บทความนี้ได้รวบรวมและจัดอันดับสุดยอดกองกลางตัวรุกที่ทำผลงานยอดเยี่ยมที่สุดในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นเมื่อฤดูกาล 1992-93 โดยการจัดอันดับพิจารณาจาก สถิติส่วนตัว (ประตูและแอสซิสต์), ระยะเวลาการค้าแข้งในลีก, ผลงานที่โดดเด่นในแต่ละฤดูกาล และ อิทธิพลที่นักเตะมีต่อทีม

Givemesport สื่อดังของอังกฤษ ได้ทำการวิเคราะห์และเผยรายชื่อ 10 กองกลางตัวรุกที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ดังนี้:

1. เควิน เดอ บรอยน์ (เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้)*

• ผลงาน: ลงเล่น 274 นัด ยิง 70 ประตู และทำ 118 แอสซิสต์
• เดอ บรอยน์ โดดเด่นเรื่องการจ่ายบอลอันแม่นยำและการสร้างสรรค์เกมรุกที่ไม่มีใครเทียบ

2. ดาบิด ซิลบา (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

• ผลงาน: ลงเล่น 309 นัด ยิง 60 ประตู และทำ 95 แอสซิสต์
• เพลย์เมกเกอร์ที่มีวิสัยทัศน์เฉียบคม พาทีมคว้าแชมป์ลีกถึง 4 สมัย

3. แฟรงค์ แลมพาร์ด (เวสต์แฮม, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

• ผลงาน: ลงเล่น 611 นัด ยิง 177 ประตู และทำ 114 แอสซิสต์
• เป็นกองกลางที่ยิงประตูสูงสุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

4. พอล สโคลส์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

• ผลงาน: ลงเล่น 499 นัด ยิง 107 ประตู และทำ 61 แอสซิสต์
• จุดเด่นของเขาคือการจ่ายบอลยาวและการยิงไกลที่แม่นยำ

5. เชสก์ ฟาเบรกาส (อาร์เซน่อล, เชลซี)

• ผลงาน: ลงเล่น 350 นัด ยิง 50 ประตู และทำ 117 แอสซิสต์
• ฟาเบรกาสเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่จ่ายบอลเพื่อแอสซิสต์ได้มากที่สุด

6. โจ โคล (เวสต์แฮม, เชลซี, ลิเวอร์พูล, แอสตัน วิลล่า)

• ผลงาน: ลงเล่น 379 นัด ยิง 46 ประตู และทำ 38 แอสซิสต์
• นักเตะที่มีทักษะการเลี้ยงบอลอันน่าทึ่งและสร้างสรรค์เกมได้หลากหลาย

7. คริสเตียน อีริคเซ่น (สเปอร์ส, เบรนท์ฟอร์ด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)*

• ผลงาน: ลงเล่น 298 นัด ยิง 54 ประตู และทำ 79 แอสซิสต์
• เพลย์เมกเกอร์ชาวเดนมาร์กที่ขึ้นชื่อเรื่องการเตะฟรีคิกและการจ่ายบอลอันแม่นยำ

8. ฆวน มาต้า (เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

• ผลงาน: ลงเล่น 278 นัด ยิง 52 ประตู และทำ 55 แอสซิสต์
• มาต้าเป็นนักเตะที่มีเทคนิคและความคิดสร้างสรรค์ในเกมรุกสูง

9. เมซุต โอซิล (อาร์เซน่อล)

• ผลงาน: ลงเล่น 184 นัด ยิง 33 ประตู และทำ 55 แอสซิสต์
• เพลย์เมกเกอร์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่านบอลที่ทำให้แนวรับฝ่ายตรงข้ามปั่นป่วน

10. ซานติ กาซอร์ล่า (อาร์เซน่อล)

• ผลงาน: ลงเล่น 129 นัด ยิง 25 ประตู และทำ 35 แอสซิสต์
• กาซอร์ล่าคือมิดฟิลด์ที่มีทักษะครบเครื่อง ทั้งการสร้างเกมและยิงประตู

หมายเหตุ:

• ผู้เล่นที่ยังคงเล่นในพรีเมียร์ลีก เช่น เควิน เดอ บรอยน์ และคริสเตียน อีริคเซ่น อาจมีการเปลี่ยนแปลงสถิติในอนาคต
• รายชื่อนี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพและความสำคัญของนักเตะแต่ละคนที่มีต่อประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

บรูโน่ แฟร์นันด์ส กัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาเรียกร้องให้นักเตะในทีมเพิ่มความกล้าหาญและความเชื่อมั่นในตัวเอง เพื่อหยุดยั้งฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ โดยเฉพาะผลงานในเกมเหย้าที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่ายให้กับไบรท์ตัน 1-3 หลังจากที่บรูโน่ยิงจุดโทษตามตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ แต่ทีมกลับไม่สามารถรักษาฟอร์มและกลับมาเป็นฝ่ายแพ้คาบ้าน ส่งผลให้พวกเขายังคงมี 26 คะแนน รั้งอันดับ 13 ของตาราง

บรูโน่ให้สัมภาษณ์กับ BBC Match of the Day ว่า “เราเสียประตูง่ายเกินไปในบางจังหวะ ซึ่งสิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในระดับนี้ เราต้องปรับปรุงเกมรุกของเรา เพราะพรีเมียร์ลีกคือเวทีที่มีคุณภาพสูงมาก คุณไม่มีเวลาพลาด คุณต้องเล่นให้เต็มที่ในทุกวินาที”

เขายังชี้ให้เห็นถึงปัญหาในการเล่นกับบอลในพื้นที่สุดท้ายว่า “เราต้องกล้าเล่นบอลในพื้นที่สำคัญระหว่างไลน์มากกว่านี้ ผมเองต้องรับผิดชอบในการครองบอลและสร้างโอกาสจากตรงนั้นมากขึ้นเช่นกัน การที่บอลไปอยู่กับผู้รักษาประตูของเราบ่อยครั้งนั้นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน”

บรูโน่เน้นย้ำถึงความสำคัญของความกล้าหาญในสนาม:
“ความกล้าหาญและความมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญ เราไม่ควรกลัวความผิดพลาด เพราะมันคือส่วนหนึ่งของฟุตบอล การกล้าเล่นซ้ำๆ ในสถานการณ์ที่ยากลำบากคือสิ่งที่เราต้องทำ แม้ว่าแรงกดดันในการเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะสูงมาก แต่เราต้องไม่ปล่อยให้มันมาหยุดยั้งเรา”

แถลงการณ์ของกัปตันทีมสะท้อนถึงความคาดหวังที่เขามีต่อทีม และการเรียกร้องให้ทุกคนรวมใจสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงผลงานของทีมในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้.

แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในโลกออนไลน์พากันเรียกร้องให้ รูเบน อาโมริม กุนซือของทีม ตัดสินใจดร็อป อ็องเดร โอนาน่า ผู้รักษาประตูชาวแคเมอรูน และให้โอกาส อัลตาย บายินดีร์ ลงสนามเป็นตัวจริงแทน หลังความผิดพลาดซ้ำซากของโอนาน่าในเกมล่าสุด

ในเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดบ้านพ่ายให้กับไบรท์ตัน 1-3 แฟนบอลต่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความผิดพลาดของโอนาน่า โดยเฉพาะจังหวะที่นำไปสู่การเสียประตูที่สอง ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม สถิติยังชี้ให้เห็นว่า โอนาน่า ซึ่งเพิ่งเข้าสู่ปีที่สองกับ “ปีศาจแดง” ทำพลาดจนทีมเสียประตูถึง 10 ครั้งแล้ว ขณะที่ ดาบิด เด เคอา อดีตนายด่านของทีม ใช้เวลา 12 ปีกับสโมสรและพลาดจนทีมเสียประตูเพียง 17 ครั้งเท่านั้น

หลังเกม แฟนบอลจำนวนมากในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง X (ทวิตเตอร์เดิม) แสดงความไม่พอใจและเรียกร้องให้ทีมดร็อปโอนาน่าในเกมถัดไป พร้อมสนับสนุนให้ อัลตาย บายินดีร์ นายทวารสำรองชาวตุรกี ได้รับโอกาสลงเฝ้าเสาแทน

บรรดาแฟนบอลชี้ว่าผลงานของบายินดีร์ในบอลถ้วยที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและแพสชันที่สูงกว่า นอกจากนี้ เขายังเคยเซฟจุดโทษช่วยทีมไว้ได้ ซึ่งสร้างความประทับใจและแสดงถึงความพร้อมในการรับผิดชอบตำแหน่งมือหนึ่ง

หลายคนมองว่า โอนาน่าได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองมากเกินไป แต่ฟอร์มการเล่นกลับไม่เป็นที่น่าพอใจ และความผิดพลาดซ้ำๆ ของเขากำลังส่งผลเสียต่อผลงานของทีม แฟนบอลหวังว่า รูเบน อาโมริม จะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทีมก่อนที่จะสายเกินไป.

ดาร์วิน นูนเญซ ยอมรับว่ากำลังเผชิญกับความท้าทายในอาชีพ หลังระเบิดฟอร์มด้วยการยิงสองประตูช่วยลิเวอร์พูลเอาชนะเบรนท์ฟอร์ด 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก พร้อมเก็บสามแต้มสำคัญ

เกมที่สนามจีเทค คอมมูนิตี้ สเตเดียม ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยลงมาเป็นตัวสำรองและซัดสองประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 90+1 และ 90+3 ช่วยให้ “หงส์แดง” ประเดิมชัยชนะในปี 2025 พร้อมขยับแต้มเพิ่มเป็น 50 คะแนน ทิ้งห่างอาร์เซน่อล รองจ่าฝูงอยู่ 6 แต้ม แม้ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า จะมีเกมในมืออีกหนึ่งนัดหลังเสมอแอสตัน วิลล่า 2-2

หลังเกม นูนเญซ เปิดใจกับ Sky Sports ว่า “ผมคิดว่าสำหรับนักเตะอย่างพวกเรา การมีจิตใจที่แข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้เป็นเรื่องสำคัญมาก ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่ง่ายสำหรับผม แต่ผมยังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานหนักต่อไป ในการฝึกซ้อมหรืออะไรก็ตามที่ผมต้องทำเพื่อพัฒนาตัวเอง”

“ผมพยายามช่วยทีมทั้งในเกมรุกและการป้องกัน และแม้ว่าผมจะยังทำประตูไม่ได้ในช่วงที่ผ่านมา แต่ผมรู้ว่าหน้าที่หลักของกองหน้าคือการยิงประตู และวันนี้ผมมีความสุขมากที่ทำได้”

แข้งวัย 25 ปี ยอมรับว่าการทำงานหนักคือกุญแจสำคัญในช่วงเวลาที่ยากลำบาก “ช่วงนี้มันไม่ง่ายเลยสำหรับผม แต่ผมไม่เคยท้อถอย ผมพยายามพัฒนาตัวเองเสมอและทุ่มเททุกอย่างให้กับทีม ผมได้รับกำลังใจอย่างมากจากครอบครัว เพื่อนร่วมทีม และแฟนบอลที่คอยสนับสนุนตลอดเวลา”

ก่อนหน้านี้ นูนเญซถูกวิจารณ์อย่างหนักเนื่องจากฟอร์มการเล่นที่ต่ำกว่ามาตรฐาน โดยทำได้เพียง 4 ประตูจาก 26 นัดในทุกรายการก่อนเกมกับเบรนท์ฟอร์ด อย่างไรก็ตาม การยิงสองประตูในเกมนี้ถือเป็นการเรียกความมั่นใจและส่งสัญญาณการกลับมาของเขาในเกมรุก

สำหรับโปรแกรมถัดไป ลิเวอร์พูลจะมีคิวบุกไปเยือนลีลล์ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก วันอังคารนี้ ก่อนจะกลับมาลงสนามในพรีเมียร์ลีกพบกับอิปสวิชในวันที่ 25 มกราคม.

ควารัตส์เคเลีย (Khvicha Kvaratskhelia) ปีกดาวรุ่งชาวจอร์เจียวัย 23 ปี ได้ย้ายมาร่วมทีม ปารีส แซ็งต์-แชร์กแมง (PSG) อย่างเป็นทางการ ด้วยค่าตัวเบื้องต้น 60 ล้านยูโร พร้อมโบนัสเพิ่มเติมอีก 10 ล้านยูโร โดยสัญญาฉบับนี้จะทำให้เขาอยู่ค้าแข้งในถิ่นปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ จนถึงเดือนมิถุนายน 2029

การย้ายทีมครั้งนี้ถือเป็นการเสริมทัพสำคัญของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ผู้จัดการทีม PSG ที่ต้องการเพิ่มมิติในเกมรุกและยกระดับทีมเพื่อไล่ล่าความสำเร็จทั้งในลีกเอิงและเวทียุโรป ควารัตส์เคเลีย ผ่านการตรวจร่างกายและเซ็นสัญญาเรียบร้อย ซึ่งทำให้เขากลายเป็นการเซ็นสัญญารายแรกของ PSG ในตลาดซื้อขายเดือนมกราคม

นักเตะใหม่ของ PSG เปิดใจถึงการย้ายทีมว่า

“มันเป็นความฝันที่เป็นจริงที่ได้เข้าร่วมทีมใหญ่แห่งนี้ ผมได้ยินเรื่องราวอันยอดเยี่ยมเกี่ยวกับสโมสร และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เริ่มบทใหม่ในอาชีพของผมที่นี่”

ก่อนหน้านี้ ควารัตส์เคเลีย เคยมีข่าวเชื่อมโยงกับหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ เช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ บาร์เซโลน่า แต่ท้ายที่สุด เขาเลือกย้ายออกจาก นาโปลี แม้ว่าสโมสรอิตาลีจะพยายามยื่นข้อเสนอขยายสัญญาเพื่อรั้งตัวเขาไว้ก็ตาม

สำหรับควารัตส์เคเลีย เขาเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของนาโปลี โดยเฉพาะการคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 2022/23 และยังสร้างชื่อเสียงด้วยสไตล์การเล่นที่เปี่ยมด้วยความสร้างสรรค์ ความเร็ว และความสามารถในการทำประตู ซึ่งจะช่วยเสริมเกมรุกของ PSG ที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ได้อย่างแน่นอน

การเซ็นสัญญาครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า PSG ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างทีมที่แข็งแกร่งเพื่อต่อกรกับบรรดาสโมสรชั้นนำในยุโรป และการมาของควารัตส์เคเลียอาจเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการผลักดันทีมไปสู่เป้าหมายที่สูงยิ่งขึ้นในฤดูกาลนี้

ดาร์วิน นูเญซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยของลิเวอร์พูล กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในตลาดนักเตะเดือนมกราคมนี้ โดยสองทีมยักษ์ใหญ่จากยุโรปอย่าง เอซี มิลาน แอตเลติโก มาดริด พร้อมเปิดศึกแย่งชิงลายเซ็นของดาวยิงรายนี้

นูเญซในวัย 25 ปี ต้องเจอกับช่วงเวลาที่ท้าทายภายใต้การคุมทีมของ อาเนอร์ สล็อต โดยได้รับโอกาสลงสนามอย่างจำกัดในฤดูกาล 2024/25 รวมทั้งหมด 24 นัด โดยเป็นตัวจริง 12 นัด และตัวสำรองอีก 12 นัดเท่านั้น แม้จะมีความพยายามในเกมรุก แต่ผลงานการยิงเพียง 4 ประตู และ 4 แอสซิสต์ ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขายึดตำแหน่งในทีมตัวจริงได้

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า อัล ฮิลาล ทีมดังจากซาอุดิอาระเบีย ยื่นข้อเสนอสูงถึง 70 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวนูเญซ แต่ลิเวอร์พูลปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว ส่งผลให้โอกาสย้ายทีมในยุโรปยังคงเปิดกว้าง

เดอะ มิเรอร์ รายงานว่า เอซี มิลาน ซึ่งมีปัญหาแนวรุกฝืดในฤดูกาลนี้ หลังยิงได้เพียง 29 ประตูจาก 19 นัดในเซเรีย อา ต้องการดึงตัวนูเญซมาช่วยเสริมความเฉียบคมในแดนหน้า โดยเฉพาะการจับคู่กับ ราฟาเอล เลเอา เพื่อเพิ่มมิติการเข้าทำ

ขณะเดียวกัน แอตเลติโก มาดริด ซึ่งกำลังนำเป็นจ่าฝูงลาลีกา สเปน ก็กำลังมองหาตัวแทนในระยะยาวสำหรับ อองตวน กรีซมันน์ ที่มีแนวโน้มจะอำลาทีมหลังจบฤดูกาลนี้ การเซ็นสัญญากับนูเญซถือเป็นแผนสำคัญในอนาคตของทีมตราหมี

และมีข่าวรายงานอีกว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อาจะร่วมแจมในดิลนักเตะรายนี้อีกด้วย

ดาร์วิน นูเญซ ย้ายจากเบนฟิก้ามายังลิเวอร์พูลในปี 2022 ด้วยค่าตัวมหาศาล 85 ล้านยูโร โดยลงสนามให้ทีมหงส์แดงไปแล้ว 122 นัด และทำได้ 37 ประตู อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันอาจทำให้นักเตะพิจารณาย้ายทีมเพื่อโอกาสลงเล่นที่มากขึ้น

ตลาดเดือนมกราคมนี้จึงกลายเป็นโอกาสสำคัญสำหรับทั้งมิลานและแอตเลติโก มาดริด ในการคว้าดาวยิงรายนี้มาร่วมทีม หากลิเวอร์พูลตัดสินใจเปิดรับข้อเสนอ การเคลื่อนไหวของทั้งสองสโมสรจะเป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง!

การเจรจาระหว่าง “ไคล์ วอล์คเกอร์” และ เอซี มิลาน กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย โดยแหล่งข่าวระบุว่าทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงส่วนตัวกันเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนสำคัญในการตกลงค่าตัวกับต้นสังกัดอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งคาดว่าอาจเสร็จสิ้นภายในวันอาทิตย์นี้

วอล์คเกอร์ วัย 34 ปี มีประสบการณ์อันโชกโชนในพรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ซึ่ง เอซี มิลาน มองว่าเขาจะเข้ามาเติมเต็มเกมรับด้วยความเร็วและความแข็งแกร่งที่พิสูจน์มาแล้วในเวทีระดับสูง

การดึงตัวแบ็คขวาชาวอังกฤษรายนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของมิลานในการเสริมทัพเพื่อกลับมาท้าชิงตำแหน่งแชมป์เซเรีย อา และก้าวไปให้ไกลกว่านี้ในเวทียุโรป

อย่างไรก็ตาม การมาของ วอล์คเกอร์ อาจมีผลกระทบต่อแผนการเสริมทัพรายอื่น โดยเฉพาะในกรณีของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่เคยมีข่าวเชื่อมโยงกับการย้ายมายังซาน ซิโร่ก่อนหน้านี้

การเจรจาในดีลของแรชฟอร์ดดูเหมือนจะถูก “ปิดประตู” ไปโดยปริยาย เนื่องจากงบประมาณที่มิลานอาจใช้ส่วนใหญ่กับการปิดดีล วอล์คเกอร์ และเสริมแนวรับให้แข็งแกร่งในทันที

สำหรับแฟนบอล รอสโซเนรี ข่าวนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่า มิลาน กำลังวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อคืนสู่ความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลยุโรป

ติดตามผลการเจรจาอย่างใกล้ชิด เพราะหากทุกอย่างเป็นไปตามคาด ไคล์ วอล์คเกอร์ อาจปรากฏตัวในสีเสื้อแดงดำเร็ว ๆ นี้

อาร์เน่อ สล็อต ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล เปิดเผยว่า ดีโอโก้ โชต้า กำลังเผชิญกับปัญหาอาการบาดเจ็บเล็กน้อย และจำเป็นต้องประเมินความฟิตก่อนตัดสินใจว่าจะลงสนามในเกมพบกับ เบรนท์ฟอร์ด ในวันเสาร์นี้ได้หรือไม่

โชต้า ซึ่งทำประตูตีเสมอให้ลิเวอร์พูลในเกมเสมอ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-1 เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ไม่ได้ร่วมฝึกซ้อมกับทีมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยรายงานระบุว่า เขาถูกจับซ้อมแยกในโรงยิมภายในศูนย์ฝึก AXA เช่นเดียวกับ หลุยส์ ดิอาซ ที่ต้องฝึกซ้อมเดี่ยวเช่นกัน

สล็อต กล่าวถึงสถานการณ์ของโชต้าในงานแถลงข่าวก่อนเกมว่า
“ดีโอโก้เป็นผู้เล่นที่สำคัญสำหรับเรา แต่เขาไม่ได้ลงสนามซ้อมเมื่อวาน ซึ่งเราต้องรอดูกันว่าเขาจะพร้อมลงเล่นในวันพรุ่งนี้หรือไม่”

“เขามีอาการเจ็บเล็กน้อยในช่วงที่ลงเล่นกับฟอเรสต์ แม้ว่าเขาจะสามารถเล่นจนจบเกมได้ แต่หลังจากนั้นเขาก็มีอาการรบกวนเล็กน้อย ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาไม่ได้ซ้อมกับทีมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา”

สล็อตยังอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมการฝึกซ้อมเฉพาะบุคคลของโชต้า:
“เรามีการออกแบบโปรแกรมเฉพาะตัวสำหรับผู้เล่นแต่ละคน โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงศักยภาพและป้องกันการบาดเจ็บ โชต้าก็เช่นกัน แม้ว่าเขาจะมีความสำคัญต่อทีม แต่การดูแลเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราทำกับผู้เล่นทุกคน”

ในส่วนของ หลุยส์ ดิอาซ กุนซือลิเวอร์พูลแสดงความหวังว่านักเตะจะพร้อมสำหรับเกมนี้ หลังจากป่วยเล็กน้อยจนพลาดการฝึกซ้อมในวันพฤหัสบดี
“หลุยส์ไม่ได้ซ้อมเมื่อวานเพราะเขามีอาการเจ็บคอ แต่เราคาดว่าเขาจะกลับมาฝึกซ้อมได้ในวันนี้ ผมยังต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอีกครั้ง แต่คาดว่าเขาจะพร้อมลงสนาม”

ลิเวอร์พูลเตรียมลงสนามในเกมสำคัญกับเบรนท์ฟอร์ด โดยต้องรอดูว่าโชต้าและดิอาซจะสามารถฟื้นตัวทันเวลาหรือไม่.

ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าของลิเวอร์พูล กลายเป็นเป้าหมายสำคัญของสองสโมสรชั้นนำในยุโรป ที่กำลังจับตาความเป็นไปได้ในการดึงตัวเขาไปร่วมทีมในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคมนี้

ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย แม้จะได้ลงเล่นทั้งในฐานะตัวจริงและตัวสำรองให้กับลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ โดยลงสนามเป็นตัวจริง 12 นัด และลงจากม้านั่งสำรองอีก 12 นัดในทุกรายการ แต่ผลงานการจบสกอร์ยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก หลังทำได้เพียง 4 ประตู และ 4 แอสซิสต์ นี่ทำให้เขาโดนวิจารณ์จากแฟนบอลและสื่อเกี่ยวกับฟอร์มการเล่น และเกิดกระแสข่าวลือว่าอาจย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์

ล่าสุด มีรายงานจาก เดอะ มิเรอร์ ว่า เอซี มิลาน ทีมดังจากกัลโช่ เซเรีย อา และ แอตเลติโก มาดริด จากลาลีกา สเปน กำลังให้ความสนใจในตัวนูนเญซ โดยทั้งสองทีมมีปัญหาในเกมรุกที่ต้องการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

สำหรับเอซี มิลาน ที่ทำได้เพียง 29 ประตูจาก 19 นัดในลีกฤดูกาลนี้ กำลังมองหาศูนย์หน้าที่มีความแข็งแกร่งและสามารถสร้างความแตกต่างในแดนหน้า ขณะที่ แอตเลติโก มาดริด ต้องการตัวแทนในระยะยาวของ อองตวน กรีซมันน์ ซึ่งมีข่าวลือว่าอาจอำลาทีมหลังจบฤดูกาล

ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า อัล ฮิลาล สโมสรยักษ์ใหญ่จากซาอุดีอาระเบีย เคยยื่นข้อเสนอมากถึง 85 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัวนูนเญซ แต่ลิเวอร์พูลปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวไป ทำให้ทั้งเอซี มิลานและแอตเลติโก มาดริด มีโอกาสเข้าร่วมเจรจาในการคว้าตัวกองหน้าวัย 25 ปีรายนี้

อนาคตของดาร์วิน นูนเญซ อาจขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลิเวอร์พูลในช่วงตลาดซื้อขายครั้งนี้ และเป็นไปได้ว่า เราอาจได้เห็นการย้ายทีมครั้งใหญ่ในช่วงเดือนมกราคมนี้