำลาสนาม และมีความตั้งใจจะเป็น เจ้าของสโมสรฟุตบอล มากกว่ารับบทบาทผู้จัดการทีม หรือผู้บริหารหลังรีไทร์

แข้งโปรตุเกสเพิ่งฉลองอายุครบ 40 ปี เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ยังคงโชว์ฟอร์มร้อนแรงกับต้นสังกัดในซาอุดีอาระเบีย ล่าสุดเจ้าตัวให้สัมภาษณ์กับ Canal 11 สื่อบ้านเกิดว่า ยังไม่มีแผนรีไทร์ในเร็วๆ นี้ เพราะต้องการเดินหน้าทำสถิติต่อไป

“ผมยังไม่รู้ว่าจะเลิกเล่นเมื่อไหร่ แต่ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ ผมอยากยิงให้ถึง 1,000 ประตู ก่อนแขวนสตั๊ด” โรนัลโด้กล่าว

อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวไม่ได้มองว่าเส้นทางหลังอำลาสนามจะเป็นไปในทิศทางของผู้จัดการทีม หรือผู้บริหารสโมสร แต่ตั้งเป้าเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลแทน

“ผมไม่มีความจำเป็นต้องเป็นผู้จัดการทีมหรือผู้อำนวยการกีฬา ถ้าผมสามารถเป็นเจ้าของสโมสรเองได้ ทำไมผมจะต้องทำงานแบบนั้นล่ะ?”

“ความฝันของผมคือการเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล และผมมั่นใจว่ามันจะเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่สโมสรเดียว แต่ผมอยากเป็นเจ้าของหลายๆ สโมสรเลยด้วยซ้ำ”

923 ประตู ใกล้แตะหลัก 1,000 ในตำนาน

จนถึงตอนนี้ โรนัลโด้ทำไปแล้ว 923 ประตู กับ 248 แอสซิสต์ จากการลงสนามให้ทั้งสโมสรและทีมชาติ โดยแบ่งเป็น

  • สปอร์ติ้ง ลิสบอน ⚽ 5 ประตู 🎯 3 แอสซิสต์
  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ⚽ 145 ประตู 🎯 57 แอสซิสต์
  • เรอัล มาดริด ⚽ 450 ประตู 🎯 119 แอสซิสต์
  • ยูเวนตุส ⚽ 101 ประตู 🎯 19 แอสซิสต์
  • ทีมชาติโปรตุเกส ⚽ 135 ประตู 🎯 30 แอสซิสต์

ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยังคงแข็งแกร่ง โรนัลโด้อาจทำได้ตามเป้าหมาย 1,000 ประตูก่อนแขวนสตั๊ด และหากเดินหน้าตามแผน เขาอาจกลายเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลในอนาคตตามที่ฝันไว้ก็เป็นได้ 🚀

พรีเมียร์ลีกไม่ยอม แม้แมนฯซิตี้-เชลซีติดภารกิจสโมสรโลก

0

พรีเมียร์ลีก ยืนยันว่าจะไม่อนุญาตให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ช้ากว่าสโมสรอื่น แม้ทั้งสองทีมจะต้องลงแข่งขันในศึก ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน – 13 กรกฎาคม 2025

ก่อนหน้านี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ “เรือใบสีฟ้า” เคยร้องขอให้พรีเมียร์ลีกพิจารณาเลื่อนโปรแกรม 2 นัดแรกของฤดูกาลออกไป เนื่องจากนักเตะของพวกเขาจะมีเวลาเตรียมทีมที่จำกัดหลังจบทัวร์นาเมนต์ อย่างไรก็ตาม ล่าสุด โทนี่ สโคลส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายฟุตบอลของพรีเมียร์ลีก ออกมาย้ำชัดว่าลีกจะไม่ปรับโปรแกรมให้ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านตารางแข่งขันที่แน่นขนัดอยู่แล้ว

พรีเมียร์ลีกยืนยันไม่เปลี่ยนแปลงโปรแกรม

สโคลส์ ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของพรีเมียร์ลีกว่า

🗣 “ตารางการแข่งขันถูกบีบอัดจนถึงขีดสุดแล้ว”
🗣 “เรากำลังถูกกดดันจากฟีฟ่าโดยตรง และไม่มีเหตุผลที่เราต้องปรับตารางของเราให้สอดคล้องกับทัวร์นาเมนต์ที่เราไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ”
🗣 “องค์ประกอบสำคัญคือ เราไม่สามารถเลื่อนการเปิดฤดูกาลออกไปได้ เพราะปฏิทินแข่งแน่นจนไม่มีช่องว่างเหลือ”

ฤดูกาลใหม่เปิดฉาก 16 สิงหาคม ไม่มีข้อยกเว้น

ตามกำหนดการ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2025/26 จะเริ่มต้นในวันที่ 16 สิงหาคม 2025 เพียงหนึ่งเดือนหลังจบศึก ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ซึ่งหมายความว่าทั้ง แมนฯ ซิตี้ และ เชลซี อาจต้องเผชิญกับโปรแกรมที่หนักหน่วงทันทีที่กลับมา โดยไม่มีช่วงเตรียมทีมปรีซีซั่นมากพอ

แม้ว่าทั้งสองสโมสรอาจต้องจัดการกับความเหนื่อยล้าของผู้เล่น แต่พรีเมียร์ลีกยืนกรานว่าจะไม่ให้สิทธิพิเศษใดๆ และทุกทีมต้องเริ่มต้นฤดูกาลตามกำหนดการเดิม

เทรนต์ เจ็บไม่หนัก แต่ต้องลุ้นความฟิตก่อนลงสนาม

0

ลิเวอร์พูล เอคโค่ รายงานอัปเดตอาการบาดเจ็บของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยืนยันว่าอาการไม่รุนแรงอย่างที่กังวลในตอนแรก อย่างไรก็ตาม แข้งวัย 26 ปีจะต้องผ่านการประเมินความฟิตก่อนตัดสินใจว่าจะพร้อมช่วยทีมในเกมถัดไปหรือไม่

สถานการณ์อาการบาดเจ็บของ เทรนต์

แบ็กขวาตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล ได้รับบาดเจ็บและถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 70 ของเกมที่ “หงส์แดง” บุกชนะ บอร์นมัธ 2-0 โดยมี คอเนอร์ แบรดลีย์ ลงมาเล่นแทน ซึ่งทำให้มีความกังวลว่าเขาอาจพลาดช่วยทีมในเกมสำคัญที่จะพบกับ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ในศึก คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง

แม้ว่าการสแกนล่าสุดจะยืนยันว่า ไม่มีอาการบาดเจ็บร้ายแรง แต่ เทรนต์ ยังคงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู และลิเวอร์พูลจะติดตามความคืบหน้าแบบวันต่อวัน ก่อนจะตัดสินใจเรื่องการลงสนาม

ลุ้นฟิตทันดวล เอฟเวอร์ตัน

ตามรายงาน เทรนต์ กำลังแข่งกับเวลาเพื่อฟื้นตัวให้ทัน เกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ กับ เอฟเวอร์ตัน ที่สนาม กูดิสัน พาร์ค ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการระบุกรอบเวลาชัดเจนว่าเขาจะกลับมาได้เมื่อไหร่

เยอร์เก้น คล็อปป์ ยืนยันว่าลิเวอร์พูลจะ ไม่เร่งรีบ หรือเสี่ยงส่ง เทรนต์ ลงสนามก่อนที่เขาจะฟิตสมบูรณ์ โดยคาดว่า คอเนอร์ แบรดลีย์ จะได้รับโอกาสลงเล่นแทนในเกมที่จะพบกับ สเปอร์ส

ด้วยสถานการณ์นี้ มีโอกาสสูงที่ ลิเวอร์พูลจะให้เวลา เทรนต์ ฟื้นตัวเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะพร้อมสำหรับโปรแกรมหนักที่รออยู่ข้างหน้า โดยเฉพาะเกมสำคัญกับ เอฟเวอร์ตัน ในศึกพรีเมียร์ลีก

ห้ามพลาด!