Home Blog Page 42

“สเปอร์สคืนฟอร์ม พลิกชนะเบรนท์ฟอร์ด 3-1 หลังเสียประตูเร็ว – ซนจ่ายสอง, แมดดิสันปิดเกม”

0

21 กันยายน 2024 – สนามท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม

ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ กลับมาโชว์ฟอร์มแกร่ง หลังจากถูก ไบรอัน เอ็มบูโม่ ของเบรนท์ฟอร์ดยิงประตูขึ้นนำในเวลาเพียง 22 วินาทีแรก สุดท้ายพลิกเกมชนะ 3-1 โดยได้ประตูจาก โดมินิก โซลันกี้ ในนาทีที่ 8, เบรนแนน จอห์นสัน ในนาทีที่ 28 และ เจมส์ แมดดิสัน ที่ทำประตูปิดท้ายในนาทีที่ 85 ทำให้ทีมของ อันจ์ ปอสเตโคกลู คว้าชัยไปได้อย่างสมศักดิ์ศรี

แม้เบรนท์ฟอร์ดจะเริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่พวกเขาก็พลาดในเกมรับที่ไม่รัดกุม เปิดโอกาสให้สเปอร์สครองเกมและทำประตูได้จากการโต้กลับหลายครั้ง ทั้งนี้ ซน ฮึง-มิน ยังทำได้ถึงสองแอสซิสต์ ช่วยทีมบุกอย่างต่อเนื่อง และแสดงถึงความเป็นผู้นำในแนวรุกของสเปอร์สในยุคใหม่

แนวโน้มในอนาคตของสเปอร์ส

การชนะในเกมนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับท็อตแน่ม การเสริมทัพด้วยผู้เล่นอย่าง โซลันกี้ และ จอห์นสัน เริ่มเห็นผลชัดเจน โดยพวกเขาช่วยทำให้แนวรุกมีความหลากหลายขึ้น หลังจากที่ทีมต้องปรับแผนการเล่นใหม่หลังการย้ายออกของ แฮร์รี่ เคนในอนาคต การเล่นแบบไดนามิกที่รวดเร็วและการใช้จังหวะโต้กลับอาจเป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้สเปอร์สมีโอกาสแข่งขันในตำแหน่งท็อปโฟร์ของพรีเมียร์ลีก หากพวกเขารักษาความสม่ำเสมอได้ต่อไป

แนวโน้มของเบรนท์ฟอร์ด

ทางฝั่งเบรนท์ฟอร์ด แม้จะเปิดเกมด้วยความมั่นใจ แต่ปัญหาเรื่องการจัดระเบียบเกมรับทำให้พวกเขาเสียโอกาสไป อย่างไรก็ตาม การเริ่มเกมได้เร็วและเกมโต้กลับที่ยังคงทรงพลังนั้นทำให้เห็นว่า เบรนท์ฟอร์ดมีศักยภาพในการต่อสู้กับทีมใหญ่ได้ หากทีมของ โธมัส แฟรงค์ สามารถแก้ไขปัญหาในแผงหลัง พวกเขายังมีโอกาสลุ้นจบอันดับท็อป 10 ของลีก หรือแม้แต่ลุ้นพื้นที่ยุโรปในฤดูกาลนี้

ทั้งสองทีมต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อต่อสู้ในโปรแกรมถัดไป โดยสเปอร์สเตรียมเปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขณะที่เบรนท์ฟอร์ดจะเผชิญหน้ากับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในลอนดอนดาร์บี้สุดสัปดาห์หน้า

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำลายสถิติมีส่วนร่วมกับประตูครบ 100 ประตูให้กับลิเวอร์พูลในทุกรายการ

0

จากการแอสซิสต์ในครึ่งแรกของเขาให้กับหลุยส์ ดิอาซในเกมที่พบกับบอร์นมัธเมื่อวันเสาร์ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีส่วนร่วมกับประตูครบ 100 ประตูให้กับลิเวอร์พูลในทุกรายการ

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีส่วนร่วมกับประตูครบ 100 ประตูให้กับลิเวอร์พูลในเกมที่เอาชนะบอร์นมัธ 3-0 ที่แอนฟิลด์เมื่อวันเสาร์ โดยผลงานแอสซิสต์ของเขาช่วยให้หลุยส์ ดิอาซทำประตูที่สองในช่วงบ่ายนั้นทำให้เขามีส่วนร่วมกับประตูที่ 100 ไปแล้ว

เขาลงเล่นให้หงส์แดงเป็นเกมที่ 316 อย่างเป็นทางการ และมีส่วนร่วมกับประตู 100 ประตูจากการยิง 19 ประตูและแอสซิสต์ 81 ครั้ง เมื่อพิจารณาว่าเขาถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งที่ลึกกว่าผู้เล่นสร้างสรรค์เกมส่วนใหญ่แล้ว จำนวนแอสซิสต์ของเขาถือว่าน่าประทับใจมาก

นับตั้งแต่เขาเปิดตัวอย่างเป็นทางการให้กับลิเวอร์พูลเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2016 พบกับท็อตแนมในลีกคัพ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์มีสถิติแอสซิสต์ 81 ครั้งมากเป็นอันดับสามสำหรับ ผู้เล่น พรีเมียร์ลีกในทุกรายการ รองจากเควิน เดอ บรอยน์ (146) และโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ เพื่อนร่วมทีม (92)

ฤดูกาลที่ทำผลงานดีที่สุด

  • ฤดูกาลที่เขาทำผลงานได้ดีที่สุดกับเสื้อลิเวอร์พูลเกิดขึ้นในฤดูกาล 2021-22 เมื่อเขามีส่วนร่วมในการทำประตู 20 ประตูในทุกรายการ (ยิง 2, แอสซิสต์ 18)
  • ฤดูกาล 2019-20 ที่พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองได้สำเร็จ โดยอยู่อันดับ 1 มีส่วนร่วม 19 ประตู (ยิง 4, แอสซิสต์ 15)

100 ประตูที่เขามีส่วนร่วมกับลิเวอร์พูลเกิดขึ้น

  • พรีเมียร์ลีก: 74 ประตู
  • ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก: 14 ประตู
  • ลีกคัพ: 6 ประตู
  • เอฟเอคัพ: 2 ประตู
  • ยูฟ่ายูโรปาลีก: 2 ประตู
  • คอมมูนิตี้ชิลด์: 1 ประตู
  • ฟีฟ่าอินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ: 1 ประตู

สถิติหลังเกมเสมอกันระหว่าง คริสตัล พาเลซ 0-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

0

ทั้งสองทีมเสมอกันที่เซลเฮิร์สต์ พาร์ค 0-0 ขณะที่คริสตัล พาเลซ ยังคงไม่ชนะใครเลยในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ โดยที่ผู้รักษาประตูของทั้งสองทีม อังเดร โอนานา และ ดีน เฮนเดอร์สัน ช่วยให้ทีมเสมอกัน 0-0

สถิติฝั่งเจ้าบ้าน คริสตัล พาเลช

  • คริสตัล พาเลซ ไม่ชนะใครเลยใน 5 เกมแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ (เสมอ 3 แพ้ 2) ซึ่งเป็นครั้งที่ 5 ที่พวกเขาทำไม่ได้ใน 1 ฤดูกาลในรายการนี้ อีเกิลส์ตกชั้นมาแล้ว 3 ครั้งจาก 4 ครั้งก่อนหน้านี้ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถชนะเกมใด ๆ ได้เลยใน 5 เกมแรก (ตั้งแต่ฤดูกาล1992-93, 1994-95 และ 2004-05)
  • ดีน เฮนเดอร์สัน เซฟได้ 7 ครั้งเมื่อเจอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือเป็นผู้รักษาประตูของคริสตัล พาเลซ ที่ไม่เสียประตูมากที่สุดในเกมพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่เกมที่พบกับบิเซนเต กวาอิต้า เมื่อเดือนมกราคม 2023

สถิติฝั่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

  • นี่เป็นเพียงครั้งที่สี่ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอแบบไร้สกอร์ภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก ในพรีเมียร์ลีก (81 เกม) และเป็นครั้งแรกของปีนี้นับตั้งแต่เสมอ 0-0 กับลิเวอร์พูลเมื่อเดือนธันวาคม 2023
  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะเพียง 2 นัด จาก 8 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีกที่พบกับคู่แข่งที่อยู่ในครึ่งล่างของตาราง (เสมอ 4 แพ้ 2) โดยชัยชนะทั้ง 2 นัดมาจากการเจอกับทีมน้องใหม่ ได้แก่ 4-2 เหนือเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนเมษายนฤดูกาลที่แล้ว และ 3-0 เหนือเซาธ์แฮมป์ตันเมื่อต้นเดือนนี้
  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บคลีนชีตได้ 4 นัดจาก 6 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก ซึ่งมากกว่าที่พวกเขาทำได้ใน 24 นัดก่อนหน้านี้ (3 นัดระหว่างเดือนธันวาคม 2023 ถึงพฤษภาคม 2024)
  • บรูโน่ แฟร์นันเดส มีโอกาสยิงประตูโดยไม่สามารถทำประตูได้ (17 ครั้ง) มากกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปในฤดูกาล 2024-25 โดยพยายามยิงเพิ่มอีก 4 ครั้งในวันนี้แต่ก็ยังไม่สามารถทำประตูได้

ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเกม: ดีน เฮนเดอร์สัน

ผู้รักษาประตูของพาเลซให้สัมภาษณ์กับสกายสปอร์ต : “ เราพลาดโอกาสสำคัญไป 2 ครั้ง มีครั้งหนึ่งในช่วงครึ่งหลังที่เราอาจแย่งบอลข้ามเส้นได้ อังเดรเซฟได้อย่างยอดเยี่ยมและสุดท้ายเราก็โชคไม่ดี เราจะเก็บแต้มนี้และพอใจกับมัน ”

ด้านผู้จัดการทีม เอริค เทน ฮาก กล่าวกับสกาย สปอร์ต

“ เราควรจะชนะได้ ในครึ่งแรก เรากินพวกเขาตายทั้งเป็น ครึ่งหลังเราดูสมดุลมากขึ้น แต่ครึ่งแรกเราควรยิงได้สักหนึ่งหรือสองประตู สิ่งเดียวที่อยู่ในกรอบเขตโทษคือจุดที่เกมจะตัดสินเสมอ เราควรเล่นอย่างเฉียบขาดกว่านี้ ”

”ลามีน ยามาล โผล่ติดโผ! แข้งเด็กสุดที่ยิงได้ใน UCL“

0

ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (UEFA Champions League) เป็นการแข่งขันฟุตบอลระดับทวีปยุโรปที่รวมทีมชั้นนำจากหลายประเทศเข้าแข่งขันเพื่อคว้าแชมป์ นักเตะดาวรุ่งหลายคนได้โอกาสแสดงฝีเท้าบนเวทีนี้ และบางคนยังสร้างสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่ทำประตูได้ในเกมการแข่งขันที่มีความเข้มข้นที่สุดในโลกฟุตบอล นี่คือรายชื่อ 5 นักเตะอายุน้อยที่สุดที่สามารถยิงประตูได้ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งเป็นตัวแทนของความสามารถและศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย

5 นักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

  • 1. อันซู ฟาติ (บาร์เซโลนา) – 17 ปี 40 วัน ทำประตูในเกมที่บาร์เซโลนาเอาชนะอินเตอร์ มิลาน 2-1 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2019
  • 2. ลามีน ยามาล (บาร์เซโลนา) – 17 ปี 68 วัน ทำประตูในเกมที่บาร์เซโลนาแพ้โมนาโก 2-1 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2024
  • 3. อันโตนิโอ นูซา (คลับ บรูซ) – 17 ปี 149 วัน ยิงประตูในเกมที่คลับ บรูซ ชนะปอร์โต้ 4-0 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2022
  • 4. ปีเตอร์ โอฟอริ-ควาย (โอลิมเปียกอส) – 17 ปี 194 วัน ทำประตูในเกมที่โอลิมเปียกอสแพ้โรเซนบอร์ก 1-5 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 1997
  • 5. มาเตโอ โควาชิช (ดินาโม ซาเกร็บ) – 17 ปี 215 วัน ยิงประตูในเกมที่ดินาโม ซาเกร็บพ่ายโอลิมปิก ลียง 1-7 เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2011

นักเตะเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างสถิติใหม่ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นดาวรุ่งในเวทีฟุตบอลระดับโลก

“ศึกแห่งความหวัง! ไบรตันปะทะเจ้าป่าน็อตติงแฮม ดวลเดือดเปิดฤดูกาลใหม่”

0

ภาพรวมก่อนเกม

ไบรตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มที่ดีในฤดูกาลนี้ แม้ว่าพวกเขาจะเสมอมา 2 นัดล่าสุดในลีก แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้อย่างน่าประทับใจ และยังคงไม่แพ้ใครในลีก ฤดูกาล 2024/25 (อันดับ 6 ของตาราง) อย่างไรก็ตาม การบาดเจ็บของผู้เล่นคนสำคัญอย่าง เจมส์ มิลเนอร์, โซลลี่ มาร์ช และ โจอาว เปโดร อาจเป็นอุปสรรคในการจัดตัวครั้งนี้

ฟากของ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ เองก็เริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างน่าประทับใจ โดยล่าสุดสามารถชนะลิเวอร์พูล 1-0 ในการเยือนแอนฟิลด์ ซึ่งเป็นการคว้าชัยชนะนอกบ้าน 2 นัดติดต่อกัน ฟอเรสต์ยังคงไม่แพ้ใครใน 4 นัดแรกของฤดูกาล ซึ่งทำให้พวกเขามีความมั่นใจอย่างมากในการไปเยือนไบรตันครั้งนี้

การวิเคราะห์แท็กติก

ไบรตัน มักใช้แผน 4-2-3-1 เน้นการครองบอลและการโจมตีจากปีก โดยคาโอรุ มิโตมะและยานคูบา มินเทห์จะเป็นตัวปั้นเกมริมเส้น ส่วนแดนนี่ เวลเบ็ค จะรับหน้าที่เป็นกองหน้าตัวเป้าเพื่อทำประตู โจเอล เวลท์แมน และ เปร์วิส เอสตูปินญาน จะทำหน้าที่ในตำแหน่งฟูลแบ็คที่ดันสูง เพื่อสร้างความกดดันให้กับฟอเรสต์

น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ จะใช้แผน 4-2-3-1 เช่นกัน เน้นการเล่นเกมรับที่รัดกุมและการสวนกลับเร็ว โดยแอนโธนี่ เอลังก้า และ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย จะเป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุกจากด้านกว้าง ขณะที่ คริส วู้ด จะยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า มี มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ คอยปั้นเกมในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

ไบรตัน (4-2-3-1):
เวอร์บรูจเก้น; เวลท์แมน, ดังค์, ฟาน เฮค, เอสตูปินญาน; บาเลบา, อายาริ; มินเทห์, รุตเตอร์, มิโตมะ; เวลเบ็ค

น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ (4-2-3-1):
เซลส์; ไอน่า, มิลินโควิช, มูริลโล, โมเรโน่; วอร์ด-พราวส์, แอนเดอร์สัน; เอลังก้า, กิ๊บบ์ส-ไวท์, ฮัดสัน-โอดอย; วู้ด

คาดการณ์ผลการแข่งขัน

แม้ว่าไบรตันจะมีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายราย แต่การเล่นในบ้านน่าจะทำให้พวกเขาได้เปรียบเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ฟอเรสต์มีฟอร์มที่แข็งแกร่งในการเล่นนอกบ้านในช่วงหลัง ทำให้เกมนี้น่าจะเป็นการแข่งขันที่สูสีและอาจจบลงด้วยการเสมอ

คาดการณ์ผลสกอร์:
ไบรตัน 1-1 น็อตติงแฮม ฟอเรสต์

สถิติและวิเคราะห์หลังเกม เวสต์แฮม vs เชลซี คืนวันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567

0

นิโคลัส แจ็คสัน ทำประตูได้สองลูกและทำแอสซิสต์อีกหนึ่งลูก ขณะที่เชลซีเอาชนะในเกมลอนดอนเดอร์บี้เหนือเวสต์แฮมที่สนามลอนดอน สเตเดียม ย้อนกลับไปดูข้อเท็จจริงและสถิติที่ดีที่สุด และการวิเคราะห์ผลงานที่โดดเด่นของแมทช์นี้

สถิติด้านเจ้าบ้านเวสต์แฮม:

  • ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรที่แพ้ในบ้าน 3 นัดติดต่อกันในการเริ่มฤดูกาลลีก
  • เสียประตู 5 ลูกในช่วง 5 นาทีแรกของเกมพรีเมียร์ลีกในปี 2024 (มากที่สุดในลีก)

สถิติทีมเยือนเชลซี:

  • ชนะ 5 นัดติดต่อกันในการแข่งขันนอกบ้านระดับสูงสุด
  • ทำคะแนนในพรีเมียร์ลีกได้มากที่สุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม (25 คะแนนจาก 10 เกม)
  • ยิงได้ 10 ประตูในเกมเยือนฤดูกาลนี้ (มากเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์สโมสรรองจากฤดูกาล 1925-26)
  • เอนโซ มาเรสกา: ผู้จัดการทีมคนที่ 8 ที่ชนะ 3 เกมเยือนแรกในพรีเมียร์ลีก

ผลงานโดดเด่น:

  • นิโคลัส แจ็คสัน:
    • ทำประตูเร็วที่สุดให้เชลซีในเดอร์บี้ลอนดอนนับตั้งแต่ปี 2012
    • มีส่วนร่วมทำประตู 23 ครั้งใน 29 นัดที่ลงตัวจริงล่าสุด
    • มีส่วนร่วมทำประตูมากที่สุดเมื่อเจอกับเวสต์แฮม (6 ครั้ง)
  • โคล พาล์เมอร์:
    • ยิงได้ 27 ประตูนับตั้งแต่เปิดตัวกับเชลซี (รองจากฮาแลนด์เท่านั้น)
  • แจ็คสัน & พาล์เมอร์:
    • ร่วมกันทำ 10 ประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
  • เจดอน ซานโช:
    • ทำแอสซิสต์ใน 3 นัดลีกติดต่อกัน

วิจารณ์เหตุผล: ทำไม “แอนโทนี่” ถึงถูกลดบทบาทลงในแมนยู

0

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ชื่อของ แอนโทนี่ มาธีอุส ดอส ซานโตส ปีกจอมเลื้อยจากบราซิลที่เคยเป็นตัวจริงสำคัญของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกลดบทบาทลงอย่างเห็นได้ชัด จนกลายเป็นตัวสำรองในทีมของ เอริก เทน ฮาก แฟนบอลจำนวนไม่น้อยเริ่มสงสัยว่าเหตุใดผู้เล่นที่เคยโชว์ฟอร์มได้ดีถึงถูกลดระดับเช่นนี้ นี่คือสาเหตุหลักที่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญ:

1. ผลงานที่ขาดความสม่ำเสมอ

แม้ว่าแอนโทนี่จะมีความสามารถเฉพาะตัวสูง ทั้งความเร็วและเทคนิคในการเลี้ยงบอล แต่ผลงานของเขาในช่วงฤดูกาลหลังกลับไม่เป็นที่น่าประทับใจ มีความไม่สม่ำเสมอในการสร้างโอกาสและการทำประตู เขาเคยถูกคาดหวังให้เป็นกำลังสำคัญในการทำเกมบุก แต่จำนวนประตูและแอสซิสต์ยังคงไม่ถึงเป้าหมาย ทำให้เกิดการเปรียบเทียบกับปีกตัวรุกคนอื่น ๆ ในทีม

2. การปรับตัวไม่ทันกับแทคติกใหม่ของทีม

แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ เอริก เทน ฮาก จากสมัยร่วมงานที่ อาแจ็กซ์ แต่แอนโทนี่อาจประสบปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับแทคติกใหม่ของทีมในพรีเมียร์ลีกที่มีความเร็วและความเข้มข้นสูงขึ้น การตัดสินใจและการเคลื่อนที่ในสนามยังไม่เป็นไปตามแผนการของโค้ช

3. ปัญหานอกสนาม

ข่าวลือเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวและปัญหาทางวินัยของแอนโทนี่ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ แม้ว่าจะไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน แต่ข่าวลือเหล่านี้ก็อาจส่งผลต่อการเลือกเขาลงสนาม ทั้งนี้ผู้จัดการทีมมักจะคำนึงถึงปัจจัยทั้งหมดในการตัดสินใจเลือกตัวผู้เล่นลงสนาม

4. การแข่งขันในตำแหน่งเดียวกัน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีนักเตะที่สามารถเล่นในตำแหน่งปีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เจดอน ซานโช่ หรือแม้แต่ดาวรุ่งอย่าง อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ ทำให้ตำแหน่งของแอนโทนี่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดและเข้มข้นมากขึ้น

สรุป

การที่แอนโทนี่กลายเป็นตัวสำรองไม่ได้เป็นเพราะขาดศักยภาพ แต่เกิดจากหลายปัจจัยที่ร่วมกัน ทั้งผลงานที่ไม่สม่ำเสมอ ปัญหาด้านการปรับตัว และการแข่งขันในทีมที่เข้มข้นมากขึ้น จึงเป็นที่น่าติดตามว่าเขาจะสามารถเรียกฟอร์มกลับมาเพื่อคว้าตำแหน่งตัวจริงได้หรือไม่ในฤดูกาลนี้

บุนเดสลีกา: ซังค์ เพาลี ปะทะ RB ไลป์ซิก ศึกวันอาทิตย์ 22 กันยายน 2567

0

การแข่งขันบุนเดสลีกาวันอาทิตย์นี้ระหว่าง ซังค์ เพาลี และ RB ไลป์ซิก น่าจะเป็นการปะทะกันที่น่าติดตาม

โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองทีมมาพร้อมกับสถานการณ์ที่ต่างกันชัดเจน ซังค์ เพาลี ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาในฤดูกาลนี้ ยังหาฟอร์มที่ดีไม่เจอเลย พ่ายแพ้ตลอดทั้งสามนัดแรก และรั้งอันดับ 17 ของตาราง นอกจากนี้ นักเตะคนสำคัญอย่าง มอร์แกน กุยลาว็อกี และ คอนเนอร์ เม็ตคาล์ฟ ก็ต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ ทำให้พวกเขายังมีปัญหาในการจัดทัพ​

ทางด้าน RB ไลป์ซิก แม้ว่าจะสะดุดในเกมเสมอกับ ยูเนี่ยน เบอร์ลิน และแพ้ให้กับ แอตเลติโก มาดริด ในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกล่าสุด พวกเขายังคงเป็นทีมที่น่ากลัวด้วยฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งในช่วงเปิดฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะกองหน้าตัวเก่งอย่าง โลอิส โอเปนดา ที่มีผลงานโดดเด่นและพร้อมจะทำประตูอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการกลับมาของ วิลลี่ ออร์บาน ที่พ้นโทษแบน

คาดการณ์รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม:

ซังค์ เพาลี (3-5-2)

  • ผู้รักษาประตู: นิโคล่า วาซิลจ์
  • กองหลัง: ฮาวเกอ วาห์ล, เจมส์ ลอว์เรนซ์, คาโรล เมตส์
  • กองกลาง: ฟิลลิป ทรอย, โรเบิร์ต วากเนอร์, แจ็คสัน เออร์วิน (กัปตันทีม), คาร์โล บูกัลฟา, ลีอัน ริทซ์กา
  • กองหน้า: โจฮันเนส เอ็กเกสไตน์, เดโย อโฟลายัน

RB ไลป์ซิก (4-2-3-1)

  • ผู้รักษาประตู: ปีเตอร์ กูลาชซี่
  • กองหลัง: เดวิด เราม์, กาสติโล ลูเคบา, วิลลี่ ออร์บาน, เบนจามิน เฮนริชส์
  • กองกลางตัวรับ: เควิน คัมเพิล, อมาดู ไฮดารา
  • กองกลางตัวรุก: ซาบี ซิมอนส์, คริสตอฟ เบาม์การ์ทเนอร์, เบนจามิน เชสโก
  • กองหน้า: โลอิส โอเปนดา

ข้อมูลรายชื่อทั้งสองทีมอาจเปลี่ยนแปลงได้ใกล้วันแข่งขึ้นอยู่กับอาการบาดเจ็บและสภาพความพร้อมของนักเตะ​

แม้ว่าซังค์ เพาลีจะมีสถิติดีในอดีตที่เคยชนะไลป์ซิกได้สามนัดติดต่อกัน แต่เกมนี้คาดว่าไลป์ซิกจะเป็นฝ่ายได้เปรียบและมีโอกาสคว้าชัยชนะไปได้ เนื่องจากฟอร์มที่แข็งแกร่งกว่าและความสามารถในการทำประตูที่ดีกว่า​

ทำนายผลการแข่งขัน: ซังค์ เพาลี 1-3 RB ไลป์ซิก

บุนเดสลีกา: สตุ๊ตการ์ต ปะทะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

0

ในศึกบุนเดสลีกาวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2567 ที่กำลังจะมาถึง การแข่งขันระหว่างสตุ๊ตการ์ต และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ที่ MHPArena

จะเป็นหนึ่งในเกมที่น่าจับตามองของแฟนบอล เนื่องจากทั้งสองทีมมีฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งในฤดูกาลนี้ โดยดอร์ทมุนด์กำลังอยู่ในอันดับ 2 ของตาราง มี 7 คะแนนจาก 3 นัด ขณะที่สตุ๊ตการ์ตอยู่ในอันดับที่ 10 มี 4 คะแนนจากผลงานชนะ 1 เสมอ 1 และแพ้ 1 เกมล่าสุด

สำหรับสตุ๊ตการ์ต เกมล่าสุดพวกเขาพ่ายต่อ เรอัล มาดริด ในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกด้วยสกอร์ 3-1 ถึงแม้จะเล่นได้ดีในครึ่งแรก แต่พวกเขาเสียประตูในช่วงท้ายเกม ทำให้สภาพจิตใจของทีมอาจจะไม่ค่อยดีนัก อย่างไรก็ตาม สตุ๊ตการ์ตยังคงมีฟอร์มในบ้านที่แข็งแกร่ง พวกเขาไม่แพ้ใครในบ้าน 13 นัดล่าสุดในบุนเดสลีกา และมักจะมีการยิงประตูเกิดขึ้นอย่างน้อย 2.5 ลูกในทุกเกม

ในฝั่งของดอร์ทมุนด์ พวกเขากำลังอยู่ในฟอร์มร้อนแรง โดยเพิ่งเอาชนะ คลับ บรูซ 3-0 ในศึกแชมเปียนส์ลีก พวกเขามีผลงานชนะ 5 จาก 6 นัดหลังสุดและไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้ ความแข็งแกร่งในการเล่นเกมรุกของดอร์ทมุนด์เป็นที่น่ากลัว โดยเฉพาะความสามารถในการทำประตูในเกมเยือน พวกเขาสามารถทำประตูได้ใน 16 เกมเยือนล่าสุดที่พบกับสตุ๊ตการ์ต

คาดการณ์รายชื่อ 11 ตัวจริงทั้งสองทีมในการแข่งขันระหว่าง สตุ๊ตการ์ต vs โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ วันที่ 22 กันยายน 2567

สตุ๊ตการ์ต (ระบบ 4-3-3):

  • ผู้รักษาประตู: อเล็กซานเดอร์ นือเบล
  • กองหลัง: โยช่า วักโนมัน, อับดู รัวล์, ยานนิค ชาโบต์, มาร์กัส มิตเทิลชตัดท์
  • กองกลาง: อันเจโล สติลเลอร์, อาตาคาน คาราซอร์, เอ็นโซ่ มิลลอต
  • กองหน้า: คริส ฟูห์ริช, เดนิส อุนดาว, เจมี่ เลเวลิง

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (ระบบ 4-2-3-1):

  • ผู้รักษาประตู: เกรกอร์ โคเบล
  • กองหลัง: มัตส์ ฮุมเมลส์, นิคลาส ซูเล่, ยูเลียน ไรเยอร์สัน, รามี่ เบนเซไบนี่
  • กองกลาง: เอ็มเร่ ชาน, มาร์เซล ซาบิตเซอร์
  • ตัวรุก: ดอนเยลล์ มาเลน, ยูเลียน บรันด์ท, คาริม อเดเยมี่
  • กองหน้า: เซบาสเตียน อัลแลร์

แม้สตุ๊ตการ์ตจะมีสถิติที่ดีในการเล่นในบ้าน แต่จากฟอร์มที่ดุดันของดอร์ทมุนด์ในช่วงนี้ การแข่งขันนี้อาจจะเป็นอีกหนึ่งเกมที่ดอร์ทมุนด์มีโอกาสคว้าชัยชนะไปได้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีการทำประตูกันอย่างดุเดือดโดยมีโอกาสสูงที่ทั้งสองทีมจะทำประตูได้มากกว่า 2.5 ลูก

คาดการณ์ผลการแข่งขัน: สตุ๊ตการ์ต 2-3 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

“ศึกบุนเดสลีกา: เลเวอร์คูเซ่น พร้อมลุยรับการมาเยือนของ โวล์ฟสบวร์ก วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2567”

0

การแข่งขันบุนเดสลีกาในวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2567 นี้ จะเป็นการพบกันระหว่าง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น กับ โวล์ฟสบวร์ก ที่สนามเบย์อารีน่า

โดยเลเวอร์คูเซ่น กำลังมีฟอร์มที่ร้อนแรงหลังคว้าชัยสองนัดติดต่อกัน ด้วยการทำไปถึง 8 ประตูในสองนัดล่าสุด ขณะที่ โวล์ฟสบวร์ก ต้องเจอกับปัญหาฟอร์มตก หลังแพ้หนึ่งในสองนัดเยือนล่าสุด ทำให้ความกดดันตกไปที่โค้ชและนักเตะในการสร้างเซอร์ไพรส์ในเกมนี้

เลเวอร์คูเซ่น ปัจจุบันอยู่อันดับที่ 5 ของตาราง โดยมี 6 คะแนนจาก 3 นัดแรก ขณะที่โวล์ฟสบวร์กอยู่อันดับที่ 12 มีเพียง 3 คะแนนเท่านั้น การเจอกันครั้งล่าสุดในฤดูกาลที่ผ่านมา เลเวอร์คูเซ่นเอาชนะได้ 3-2 ทำให้ทีมเจ้าบ้านมีความมั่นใจในการเผชิญหน้าครั้งนี้

คาดการณ์รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีมในเกมระหว่าง เลเวอร์คูเซ่น vs โวล์ฟสบวร์ก วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2567

ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น:

  • ผู้รักษาประตู: ลูคัส ฮราเด็คกี้ (C)
  • กองหลัง: เอ็ดมอนด์ แทปโซบา, โจนาธาน ทาห์, ปิเอโร ฮินคาปี
  • วิงแบ็ค: โยฮันเนส กริมัลโด้, คาร์ลอส เทลลา
  • กองกลาง: กรานิต ชาก้า, โรเบิร์ต อันดริช
  • กองกลางตัวรุก: ฟลอเรียน เวิร์ทซ์, มาร์ติน เทอร์เรียร์
  • กองหน้า: วิคเตอร์ โบนิเฟซ

โวล์ฟสบวร์ก:

  • ผู้รักษาประตู: คามิล กราบารา
  • กองหลัง: คิเลียน ฟิชเชอร์, เซบาสเตียน บอร์เนา, เซดริก เซซิเกอร์, ยาคุบ คามินสกี้
  • กองกลาง: มัตเตียส สวานเบิร์ก, ซาลิห์ ออซชาน, มักซิมิเลียน อาร์โนลด์ (C), ริดเล่ บากู
  • กองหน้า: พาทริค วิมเมอร์, ติอาโก้ โทมัส

เลเวอร์คูเซ่น จะหวังพึ่งการทำเกมรุกจาก ฟลอเรียน เวิร์ทซ์ ที่ทำประตูและแอสซิสต์ได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนทางด้านโวล์ฟสบวร์ก ต้องรับมือกับการบาดเจ็บของผู้เล่นหลายคน รวมถึง ลูคัส เอ็นเมชา ที่ไม่สามารถลงสนามได้

คาดการณ์ผลการแข่งขัน: เลเวอร์คูเซ่น น่าจะคว้าชัยไปได้ด้วยสกอร์ 3-1​

ห้ามพลาด!