แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยแผนการสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 100,000 คน หลังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการพัฒนาพื้นที่โดยรอบโอลด์ แทรฟฟอร์ด

เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของสโมสร ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการปรับปรุงสนามอย่างจริงจัง โดยในช่วงที่ผ่านมา มีการพิจารณาสองแนวทาง คือการปรับปรุงโอลด์ แทรฟฟอร์ด เพิ่มความจุจาก 76,000 ที่นั่ง เป็น 87,000 ที่นั่ง หรือการสร้างสนามแห่งใหม่ทั้งหมด ล่าสุด ท่าทีของรัฐบาลที่แสดงการสนับสนุนทำให้แผนการสร้างซูเปอร์สเตเดี้ยมเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น

ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร แถลงว่า “รัฐบาลพร้อมสนับสนุนโครงการฟื้นฟูพื้นที่รอบสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาที่สามารถสร้างการเติบโตให้กับทั้งภูมิภาค และยังเป็นโมเดลที่สามารถต่อยอดในพื้นที่อื่นได้อีกในอนาคต”

ด้าน โอมาร์ เบร์ราด้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวชื่นชมความร่วมมือระหว่างสโมสรและภาครัฐว่า “เราตระหนักดีว่าความสำเร็จในโครงการนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพียงลำพัง การสนับสนุนจากรัฐบาล, นายกเทศมนตรีเกรตเตอร์แมนเชสเตอร์ (แอนดี้ เบิร์นแฮม) และสภาเมืองแทรฟฟอร์ด ถือเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนโปรเจ็กต์นี้”

เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า “นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตที่จะสร้างโครงการที่ยิ่งใหญ่บริเวณโดยรอบสนามเก่าแก่ของเรา เพื่อให้ภูมิภาคนี้สามารถภาคภูมิใจไปอีกหลายทศวรรษ”

การเดินหน้าโครงการครั้งนี้ไม่เพียงแค่เปลี่ยนโฉมหน้าสนามเหย้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของภูมิภาค พร้อมตอบโจทย์แฟนบอลและชุมชนโดยรอบในระยะยาว

เลสเตอร์ ซิตี้ โชว์ฟอร์มพลิกแซงชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 ในครึ่งหลัง พร้อมขยับพ้นโซนตกชั้นได้สำเร็จ ขณะที่ “ไก่เดือยทอง” ยังคงไร้ชัยในเกมลีกที่บ้านตัวเอง 7 นัดติดต่อกัน

เกมนี้ แอนจ์ ปอสเตโคกลู นายใหญ่ของสเปอร์ส ขาดผู้เล่นสำคัญอย่าง เจมส์ แมดดิสัน โดยส่ง ริชาร์ลิซอน ลงสนามแทน โดมินิค โซลันกี้ ที่บาดเจ็บ ขณะที่แดนกลาง ป๊าป ซาร์ ได้ออกสตาร์ต หลังไม่มีชื่อในเกมยูโรป้าลีกนัดที่ชนะฮอฟเฟ่นไฮม์

ด้าน รุด ฟาน นิสเตลรอย กุนซือเลสเตอร์ เปลี่ยนผู้เล่นตำแหน่งเดียวจากเกมแพ้ฟูแล่ม ส่ง บ็อบบี้ เด คอร์โดวา-รีด ลงแทน สเตฟี่ มาวิดีดี้ ขณะที่ โวโย่ คูลิบาลี่ ฟูลแบ็คใหม่จากปาร์ม่า มีชื่อสำรอง

ครึ่งแรก
นาทีที่ 17 สเปอร์สมีโอกาสขึ้นนำก่อนจากจังหวะที่ ซน ฮึง-มิน เลี้ยงตัดจากฝั่งซ้ายแล้วยิงเต็มข้อ แต่ ยาคุบ สโตลาร์ชิค นายทวารเลสเตอร์พุ่งปัดไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

นาทีที่ 33 เจ้าบ้านปลดล็อกขึ้นนำ 1-0 เมื่อ เปโดร ปอร์โร่ เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ และ ริชาร์ลิซอน พุ่งโหม่งผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไป

ก่อนจบครึ่งแรกนาทีที่ 38 เลสเตอร์เกือบตีเสมอได้จาก บิลาล เอล คานนุสส์ ที่ยิงไกลไปแฉลบผู้เล่นเจ้าถิ่น แต่บอลเฉียดตาข่ายออกไป จบครึ่งแรก สเปอร์สนำอยู่ 1-0

ครึ่งหลัง
กลับมาเล่นได้เพียงนาทีเดียว เลสเตอร์ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากจังหวะที่ บ็อบบี้ เด คอร์โดวา-รีด เปิดบอลเข้ากลาง อันโตนิน คินสกี้ นายด่านสเปอร์สออกมาปัดพลาด บอลเข้าทาง เจมี่ วาร์ดี้ ยิงจ่อๆ ไม่เหลือ

นาทีที่ 50 ทีมเยือนพลิกนำ 2-1 จากความยอดเยี่ยมของ บิลาล เอล คานนุสส์ ที่ซัดบอลเสียบมุมเข้าไปอย่างเฉียบขาด

นาทีที่ 58 สเปอร์สเกือบตีเสมอได้เมื่อ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ยิงไปแฉลบแนวรับเลสเตอร์ บอลเปลี่ยนทางแต่ยังติดเซฟของ สโตลาร์ชิค

สเปอร์สยังมีโอกาสจากลูกฟรีคิกของ เปโดร ปอร์โร่ ในนาทีที่ 62 แต่บอลแฉลบ เจมี่ วาร์ดี้ ไปชนคานหวุดหวิด

ช่วงเวลาที่เหลือ
แม้สเปอร์สพยายามบุกอย่างหนักเพื่อเอาประตูตีเสมอ แต่เลสเตอร์ตั้งรับอย่างเหนียวแน่นจนจบเกม ทีมเยือนเก็บชัยชนะ 2-1 ส่งผลให้สเปอร์สไม่ชนะในลีกมา 7 เกมติดในบ้าน ขณะที่เลสเตอร์คว้าชัยครั้งแรกในรอบ 9 นัด พร้อมขยับพ้นโซนตกชั้น

สถานการณ์ล่าสุด

• สเปอร์ส อยู่อันดับ 15 มี 24 คะแนนจาก 23 นัด
• เลสเตอร์ ขึ้นมาอยู่อันดับ 17 มี 17 คะแนนจากจำนวนเกมเท่ากัน

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง

• สเปอร์ส (4-3-3): อันโตนิน คินสกี้ – เปโดร ปอร์โร่, ราดู ดรากูชิน, เบน เดวิส, อาร์ชี่ เกรย์ – ลูคัส เบิร์กวาลล์, โรดริโก้ เบนตานกูร์, ป๊าป ซาร์ – เดยัน คูลูเซฟสกี้, ริชาร์ลิซอน, ซน ฮึง-มิน
• เลสเตอร์ (4-2-3-1): ยาคุบ สโตลาร์ชิค – เจมส์ จัสติน, เวาต์ ฟาส, ยานนิก เวสเตอร์การ์ด, วิคตอร์ คริสเตียนเซ่น – แฮร์รี่ วิงค์ส, บูบาการี่ ซูมาเร่ – จอร์แดน อายิว, บิลาล เอล คานนุสส์, บ็อบบี้ เด คอร์โดวา-รีด – เจมี่ วาร์ดี้

มานู ฟาฮาร์โด ผู้อำนวยการกีฬาของเรอัล เบติส เปิดเผยถึงความตื่นเต้นของสโมสร หลังสามารถคว้าตัว อันโตนี่ แนวรุกชาวบราซิล จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวจนสิ้นสุดฤดูกาลนี้

การย้ายมาของอันโตนี่ถือเป็นการสิ้นสุดช่วงเวลาที่ยากลำบากของเจ้าตัวในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด หลังย้ายมาร่วมทีม “ปีศาจแดง” ด้วยค่าตัวมหาศาล 86 ล้านปอนด์ แต่กลับทำผลงานได้เพียง 17 ประตูจากการลงเล่น 96 นัด

เรอัล เบติส ซึ่งปัจจุบันรั้งอันดับ 9 ในลา ลีกา มองว่าแข้งวัย 24 ปีรายนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพเกมรุกให้กับทีม ขณะที่สโมสรตั้งเป้าหมายจบใน 6 อันดับแรกของตารางคะแนน ซึ่งจะการันตีการผ่านเข้าไปเล่นในศึกยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ฤดูกาลหน้า

ฟาฮาร์โด กล่าวผ่าน Marca ว่า

“เราตื่นเต้นมากกับการมาของอันโตนี่ ทั้งฝ่ายบริหารและทีมงานโค้ชต่างเห็นตรงกันว่าเกมรุกของเราจำเป็นต้องได้รับการพัฒนา และการได้เขามาอยู่กับทีมคือก้าวสำคัญ”

เขายังเสริมว่า

“ไม่เพียงแต่อันโตนี่ แต่ผู้เล่นทุกคนจำเป็นต้องแสดงความสม่ำเสมอและดึงศักยภาพสูงสุดของตัวเองออกมา เพื่อช่วยให้ทีมบรรลุเป้าหมายในฤดูกาลนี้”

เรอัล เบติสมีโปรแกรมนัดสำคัญพบกับแอธเลติก บิลเบาในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าอันโตนี่จะมีชื่อในทีมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากเขาฟิตพร้อมและได้รับโอกาส อาจได้ลงประเดิมสนามในเกมดังกล่าวทันที 💚⚽

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี สองทีมยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนตัวผู้เล่นระหว่าง อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู

ช่วงที่ผ่านมา การ์นาโช่ มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการย้ายออกจากถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม โดยมี นาโปลี จากเซเรีย อา ให้ความสนใจดึงตัวไปร่วมทีมเพื่อแทนที่ ควิช่า ควารัตสเคเลีย ที่ย้ายไปเล่นให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ขณะเดียวกัน เชลซี เองก็ถูกโยงเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทีมที่สนใจแนวรุกชาวอาร์เจนตินารายนี้

ล่าสุด ฟลอเรียน เพลทเทนแบร์ก ผู้สื่อข่าวจาก Sky Germany รายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี มองเห็นโอกาสในการทำดีลสลับตัวระหว่าง การ์นาโช่ กับ เอ็นคุนคู ซึ่งปัจจุบันไม่ได้รับโอกาสลงเล่นมากนักภายใต้การคุมทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า จนทำให้มีข่าวลือเรื่องการย้ายทีมอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เพลทเทนแบร์ก ระบุเพิ่มเติมว่า การพูดคุยระหว่างทั้งสองสโมสรยังอยู่ในขั้นตอนเบื้องต้น และยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับข้อตกลงนี้

ทั้งนี้ แฟนบอลต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าดีลแลกตัวครั้งนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และมันอาจกลายเป็นหนึ่งในดีลที่น่าจับตามองที่สุดในตลาดหน้าหนาวปีนี้ 🔄⚽

เอซี มิลาน สโมสรยักษ์ใหญ่จากอิตาลี บรรลุข้อตกลงยืมตัว ไคล์ วอล์คเกอร์ แบ็คขวาทีมชาติอังกฤษจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนสิ้นสุดฤดูกาล พร้อมออปชั่นซื้อขาดในราคา 5 ล้านยูโร

ภายใต้ข้อตกลงนี้ เอซี มิลาน จะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยืมตัว โดยวอล์คเกอร์จะได้รับค่าเหนื่อยปีละ 4.5 ล้านยูโร และเลือกสวมเสื้อหมายเลข 32 ในถิ่นซาน ซิโร่

ตลอดช่วงเวลาของเขาที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วอล์คเกอร์ลงสนามไปทั้งหมด 316 นัด และมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัยภายใต้การทำทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

สำหรับการย้ายทีมครั้งนี้ มีเป้าหมายชัดเจนจากฝั่งวอล์คเกอร์ที่ต้องการโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องในลีกยุโรป เพื่อเพิ่มโอกาสติดทีมชาติอังกฤษครบ 100 นัด โดยในปัจจุบันเขาลงเล่นให้ทัพ “สิงโตคำราม” ไปแล้ว 93 นัด ซึ่งขาดอีกเพียง 7 นัดเท่านั้น

ทรีไลออนส์ ยังมีโปรแกรมสำคัญในเดือนมีนาคม 2026 กับเกมคัดเลือกฟุตบอลโลกที่จะพบกับแอลเบเนียและลัตเวีย ซึ่งวอล์คเกอร์หวังว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมในเกมเหล่านี้

วอล์คเกอร์ย้ายมาร่วมทัพแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ในปี 2017 โดยเขาสามารถคว้าแชมป์มากมายกับทีม เช่น แชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย, ลีก คัพ 4 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย

การย้ายมาร่วมทีมเอซี มิลาน ถือเป็นบทใหม่ในอาชีพของแบ็คขวาวัย 33 ปี ที่ยังคงต้องการพิสูจน์ตัวเองในเวทีระดับสูงของยุโรปต่อไป ⚽

ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือทีมชาติเยอรมนี ตกลงต่อสัญญาคุมทีมยาวไปจนถึงศึกยูโร 2028 หลังจากที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในช่วงที่ผ่านมานับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง

นาเกลส์มันน์ ซึ่งรับหน้าที่กุนซือ “อินทรีเหล็ก” เมื่อเดือนกันยายน 2023 ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับสมาคมฟุตบอลเยอรมนี (DFB) โดยสัญญาใหม่นี้จะขยายระยะเวลาการทำงานของเขาออกไปอีก 2 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดหลังฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งจะจัดขึ้นในสหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก และแคนาดา

กุนซือวัย 37 ปี แสดงความรู้สึกผ่านแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า

“ตอนที่ผมเข้ามารับงานที่ DFB เมื่อเดือนกันยายน 2023 ผมไม่เคยคาดหวังเลยว่าจะได้คุมทีมยาวเกินกว่าศึกยูโร 2024 ที่เราจะได้เล่นในบ้านเกิด”

“เสียงตอบรับเชิงบวกจากแฟนบอลและนักเตะในแต่ละวัน แสดงให้เห็นว่าเรากำลังเดินมาถูกทาง และตอนนี้เป้าหมายของเราคือการคว้าแชมป์ร่วมกัน”

นาเกลส์มันน์ นับเป็นกุนซืออายุน้อยที่สุดอันดับสองในประวัติศาสตร์ทีมชาติเยอรมนี โดยเขารับตำแหน่งในวัยเพียง 36 ปี และนับตั้งแต่เข้ามาคุมทีม เขาพาทีมลงสนามไปแล้ว 19 นัด ทำผลงานชนะ 11 นัด เสมอ 5 นัด และแพ้ 3 นัด

ก่อนหน้านี้ นาเกลส์มันน์ เคยเป็นโค้ชของบาเยิร์น มิวนิค โดยผลงานที่โดดเด่นกับ “เสือใต้” ทำให้เขาได้รับความไว้วางใจจาก DFB ให้เข้ามาคุมทีมชาติ และเขายังได้รับเสียงชื่นชมจากการนำทีมชาติเยอรมนีเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในศึกยูโร 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นในเยอรมนีเอง

การต่อสัญญาครั้งนี้สะท้อนถึงความมั่นใจของ DFB ที่มีต่อกุนซือหนุ่ม และความหวังว่าภายใต้การคุมทีมของเขา เยอรมนีจะกลับมายิ่งใหญ่ในเวทีฟุตบอลระดับนานาชาติอีกครั้ง ⚽

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ส่งจดหมายแจ้งไปยังแฟนบอล เพื่ออธิบายถึงความเสี่ยงของสโมสรที่อาจละเมิดกฎการใช้จ่ายด้านผลกำไรและความยั่งยืน หรือ PSR ของพรีเมียร์ลีก โดยระบุว่าการปรับขึ้นราคาบัตรเข้าชมการแข่งขันเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความมั่นคงทางการเงิน

สถานการณ์การเงินของสโมสร

ตามรายงานของ BBC แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเผยในจดหมายว่า
สโมสรประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านปอนด์ การขาดทุนลักษณะนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ สโมสรยังยอมรับว่ามีความจำเป็นต้องตัดสินใจที่ยากลำบาก เพื่อแก้ไขสถานการณ์ทางการเงิน ซึ่งรวมถึงการลดจำนวนพนักงานและค่าใช้จ่ายในหลายส่วนขององค์กร

กลยุทธ์ใหม่เกี่ยวกับค่าตั๋ว

ในจดหมายดังกล่าว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยันว่า
เราไม่ได้คาดหวังให้แฟนบอลช่วยแบกรับภาระขาดทุนทั้งหมด แต่เราจำเป็นต้องทบทวนกลยุทธ์การตั้งราคาค่าตั๋ว เพื่อให้แน่ใจว่าราคาที่เรียกเก็บนั้นเหมาะสม และยังคงเสนอส่วนลดสำหรับกลุ่มแฟนบอลบางกลุ่ม เช่น เด็กและผู้สูงอายุ

กระแสตอบรับจากแฟนบอล

กลุ่มแฟนคลับ เช่น The 1958 และ Fan Coalition 58 ได้แสดงความไม่พอใจต่อการตัดสินใจครั้งนี้ โดยมองว่าสโมสรอาจกำลังเอาเปรียบแฟนบอลอย่างไม่เป็นธรรม การปรับขึ้นราคาตั๋วที่แตะระดับ 66 ปอนด์ต่อเกม กลางฤดูกาล ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะการขาดสิทธิพิเศษสำหรับเด็กและผู้รับบำนาญ

ในเกมยูโรป้าลีก ที่ยูไนเต็ดเอาชนะ เรนเจอร์ส 2-1 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แฟนบอลจำนวนมากได้แสดงความไม่พอใจผ่านแบนเนอร์ข้อความว่า
“หนี้ของคุณ ไม่ใช่หนี้ของเรา”
ข้อความดังกล่าวสะท้อนความไม่พอใจเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้สินของสโมสร ซึ่งถูกเชื่อมโยงกับการบริหารจัดการของกลุ่มเจ้าของทีม

ผลกระทบทางการเงินและความเสี่ยงภายใต้กฎ PSR

ข้อมูลจากรายงานทางการเงินล่าสุดชี้ว่า ยูไนเต็ดมีการขาดทุนสุทธิ 113.2 ล้านปอนด์ ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2023 ซึ่งต่อเนื่องจากการขาดทุน 28.7 ล้านปอนด์ ในปี 2022-23 และ 115.5 ล้านปอนด์ ในปี 2021-22 รวมยอดขาดทุนทั้งหมดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเกินกว่า 370 ล้านปอนด์

การตอบสนองของสโมสร

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชี้ให้เห็นว่า การตัดสินใจขึ้นราคาค่าตั๋วและปรับลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ เป็นความพยายามเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดกฎ PSR ที่อาจส่งผลต่อสถานะของสโมสรในพรีเมียร์ลีก

อย่างไรก็ตาม แฟนบอลและกลุ่มผู้สนับสนุนต่างเรียกร้องให้สโมสรแสดงความโปร่งใส และหามาตรการที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างทีมกับแฟนคลับของพวกเขาเอง ⚽

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประกาศคว้าตัว โอมาร์ มาร์มูช แนวรุกชาวอียิปต์วัย 25 ปีจากไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต มาร่วมทีมอย่างเป็นทางการ โดยเซ็นสัญญายาว 4 ปีครึ่ง ถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2029 ด้วยค่าตัว 59 ล้านปอนด์ พร้อมเงื่อนไขโบนัสเพิ่มเติม

มาร์มูช ถือเป็นผู้เล่นที่เล่นได้หลากหลายตำแหน่งในเกมรุก ทั้งกองหน้าตัวเป้าและมิดฟิลด์ตัวรุกหมายเลข 10 แต่ตำแหน่งที่เจ้าตัวโดดเด่นที่สุดในช่วงเล่นให้กับแฟร้งค์เฟิร์ตคือกองหน้าตัวกลาง สำหรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาร์มูชจะสวมเสื้อหมายเลข 7 และถือเป็นนักเตะใหม่รายที่สามของ “เรือใบสีฟ้า” ในตลาดซื้อขายเดือนมกราคมนี้ ต่อจาก อับดูโคดิร์ คูซานอฟ และ วิตอร์ เรส

ผลงานโดดเด่นในบุนเดสลีกา

ในฤดูกาลแรกของเขากับไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต มาร์มูชสร้างผลงานสุดประทับใจ ด้วยการยิง 17 ประตู จากการลงเล่น 41 นัด ในทุกรายการ และยังโชว์ฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องในซีซั่น 2024-25 ด้วยการซัดไปแล้ว 20 ประตู และทำ 14 แอสซิสต์ จากการลงสนามเพียง 26 นัด

ความรู้สึกของมาร์มูชหลังเซ็นสัญญา

มาร์มูชเปิดใจถึงความยินดีในการย้ายมาเล่นให้กับแชมป์ยุโรปว่า:

“วันนี้เป็นวันที่ผมไม่มีวันลืม การเซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลก เป็นความรู้สึกที่เหลือเชื่อ ครอบครัวของผมภูมิใจมาก และเราต่างมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ในแมนเชสเตอร์”

เขายังกล่าวถึงเป้าหมายในทีมใหม่ว่า:

“ผมต้องการคว้าแชมป์ร่วมกับสโมสรนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมจึงรู้ว่าผมอยู่ในสภาพแวดล้อมของผู้ชนะ ผมอยากเรียนรู้จากเพื่อนร่วมทีมและทีมงานที่ยอดเยี่ยม และผมตั้งใจจะเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีม”

เป้าหมายข้างหน้า

นักเตะวัย 25 ปียังเสริมว่าเขาตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับเพื่อนร่วมทีมคนใหม่ และแสดงศักยภาพให้แฟนบอลได้เห็น

“ผมแทบรอไม่ไหวที่จะได้เริ่มต้นกับเพื่อนร่วมทีม และแสดงให้แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เห็นถึงสิ่งที่ผมสามารถทำได้ ผมพร้อมที่จะมอบทุกอย่างเพื่อสโมสรนี้”

ด้วยฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงและทัศนคติที่มุ่งมั่น มาร์มูชถูกคาดหวังว่าจะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรุกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้อย่างน่าประทับใจในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลนี้ 🌟

ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2024-25 ที่มาพร้อมรูปแบบใหม่ เพิ่มจำนวนทีมเป็น 36 ทีมจากเดิม 32 ทีม โดยในรอบ ลีกเฟส แต่ละทีมจะลงเล่น 8 นัด แบ่งเป็นเกมเหย้า 4 นัด และเกมเยือน 4 นัด ทีมที่ทำผลงานดีที่สุด 8 อันดับแรกจะผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์โดยอัตโนมัติ ขณะที่ทีมอันดับ 9-24 จะต้องไปเล่นรอบเพลย์ออฟแบบเหย้า-เยือน เพื่อแย่งชิงอีก 8 โควตาสำหรับรอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนทีมอันดับ 25-36 จะตกรอบทันที และไม่มีสิทธิ์ลงเล่นในถ้วยยูโรปาลีกเหมือนในอดีต

การแข่งขันในครั้งนี้ นอกจากจะเพิ่มความดุเดือดในสนามแล้ว ยังมีเงินรางวัลมหาศาลเป็นแรงจูงใจให้กับสโมสรต่าง ๆ โดยแต่ละรอบของการแข่งขันจะมาพร้อมกับเงินรางวัลที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามผลงาน

เงินรางวัลรอบลีกเฟส

• เงินเข้าร่วมรอบลีกเฟส: สโมสรที่ผ่านเข้ารอบนี้จะได้รับ 18.62 ล้านยูโรทันที
• โบนัสผลงาน:
  • ชัยชนะในแต่ละเกม: 2.1 ล้านยูโร
  • เสมอในแต่ละเกม: 700,000 ยูโร
• ตำแหน่งในตาราง:
  • แต่ละอันดับมีมูลค่า 275,000 ยูโร
  • อันดับที่ 36 (บ๊วย) จะได้รับ 275,000 ยูโร
  • อันดับที่ 35 จะได้รับ 550,000 ยูโร
  • ไปจนถึงทีมจ่าฝูงอันดับ 1 ซึ่งจะรับเงินรางวัลสูงสุด 9.9 ล้านยูโร

เงินรางวัลโบนัสเพิ่มเติม

• ทีมที่จบอันดับ 1-8 (ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์โดยอัตโนมัติ): โบนัส 2 ล้านยูโร
• ทีมที่จบอันดับ 9-16: โบนัส 1 ล้านยูโร

นอกจากนี้ รายได้จากการถ่ายทอดสดก็จะถูกแจกจ่ายตามอันดับที่แต่ละทีมจบในรอบลีกเฟส ยิ่งผลงานดี รายได้ส่วนนี้ยิ่งสูง

เงินรางวัลรอบน็อกเอาต์

เมื่อผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ เงินรางวัลจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ ดังนี้:

• รอบเพลย์ออฟน็อกเอาต์: 840,000 ปอนด์ (ประมาณ 35.1 ล้านบาท)
• รอบ 16 ทีมสุดท้าย: 9.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 388.9 ล้านบาท)
• รอบก่อนรองชนะเลิศ: 10.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 443.3 ล้านบาท)
• รอบรองชนะเลิศ: 12.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 531 ล้านบาท)
• รองแชมป์: 15.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 652.4 ล้านบาท)
• แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก: 21.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 882.2 ล้านบาท)

สรุป

เวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2024-25 ไม่เพียงแต่สร้างความท้าทายในสนาม แต่ยังมาพร้อมเงินรางวัลที่มหาศาลในทุกขั้นตอนของการแข่งขัน สโมสรที่ทำผลงานได้ดีในแต่ละรอบ จะได้รับส่วนแบ่งที่มากขึ้นอย่างชัดเจน ถือเป็นอีกแรงจูงใจสำคัญที่ผลักดันให้ทุกทีมต้องแข่งขันกันอย่างเต็มที่ในฤดูกาลนี้ 🏆

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมรับว่าทีมของเขายังไม่สามารถต่อกรกับสโมสรชั้นนำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หลังจากพ่ายแพ้ให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 2-4 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบลีกเฟส นัดที่ 7 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งทำให้สถานการณ์ของ “เรือใบสีฟ้า” เข้าขั้นวิกฤต เสี่ยงต่อการตกรอบ

เกมพลิกจากนำ 2-0 สู่ความพ่ายแพ้ 2-4

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เริ่มต้นเกมได้อย่างยอดเยี่ยม โดยขึ้นนำก่อนถึง 2-0 แต่หลังจากนั้น ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ พลิกสถานการณ์ด้วยการยิง 4 ประตูรวด ส่งผลให้แชมป์เก่ายุโรป 2022-23 ต้องพบกับความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญ

สถานการณ์ในตาราง

ผลการแข่งขันนี้ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หล่นไปอยู่ในอันดับที่ 25 จากทั้งหมด 36 ทีมในรอบลีกเฟส และหากพวกเขาไม่สามารถเอาชนะ คลับ บรูกก์ ในเกมสุดท้ายของรอบนี้ได้ ทีมก็จะหมดโอกาสผ่านเข้าสู่รอบเพลย์ออฟ

ความเห็นของเป๊ป

หลังเกม กวาร์ดิโอล่า ยอมรับถึงความยากลำบากในการเผชิญหน้ากับทีมชั้นนำอย่างเปแอสเช โดยกล่าวว่า:

“เราเจอปัญหาใหญ่ พวกเขาทำได้ดีกว่า ทั้งในเรื่องสมาธิและความเฉียบขาดในเกมใหญ่แบบนี้ ทีมอย่างเปแอสเชมีคุณภาพที่สูงมาก ในขณะที่เรายังมีจุดอ่อนที่ต้องแก้ไข เราต้องยอมรับในจุดนี้”

เขายังพูดถึงเกมนัดสุดท้ายกับคลับ บรูกก์ว่า:

“เรายังมีโอกาสสุดท้ายในการแก้ตัว หากเราไม่สามารถเอาชนะได้ นั่นก็หมายความว่าเราไม่คู่ควรกับการไปต่อ”

วิเคราะห์ปัญหาในเกม

กวาร์ดิโอล่าชี้ว่าเกมนี้ปัญหาใหญ่ของทีมคือการครองบอลและการเล่นเกมรับไม่ดีพอ

“เราไม่ได้ครองบอลตามที่ควร การเชื่อมเกมระหว่าง แบร์นาโด้ ซิลวา และ มาเตโอ โควาซิช ทำได้ไม่ดีเลย นั่นทำให้เกมของเราไม่ไหลลื่น ผมพยายามแก้ไขหลายจุด แต่ท้ายที่สุดเราก็ไม่สามารถเล่นในแบบที่ต้องการได้”

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะต้องกลับมาเรียกฟอร์มเก่งให้ได้ในเกมถัดไปกับ คลับ บรูกก์ หากพวกเขาหวังจะรักษาโอกาสในการป้องกันแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกต่อไป 🏆