Home Blog Page 44

“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเยือน คริสตัล พาเลส : เทน ฮาก พร้อมท้าชน ในศึกพรีเมียร์ ลีก คืนวันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567 “

0

พรีเมียร์ ลีก คืนวันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567 คริสตัล พาเลซ เตรียมเผชิญหน้ากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการแข่งขันที่ คาดว่าจะเป็นการต่อสู้ทางด้านแทคติกที่น่าสนใจระหว่างผู้จัดการทีม โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ และ เอริค เทน ฮาก แม้ว่าแมนฯ ยูไนเต็ดจะเพิ่งเอาชนะเซาแธมป์ตันมาได้ 1-0 แต่ยังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับฟอร์มโดยรวมและความสม่ำเสมอภายใต้การนำของเทน ฮาก

ฟอร์มนัดล่าสุดของคริสตัล พาเลซ

พาเลซจะทำได้ดีแค่ไหนหากสามารถทำซ้ำผลงานของเมย์ที่พบกับยูไนเต็ดได้ หลังจากเริ่มต้นฤดูกาล 2024-25 ได้ไม่ดีนัก โดยเกมที่เสมอกับเลสเตอร์ ซิตี้ 2-2 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำให้ เดอะอีเกิลส์ ไม่สามารถคว้าชัยชนะในเกมลีกได้ 4 เกมในฤดูกาลนี้ (เสมอ 2 แพ้ 2)

นัดล่าสุด พาเลซผ่านเข้ารอบในศึกอีเอฟแอลคัพเมื่อกลางสัปดาห์ โดยเอาชนะควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 2-1 โดยมี เอเบเรชี เอเซ เป็นหนึ่งในผู้ทำประตู

ฟอร์มนัดล่าสุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ดูเหมือนว่าแมนฯ ยูไนเต็ดจะอยู่ในช่วงวิกฤตอีกครั้งเมื่อพวกเขาผ่านช่วงเบรกทีมชาติมาได้ด้วยการมีเพียง 3 คะแนนจาก 3 เกมแรกของฤดูกาล 2024-25 แต่ชัยชนะติดต่อกัน 2 นัดก็ช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้นบ้างโดยปีศาจแดงเอาชนะเซาแธมป์ตัน 3-0 เมื่อวันเสาร์ที่แล้วก่อนที่จะถล่มบาร์นสลีย์จากดิวิชั่น 3 ไปได้ 7-0 ในคาราบาว คัพ

ผลงานในลีกแม้ว่าแมนฯ ยูไนเต็ดจะสามารถเอาชนะเซาแธมป์ตันได้ แต่ผลงานของพวกเขากลับสร้างคำถามมากกว่าสร้างความมั่นใจ ชัยชนะดูเหมือนจะเป็นผลมาจากการผิดพลาดของเซาแธมป์ตันมากกว่าความโดดเด่นของแมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้ยังไม่สามารถตัดสินความก้าวหน้าของทีมภายใต้การนำของเทน ฮากได้

คาดการณ์นักเตะ11ตัวจริงของ คริสตัล พาเลซ

คาดการณ์ว่าจะมารูปแบบการเล่น 3-4-2-1

  • ผู้รักษาประตู : ดีน เฮนเดอร์สัน
  • กองหลัง : นาธาเนียล ไคลน์,มาร์ค เกฮี,มักซ็องส์ ลาครัวซ์
  • กองกลางตัวรับ : ดานิเอล มุญโญซ,แอดัม วอร์ตัน,แชก ดูกูเร่,ไทริค มิตเชลล์
  • กองกลางตัวรุก : เอ็ดดี เอ็นเคเทียห์,เอเบเรชี เอเซ
  • กองหน้า : ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า

คาดการณ์นักเตะ11ตัวจริงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

คาดการณ์ว่าจะมารูปแบบการเล่น 4-2-3-1

  • ผู้รักษาประตู :  อังเดร โอนานา
  • กองหลัง : นุศ็อยร์ มัซรอวี,จอนนี เอฟวันส์,แฮร์รี แมไกวร์,ดีโอโก้ ดาโลต์
  • กองกลางตัวรับ : คาเซมิโร่,ค็อบบี เมนู
  • กองกลางตัวรุก : อาเลฆันโดร การ์นาโช,บรูโน่ เฟอร์นานเดช,อามาด ดียาโล
  • กองหน้า : มาร์คัส แรชฟอร์ด

การวิเคราะห์ก่อนเกม: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปะทะ คริสตัล พาเลซ

  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มเข้าฝักแนวรุกแสดงศักยภาพน่าเกรงขามผลงานโดยรวมกำลังปรับตัวดีขึ้น
  • คริสตัล พาเลซ: แม้จะมีชัยชนะบ้าง แต่ฟอร์มโดยรวมยังไม่น่าประทับใจมักเกิดความผิดพลาดในจังหวะสำคัญเกมรุกขาดความอันตรายการสวนกลับไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากขาดความเร็วในแนวรุก

หากทั้งสองทีมต้องเผชิญหน้ากันในเวลานี้ คริสตัล พาเลซอาจเจอกับความท้าทายอย่างหนัก โดยเฉพาะหากไม่มีการปรับเปลี่ยนแท็คติกหรือตัวผู้เล่นในแนวรุก การรับมือกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่กำลังมีฟอร์มการเล่นที่ดีอาจเป็นงานที่ยากลำบาก

คาดการณ์ผลการแข่งขัน

จากความได้เปรียบในการเล่นในบ้านของพาเลซและฟอร์มที่ไม่แน่นอนของแมนฯ ยูไนเต็ด อาจเกิดการพลิกล็อกขึ้นได้ พาเลช อาจจะชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1

แต่ถ้าหากแมนฯ ยูไนเต็ดสามารถรักษาฟอร์มเหมือนนัดที่ผ่านมาได้ชัยชนะอาจตกไปอยู่กับทีมเยือน ไปด้วยสกอร์ พาเลช 1-3 แมนฯ ยูไนเต็ด

“ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ เหมา 2 ประตู! เลเวอร์คูเซ่นถล่มเฟเยนูร์ด คว้าชัยใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก”

0

ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ทำประตูได้สองลูกในการเปิดตัวแชมเปียนส์ลีกซึ่งเป็นการ Debut ครั้งแรกของเขา ทำให้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เอาชนะ เฟเยนูร์ด ไปได้ขาดลอย!

กลายเป็นนักเตะชาวเยอรมันคนแรกที่ทำได้ 2 ประตู ในการเปิดตัวแชมเปียนส์ลีกของเขา

เหตุการณ์สำคัญ:

  • เวิร์ตซ์ ทำประตูเปิดเกมในนาทีที่ 5
  • อเล็กซ์ กริมัลโด ทำประตูที่สอง โดยได้รับการช่วยเหลือจาก เจเรมี ฟริมปง
  • เวิร์ตซ์ วอลเลย์ประตูที่สองของเขา โดยได้รับการช่วยเหลือจาก ฟริมพอง อีกครั้ง
  • การโหม่งของ เอดมอนด์ ทัปโซบา นำไปสู่การทำประตูตัวเองของผู้รักษาประตู เฟเยนูร์ด

เลเวอร์คูเซ่น การันตีชัยชนะก่อนหมดครึ่งแรก และ เล่นอย่างมีประสิทธิภาพ

หลังจบเกม ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ นักเตะวัย 21 ปีแสดงความดีใจอย่างเห็นได้ชัด

เวิร์ตซ์กล่าวในการให้สัมภาษณ์หลังเกม

“ ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะทำได้สองประตูในครึ่งแรก แต่นั่นช่วยเราได้ในวันนี้และเราสามารถสร้างเกมต่อจากจุดนั้นได้ ”

“ผมตั้งตารอเกมนี้มาหลายวันแล้ว ผมลงเล่นด้วยความสุข และยิ่งดีใจมากขึ้นเมื่อมันประสบความสำเร็จ”

โค้ชของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ชาบี อลอนโซ่ กล่าวชื่นชม ดาวรุ่งรายนี้ว่า “ เขาแสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเขาเก่งแค่ไหน ” ขณะที่ไซมอน รอล์ฟส์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายกีฬาของสโมสรระบุว่า “เขากำลังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในฤดูกาลนี้”

นี่เป็นการพ่ายแพ้ครั้งแรกของ เฟเยนูร์ด ภายใต้การคุมทีมของ ” ผู้จัดการทีมคนใหม่ “ ไบรอัน พริสเก้

“แอนโทนี่ มาร์กซิยาล ย้ายร่วมทีมเออีเค เอเธนส์ หลังปิดฉาก 9 ปีกับแมนฯ ยูไนเต็ด”

0

อดีตกองหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แอนโทนี่ มาร์กซิยาล ได้เข้าร่วมสโมสรเออีเค เอเธนส์ในกรีซด้วยสัญญา 3 ปี

มาร์กซิยาล วัย 28 ปี ออกจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในช่วงซัมเมอร์นี้หลังจากสัญญาของเขาหมดลง สิ้นสุดการเล่น 9 ปีที่สโมสร หลังจากย้ายจากโมนาโกในปี 2015 ด้วยค่าตัว 36 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นค่าตัวสูงสุดสำหรับดาวรุ่งในขณะนั้นและถึงขั้นได้ ฉายาว่า New Henry (นิว อองรี)

เออีเค เอเธนส์ ขึ้นเป็นผู้นำในซูเปอร์ลีกกรีกในขณะนี้ หลังจากชนะ 3 ใน 4 เกมแรกของฤดูกาล โดยพวกเขาได้รองแชมป์ในฤดูกาลที่แล้ว

มาร์กซิยาลแสดงความตื่นเต้น โดยกล่าวว่า ” เขาต้องการคว้าแชมป์และนำความสุขมาสู่แฟนๆ ของเออีเค

เขาเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรลียง ก่อนจะย้ายไปโมนาโกด้วยค่าตัว 4.4 ล้านปอนด์มาร์กซิยาลทำประตูได้ 2 ประตูจากการลงเล่น 30 นัดให้กับทีมชาติฝรั่งเศส แต่เขาไม่ได้ลงเล่นในระดับนานาชาติตั้งแต่ปี 2021

ผลงานตอนอยู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร์กซิยาลทำได้ 90 ประตูจากการลงเล่น 317 นัดในทุกรายการให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วยทีมคว้าแชมป์ยูโรป้าลีก, เอฟเอคัพ และลีกคัพอีกสองสมัย การลงสนามครั้งสุดท้ายของเขาเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม หลังจากที่เขาถูกพักแข้งจากอาการบาดเจ็บบ่อยครั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา

วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก: ฟูแล่ม vs นิวคาสเซิ่ล

0

ศึกพรีเมียร์ลีกที่กำลังจะมาถึงในวันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567 จะเป็นการพบกันระหว่างฟูแล่มและนิวคาสเซิ่ลที่สนามคราเวน คอตเทจ ฟูแล่มซึ่งอยู่ในอันดับที่ 12 ของตารางกำลังมองหาชัยชนะเพื่อยกระดับผลงาน ขณะที่นิวคาสเซิ่ลที่รั้งอันดับ 3 มีฟอร์มที่ร้อนแรงและมีความมุ่งมั่นที่จะคว้าสามแต้มเต็มกลับบ้าน

ฟูแล่มทำผลงานค่อนข้างไม่แน่นอนในช่วงที่ผ่านมา โดยเก็บได้เพียง 5 คะแนนจาก 4 นัด (ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 1) ผลงานล่าสุดเสมอกับเวสต์แฮม 1-1 และแพ้เพรสตัน นอร์ท เอนด์ในการยิงลูกโทษในบอลถ้วย ขณะที่นิวคาสเซิ่ลกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม โดยมี 10 คะแนนจากการชนะ 3 เสมอ 1 ใน 4 นัดที่ผ่านมา พวกเขาชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 ในนัดล่าสุด แสดงให้เห็นถึงการโจมตีที่ทรงพลังและการป้องกันที่แข็งแกร่ง

นิวคาสเซิ่ลมีสถิติที่ดีเมื่อพบกับฟูแล่ม โดยชนะทั้ง 6 นัดหลังสุดในการเจอกัน ฟูแล่มต้องปรับปรุงการเล่นให้ดียิ่งขึ้นหากหวังจะต้านทานนิวคาสเซิ่ลได้ อย่างไรก็ตาม การบาดเจ็บของผู้เล่นสำคัญในนิวคาสเซิ่ลอย่างคัลลัม วิลสัน และสเวน บ็อตแมน อาจเป็นจุดที่ฟูแล่มสามารถฉวยโอกาสได้

รายชื่อ 11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม:

ฟูแล่ม (4-2-3-1):

  • ผู้รักษาประตู: แบร์นด์ เลโน่
  • กองหลัง: เคนนี่ เตเต้, ทิม รีม, อิสซ่า ดิย็อป, แอนโทนี่ โรบินสัน
  • กองกลางตัวรับ: ชูเอา เปาลินญ่า, แฮร์ริสัน รีด
  • กองกลางตัวรุก: แฮร์รี่ วิลสัน, อันเดรียส เปเรร่า, วิลเลี่ยน
  • กองหน้า: ราอูล ฮิเมเนซ

นิวคาสเซิ่ล (4-3-3):

  • ผู้รักษาประตู: นิค โป๊ป
  • กองหลัง: คีแรน ทริปเปียร์, ฟาเบียน แชร์, แดน เบิร์น, แม็ตต์ ทาร์เก็ตต์
  • กองกลาง: บรูโน่ กิมาไรส์, ซานโดร โตนาลี, ฌอน ลองสตาฟฟ์
  • กองหน้า: แอนโธนี่ กอร์ดอน, อเล็กซานเดอร์ อิซัค, ฮาร์วีย์ บาร์นส์

ผลการแข่งขันที่คาดการณ์: จากสถิติและฟอร์มปัจจุบัน คาดว่านิวคาสเซิ่ลมีโอกาสชนะสูง โดยผลสกอร์ที่น่าจะเกิดขึ้นคือ นิวคาสเซิ่ลชนะ 2-1 หรือ 2-0

ลิเวอร์พูลหวังคืนฟอร์มเจอบอร์นมัธที่แอนฟิลด์ – ศึกพรีเมียร์ลีก 21 กันยายน 2567

0

ลิเวอร์พูลจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของบอร์นมัธที่แอนฟิลด์ในวันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567

โดยคาดว่าจะเป็นแมตช์ที่ตื่นเต้นสำหรับแฟนบอลพรีเมียร์ลีก ขณะนี้ลิเวอร์พูลรั้งอันดับ 4 ของตารางคะแนน มี 9 คะแนนจาก 4 นัดแรก แต่หลังจากพ่ายให้กับน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 0-1 อย่างเหนือความคาดหมายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมของอาร์เน่ สล็อตก็กลับมาโชว์ฟอร์มแกร่งอีกครั้งด้วยการเอาชนะเอซี มิลาน 3-1 ในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกช่วงกลางสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นการคืนความมั่นใจให้กับทีมก่อนลงสนามนัดนี้

บอร์นมัธ

อยู่อันดับ 11 มี 5 คะแนนภายใต้การคุมทีมของอันโดนี อิราโอลา ทีมใช้แผนการเพรสซิ่งสูงและเล่นฟุตบอลที่ดุดัน แม้จะแพ้เชลซี 0-1 ในเกมล่าสุด แต่บอร์นมัธก็หวังจะสร้างปัญหาให้แนวรับลิเวอร์พูล แม้ประวัติการพบกันที่แอนฟิลด์ไม่เป็นใจให้พวกเขา โดยแพ้ถึง 9 จาก 10 นัดล่าสุดที่เจอลิเวอร์พูล

คาดการณ์รายชื่อ 11 ตัวจริง และผลการแข่งขันระหว่าง ลิเวอร์พูล vs บอร์นมัธ (พรีเมียร์ลีก, 21 กันยายน 2567)

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1)

  • ผู้รักษาประตู: อลิสซอน เบ็คเกอร์
  • แบ็คขวา: เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
  • เซ็นเตอร์แบ็ค: อิบราฮิมา โกนาเต้
  • เซ็นเตอร์แบ็ค: เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
  • แบ็คซ้าย: คอนสแตนตินอส ซิมิกาส
  • กองกลางตัวรับ (2): ไรอัน กราเวนเบิร์ช, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์
  • กองกลางตัวรุก: โดมินิก โซบอสซ์ไล
  • ปีกขวา: โมฮาเหม็ด ซาลาห์
  • ปีกซ้าย: โคดี้ กัคโป
  • กองหน้า: ดาร์วิน นูเญซ

รูปแบบการเล่น: ลิเวอร์พูลจะเน้นการครองบอลและใช้การโจมตีจากข้างสนาม โดยเฉพาะจากการเปิดบอลและการเข้าทำของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โซบอสซ์ไล ที่คอยสร้างสรรค์เกมจากกลางสนาม ขณะที่แนวรับต้องอาศัยการประสานงานที่ดีของ ฟาน ไดจ์ค และ โกนาเต้ ในการหยุดเกมรุกของบอร์นมัธ

บอร์นมัธ (4-2-3-1)

  • ผู้รักษาประตู: มาร์ค ทราเวอร์ส
  • แบ็คซ้าย: มิลอส เคอร์เคซ
  • เซ็นเตอร์แบ็ค: มาร์กอส เซเนซี
  • เซ็นเตอร์แบ็ค: อิลเลีย ซาบาร์นี
  • แบ็คขวา: อดัม สมิธ
  • กองกลางตัวรับ (2): ลูอิส คุก, ไรอัน คริสตี้
  • ตัวรุกฝั่งขวา: อองตวน เซเมนโย
  • ตัวรุกฝั่งซ้าย: จัสติน ไคลเวิร์ต
  • ตัวรุกกลาง: มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์
  • กองหน้า: เอวานิลสัน

รูปแบบการเล่น: บอร์นมัธใช้แผนเพรสซิ่งสูงและเน้นเกมสวนกลับด้วยความเร็วของตัวริมเส้นอย่าง เซเมนโย่ และ ไคลเวิร์ต ซึ่งจะพยายามหาช่องโจมตีผ่านช่องว่างในแนวรับลิเวอร์พูล

การวิเคราะห์เกมและผลสกอร์ที่คาดการณ์

ลิเวอร์พูลจะลงเล่นเกมนี้ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเก็บ 3 แต้ม หลังจากแพ้ให้กับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ แบบเหนือความคาดหมายในเกมลีกนัดก่อน แต่ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีจากชัยชนะ 3-1 เหนือ เอซี มิลาน ในแชมเปียนส์ลีก ลิเวอร์พูลน่าจะมีความมั่นใจกลับมา

บอร์นมัธภายใต้การคุมทีมของ อันโดนี อิราโอลา มีสไตล์การเล่นที่เน้นเกมบุกด้วยพลังงานสูงและความรวดเร็วในการโจมตี อย่างไรก็ตาม สถิติการเจอลิเวอร์พูลนั้นไม่ดี โดยพวกเขาแพ้ถึง 9 จาก 10 ครั้งหลังสุดที่พบกันในพรีเมียร์ลีก

ผลที่คาดการณ์: ลิเวอร์พูลชนะ 3-1


แม้ว่าบอร์นมัธจะมีเกมรุกที่แข็งแกร่ง แต่ความสามารถในการปิดเกมของลิเวอร์พูลและพลังในแนวรุกน่าจะมากพอที่จะทำให้พวกเขาเก็บชัยชนะได้

“แมนฯ ซิตี้พลาดแชมป์ UCL: บทเรียนสำคัญที่กวาร์ดิโอลาต้องเผชิญ”

0

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ไม่สามารถป้องกันแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกฤดูกาล 2023/24 หลังจากพ่ายแพ้ให้กับเรอัล มาดริดในรอบก่อนรองชนะเลิศด้วยการดวลจุดโทษสุดระทึก ซึ่งเกมนี้สะท้อนให้เห็นจุดอ่อนหลายประการที่กวาร์ดิโอลาต้องแก้ไข

1. การขาดนักเตะคนสำคัญ:
เควิน เดอ บรอยน์ ที่บาดเจ็บยาวในช่วงสำคัญทำให้ทีมขาดความสร้างสรรค์ในแดนกลาง แม้ฟิล โฟเดนและเจเรมี โดกูจะพยายามรับบทบาทนี้ แต่ยังไม่สามารถเติมเต็มช่องว่างที่เดอ บรอยน์ทิ้งไว้ได้​

2. การแท็กติกของคู่แข่ง:
เรอัล มาดริดใช้แผน “low block” หรือการตั้งรับลึกอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ซิตี้ไม่สามารถเจาะประตูได้ แม้จะครองเกมและสร้างโอกาสมากมาย แต่การโจมตีของพวกเขามักจบลงด้วยการสวนกลับจากคู่แข่ง​

3. ความกดดันจากการเป็นแชมป์เก่า:
แม้จะมีความลึกในขุมกำลัง แต่ความกดดันจากการป้องกันแชมป์และการขาดความสม่ำเสมอในการเล่นทำให้ทีมเสียสมาธิในจังหวะสำคัญ โดยเฉพาะการดวลจุดโทษที่ทำให้เบอร์นาร์โด ซิลวาและมาเตโอ โควาซิชพลาดในช่วงตัดสิน​

ฤดูกาลนี้เป็นบทเรียนราคาแพงที่กวาร์ดิโอลาและทีมจำเป็นต้องเรียนรู้ หากต้องการกลับมาท้าชิงแชมป์ UCL อีกครั้งในปีหน้า




RB Leipzig: จากดิวิชั่นห้าสู่เวทีแชมเปียนส์ลีกใน 15 ปี

0

ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดยบริษัท Red Bull GmbH ที่เข้าซื้อสิทธิ์การเล่นของทีม SSV Markranstädt ในดิวิชั่นห้าของฟุตบอลเยอรมัน RB Leipzig ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกาในปี 2016 และเข้าร่วมการแข่งขัน UEFA Champions League เป็นครั้งแรกในปี 2017

ชื่อและความหมาย

ชื่อเต็มของสโมสรคือ “RasenBallsport Leipzig” ซึ่งแปลว่า “กีฬาลูกบอลบนสนามหญ้า ไลป์ซิก” คำว่า “RB” ในชื่อสโมสรไม่ได้หมายถึง “Red Bull” โดยตรง เนื่องจากกฎของสมาคมฟุตบอลเยอรมัน (DFB) ห้ามการใช้ชื่อแบรนด์ในชื่อสโมสร แต่การใช้คำว่า “RasenBallsport” ทำให้สามารถใช้ตัวย่อ “RB” ได้ ซึ่งเป็นการเล่นคำที่เชื่อมโยงกับแบรนด์ Red Bull

ความสำเร็จและการเติบโต

ตั้งแต่ก่อตั้ง RB Leipzig ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก Red Bull ทั้งในด้านการเงินและการบริหาร ทำให้สโมสรสามารถดึงดูดนักเตะและผู้จัดการทีมที่มีความสามารถมาร่วมทีมได้ ภายในเวลาเพียง 15 ปี สโมสรได้เลื่อนชั้นจากดิวิชั่นห้าสู่บุนเดสลีกา และได้เข้าร่วมการแข่งขัน UEFA Champions League โดยในฤดูกาล 2019/20 ทีมสามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของรายการนี้ได้

ปรัชญาการพัฒนาเยาวชน

RB Leipzig ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเยาวชนและการค้นหา talent ใหม่ ๆ จากทั่วโลก สโมสรมีระบบการสอดแนมและพัฒนานักเตะที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถสร้างทีมที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการแข่งขันในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง

สนามเหย้า

สโมสรใช้สนาม Red Bull Arena ในเมืองไลป์ซิกเป็นสนามเหย้า ซึ่งมีความจุประมาณ 47,000 ที่นั่ง สนามแห่งนี้เป็นหนึ่งในสนามที่ทันสมัยที่สุดในเยอรมัน และเป็นสถานที่จัดการแข่งขันที่สำคัญทั้งในระดับสโมสรและระดับชาติ

ข่าวสารล่าสุด

ในฤดูกาล 2024/25 RB Leipzig ยังคงแสดงความแข็งแกร่งในบุนเดสลีกา และได้เข้าร่วมการแข่งขัน UEFA Champions League อีกครั้ง โดยในรอบแบ่งกลุ่ม ทีมต้องพบกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่าง Atlético Madrid และ Juventus

กรานิต ชาก้า: นักเตะสวิสผู้ยิ่งใหญ่

0

กรานิต ชาก้า (Granit Xhaka)

เป็นนักฟุตบอลชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่ไม่เคยหยุดพิสูจน์ตัวเองในเส้นทางอาชีพของเขา เกิดเมื่อวันที่ 27 กันยายน 1992 ที่เมืองบาเซิล ชาก้าเริ่มต้นอาชีพในระดับเยาวชนกับ เอฟซี บาเซิล และพัฒนาฝีเท้าอย่างต่อเนื่องจนเป็นนักเตะที่ถูกจับตามองจากหลายสโมสรในยุโรป

ชาก้าก้าวเข้าสู่วงการฟุตบอลระดับโลกเมื่อย้ายไปเล่นให้กับ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ในเยอรมนี และในปี 2016 เขาได้ย้ายไปพรีเมียร์ลีก ร่วมทีม อาร์เซนอล ที่ซึ่งเขาเป็นทั้งกัปตันและหัวใจหลักในแดนกลาง ในช่วงปี 2023 ชาก้าได้ย้ายกลับไปเล่นในบุนเดสลีกาให้กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และช่วยทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกา และ เดเอฟเบ โพคาล ได้ในฤดูกาล 2023-24 นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาจนถึงปัจจุบัน​

ในการแข่งขัน ยูโร 2024 ชาก้าเป็นหัวใจหลักของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ และถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทัวร์นาเมนต์นี้ ความสามารถในการควบคุมเกมและการผ่านบอลที่แม่นยำ ทำให้เขาได้รับรางวัล ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน หลายครั้ง และกลายเป็นผู้เล่นที่สำคัญในการพาทีมสวิตเซอร์แลนด์เข้าสู่รอบลึกของการแข่งขัน​

นอกจากนี้ ชาก้ายังได้รับการยอมรับอย่างมากในฐานะ นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสวิตเซอร์แลนด์ ถึงสองครั้ง ในปี 2017 และ 2022 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถและความทุ่มเทของเขาทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ​

นี่คือสถิติอัปเดตของ กรานิต ชาก้า ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ:

สโมสร

  1. เอฟซี บาเซิล (2010-2012)
    • ลงเล่น: 67 นัด
    • ยิงประตู: 3 ประตู
  2. โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค (2012-2016)
    • ลงเล่น: 140 นัด
    • ยิงประตู: 9 ประตู
  3. อาร์เซนอล (2016-2023)
    • ลงเล่น: 297 นัด
    • ยิงประตู: 23 ประตู
  4. ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น (2023-ปัจจุบัน)
    • ลงเล่น (ถึงปี 2024): 25 นัด
    • ยิงประตู: 3 ประตู

ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ (ตั้งแต่ปี 2011)

  • ลงเล่น: 131 นัด
  • ยิงประตู: 14 ประตู

รวมทั้งหมด ชาก้าได้ลงเล่นกว่า 569 นัดในระดับสโมสรและทีมชาติ และยิงประตูได้ 43 ประตู ตลอดเส้นทางอาชีพของเขา

“เส้นทางความสำเร็จของ รอแบร์ต แลวันดอฟสกี: จากเด็กหนุ่มโปแลนด์สู่ยอดกองหน้าของโลก

0

รอแบร์ต แลวันดอฟสกี (Robert Lewandowski) คือหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดในวงการฟุตบอลยุคปัจจุบัน ด้วยการทำประตูที่โดดเด่นและเส้นทางอาชีพที่เต็มไปด้วยความสำเร็จ ทั้งกับสโมสรและรางวัลส่วนตัวมากมาย

จุดเริ่มต้นอาชีพ

แลวันดอฟสกีเกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 1988 ที่กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เส้นทางฟุตบอลของเขาเริ่มจากการเล่นให้กับสโมสรท้องถิ่นในโปแลนด์ และเริ่มสร้างชื่อเสียงเมื่อย้ายไปเล่นให้กับ เลค พอซนัน (Lech Poznań) เขาช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกโปแลนด์ในฤดูกาล 2009–2010

ประสบความสำเร็จในยุโรป

ปี 2010 แลวันดอฟสกีย้ายไปเล่นให้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) ภายใต้การคุมทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ เขาพาสโมสรคว้าแชมป์บุนเดสลีกาสองสมัยติดต่อกัน (2010–2011 และ 2011–2012) และพาทีมเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี 2013

หลังจากนั้นในปี 2014 เขาย้ายไปร่วมทีมยักษ์ใหญ่ บาเยิร์น มิวนิก (Bayern Munich) และนั่นคือช่วงเวลาที่เขาประสบความสำเร็จสูงสุด เขาช่วยให้บาเยิร์นครองแชมป์บุนเดสลีกา 8 ฤดูกาลติดต่อกัน และคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี 2020

สถิติการทำประตูอันน่าทึ่ง

รอแบร์ต แลวันดอฟสกีเป็นกองหน้าที่มีสถิติการทำประตูที่น่าประทับใจมาก เขาทำประตูให้กับบาเยิร์น มิวนิกมากกว่า 300 ประตูในทุกรายการ และในฤดูกาล 2020–2021 เขาทำลายสถิติของแกร์ด มึลเลอร์ ด้วยการยิงถึง 41 ประตูในบุนเดสลีกา

รางวัลส่วนตัว

นอกจากความสำเร็จกับทีมแล้ว แลวันดอฟสกียังได้รับรางวัลส่วนตัวมากมาย เช่น:

  • นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า (The Best FIFA Men’s Player) สองปีซ้อน (2020 และ 2021)
  • รองเท้าทองคำบุนเดสลีกา หลายสมัย
  • UEFA Men’s Player of the Year ในปี 2020 หลังจากที่พาบาเยิร์นคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

การย้ายไปบาร์เซโลนา

ในปี 2022 แลวันดอฟสกีย้ายไปเล่นให้กับ บาร์เซโลนา และยังคงโชว์ฟอร์มการทำประตูได้อย่างยอดเยี่ยม เขาพาทีมคว้าแชมป์ลาลีกาในฤดูกาล 2022–2023 และกลายเป็นกำลัง

สำคัญของทีมในเวลารวดเร็ว

สถิติการลงเล่นและการทำประตูของ รอแบร์ต แลวันดอฟสกี ในแต่ละสโมสร

  1. ซนีช ปรูชกุฟ (Znicz Pruszków)
    • ปีที่เล่น: 2006–2008
    • ลงเล่น: 59 นัด
    • ทำประตู: 36 ประตู
  2. เลค พอซนัน (Lech Poznań)
    • ปีที่เล่น: 2008–2010
    • ลงเล่น: 82 นัด
    • ทำประตู: 41 ประตู
  3. โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund)
    • ปีที่เล่น: 2010–2014
    • ลงเล่น: 187 นัด
    • ทำประตู: 103 ประตู
  4. บาเยิร์น มิวนิก (Bayern Munich)
    • ปีที่เล่น: 2014–2022
    • ลงเล่น: 375 นัด
    • ทำประตู: 344 ประตู
  5. บาร์เซโลนา (Barcelona)
    • ปีที่เล่น: 2022–ปัจจุบัน
    • ลงเล่น: 55 นัด
    • ทำประตู: 38 ประตู

รวมสถิติทั้งหมด (ณ ปี 2023):

  • ลงเล่นทั้งหมด: 758 นัด
  • ทำประตูทั้งหมด: 562 ประตู

แลวันดอฟสกีมีอัตราการทำประตูที่สูงมากในทุกสโมสรที่เขาเล่น โดยเฉพาะกับบาเยิร์น มิวนิก ที่เขาทำประตูเฉลี่ยเกือบ 1 ประตูต่อนัด การย้ายไปบาร์เซโลนายังทำให้เขายังคงรักษาฟอร์มการทำประตูที่ดีเช่นเดิม

บทสรุป

รอแบร์ต แลวันดอฟสกี คือหนึ่งในกองหน้าที่ครบเครื่องที่สุดในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำประตู การเล่นที่ชาญฉลาด หรือการทุ่มเทเพื่อทีม เขาสร้างสถิติและความสำเร็จมากมาย และยังคงเป็นดาวยิงที่น่าจับตามองในวงการฟุตบอลระดับโลก

วิเคราะห์โอกาสแชมป์ คาราบาว คัพ ฤดูกาล 2024-2025

0

สำหรับการแข่งขันคาราบาวคัพ ฤดูกาล 2024-2025

ทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์มากที่สุดตามการวิเคราะห์ของหลายแหล่ง คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งถูกยกให้เป็นตัวเต็งด้วยอัตรา 4/1 เนื่องจากพวกเขามีทีมที่แข็งแกร่งและประสบการณ์สูงในการคว้าชัยในรายการนี้หลายครั้งก่อนหน้านี้

อาร์เซนอล ก็มีโอกาสสูงเช่นกัน โดยถูกวางไว้ในอันดับสองที่ 8/1 แม้ว่าจะไม่ได้แชมป์ในรายการนี้มานานตั้งแต่ปี 1993 ขณะที่ ลิเวอร์พูล และ เชลซี อยู่ในอันดับต่อมา โดยทั้งสองทีมมีอัตราต่อรองอยู่ที่ 10/1 ซึ่งยังมีโอกาสสูงที่จะเข้าถึงรอบลึก ๆ ได้เช่นกัน

ทีมอื่น ๆ ที่มีโอกาสคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ นิวคาสเซิล ด้วยอัตรา 14/1 ส่วน แอสตัน วิลล่า มีอัตรา 16/1 ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถสร้างความตื่นเต้นได้ในฤดูกาลนี้

นี่คือโอกาสการคว้าแชมป์ของแต่ละทีมในคาราบาวคัพ ฤดูกาล 2024-2025 แปลงเป็นเปอร์เซ็นต์:

  • แมนเชสเตอร์ ซิตี้: 25.0%
  • อาร์เซนอล: 12.5%
  • ลิเวอร์พูล: 10.0%
  • เชลซี: 10.0%
  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: 7.14%
  • นิวคาสเซิล: 7.14%
  • แอสตัน วิลล่า: 6.25%

เปอร์เซ็นต์เหล่านี้แสดงถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการคว้าแชมป์ตามอัตราต่อรองที่กำหนด.

ห้ามพลาด!