เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ออกมาเน้นย้ำถึงความสำคัญของเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดถัดไป หลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะไม่ผ่านเข้าสู่รอบเพลย์ออฟ หากไม่สามารถเก็บชัยชนะเหนือ คลับ บรูกก์ ได้

ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ปัจจุบันรั้งอันดับ 25 ของตารางลีกเฟส โดยมีเพียง 8 คะแนน ขณะที่ คลับ บรูกก์ ทีมดังจากเบลเยียมอยู่ที่ อันดับ 20 มี 11 แต้ม ซึ่งตามกฎของรูปแบบใหม่ 24 อันดับแรกเท่านั้นที่จะผ่านเข้าสู่รอบเพลย์ออฟ ทำให้แมตช์นี้กลายเป็นศึกชี้ชะตาของ “เรือใบสีฟ้า”

กวาร์ดิโอล่า กล่าวก่อนเกมว่า
“ผมรู้ว่าทุกคนกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันคือความท้าทายที่เราต้องเผชิญ เรารู้ว่ามีทางเลือกเดียวคือต้องชนะ หากทำไม่ได้ เราก็จะไม่ได้ไปต่อ แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา แต่มันคือโอกาส”

แม้ว่าการเล่นในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทีม โดยแมนฯ ซิตี้ ยังไม่แพ้ในเวทียุโรปที่บ้านตัวเองมา 34 นัด ตั้งแต่ปี 2018 แต่ฟอร์มโดยรวมในซีซั่นนี้กลับไม่น่าไว้วางใจ โดยเฉพาะช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคมที่ผ่านมา ทีมเก็บชัยชนะได้เพียง 1 นัดจาก 13 เกม และพ่ายไปถึง 9 นัด

แมตช์นี้จึงไม่ใช่เพียงแค่เกมธรรมดา แต่เป็นเกมที่อาจชี้ชะตาว่าซิตี้จะยังมีโอกาสป้องกันแชมป์ยุโรปต่อไป หรือจะกลายเป็นหนึ่งในบิ๊กทีมที่ต้องหลุดวงโคจรเร็วกว่าที่คาดไว้

อัล ฮิลาล สโมสรยักษ์ใหญ่จาก ซาอุดี โปร ลีก ประกาศยกเลิกสัญญากับ เนย์มาร์ อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ดาวเตะชาวบราซิลมีปัญหาอาการบาดเจ็บต่อเนื่อง และไม่ได้ลงสนามช่วยทีมมากนัก

แถลงการณ์ของสโมสรมีขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายได้ตกลงยุติสัญญาก่อนกำหนด โดยเดิมที เนย์มาร์ มีสัญญากับทีมจนถึงกลางปี 2025 แต่จากปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ทำให้สโมสรตัดสินใจ ไม่ใส่ชื่อเขาในทีมสำหรับช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล

เนย์มาร์ ย้ายจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาร่วมทีม อัล ฮิลาล ในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 ด้วยความคาดหวังสูง แต่กลับลงสนามไปเพียง 7 นัด โดย 2 นัดสุดท้ายเกิดขึ้นช่วงปลายปี 2024 หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บหนัก อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวโชคร้ายได้รับบาดเจ็บซ้ำ ทำให้ไม่สามารถกลับมามีส่วนร่วมกับทีมได้

หลังการเจรจาระหว่างสโมสรและนักเตะ ทั้งสองฝ่ายตกลงยุติสัญญาที่เหลืออีก 7 เดือนทันที ส่งผลให้ เนย์มาร์ กลายเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์ โดยมีข่าวว่าเขาอาจตัดสินใจ ลดค่าเหนื่อยเพื่อย้ายกลับไปเล่นให้ ซานโตส สโมสรในบราซิลที่เคยปลุกปั้นเขาตั้งแต่ระดับเยาวชน ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในช่วงปี 2009-2013

อัล ฮิลาล แถลงขอบคุณเนย์มาร์ สำหรับช่วงเวลาที่อยู่กับทีม พร้อมอวยพรให้เขาประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพต่อไป โดยตลอดระยะเวลาที่ค้าแข้งกับสโมสร เนย์มาร์ รับค่าเหนื่อยมหาศาลถึง 150 ล้านยูโรต่อปี (ประมาณ 5,250 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในค่าจ้างที่สูงที่สุดในโลกฟุตบอล

มาร์คัส แรชฟอร์ด เตรียมรอจนถึงเส้นตายของตลาดนักเตะเดือนมกราคม เพื่อโอกาสในการย้ายไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า ทีมยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา สเปน

เดลี่ สตาร์ สื่อดังของอังกฤษรายงานว่า แรชฟอร์ด แสดงความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และพร้อมอดทนรอให้ดีลกับ บาร์เซโลน่า เกิดขึ้นจนถึงช่วงสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะหน้าหนาว

กองหน้าวัย 27 ปีไม่มีชื่ออยู่ในแผนของ รูเบน อาโมริม กุนซือของ “ปีศาจแดง” หลังจากถูกตั้งคำถามถึง ทัศนคติและความมุ่งมั่นในการฝึกซ้อม จนถึงขั้นที่กุนซือโปรตุเกสบอกเป็นนัยว่าเขาขอเลือกใช้นักเตะที่มีความทุ่มเทเต็มร้อยมากกว่า

ตลอดช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคมที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด ได้รับข้อเสนอจากหลายสโมสร ทั้งในยุโรป, ซาอุดีอาระเบีย และเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐฯ หลังจากที่ แรชฟอร์ด เปิดกว้างสำหรับการอำลาถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด

อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักของ บาร์เซโลน่า คือพวกเขาจำเป็นต้องปล่อยนักเตะบางรายออกจากทีมก่อน เพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินและเปิดทางสำหรับการเซ็นสัญญาใหม่ ทำให้การเจรจายังคงค้างอยู่

รายงานระบุเพิ่มเติมว่า แรชฟอร์ด พร้อมที่จะ ลดค่าเหนื่อยของตัวเอง เพื่อให้การย้ายไป คัมป์ นู เป็นไปได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันเขารับค่าเหนื่อยอยู่ที่ 315,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และหากการโยกย้ายเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นหนึ่งในการย้ายทีมที่น่าจับตามองที่สุดของตลาดนักเตะหน้าหนาวนี้

เกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม กลายเป็นฝันร้ายของเจ้าถิ่น เมื่อ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต้องพ่ายให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-2 แม้จะออกนำไปก่อนในนาทีที่ 33 จากลูกโหม่งของ ริชาร์ลิซอน แต่ความผิดพลาดในช่วงต้นครึ่งหลังทำให้ทีมเสียถึงสองประตูในเวลาเพียง 5 นาที โดย เจมี่ วาร์ดี้ และ บิลาล เอล คานนูส เป็นผู้ทำประตูให้กับทีมเยือน

ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นการปลดล็อกของ เลสเตอร์ ซิตี้ หลังจากไม่ชนะใครในลีกมา 8 นัดติดต่อกัน และแพ้รวด 7 นัดก่อนหน้านี้ ขณะที่สำหรับ สเปอร์ส การพ่ายแพ้ในบ้านนัดนี้ทำให้พวกเขาสร้างสถิติไม่ชนะเกมลีกในรังเหย้าติดต่อกันถึง 7 นัด ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 113 ปี โดยสถิติเช่นนี้เคยเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายในปี 1912

นอกจากนี้ การเสีย 2 ประตูภายใน 5 นาทีแรกของครึ่งหลัง ยังเป็นครั้งแรกของทีมในลีก ตั้งแต่เกมที่พ่าย ลิเวอร์พูล 4-0 เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 1987 หรือกว่า 37 ปีที่แล้ว

สำหรับสถิติไม่ชนะในลีกติดต่อกัน 7 เกมนี้ ยังถือเป็นช่วงเวลาย่ำแย่ที่สุดของสโมสรในยุคพรีเมียร์ลีก โดยครั้งสุดท้ายที่พวกเขาไม่ชนะใครในลีกนานที่สุดเกิดขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมปี 2008 ในยุคของ ฆวนเด้ รามอส ที่ไม่ชนะถึง 9 นัดติดต่อกัน

ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้สถานการณ์ของ สเปอร์ส ย่ำแย่ยิ่งขึ้น โดยพวกเขาเก็บได้เพียง 24 แต้มจาก 23 นัด รั้งอันดับ 15 ของตาราง ขณะที่แฟนบอลเริ่มกดดัน แอนจ์ ปอสเตโคกลู ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันอย่างหนัก หลังทีมไร้ชัยชนะในลีกถึง 6 นัดติดต่อกัน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยแผนการสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 100,000 คน หลังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการพัฒนาพื้นที่โดยรอบโอลด์ แทรฟฟอร์ด

เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของสโมสร ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการปรับปรุงสนามอย่างจริงจัง โดยในช่วงที่ผ่านมา มีการพิจารณาสองแนวทาง คือการปรับปรุงโอลด์ แทรฟฟอร์ด เพิ่มความจุจาก 76,000 ที่นั่ง เป็น 87,000 ที่นั่ง หรือการสร้างสนามแห่งใหม่ทั้งหมด ล่าสุด ท่าทีของรัฐบาลที่แสดงการสนับสนุนทำให้แผนการสร้างซูเปอร์สเตเดี้ยมเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น

ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร แถลงว่า “รัฐบาลพร้อมสนับสนุนโครงการฟื้นฟูพื้นที่รอบสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาที่สามารถสร้างการเติบโตให้กับทั้งภูมิภาค และยังเป็นโมเดลที่สามารถต่อยอดในพื้นที่อื่นได้อีกในอนาคต”

ด้าน โอมาร์ เบร์ราด้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวชื่นชมความร่วมมือระหว่างสโมสรและภาครัฐว่า “เราตระหนักดีว่าความสำเร็จในโครงการนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพียงลำพัง การสนับสนุนจากรัฐบาล, นายกเทศมนตรีเกรตเตอร์แมนเชสเตอร์ (แอนดี้ เบิร์นแฮม) และสภาเมืองแทรฟฟอร์ด ถือเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนโปรเจ็กต์นี้”

เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า “นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตที่จะสร้างโครงการที่ยิ่งใหญ่บริเวณโดยรอบสนามเก่าแก่ของเรา เพื่อให้ภูมิภาคนี้สามารถภาคภูมิใจไปอีกหลายทศวรรษ”

การเดินหน้าโครงการครั้งนี้ไม่เพียงแค่เปลี่ยนโฉมหน้าสนามเหย้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของภูมิภาค พร้อมตอบโจทย์แฟนบอลและชุมชนโดยรอบในระยะยาว

เลสเตอร์ ซิตี้ โชว์ฟอร์มพลิกแซงชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 ในครึ่งหลัง พร้อมขยับพ้นโซนตกชั้นได้สำเร็จ ขณะที่ “ไก่เดือยทอง” ยังคงไร้ชัยในเกมลีกที่บ้านตัวเอง 7 นัดติดต่อกัน

เกมนี้ แอนจ์ ปอสเตโคกลู นายใหญ่ของสเปอร์ส ขาดผู้เล่นสำคัญอย่าง เจมส์ แมดดิสัน โดยส่ง ริชาร์ลิซอน ลงสนามแทน โดมินิค โซลันกี้ ที่บาดเจ็บ ขณะที่แดนกลาง ป๊าป ซาร์ ได้ออกสตาร์ต หลังไม่มีชื่อในเกมยูโรป้าลีกนัดที่ชนะฮอฟเฟ่นไฮม์

ด้าน รุด ฟาน นิสเตลรอย กุนซือเลสเตอร์ เปลี่ยนผู้เล่นตำแหน่งเดียวจากเกมแพ้ฟูแล่ม ส่ง บ็อบบี้ เด คอร์โดวา-รีด ลงแทน สเตฟี่ มาวิดีดี้ ขณะที่ โวโย่ คูลิบาลี่ ฟูลแบ็คใหม่จากปาร์ม่า มีชื่อสำรอง

ครึ่งแรก
นาทีที่ 17 สเปอร์สมีโอกาสขึ้นนำก่อนจากจังหวะที่ ซน ฮึง-มิน เลี้ยงตัดจากฝั่งซ้ายแล้วยิงเต็มข้อ แต่ ยาคุบ สโตลาร์ชิค นายทวารเลสเตอร์พุ่งปัดไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

นาทีที่ 33 เจ้าบ้านปลดล็อกขึ้นนำ 1-0 เมื่อ เปโดร ปอร์โร่ เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ และ ริชาร์ลิซอน พุ่งโหม่งผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไป

ก่อนจบครึ่งแรกนาทีที่ 38 เลสเตอร์เกือบตีเสมอได้จาก บิลาล เอล คานนุสส์ ที่ยิงไกลไปแฉลบผู้เล่นเจ้าถิ่น แต่บอลเฉียดตาข่ายออกไป จบครึ่งแรก สเปอร์สนำอยู่ 1-0

ครึ่งหลัง
กลับมาเล่นได้เพียงนาทีเดียว เลสเตอร์ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากจังหวะที่ บ็อบบี้ เด คอร์โดวา-รีด เปิดบอลเข้ากลาง อันโตนิน คินสกี้ นายด่านสเปอร์สออกมาปัดพลาด บอลเข้าทาง เจมี่ วาร์ดี้ ยิงจ่อๆ ไม่เหลือ

นาทีที่ 50 ทีมเยือนพลิกนำ 2-1 จากความยอดเยี่ยมของ บิลาล เอล คานนุสส์ ที่ซัดบอลเสียบมุมเข้าไปอย่างเฉียบขาด

นาทีที่ 58 สเปอร์สเกือบตีเสมอได้เมื่อ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ยิงไปแฉลบแนวรับเลสเตอร์ บอลเปลี่ยนทางแต่ยังติดเซฟของ สโตลาร์ชิค

สเปอร์สยังมีโอกาสจากลูกฟรีคิกของ เปโดร ปอร์โร่ ในนาทีที่ 62 แต่บอลแฉลบ เจมี่ วาร์ดี้ ไปชนคานหวุดหวิด

ช่วงเวลาที่เหลือ
แม้สเปอร์สพยายามบุกอย่างหนักเพื่อเอาประตูตีเสมอ แต่เลสเตอร์ตั้งรับอย่างเหนียวแน่นจนจบเกม ทีมเยือนเก็บชัยชนะ 2-1 ส่งผลให้สเปอร์สไม่ชนะในลีกมา 7 เกมติดในบ้าน ขณะที่เลสเตอร์คว้าชัยครั้งแรกในรอบ 9 นัด พร้อมขยับพ้นโซนตกชั้น

สถานการณ์ล่าสุด

• สเปอร์ส อยู่อันดับ 15 มี 24 คะแนนจาก 23 นัด
• เลสเตอร์ ขึ้นมาอยู่อันดับ 17 มี 17 คะแนนจากจำนวนเกมเท่ากัน

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง

• สเปอร์ส (4-3-3): อันโตนิน คินสกี้ – เปโดร ปอร์โร่, ราดู ดรากูชิน, เบน เดวิส, อาร์ชี่ เกรย์ – ลูคัส เบิร์กวาลล์, โรดริโก้ เบนตานกูร์, ป๊าป ซาร์ – เดยัน คูลูเซฟสกี้, ริชาร์ลิซอน, ซน ฮึง-มิน
• เลสเตอร์ (4-2-3-1): ยาคุบ สโตลาร์ชิค – เจมส์ จัสติน, เวาต์ ฟาส, ยานนิก เวสเตอร์การ์ด, วิคตอร์ คริสเตียนเซ่น – แฮร์รี่ วิงค์ส, บูบาการี่ ซูมาเร่ – จอร์แดน อายิว, บิลาล เอล คานนุสส์, บ็อบบี้ เด คอร์โดวา-รีด – เจมี่ วาร์ดี้

มานู ฟาฮาร์โด ผู้อำนวยการกีฬาของเรอัล เบติส เปิดเผยถึงความตื่นเต้นของสโมสร หลังสามารถคว้าตัว อันโตนี่ แนวรุกชาวบราซิล จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวจนสิ้นสุดฤดูกาลนี้

การย้ายมาของอันโตนี่ถือเป็นการสิ้นสุดช่วงเวลาที่ยากลำบากของเจ้าตัวในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด หลังย้ายมาร่วมทีม “ปีศาจแดง” ด้วยค่าตัวมหาศาล 86 ล้านปอนด์ แต่กลับทำผลงานได้เพียง 17 ประตูจากการลงเล่น 96 นัด

เรอัล เบติส ซึ่งปัจจุบันรั้งอันดับ 9 ในลา ลีกา มองว่าแข้งวัย 24 ปีรายนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพเกมรุกให้กับทีม ขณะที่สโมสรตั้งเป้าหมายจบใน 6 อันดับแรกของตารางคะแนน ซึ่งจะการันตีการผ่านเข้าไปเล่นในศึกยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ฤดูกาลหน้า

ฟาฮาร์โด กล่าวผ่าน Marca ว่า

“เราตื่นเต้นมากกับการมาของอันโตนี่ ทั้งฝ่ายบริหารและทีมงานโค้ชต่างเห็นตรงกันว่าเกมรุกของเราจำเป็นต้องได้รับการพัฒนา และการได้เขามาอยู่กับทีมคือก้าวสำคัญ”

เขายังเสริมว่า

“ไม่เพียงแต่อันโตนี่ แต่ผู้เล่นทุกคนจำเป็นต้องแสดงความสม่ำเสมอและดึงศักยภาพสูงสุดของตัวเองออกมา เพื่อช่วยให้ทีมบรรลุเป้าหมายในฤดูกาลนี้”

เรอัล เบติสมีโปรแกรมนัดสำคัญพบกับแอธเลติก บิลเบาในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าอันโตนี่จะมีชื่อในทีมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากเขาฟิตพร้อมและได้รับโอกาส อาจได้ลงประเดิมสนามในเกมดังกล่าวทันที 💚⚽

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี สองทีมยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนตัวผู้เล่นระหว่าง อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู

ช่วงที่ผ่านมา การ์นาโช่ มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการย้ายออกจากถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม โดยมี นาโปลี จากเซเรีย อา ให้ความสนใจดึงตัวไปร่วมทีมเพื่อแทนที่ ควิช่า ควารัตสเคเลีย ที่ย้ายไปเล่นให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ขณะเดียวกัน เชลซี เองก็ถูกโยงเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทีมที่สนใจแนวรุกชาวอาร์เจนตินารายนี้

ล่าสุด ฟลอเรียน เพลทเทนแบร์ก ผู้สื่อข่าวจาก Sky Germany รายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี มองเห็นโอกาสในการทำดีลสลับตัวระหว่าง การ์นาโช่ กับ เอ็นคุนคู ซึ่งปัจจุบันไม่ได้รับโอกาสลงเล่นมากนักภายใต้การคุมทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า จนทำให้มีข่าวลือเรื่องการย้ายทีมอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เพลทเทนแบร์ก ระบุเพิ่มเติมว่า การพูดคุยระหว่างทั้งสองสโมสรยังอยู่ในขั้นตอนเบื้องต้น และยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับข้อตกลงนี้

ทั้งนี้ แฟนบอลต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าดีลแลกตัวครั้งนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และมันอาจกลายเป็นหนึ่งในดีลที่น่าจับตามองที่สุดในตลาดหน้าหนาวปีนี้ 🔄⚽

เอซี มิลาน สโมสรยักษ์ใหญ่จากอิตาลี บรรลุข้อตกลงยืมตัว ไคล์ วอล์คเกอร์ แบ็คขวาทีมชาติอังกฤษจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนสิ้นสุดฤดูกาล พร้อมออปชั่นซื้อขาดในราคา 5 ล้านยูโร

ภายใต้ข้อตกลงนี้ เอซี มิลาน จะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยืมตัว โดยวอล์คเกอร์จะได้รับค่าเหนื่อยปีละ 4.5 ล้านยูโร และเลือกสวมเสื้อหมายเลข 32 ในถิ่นซาน ซิโร่

ตลอดช่วงเวลาของเขาที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วอล์คเกอร์ลงสนามไปทั้งหมด 316 นัด และมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัยภายใต้การทำทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

สำหรับการย้ายทีมครั้งนี้ มีเป้าหมายชัดเจนจากฝั่งวอล์คเกอร์ที่ต้องการโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องในลีกยุโรป เพื่อเพิ่มโอกาสติดทีมชาติอังกฤษครบ 100 นัด โดยในปัจจุบันเขาลงเล่นให้ทัพ “สิงโตคำราม” ไปแล้ว 93 นัด ซึ่งขาดอีกเพียง 7 นัดเท่านั้น

ทรีไลออนส์ ยังมีโปรแกรมสำคัญในเดือนมีนาคม 2026 กับเกมคัดเลือกฟุตบอลโลกที่จะพบกับแอลเบเนียและลัตเวีย ซึ่งวอล์คเกอร์หวังว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมในเกมเหล่านี้

วอล์คเกอร์ย้ายมาร่วมทัพแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ในปี 2017 โดยเขาสามารถคว้าแชมป์มากมายกับทีม เช่น แชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย, ลีก คัพ 4 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย

การย้ายมาร่วมทีมเอซี มิลาน ถือเป็นบทใหม่ในอาชีพของแบ็คขวาวัย 33 ปี ที่ยังคงต้องการพิสูจน์ตัวเองในเวทีระดับสูงของยุโรปต่อไป ⚽

ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือทีมชาติเยอรมนี ตกลงต่อสัญญาคุมทีมยาวไปจนถึงศึกยูโร 2028 หลังจากที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในช่วงที่ผ่านมานับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง

นาเกลส์มันน์ ซึ่งรับหน้าที่กุนซือ “อินทรีเหล็ก” เมื่อเดือนกันยายน 2023 ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับสมาคมฟุตบอลเยอรมนี (DFB) โดยสัญญาใหม่นี้จะขยายระยะเวลาการทำงานของเขาออกไปอีก 2 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดหลังฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งจะจัดขึ้นในสหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก และแคนาดา

กุนซือวัย 37 ปี แสดงความรู้สึกผ่านแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า

“ตอนที่ผมเข้ามารับงานที่ DFB เมื่อเดือนกันยายน 2023 ผมไม่เคยคาดหวังเลยว่าจะได้คุมทีมยาวเกินกว่าศึกยูโร 2024 ที่เราจะได้เล่นในบ้านเกิด”

“เสียงตอบรับเชิงบวกจากแฟนบอลและนักเตะในแต่ละวัน แสดงให้เห็นว่าเรากำลังเดินมาถูกทาง และตอนนี้เป้าหมายของเราคือการคว้าแชมป์ร่วมกัน”

นาเกลส์มันน์ นับเป็นกุนซืออายุน้อยที่สุดอันดับสองในประวัติศาสตร์ทีมชาติเยอรมนี โดยเขารับตำแหน่งในวัยเพียง 36 ปี และนับตั้งแต่เข้ามาคุมทีม เขาพาทีมลงสนามไปแล้ว 19 นัด ทำผลงานชนะ 11 นัด เสมอ 5 นัด และแพ้ 3 นัด

ก่อนหน้านี้ นาเกลส์มันน์ เคยเป็นโค้ชของบาเยิร์น มิวนิค โดยผลงานที่โดดเด่นกับ “เสือใต้” ทำให้เขาได้รับความไว้วางใจจาก DFB ให้เข้ามาคุมทีมชาติ และเขายังได้รับเสียงชื่นชมจากการนำทีมชาติเยอรมนีเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในศึกยูโร 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นในเยอรมนีเอง

การต่อสัญญาครั้งนี้สะท้อนถึงความมั่นใจของ DFB ที่มีต่อกุนซือหนุ่ม และความหวังว่าภายใต้การคุมทีมของเขา เยอรมนีจะกลับมายิ่งใหญ่ในเวทีฟุตบอลระดับนานาชาติอีกครั้ง ⚽