ลิเวอร์พูล ประกาศเปิดตัว อูโก้ เอกิติเก้ กองหน้าชาวฝรั่งเศสวัย 23 ปี ร่วมทัพอย่างเป็นทางการ พร้อมเซ็นสัญญาระยะยาวถึงปี 2031 โดยเจ้าตัวเตรียมเดินทางไปสมทบทีมที่ฮ่องกงในทันที เพื่อลงเล่นทัวร์ปรีซีซั่นที่เอเชีย

ดีลนี้มีมูลค่าเบื้องต้นที่ 69 ล้านปอนด์ บวกโบนัสตามผลงานอีก 10 ล้านปอนด์ โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขความสำเร็จของตัวนักเตะและสโมสรในระยะยาว

หลังผ่านขั้นตอนการตรวจร่างกายเรียบร้อย เอกิติเก้ กลายเป็นผู้เล่นหน้าใหม่รายล่าสุดภายใต้ยุคของกุนซือ อาร์เน่อ สล็อต ในตลาดซัมเมอร์นี้ ต่อจาก ฟลอเรียน เวียตซ์, มิลอส เคอร์เคซ, เจเรมี่ ฟริมปง, อาร์มิน เปชี่, เฟร็ดดี้ วู้ดแมน และ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่

สำหรับ เอกิติเก้ ซึ่งมีทั้งความเร็ว การเคลื่อนที่ที่ฉลาด และความสามารถในการจบสกอร์ที่เฉียบคม ถูกคาดหมายว่าจะเข้ามาเติมเต็มแนวรุก “หงส์แดง” ให้ดุดันยิ่งขึ้นในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง

มีรายงานจากสื่ออังกฤษระบุว่า อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าทีมชาติสวีเดนของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ได้สื่อสารกับต้นสังกัดถึงความเป็นไปได้ในการย้ายทีมในช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์นี้ ท่ามกลางความสนใจอย่างจริงจังจาก ลิเวอร์พูล

อิซัค วัย 25 ปี ไม่ได้ร่วมเดินทางไปทัวร์ปรีซีซั่นในทวีปเอเชียกับทีม โดยทางสโมสรแจ้งว่าดาวยิงรายนี้มีอาการบาดเจ็บที่ต้นขาเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดจาก Daily Mail ระบุว่า อิซัคเริ่มเปิดใจถึงการย้ายออกจากถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค แม้จะยังเหลือสัญญากับ “สาลิกาดง” อีกถึง 3 ปี

แหล่งข่าวระบุว่า นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พยายามรั้งตัวหัวหอกตัวเก่งเอาไว้ ด้วยการเตรียมยื่นข้อเสนอปรับค่าเหนื่อยให้สูงกว่า 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เพื่อโน้มน้าวให้อิซัคต่อสัญญาฉบับใหม่ อย่างไรก็ดี นักเตะยังไม่มีท่าทีต้องการเจรจาเรื่องสัญญาเพิ่มเติมในตอนนี้ โดยมีรายงานก่อนหน้านี้ว่า อิซัคตั้งเป้าค่าเหนื่อยระดับ 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

นิวคาสเซิ่ล ตั้งค่าตัวของ อิซัค ไว้สูงถึง 150 ล้านปอนด์ หากมีสโมสรใดต้องการคว้าตัวไปร่วมทีม ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่อาจเป็นอุปสรรคสำหรับหลายทีม ยกเว้นเพียงไม่กี่สโมสรที่มีศักยภาพทางการเงินสูง

อิซัค ย้ายมาจาก เรอัล โซเซียดาด สู่พรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2022 ด้วยค่าตัวสูงเป็นสถิติของสโมสรในขณะนั้นที่ 63 ล้านปอนด์ โดยจนถึงปัจจุบัน เขาทำไปแล้ว 62 ประตูจากการลงสนาม 109 นัด รวมทุกรายการให้กับทัพ “เดอะแม็กพายส์”

ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทีมแชมป์บุนเดสลีกาฤดูกาลล่าสุด กลายเป็นอีกหนึ่งสโมสรที่กำลังให้ความสนใจ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แนวรุกวัย 30 ปีของเชลซี ซึ่งอนาคตในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์กำลังไร้ความแน่นอน

จากรายงานของ BBC เผยว่า สโมสรจากเยอรมนีกำลังจับตาสถานการณ์ของอดีตแข้งทีมชาติอังกฤษอย่างใกล้ชิด หลังนักเตะรายนี้ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า เฮดโค้ชคนใหม่ของสิงห์บลูส์

สเตอร์ลิ่งเพิ่งกลับมาสู่ต้นสังกัดเดิม หลังจบภารกิจยืมตัวกับ อาร์เซน่อล ตลอดซีซั่นที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะได้รับโอกาสลงสนามถึง 28 นัดรวมทุกรายการ แต่ก็ทำได้เพียง 1 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์ ซึ่งไม่เพียงพอจะการันตีตำแหน่งในทีมระดับท็อปอย่างสิงห์บลูส์ในยุคใหม่ที่กำลังสร้างทีมด้วยผู้เล่นสายเลือดใหม่

ด้วยผลงานที่ไม่สม่ำเสมอและค่าเหนื่อยระดับสูง ทำให้เชลซีเปิดรับข้อเสนอสำหรับการปล่อยตัวเขาออกจากทีม และเลเวอร์คูเซ่นก็อยู่ในกลุ่มสโมสรยุโรปที่พร้อมยื่นข้อเสนอ หากดีลมีความเหมาะสมทั้งในแง่ของค่าตัวและค่าเหนื่อย

แม้จะเข้าสู่วัย 30 ปี แต่สเตอร์ลิ่งยังมีประสบการณ์สูงในระดับพรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งถือว่าเป็นคุณสมบัติที่น่าสนใจสำหรับทีมที่ต้องการเสริมแนวรุกด้วยนักเตะที่ผ่านเกมใหญ่มาแล้วนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การคุมทีมของ ชาบี อลอนโซ่ ที่ต้องการขุมกำลังลุยหลายรายการในซีซั่นใหม่

อนาคตของสเตอร์ลิ่งในช่วงซัมเมอร์นี้จึงน่าจับตามองอย่างยิ่ง และมีความเป็นไปได้สูงที่เขาอาจได้เริ่มต้นบทใหม่ในลีกเมืองเบียร์ หากทุกอย่างลงตัว

มาร์คัส แรชฟอร์ด กำลังเริ่มต้นบทใหม่ในถิ่นคัมป์ นูท่ามกลางกระแสต้านจากนักเตะบางรายในทีมบาร์เซโลน่า โดยมีรายงานจากสื่อสเปนว่า ลามีน ยามาล พร้อมด้วยเพื่อนร่วมทีมอีกสองราย ไม่เห็นด้วยกับการที่สโมสรตัดสินใจดึงตัวแนวรุกจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร่วมทัพ

แรชฟอร์ดเพิ่งเสร็จสิ้นช่วงยืมตัวกับ แอสตัน วิลล่า ซึ่งเขาทำผลงานได้พอใช้ด้วยสถิติ 4 ประตู 6 แอสซิสต์จาก 17 นัด แต่สุดท้ายวิลล่าไม่ใช้อ็อปชั่นซื้อขาดที่มีมูลค่า 40 ล้านปอนด์ ทำให้แข้งทีมชาติอังกฤษต้องกลับไปยังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งดูเหมือนไม่มีที่ว่างสำหรับเขาในทีมของรูเบน อโมริม

การย้ายมายังบาร์เซโลน่าจึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ โดยยักษ์ใหญ่จากแคว้นคาตาลันหันมามองหาแรชฟอร์ดหลังล้มเหลวในการคว้าตัว นิโก้ วิลเลียมส์ ปีกตัวจี๊ดจากแอธเลติก บิลเบา ที่ตัดสินใจเซ็นสัญญาใหม่ระยะยาวกับต้นสังกัด

ก่อนหน้านั้น บาร์ซ่าเคยพยายามดีลกับ หลุยส์ ดิอาซ ของลิเวอร์พูล แต่ติดปัญหาเรื่องค่าตัว จึงเบนเข็มมาที่แรชฟอร์ดแทน และสามารถเจรจายืมตัวสำเร็จ พร้อมอ็อปชั่นซื้อขาดที่ราคาลดลงเหลือ 30 ล้านยูโร โดยเจ้าตัวยอมลดค่าเหนื่อยลง 15% เพื่อให้ดีลลุล่วง โดยบาร์เซโลน่าจะรับภาระค่าเหนื่อยทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม การมาของแรชฟอร์ดดูเหมือนจะไม่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นภายในทีม ตามรายงานของ El Nacional ที่ระบุว่า ลามีน ยามาล รู้สึก “ผิดหวังและโกรธ” ต่อการตัดสินใจของผู้บริหารสโมสร ที่หันไปเซ็นแรชฟอร์ดแทนการผลักดันดีลของนิโก้ วิลเลียมส์ ซึ่งเขาเชื่อว่าจะช่วยยกระดับแนวรุกของทีมได้มากกว่า

ยามาล ซึ่งมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับนิโก้ในทีมชาติสเปนรุ่นเยาวชน มองว่าบอร์ดบริหารของบาร์ซ่าตัดใจจากเป้าหมายหลักเร็วเกินไป และไม่เคยมีการหารือกับผู้เล่นหลักก่อนตัดสินใจคว้าตัวแรชฟอร์ดเข้ามา

ไม่เพียงแค่ยามาลเท่านั้น แหล่งข่าวเดียวกันยังเผยว่า ราฟินญ่า และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ก็ไม่ได้แสดงออกถึงการสนับสนุนหรือให้การต้อนรับแรชฟอร์ดมากนัก ซึ่งอาจส่งผลต่อบรรยากาศในห้องแต่งตัวช่วงเริ่มต้นฤดูกาล

แม้รายงานนี้จะยังไม่ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวอื่น แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ ฮันซี่ ฟลิค เฮดโค้ชคนใหม่ของบาร์ซ่า ได้ตัวเลือกใหม่ในแนวรุกเพิ่ม และการแข่งขันภายในทีมอาจเข้มข้นขึ้นจากการเข้ามาของแรชฟอร์ด ซึ่งอาจกระตุ้นให้แข้งตัวหลักคนอื่นต้องงัดฟอร์มออกมาเพื่อรักษาตำแหน่งในทีม

อเลฮานโดร การ์นาโช่ ปีกดาวรุ่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความเปิดกว้างต่อความเป็นไปได้ในการย้ายไปร่วมทีม แอสตัน วิลล่า ในตลาดซื้อขายซัมเมอร์นี้ ตามรายงานจาก เกรแฮม เบลีย์ แห่ง TBR Football

แข้งวัย 21 ปีรายนี้กำลังเผชิญอนาคตที่ไม่แน่นอนในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด หลังมีรายงานว่าเขาอาจไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมคนใหม่ของปีศาจแดง โดยมีทั้ง เชลซี, สเปอร์ส และ แอสตัน วิลล่า ที่กำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

รายงานระบุว่า การ์นาโช่เริ่มพิจารณาความเป็นไปได้ในการร่วมงานกับ อูไน เอเมรี่ กุนซือของแอสตัน วิลล่า ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในโค้ชที่เชี่ยวชาญในการปลุกปั้นดาวรุ่ง และสามารถมอบโอกาสลงสนามที่ต่อเนื่องให้กับเขาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าตัวต้องการเพื่อพัฒนาฝีเท้าและรักษาเส้นทางการติดทีมชาติอาร์เจนตินา

สำหรับวิลล่าเอง การเสริมแนวรุกเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญในตลาดรอบนี้ และการ์นาโช่ถือเป็นนักเตะที่ตอบโจทย์ ด้วยความสามารถในการเล่นได้หลากหลายตำแหน่งในแดนหน้า ทั้งยังมีความเร็วและเทคนิคที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ในเกมรุก

จุดแข็งอีกอย่างคือ เอเมรี่มีประวัติที่ดีในการพัฒนาผู้เล่นดาวรุ่ง โดยเฉพาะในรายของ มอร์แกน โรเจอร์ส ปีกวัย 22 ปีชาวอังกฤษ ที่ทำผลงานได้โดดเด่นภายใต้การคุมทีมของเขาในฤดูกาลที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญยังคงอยู่ที่ว่า แอสตัน วิลล่า จะสามารถตกลงเงื่อนไขกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้หรือไม่ ท่ามกลางการแข่งขันจากหลายสโมสรใหญ่ในพรีเมียร์ลีก

เอ็ดดี้ ฮาว ผู้จัดการทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ออกมาไขข้อสงสัยหลังไม่มีชื่อ อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าตัวเก่ง ในเกมอุ่นเครื่องที่ “สาลิกาดง” บุกพ่าย กลาสโกว์ เซลติก 0-4 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

แม้ไม่มีอาการบาดเจ็บ แต่การขาดหายไปของหัวหอกชาวสวีดิช ทำให้เกิดกระแสข่าวลือหนาหูอีกครั้งเกี่ยวกับอนาคตของเจ้าตัว หลังมีรายงานว่า ลิเวอร์พูล แสดงความสนใจอย่างจริงจัง และพร้อมทุ่มเงินระดับมหาศาล หากนิวคาสเซิ่ลยินดีเปิดการเจรจา

อย่างไรก็ตาม ฮาว ได้ออกมาชี้แจงว่า การตัดชื่ออิซัคออกจากทีม เป็นการตัดสินใจทางแท็กติกและเพื่อป้องกันความเสี่ยงเท่านั้น โดยกล่าวว่า

“เขาเดินทางมากับทีมไปยังกลาสโกว์ครับ แต่สุดท้ายผมเลือกให้เขากลับก่อน ผมไม่อยากให้ข่าวลือที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อสมาธิของเขาหรือทีม โดยรวมแล้วเขาฟิตดี ซ้อมได้ดี ไม่มีปัญหาเรื่องความฟิตหรือบาดเจ็บแต่อย่างใด”

ฮาวยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งอิซัคและโจลินตันที่ไม่มีชื่อในเกมดังกล่าว ต่างอยู่ในสภาพร่างกายสมบูรณ์ แต่ทีมงานตัดสินใจไม่เสี่ยงส่งลงเล่น เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น

“ผมเคารพในตัวอเล็กซ์ เขาเป็นนักเตะคุณภาพสูง และเราทุกคนรู้ดีว่า ผู้เล่นแบบเขาไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่ายในตลาด นักเตะระดับท็อปที่ทั้งสร้างความแตกต่างและมีพัฒนาการต่อเนื่อง เราต้องทำทุกทางเพื่อเก็บเขาไว้กับทีม”

สำหรับสถานการณ์ในตลาดซื้อขายนั้น มีการคาดการณ์ว่า ลิเวอร์พูล อาจเบนเป้าไปหา อูโก้ เอกิติเก้ ของไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต แทน หลังจากที่นิวคาสเซิ่ลไม่แสดงท่าทีต้องการปล่อยอิซัคออกจากทีม

“สิ่งที่ผมบอกได้ตอนนี้คือ อเล็กซ์มีความสุขมากกับชีวิตที่นิวคาสเซิ่ล เขารักทีม เพื่อนร่วมทีม และทีมงานของเรา ไม่มีความขัดแย้งหรือปัญหาอะไรทั้งนั้น ผมเชื่อว่าเขาจะยังอยู่กับเราช่วงต้นฤดูกาลแน่นอน” ฮาวทิ้งท้าย

ลิเวอร์พูล บรรลุข้อตกลงกับ ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต เป็นที่เรียบร้อย สำหรับการคว้าตัว อูโก้ เอกิติเก้ กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติฝรั่งเศส ด้วยค่าตัวรวมสูงถึง 79 ล้านปอนด์ ตามรายงานจาก The Athletic

ดีลนี้แบ่งเป็นค่าตัวหลัก 69 ล้านปอนด์ บวกโบนัสเพิ่มเติมอีก 10 ล้านปอนด์ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับผลงานของตัวนักเตะและความสำเร็จของสโมสรในอนาคต โดยหากทุกเงื่อนไขเป็นไปตามที่ตกลงไว้ ค่าตัวจะแตะระดับสูงสุดที่ 79 ล้านปอนด์

หัวหอกวัย 23 ปี เตรียมเดินทางมายังประเทศอังกฤษในวันที่ 22 กรกฎาคม เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจร่างกายและเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่แอนฟิลด์ จากนั้นจะบินตรงไปยังฮ่องกงเพื่อสมทบกับทีมในช่วงทัวร์ปรีซีซั่น

ทั้งนี้ รายงานจากนักข่าวคนดัง ลีวิส สตีล ระบุว่า ข้อตกลงระหว่างสองสโมสรบรรลุผลตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยไม่มีอุปสรรคในด้านเงื่อนไขส่วนตัว เนื่องจากเอกิติเก้แสดงความต้องการชัดเจนที่จะย้ายมาร่วมงานกับทีมของ อาร์เน่ สลอต ตั้งแต่เริ่มต้น

การเซ็นสัญญาครั้งนี้จะทำให้ เอกิติเก้ กลายเป็นผู้เล่นใหม่รายที่ 7 ของลิเวอร์พูลในช่วงซัมเมอร์นี้ ต่อจาก ฟลอเรียน เวียตซ์, มิลอส เคอร์เคซ, เจเรมี่ ฟริมปง, อาร์มิน เปชี่, เฟร็ดดี้ วู้ดแมน และ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่

สำหรับฤดูกาลที่ผ่านมา เอกิติเก้ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นกับแฟร้งค์เฟิร์ต โดยยิงไป 22 ประตู และทำอีก 12 แอสซิสต์ ในฤดูกาล 2024/25 ซึ่งถือเป็นปีแรกที่เขาได้รับโอกาสลงเล่นอย่างเต็มตัวกับต้นสังกัด หลังจากย้ายจากปารีส แซงต์-แชร์กแมงมาร่วมทีมแบบยืมตัวเมื่อเดือนมกราคม 2024 ก่อนจะเซ็นถาวรในช่วงซัมเมอร์ด้วยค่าตัวราว 17.5 ล้านยูโร

เอกิติเก้ เติบโตมาจากระบบเยาวชนของแร็งส์ และเคยติดทีมชาติฝรั่งเศสชุด U21 มาแล้ว 5 นัด โดยแม้ยังไม่เคยถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่ แต่ศักยภาพของเจ้าตัวได้รับการจับตามองว่าอาจกลายเป็นแกนหลักในแนวรุกของลิเวอร์พูลในอนาคตอันใกล้

“อาร์เซน่อล ประกาศคว้าตัว โนนี่ มาดูเอเก้ ปีกจอมเลื้อยจากเชลซี เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่รายที่ 4 ของทีมในช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์นี้ พร้อมเซ็นสัญญายาวจนถึงปี 2030 และมอบเสื้อหมายเลข 20 ให้เจ้าตัวสวมใส่ในฤดูกาลหน้า

ดีลดังกล่าวมีมูลค่ารวมประมาณ 52 ล้านปอนด์ โดยสื่อในอังกฤษรายงานว่าค่าตัวเบื้องต้นอยู่ที่ 48.5 ล้านปอนด์ บวกโบนัสตามเงื่อนไขผลงานอีก 3.5 ล้านปอนด์

ดาวเตะวัย 23 ปีเข้ารับการตรวจร่างกายเป็นที่เรียบร้อยก่อนลงนามในสัญญาระยะยาวกับทัพ “ปืนใหญ่” โดยเจ้าตัวได้เปิดใจหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่า

“ผมเป็นคนที่เชื่อตามสัญชาตญาณมาโดยตลอด และรู้สึกว่าการย้ายมาที่นี่คือก้าวที่ถูกต้อง ผมมั่นใจว่านี่จะเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ในเส้นทางอาชีพของผม ผมมีความสุขมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่มีแนวทางการเล่นที่ชัดเจนแบบนี้”

“ผมแทบรอไม่ไหวที่จะได้นำจุดแข็งและสไตล์ของตัวเองมาช่วยทีม และสนับสนุนเพื่อนร่วมทีมในการไล่ล่าความสำเร็จ”

มาดูเอเก้ เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังในระดับเยาวชนกับ คริสตัล พาเลซ และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ก่อนจะย้ายไปเนเธอร์แลนด์เพื่อเข้าร่วมทีม พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในปี 2018 และขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุเพียง 17 ปี ลงสนามให้พีเอสวีไปทั้งหมด 80 นัด ยิงได้ 20 ประตู

จากนั้นในเดือนมกราคม 2023 เขาถูก เชลซี ดึงตัวกลับสู่พรีเมียร์ลีก โดยตลอดระยะเวลาในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เจ้าตัวลงเล่นไป 92 นัดรวมทุกรายการ ทำได้ 20 ประตู พร้อมมีส่วนร่วมคว้าแชมป์ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ลีก และแชมป์สโมสรโลก

การมาของมาดูเอเก้ถือเป็นการเสริมทัพรายที่ 4 ของอาร์เซน่อลในซัมเมอร์นี้ ต่อจาก เกปา อาร์รีซาบาลาก้า, มาร์ติน ซูบีเมนดี้ และ คริสเตียน นอร์การ์ด ซึ่งล้วนเป็นการวางแผนระยะยาวในการยกระดับขุมกำลังของ มิเกล อาร์เตต้า ให้มีความลึกมากขึ้นสำหรับลุยศึกหลายรายการในฤดูกาลใหม่

มีรายงานจาก The Athletic สื่อดังของอังกฤษ ระบุว่า บอร์ดบริหารของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แสดงจุดยืนชัดเจนในการสนับสนุน รูเบน อโมริม เฮดโค้ชคนใหม่ของทีม ในการตัดสินใจเกี่ยวกับนักเตะที่ไม่อยู่ในแผนทำทีมฤดูกาลหน้า

จากข้อมูลที่ถูกเปิดเผย อโมริมได้รับไฟเขียวจากสโมสรในการจัดการผู้เล่นกลุ่มที่ไม่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และแนวทางการทำทีม ซึ่งรวมถึงนักเตะชื่อดังอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, อเลฮานโดร การ์นาโช่, อันโตนี, เจดอน ซานโช่ และ ไทเรลล์ มาลาเซีย ที่ปัจจุบันถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม “แยกซ้อม” และไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่

แม้ว่าแนวทางที่เด็ดขาดนี้จะเป็นการส่งสัญญาณถึงความเปลี่ยนแปลงและการวางระบบวินัยในทีมอย่างจริงจัง แต่อาจมีผลกระทบด้านภาพลักษณ์และราคาค่าตัวของนักเตะ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดซื้อขายนักเตะกำลังคึกคักและจะปิดตัวลงในวันที่ 1 กันยายนนี้

ภายในสโมสรยังมีความกังวลว่า การจัดการเชิงสัญลักษณ์เช่นนี้อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนกับสาธารณะ และอาจสร้างความตึงเครียดภายในทีม แต่จากท่าทีของผู้บริหาร ดูเหมือนว่าอโมริมจะได้รับอิสระในการวางแผนระยะยาวและขับเคลื่อนทีมไปในทิศทางที่เขาเห็นว่าเหมาะสมที่สุด

วงการฟุตบอลอาจได้เห็นการย้ายทีมที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อมีรายงานจาก talkSPORT ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุดีอาระเบีย รวมถึง กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (PIF) กำลังพิจารณายื่นข้อเสนอมหาศาลเพื่อคว้าตัว วินิซิอุส จูเนียร์ จาก เรอัล มาดริด

แม้ดาวเตะทีมชาติบราซิลวัย 25 ปี จะยืนยันว่าต้องการอยู่กับมาดริดต่อไป และอยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาใหม่ แต่สถานการณ์ยังไม่แน่นอน ขณะที่สัญญาฉบับปัจจุบันของเขาจะหมดลงในปี 2027

ตามรายงาน ซาอุฯ พร้อมเสนอค่าตัวสูงถึง 350 ล้านยูโร (ประมาณ 302 ล้านปอนด์) ซึ่งจะทำลายสถิติเดิมของการย้ายทีมที่แพงที่สุดในโลก ที่ เนย์มาร์ เคยย้ายจากบาร์เซโลน่าไปปารีส แซงต์-แชร์กแมง ด้วยมูลค่า 200 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2017

สัญญาระดับพันล้านยูโร

นอกจากค่าตัวแล้ว วินิซิอุสยังจะได้รับข้อเสนอรวมค่าเหนื่อยและโบนัสสูงถึง 1,000 ล้านยูโร (ประมาณ 864 ล้านปอนด์) ตลอดระยะเวลา 5 ปีตามที่มีการร่างข้อเสนอแบบไม่ผูกพันเอาไว้ ซึ่งสะท้อนความจริงจังของฝั่งซาอุฯ ที่ต้องการคว้าตัวแนวรุกคนสำคัญจากราชันชุดขาวอย่างแท้จริง

เป้าหมายคืออัล-อาห์ลี

รายงานยังระบุว่า อัล-อาห์ลี เป็นทีมที่ได้รับการผลักดันให้เป็นปลายทางของดีลครั้งนี้ โดยมีนักเตะระดับสตาร์อย่าง อีวาน โทนี่ย์, เอดูอาร์ด เมนดี้, ริยาด มาห์เรซ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ อยู่ในทีมแล้ว ซึ่งการได้วินิซิอุสมาร่วมทีมจะยิ่งตอกย้ำโปรเจกต์สร้างลีกระดับโลกของซาอุดีอาระเบีย

ผลงานฤดูกาลล่าสุด

วินิซิอุสลงเล่นให้มาดริดไป 48 นัดในฤดูกาล 2024-25 ทำได้ 22 ประตู กับอีก 19 แอสซิสต์ แม้จะทำผลงานได้ดีในเชิงสถิติ แต่ยังมีเสียงวิจารณ์ว่าเขาไม่สามารถโชว์ฟอร์มเด่นในเกมสำคัญได้อย่างสม่ำเสมอ

เส้นทางค้าแข้ง

วินิซิอุสย้ายจากฟลาเมงโก้ในบราซิลมาร่วมทีมเรอัล มาดริดตั้งแต่อายุ 16 ปี ด้วยค่าตัว 38 ล้านปอนด์ และกลายเป็นกำลังหลักของทีมภายใต้การคุมทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ดีลนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่หากเป็นจริง ก็จะกลายเป็นการย้ายทีมที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังโลกทันที