Home Blog Page 44

ซูเปอร์คอมวิเคราะห์โอกาสชนะพรีเมียร์ลีกนัดสำคัญสัปดาห์นี้!

0

ออปตา บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลฟุตบอลชื่อดัง ใช้ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ คำนวณความน่าจะเป็นของการแข่งขัน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สุดสัปดาห์นี้ โดยผลการวิเคราะห์ชี้ว่า อาร์เซน่อล มีภาษีดีกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมบิ๊กแมตช์ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม


อาร์เซน่อล เหนือกว่าซิตี้! ซูเปอร์คอมฟันธงเจ้าถิ่นมีโอกาสชนะสูงกว่า

จากการประมวลผลของ AI ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “เดอะ กันเนอร์ส” มีโอกาสคว้าชัยสูงถึง 46.2% ขณะที่แชมป์เก่าอย่าง แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสชนะเพียง 28.1% และผลเสมอมีความเป็นไปได้ที่ 25.7%

นับเป็นเกมที่สูสีแต่ด้วย ความแข็งแกร่งในบ้านของอาร์เซน่อล และฟอร์มของ แมนฯ ซิตี้ ที่ยังไม่คงเส้นคงวาในฤดูกาลนี้ อาจทำให้ลูกทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ได้เปรียบเหนือกว่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า


ลิเวอร์พูล เชลซี แมนยู ไม่น่าพลาดสามแต้ม

นอกจากเกมบิ๊กแมตช์แล้ว ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ยังได้วิเคราะห์โอกาสชนะของทีมอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะ ลิเวอร์พูล ที่ต้องออกไปเยือน บอร์นมัธ ซึ่งกำลังอยู่ในฟอร์มที่ดี

  • ลิเวอร์พูล มีโอกาสชนะ 51.5%
  • บอร์นมัธ มีโอกาสชนะ 25.3%
  • โอกาสเสมออยู่ที่ 23.3%

ขณะที่ เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้รับการประเมินว่ามีโอกาสคว้าชัยสูงในเกมของพวกเขา โดยทั้งสองทีมจะต้องเจอกับคู่แข่งที่ศักยภาพเป็นรอง


สรุปผลการวิเคราะห์จากซูเปอร์คอมพิวเตอร์

อาร์เซน่อล vs แมนซิตี้
🔹 อาร์เซน่อล ชนะ 46.2%
🔹 แมนซิตี้ ชนะ 28.1%
🔹 เสมอ 25.7%

บอร์นมัธ vs ลิเวอร์พูล
🔹 ลิเวอร์พูล ชนะ 51.5%
🔹 บอร์นมัธ ชนะ 25.3%
🔹 เสมอ 23.3%

ผลการวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการคาดการณ์ตามสถิติและฟอร์มการเล่นล่าสุด อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีก! 🎯⚽

พรีวิวพรีเมียร์ลีก : บอร์นมัธ ปะทะ ลิเวอร์พูล

0

บอร์นมัธเตรียมเปิดบ้านรับมือจ่าฝูง ลิเวอร์พูล ในเกมพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้ โดยทั้งสองทีมต่างอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนแรง เจ้าบ้านไม่แพ้ใครมา 12 นัดติดต่อกัน ส่วน “หงส์แดง” แม้เพิ่งสะดุดในเกมยุโรป แต่ยังคงเป็นทีมที่แข็งแกร่งในลีก


สภาพทีมและความพร้อมก่อนเกม

บอร์นมัธ

ลูกทีมของ อันโดนี่ อิราโอล่า กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ล่าสุดเพิ่ง ถล่มน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 5-0 ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 7 มี 40 คะแนน แต่ปัญหาสำคัญของพวกเขาคือ ปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นหลักหลายราย รวมถึง เอเนส อูนาล, เอวานิลสัน, มาร์กอส เซเนซี่, ฮูเลี่ยน อเราโฮ่ และ หลุยส์ ซินิสเตร์รา

คาดว่าเกมนี้ บอร์นมัธจะมาในระบบ 4-2-3-1 โดยใช้ ไรอัน คริสตี้ กับ ไทเลอร์ อดัมส์ คุมแดนกลาง ส่วนแนวรุกเป็น เดวิด บรูคส์, จัสติน ไคลเวิร์ต และ อองตวน เซเมนโย่ โดยมี ดังโก้ อูอัตตาร่า เป็นกองหน้าตัวเป้า

ลิเวอร์พูล

“หงส์แดง” เพิ่งแพ้ พีเอสวี 2-3 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ ในลีกยังทำผลงานได้ดี เกมล่าสุดถล่ม อิปสวิช 4-1 และยังรั้งจ่าฝูงด้วย 53 คะแนน

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลต้องเจอปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเช่นกัน โดยจะไม่มี โจ โกเมซ, เคอร์ติส โจนส์ และ ดิโอโก้ โชต้า แต่ข่าวดีคือ นักเตะตัวหลักหลายคนได้พักจากเกมยุโรป คาดว่า อาร์เน่ สล็อต จะใช้ระบบ 4-2-3-1 เช่นกัน โดยให้ ไรอัน กราเฟนแบร์ค และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ คุมเกมแดนกลาง ส่วนแนวรุกมี โคดี้ กัคโป, โดมินิก โซบอสไล และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สนับสนุน หลุยส์ ดิอาซ ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า


รายชื่อ 11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

บอร์นมัธ (4-2-3-1)

ผู้รักษาประตู: เกปา อาร์ริซาบาลาก้า
กองหลัง: เลวิส คุก, อิลลิยา ซาบาร์นยี่, ดีน ฮุยเซ่น, มิลอส เคอร์เคซ
กองกลาง: ไรอัน คริสตี้, ไทเลอร์ อดัมส์
ตัวรุก: เดวิด บรูคส์, จัสติน ไคลเวิร์ต, อองตวน เซเมนโย่
กองหน้า: ดังโก้ อูอัตตาร่า

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1)

ผู้รักษาประตู: อลิสซอน เบ็คเกอร์
กองหลัง: เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน
กองกลาง: ไรอัน กราเฟนแบร์ค, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์
ตัวรุก: โดมินิก โซบอสไล, โคดี้ กัคโป, โมฮาเหม็ด ซาลาห์
กองหน้า: หลุยส์ ดิอาซ


สถิติและผลงานล่าสุด

ฟอร์ม 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม

บอร์นมัธ

  • ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 5-0 (เหย้า)
  • ชนะ นิวคาสเซิ่ล 4-1 (เยือน)
  • เสมอ เชลซี 2-2 (เยือน)
  • ชนะ เวสต์บรอมวิช 5-1 (เหย้า)
  • ชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 (เหย้า)

ลิเวอร์พูล

  • แพ้ พีเอสวี 2-3 (เยือน)
  • ชนะ อิปสวิช 4-1 (เหย้า)
  • ชนะ ลีลล์ 2-1 (เหย้า)
  • ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 2-0 (เยือน)
  • เสมอ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-1 (เยือน)

เฮดทูเฮด 5 นัดหลังสุด

  • ลิเวอร์พูล 3-0 บอร์นมัธ (พรีเมียร์ลีก)
  • บอร์นมัธ 0-4 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)
  • บอร์นมัธ 1-2 ลิเวอร์พูล (คาราบาว คัพ)
  • ลิเวอร์พูล 3-1 บอร์นมัธ (พรีเมียร์ลีก)
  • บอร์นมัธ 1-0 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)

บทวิเคราะห์และคาดการณ์ผลการแข่งขัน

บอร์นมัธอาจฟอร์มดี แต่ลิเวอร์พูลเหนือกว่าชัดเจนในสถิติการพบกัน โดยชนะบอร์นมัธ 4 นัดติด และไม่เสียประตูใน 2 นัดล่าสุดที่เจอกัน ฤดูกาลนี้ “หงส์แดง” แข็งแกร่งในลีก ขณะที่บอร์นมัธแม้จะเล่นในบ้าน แต่ปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บอาจส่งผลต่อพวกเขา

แม้บอร์นมัธจะมีความมั่นใจ แต่เกมนี้ ลิเวอร์พูลยังดูมีภาษีดีกว่า และน่าจะเป็นฝ่ายบุกมาเก็บ 3 แต้มไปได้

สกอร์ที่คาด:
🔴 บอร์นมัธ 2-3 ลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูล! ฟัน 99 ล้านยูโรหลังจบรอบลีก UCL

0

ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่ทำเงินรางวัลสูงสุดในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2024-25 หากนับจนจบรอบลีก โดยพวกเขาการันตีรายได้ไปแล้วถึง 99.07 ล้านยูโร (ราว 3,467.45 ล้านบาท) ทิ้งห่าง อินเตอร์ มิลาน ที่ตามมาเป็นอันดับสอง

เงินรางวัลจากรอบลีก – ลิเวอร์พูลกอบโกยมากที่สุด

การแข่งขัน UCL ฤดูกาลนี้มาพร้อมกับ โครงสร้างเงินรางวัลที่เพิ่มขึ้น โดยทุกทีมที่ผ่านเข้ามาเล่นในรอบลีกจะได้รับเงิน 18.62 ล้านยูโร (ราว 651.7 ล้านบาท) เป็นทุนตั้งต้น แต่ลิเวอร์พูลที่จบด้วยการเป็น จ่าฝูงของรอบลีก ยังได้โบนัสพิเศษเพิ่มอีก 12.58 ล้านยูโร (ราว 440.3 ล้านบาท)

นอกจากนี้ การผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ยังทำให้ “หงส์แดง” รับเงินเพิ่มอีก 11 ล้านยูโร (ประมาณ 385 ล้านบาท) รวมถึงโบนัสพิเศษจากการชนะในรอบลีก ซึ่ง ลิเวอร์พูลคว้าชัยไปถึง 7 เกม นำมาสู่เงินรางวัลเพิ่ม 14.70 ล้านยูโร (ประมาณ 514.5 ล้านบาท)

ส่วนแบ่งจากมูลค่าการตลาดและค่าสัมประสิทธิ์

นอกเหนือจากเงินรางวัลตามผลงานในสนาม ยูฟ่า ยังมีการแบ่งเงินตามมูลค่าการตลาดและค่าสัมประสิทธิ์ผลงานในอดีต ซึ่งทำให้ลิเวอร์พูลสามารถโกยเงินรวมไปได้ถึง 99.07 ล้านยูโร มากกว่าทุกทีมที่ลงเล่นในฤดูกาลนี้จนถึงตอนนี้

อินเตอร์ มิลาน รั้งอันดับ 2 ของทีมที่ทำเงินรางวัลสูงสุด โดยรับไป 90.62 ล้านยูโร (ประมาณ 3,171.7 ล้านบาท) ตามมาด้วย อาร์เซน่อล ที่ฟันเงินไป 89.49 ล้านยูโร (ประมาณ 3,132.15 ล้านบาท)

ทีมใหญ่บางทีมยังโกยเงินแม้ไม่ผ่านรอบ 16 ทีมโดยอัตโนมัติ

ที่น่าสนใจคือ แม้บางทีมจะยังไม่การันตีเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบอัตโนมัติ แต่ก็ยังทำเงินรางวัลได้สูง บาเยิร์น มิวนิค เป็นหนึ่งในทีมที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 7 โดยรับไปแล้ว 81.43 ล้านยูโร (ประมาณ 2,850.05 ล้านบาท) ขณะที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ตามมาเป็นอันดับ 8 ด้วยเม็ดเงิน 80.91 ล้านยูโร (ประมาณ 2,831.85 ล้านบาท)

การแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ นอกจากความเข้มข้นในสนามแล้ว ยังเป็นศึกแห่งเงินรางวัลที่แต่ละทีมแย่งกันกอบโกยอย่างแท้จริง!

“อันเชรับ ไม่อยากเจอ แมนฯ ซิตี้ ในรอบเพลย์ออฟ UCL

0

คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือเรอัล มาดริด ยอมรับว่า หากเลือกได้ ทีมของเขาอยากเลี่ยงการดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบเพลย์ออฟ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

“ราชันชุดขาว” เพิ่งบุกถล่ม แบรสต์ 3-0 ทำให้จบอันดับ 11 และได้สิทธิ์เป็นทีมวางในการจับสลากรอบเพลย์ออฟ ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ พลิกแซงชนะ คลับ บรูกก์ 3-1 เข้ารอบมาในอันดับ 22 ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ไม่ได้เป็นทีมวาง ส่งผลให้ทั้งสองทีมมีโอกาสเผชิญหน้ากันในรอบต่อไป

หลังจบเกม อันเชล็อตติ ให้สัมภาษณ์กับ Marca ว่า หากเลือกได้ มาดริด คงอยากเจอ เซลติก มากกว่า “เราต้องรอดูผลการจับสลาก ถ้าเราต้องดวลกับ แมนฯ ซิตี้ แน่นอนว่ามันจะเป็นงานที่ยากสำหรับทั้งสองทีม เพราะพวกเขาคือหนึ่งในตัวเต็งแชมป์”

“เราไม่อยากเจอ ซิตี้ แต่ถ้าจำเป็น เราก็พร้อมสู้เหมือนที่เคยทำมาตลอด”

นอกจากนี้ อันเชล็อตติ ยังแสดงความไม่พอใจกับรูปแบบการแข่งขันใหม่ของ UCL ที่เพิ่มแมตช์ให้หนักขึ้น “ผมไม่ชอบรูปแบบนี้ มันมีเกมมากเกินไป นักเตะต้องลงสนามถี่เกินไป ผมเห็นด้วยที่จะลดจำนวนเกมลง”

ทั้งนี้ การจับสลากประกบคู่รอบเพลย์ออฟ ซึ่งจะหาตัวแทนอีก 8 ทีมเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 31 มีนาคม เวลา 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

อโมริมเตือนแรชฟอร์ด! ต้องเปลี่ยนแปลงก่อนคืนทีมผี

0

รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงเตือน มาร์คัส แรชฟอร์ด ว่าหากต้องการกลับมามีบทบาทกับทีม เขาจะต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองให้เหมาะสม

แนวรุกวัย 27 ปี กำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก หลังถูกตัดออกจากทีมติดต่อกันเป็นนัดที่ 12 และไม่มีชื่อในเกมที่ “ปีศาจแดง” มีคิวบุกเยือน สเตอัว บูคาเรสต์ ในศึกยูโรป้า ลีก คืนวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่อนาคตของเจ้าตัวกับสโมสรยังคงไม่แน่นอน

อโมริม ย้ำชัดว่าเขาไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับแรชฟอร์ด แต่จะไม่ดึงตัวกลับมาสู่ทีม จนกว่านักเตะจะมีทัศนคติที่เหมาะสมกับมาตรฐานของทีม

“ทีมของเราจะดีขึ้นเมื่อมีแรชฟอร์ดอยู่ แต่เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง” อโมริมกล่าว “ถ้าเขาพร้อมจะปรับตัว เราก็ยินดีต้อนรับ เพราะเราต้องการนักเตะที่สามารถทำประตู สร้างโอกาส และเพิ่มความอันตรายในพื้นที่สุดท้าย”

“แต่ในตอนนี้ ทุกอย่างชัดเจน เรามีมาตรฐานที่ต้องรักษา และเรากำลังรอคำตอบจากมาร์คัส ถ้าเขาต้องการกลับมาจริงๆ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขา”

“สำหรับผม กฎของทีมต้องเหมือนกันสำหรับทุกคน ผมไม่สามารถทำข้อยกเว้นได้”

“เราจะเป็นทีมที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อมีแรชฟอร์ด นั่นไม่ต้องสงสัยเลย แต่จนกว่าทุกอย่างจะถูกต้อง ผมจะไม่เปลี่ยนจุดยืนของผม”

“แมนยูยุคอโมริม! ปิดดีล ดอร์กู เสริมแนวรับ”

0

รูเบน อโมริม ใกล้ได้แข้งใหม่รายแรกในยุคที่เข้ามาคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเป็นแนวรับดาวรุ่งจากเซเรีย อา

“ปีศาจแดง” บรรลุข้อตกลงคว้าตัว พาทริก ดอร์กู แบ็กซ้ายของ เลชเช่ ด้วยค่าตัวรวม 35 ล้านยูโร หลังจากข้อเสนอแรกที่ 27 ล้านยูโรถูกปฏิเสธ โดย เลชเช่ ต้องการ 40 ล้านยูโร แต่ท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้

รายงานระบุว่า ดอร์กู ตอบรับเงื่อนไขส่วนตัวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แล้ว ด้วยสัญญายาว 5 ปี ขณะที่ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวชื่อดังยืนยันดีลนี้ด้วยวลีเด็ด “Here We Go!”

แข้งวัย 20 ปี ติดทีมชาติเดนมาร์กไปแล้ว 4 นัด และลงสนามให้ เลชเช่ 53 นัด ในเซเรีย อา ยิง 5 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ กลายเป็นการเสริมทัพรายแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยุค อโมริม

“แมนฯ ซิตี้ เสี่ยงตกรอบ! เป๊ป ลั่นต้องชนะ คลับ บรูกก์”

0

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ออกมาเน้นย้ำถึงความสำคัญของเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดถัดไป หลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะไม่ผ่านเข้าสู่รอบเพลย์ออฟ หากไม่สามารถเก็บชัยชนะเหนือ คลับ บรูกก์ ได้

ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ปัจจุบันรั้งอันดับ 25 ของตารางลีกเฟส โดยมีเพียง 8 คะแนน ขณะที่ คลับ บรูกก์ ทีมดังจากเบลเยียมอยู่ที่ อันดับ 20 มี 11 แต้ม ซึ่งตามกฎของรูปแบบใหม่ 24 อันดับแรกเท่านั้นที่จะผ่านเข้าสู่รอบเพลย์ออฟ ทำให้แมตช์นี้กลายเป็นศึกชี้ชะตาของ “เรือใบสีฟ้า”

กวาร์ดิโอล่า กล่าวก่อนเกมว่า
“ผมรู้ว่าทุกคนกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันคือความท้าทายที่เราต้องเผชิญ เรารู้ว่ามีทางเลือกเดียวคือต้องชนะ หากทำไม่ได้ เราก็จะไม่ได้ไปต่อ แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา แต่มันคือโอกาส”

แม้ว่าการเล่นในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทีม โดยแมนฯ ซิตี้ ยังไม่แพ้ในเวทียุโรปที่บ้านตัวเองมา 34 นัด ตั้งแต่ปี 2018 แต่ฟอร์มโดยรวมในซีซั่นนี้กลับไม่น่าไว้วางใจ โดยเฉพาะช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคมที่ผ่านมา ทีมเก็บชัยชนะได้เพียง 1 นัดจาก 13 เกม และพ่ายไปถึง 9 นัด

แมตช์นี้จึงไม่ใช่เพียงแค่เกมธรรมดา แต่เป็นเกมที่อาจชี้ชะตาว่าซิตี้จะยังมีโอกาสป้องกันแชมป์ยุโรปต่อไป หรือจะกลายเป็นหนึ่งในบิ๊กทีมที่ต้องหลุดวงโคจรเร็วกว่าที่คาดไว้

อัล ฮิลาล ประกาศยุติสัญญา “เนย์มาร์” อย่างเป็นทางการ

0

อัล ฮิลาล สโมสรยักษ์ใหญ่จาก ซาอุดี โปร ลีก ประกาศยกเลิกสัญญากับ เนย์มาร์ อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ดาวเตะชาวบราซิลมีปัญหาอาการบาดเจ็บต่อเนื่อง และไม่ได้ลงสนามช่วยทีมมากนัก

แถลงการณ์ของสโมสรมีขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายได้ตกลงยุติสัญญาก่อนกำหนด โดยเดิมที เนย์มาร์ มีสัญญากับทีมจนถึงกลางปี 2025 แต่จากปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ทำให้สโมสรตัดสินใจ ไม่ใส่ชื่อเขาในทีมสำหรับช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล

เนย์มาร์ ย้ายจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาร่วมทีม อัล ฮิลาล ในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 ด้วยความคาดหวังสูง แต่กลับลงสนามไปเพียง 7 นัด โดย 2 นัดสุดท้ายเกิดขึ้นช่วงปลายปี 2024 หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บหนัก อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวโชคร้ายได้รับบาดเจ็บซ้ำ ทำให้ไม่สามารถกลับมามีส่วนร่วมกับทีมได้

หลังการเจรจาระหว่างสโมสรและนักเตะ ทั้งสองฝ่ายตกลงยุติสัญญาที่เหลืออีก 7 เดือนทันที ส่งผลให้ เนย์มาร์ กลายเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์ โดยมีข่าวว่าเขาอาจตัดสินใจ ลดค่าเหนื่อยเพื่อย้ายกลับไปเล่นให้ ซานโตส สโมสรในบราซิลที่เคยปลุกปั้นเขาตั้งแต่ระดับเยาวชน ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในช่วงปี 2009-2013

อัล ฮิลาล แถลงขอบคุณเนย์มาร์ สำหรับช่วงเวลาที่อยู่กับทีม พร้อมอวยพรให้เขาประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพต่อไป โดยตลอดระยะเวลาที่ค้าแข้งกับสโมสร เนย์มาร์ รับค่าเหนื่อยมหาศาลถึง 150 ล้านยูโรต่อปี (ประมาณ 5,250 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในค่าจ้างที่สูงที่สุดในโลกฟุตบอล

“แรชฟอร์ด” อดใจรอ บาร์เซโลน่า จนนาทีสุดท้ายของตลาดซื้อขาย

0

มาร์คัส แรชฟอร์ด เตรียมรอจนถึงเส้นตายของตลาดนักเตะเดือนมกราคม เพื่อโอกาสในการย้ายไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า ทีมยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา สเปน

เดลี่ สตาร์ สื่อดังของอังกฤษรายงานว่า แรชฟอร์ด แสดงความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และพร้อมอดทนรอให้ดีลกับ บาร์เซโลน่า เกิดขึ้นจนถึงช่วงสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะหน้าหนาว

กองหน้าวัย 27 ปีไม่มีชื่ออยู่ในแผนของ รูเบน อาโมริม กุนซือของ “ปีศาจแดง” หลังจากถูกตั้งคำถามถึง ทัศนคติและความมุ่งมั่นในการฝึกซ้อม จนถึงขั้นที่กุนซือโปรตุเกสบอกเป็นนัยว่าเขาขอเลือกใช้นักเตะที่มีความทุ่มเทเต็มร้อยมากกว่า

ตลอดช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคมที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด ได้รับข้อเสนอจากหลายสโมสร ทั้งในยุโรป, ซาอุดีอาระเบีย และเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐฯ หลังจากที่ แรชฟอร์ด เปิดกว้างสำหรับการอำลาถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด

อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักของ บาร์เซโลน่า คือพวกเขาจำเป็นต้องปล่อยนักเตะบางรายออกจากทีมก่อน เพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินและเปิดทางสำหรับการเซ็นสัญญาใหม่ ทำให้การเจรจายังคงค้างอยู่

รายงานระบุเพิ่มเติมว่า แรชฟอร์ด พร้อมที่จะ ลดค่าเหนื่อยของตัวเอง เพื่อให้การย้ายไป คัมป์ นู เป็นไปได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันเขารับค่าเหนื่อยอยู่ที่ 315,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และหากการโยกย้ายเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นหนึ่งในการย้ายทีมที่น่าจับตามองที่สุดของตลาดนักเตะหน้าหนาวนี้

สเปอร์ส เจอสถิติย่ำแย่สุดในรอบ 113 ปี หลังพ่ายเลสเตอร์ในบ้าน

0

เกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม กลายเป็นฝันร้ายของเจ้าถิ่น เมื่อ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต้องพ่ายให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-2 แม้จะออกนำไปก่อนในนาทีที่ 33 จากลูกโหม่งของ ริชาร์ลิซอน แต่ความผิดพลาดในช่วงต้นครึ่งหลังทำให้ทีมเสียถึงสองประตูในเวลาเพียง 5 นาที โดย เจมี่ วาร์ดี้ และ บิลาล เอล คานนูส เป็นผู้ทำประตูให้กับทีมเยือน

ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นการปลดล็อกของ เลสเตอร์ ซิตี้ หลังจากไม่ชนะใครในลีกมา 8 นัดติดต่อกัน และแพ้รวด 7 นัดก่อนหน้านี้ ขณะที่สำหรับ สเปอร์ส การพ่ายแพ้ในบ้านนัดนี้ทำให้พวกเขาสร้างสถิติไม่ชนะเกมลีกในรังเหย้าติดต่อกันถึง 7 นัด ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 113 ปี โดยสถิติเช่นนี้เคยเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายในปี 1912

นอกจากนี้ การเสีย 2 ประตูภายใน 5 นาทีแรกของครึ่งหลัง ยังเป็นครั้งแรกของทีมในลีก ตั้งแต่เกมที่พ่าย ลิเวอร์พูล 4-0 เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 1987 หรือกว่า 37 ปีที่แล้ว

สำหรับสถิติไม่ชนะในลีกติดต่อกัน 7 เกมนี้ ยังถือเป็นช่วงเวลาย่ำแย่ที่สุดของสโมสรในยุคพรีเมียร์ลีก โดยครั้งสุดท้ายที่พวกเขาไม่ชนะใครในลีกนานที่สุดเกิดขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมปี 2008 ในยุคของ ฆวนเด้ รามอส ที่ไม่ชนะถึง 9 นัดติดต่อกัน

ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้สถานการณ์ของ สเปอร์ส ย่ำแย่ยิ่งขึ้น โดยพวกเขาเก็บได้เพียง 24 แต้มจาก 23 นัด รั้งอันดับ 15 ของตาราง ขณะที่แฟนบอลเริ่มกดดัน แอนจ์ ปอสเตโคกลู ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันอย่างหนัก หลังทีมไร้ชัยชนะในลีกถึง 6 นัดติดต่อกัน

ห้ามพลาด!