Home Blog Page 52

แม็คอาตี้กดแฮตทริก! แมนฯ ซิตี้ ระเบิดฟอร์มโหด

0

แม็คอาตี้กดแฮตทริก! แมนฯ ซิตี้ ระเบิดฟอร์มโหด ถล่มซัลฟอร์ด 8-0 ทะลุรอบ 4 เอฟเอ คัพ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์ฟอร์มสุดโหดในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 หลังเปิดเอติฮัด สเตเดี้ยม ถล่มซัลฟอร์ด ซิตี้ ทีมจากลีก ทู ไปแบบขาดลอย 8-0 โดยมี เจมส์ แม็คอาตี้ เป็นฮีโร่ซัดแฮตทริก ขณะที่ เฌเรมี่ โดกู โชว์ฟอร์มเด่น ยิง 2 จ่าย 2 พาทีมการันตีตั๋วรอบ 4 อย่างสมศักดิ์ศรี

เกมรุกสุดดุ! ครึ่งแรกนำห่าง 3-0
เปิดเกมมาได้เพียง 8 นาที แมนฯ ซิตี้ เริ่มต้นอย่างดุดันจากจังหวะสวนกลับเร็วที่ นูเนส ตัดบอลกลางสนามและส่งให้ แจ็ค กรีลิช เปิดต่อไปทางซ้ายให้ เฌเรมี่ โดกู ซัดบอลเสียบมุมเสาไกลขึ้นนำ 1-0

นาทีที่ 20 สกอร์ขยับเป็น 2-0 เมื่อ ซาวินโญ่ เปิดบอลทะลุให้ มาเตอุส นูเนส ตัดแนวรับและปาดให้ ดิวิน มูบาม่า ยิงจ่อๆ เข้าไปอย่างง่ายดาย ก่อนที่ นิโก้ โอเรลลี่ จะบวกอีกหนึ่งประตูก่อนจบครึ่งแรกจากการแอสซิสต์ของโดกู ส่งผลให้แมนฯ ซิตี้นำห่าง 3-0

ครึ่งหลังเปิดเครื่อง! แม็คอาตี้แฮตทริกสุดเฉียบ
เกมดำเนินมาถึงนาที 49 แจ็ค กรีลิช ถูกทำฟาวล์ในเขตโทษ ก่อนที่เขาจะลุกมาสังหารจุดโทษเองให้เรือใบหนีไปไกล 4-0 หลังจากนั้น เฌเรมี่ โดกู ก็ยังคงเป็นตัวอันตราย สร้างโอกาสให้ เจมส์ แม็คอาตี้ ยิงประตูแรกของตัวเองในนาทีที่ 62

แม็คอาตี้ยังไม่หยุดเท่านั้น! นาทีที่ 72 และ 81 เขาซัดเพิ่มอีกสองประตู โดยลูกปิดท้ายมาจากการแอสซิสต์ของกรีลิช ส่งผลให้ดาวรุ่งรายนี้ทำแฮตทริกได้สำเร็จ พร้อมปิดฉากชัยชนะสุดยิ่งใหญ่ 8-0

เป๊ป พอใจ พร้อมลุยต่อในรอบ 4
ชัยชนะนัดนี้ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทีม แต่ยังตอกย้ำถึงความลึกของขุมกำลังที่มีดาวรุ่งผสมผสานกับตัวหลักได้อย่างลงตัว โดยการจับสลากรอบ 4 จะมีขึ้นหลังจบเกมระหว่าง อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์นี้

รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริง
แมนฯ ซิตี้: เอแดร์ซอน, นิโก้ โอเรลลี่, จาห์ไม ซิมพ์สัน-พูซี่ย์, นาธาน อาเก้, มาเตอุส นูเนส, เจมส์ แม็คอาตี้, อิลคาย กุนโดอัน, แจ็ค กรีลิช, ซาวินโญ่, เฌเรมี่ โดกู, ดิวิน มูบาม่า
ซัลฟอร์ด: แม็ตตี้ ยัง, เลียม เช็พพาร์ด, เคอร์ติส ทิลต์, ลุค การ์บัตต์, ฮาจี เอ็นโนก้า, แมทธิว ลุนด์, ออสซาม่า แอชลี่ย์, ไทรีส ฟอร์นาห์, เควิน เบอร์โค, ฮาคีบ อเดลากุน, คีเลียน คูอัสซี่

จบเกม แมนฯ ซิตี้ การันตีการผ่านเข้ารอบด้วยฟอร์มที่คู่แข่งต้องจับตามอง!

ลิเวอร์พูลสร้างสถิติใหม่! ส่ง “เอ็นกูโมฮา” ลงตัวจริง

0

ลิเวอร์พูลสร้างสถิติใหม่! ส่ง “เอ็นกูโมฮา” ลงตัวจริงอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์สโมสร

ลิเวอร์พูลสร้างปรากฏการณ์ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 หลังส่ง ริโอ เอ็นกูโมฮา ปีกดาวรุ่งวัยเพียง 16 ปี 4 เดือน 14 วัน ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมพบกับแอคคริงตัน ทีมจากลีก ทู เมื่อวันเสาร์ที่ 11 มกราคม ทำลายสถิติเดิมที่เคยถูกจารึกไว้และกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของสโมสรที่ได้ออกสตาร์ตในรายการนี้

เอ็นกูโมฮา ซึ่งย้ายมาจากอะคาเดมี่ของเชลซีเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ได้รับการจับตามองว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นเยาวชนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในวงการฟุตบอลอังกฤษ โดยก่อนหน้านี้ สถิติอายุน้อยที่สุดของลิเวอร์พูลในการลงเล่นเอฟเอ คัพ เป็นของ เทรย์ เอ็นโยนี่ ที่ทำไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ด้วยวัย 16 ปี 8 เดือน 8 วัน

อาร์เน่อ สล็อต ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล กล่าวชื่นชมดาวรุ่งรายนี้ก่อนเกมว่า
“ริโอแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ยอดเยี่ยมทุกครั้งที่ฝึกซ้อมกับทีม เขาไม่มีความกลัวในการแสดงสิ่งที่เขาทำได้ดี และนั่นคือเหตุผลที่เราตัดสินใจให้เขามีโอกาสนี้ มันเป็นช่วงเวลาพิเศษจริงๆ”

การส่งเอ็นกูโมฮาลงสนามในเกมนี้ไม่เพียงแต่สร้างความฮือฮาในหมู่แฟนบอล แต่ยังเป็นการยืนยันถึงความเชื่อมั่นของลิเวอร์พูลในระบบพัฒนาเยาวชนของทีม ซึ่งยังคงเดินหน้าผลักดันนักเตะรุ่นใหม่ให้ก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับท็อปของวงการฟุตบอลต่อไป

เอฟเวอร์ตัน ดึง “เดวิด มอยส์” กลับมาคุมทีมรอบสอง

0

สโมสรเอฟเวอร์ตัน ประกาศแต่งตั้ง เดวิด มอยส์ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างเป็นทางการ โดยถือเป็นการหวนคืนสู่ถิ่น กูดิสัน พาร์ค เป็นครั้งที่สอง พร้อมเซ็นสัญญาระยะเวลา 2 ปีครึ่ง

กุนซือชาวสกอตแลนด์วัย 61 ปี กลับมารับตำแหน่งแทนที่ ฌอน ไดช์ ที่เพิ่งถูกปลดออกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังทีมทำผลงานได้ย่ำแย่ในช่วงต้นฤดูกาล โดยมอยส์กล่าวถึงการกลับมาครั้งนี้ว่า

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้กลับมาร่วมงานกับสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่างเอฟเวอร์ตันอีกครั้ง 11 ปีที่ผมเคยอยู่ที่นี่เต็มไปด้วยความทรงจำที่ยอดเยี่ยม และเมื่อโอกาสนี้มาถึง ผมไม่ลังเลเลยที่จะตอบรับ”

“เป้าหมายสำคัญตอนนี้คือการรวมพลังของแฟนบอลและทีมในช่วงเวลาสำคัญของฤดูกาล เพื่อให้เราสามารถเดินหน้าต่อไปในฐานะสโมสรพรีเมียร์ลีก เมื่อถึงเวลาย้ายเข้าสู่สนามใหม่ที่งดงามของเรา”

ผลงานของมอยส์ก่อนหน้านี้
มอยส์เคยคุมเอฟเวอร์ตันในช่วงปี 2002 ถึง 2013 และพาทีมประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ก่อนย้ายไปคุมทีมใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึงผ่านการคุมทีมต่างแดนกับ เรอัล โซเซียดาด และกลับมาคุมทีมในอังกฤษกับ ซันเดอร์แลนด์ และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่งล่าสุดเขาพาเวสต์แฮมคว้าแชมป์ ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก เมื่อปี 2023

สถานการณ์ปัจจุบันของเอฟเวอร์ตัน
ปัจจุบัน เอฟเวอร์ตันอยู่ในอันดับที่ 16 ของตารางพรีเมียร์ลีก โดยมีเพียง 3 ชัยชนะจาก 19 นัด และมีแต้มเหนือโซนตกชั้นเพียง 1 คะแนน การเข้ามาของมอยส์ในช่วงเวลานี้ถูกคาดหวังว่าจะช่วยยกระดับฟอร์มของทีม และรักษาสถานะในลีกสูงสุดของอังกฤษต่อไป

แฟนบอลเอฟเวอร์ตันต่างหวังว่ากุนซือผู้มากประสบการณ์รายนี้จะนำพาสโมสรกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องในฤดูกาลที่ท้าทายนี้

แมนฯ ยูไนเต็ด ขยายสัญญา “อาหมัด ดิยัลโล่” ยาวถึงปี 2030

0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศยืนยันการต่อสัญญาระยะยาวกับ อาหมัด ดิยัลโล่ ปีกตัวรุกวัย 22 ปี โดยข้อตกลงใหม่จะทำให้เขาอยู่กับสโมสรจนถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2030

สัญญาฉบับใหม่นี้เป็นระยะเวลา 5 ปีครึ่ง แทนที่จะใช้ออปชั่นขยายสัญญาเพิ่มอีก 12 เดือนตามข้อตกลงเดิม การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ดาวเตะทีมชาติไอวอรี่โคสต์แสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ ทั้งในยุคของ เอริก เทน ฮาก และการปรับตัวเข้ากับสไตล์การทำทีมของ รูเบน อาโมริม กุนซือคนปัจจุบัน

ดิยัลโล่กล่าวถึงการต่อสัญญาครั้งนี้ว่า

“ผมรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เซ็นสัญญาใหม่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งสำหรับผม แต่ผมเชื่อว่ายังมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมรออยู่ในอนาคต”
“นับตั้งแต่ผมย้ายมาที่นี่เมื่อ 4 ปีก่อน ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย ต้องขอบคุณโค้ชและทีมงานที่คอยช่วยพัฒนาผม รวมถึงแฟนบอลที่สนับสนุนผมมาตลอด ทุกครั้งที่ลงสนาม ผมรู้สึกถึงพลังจากพวกเขา”

เส้นทางของดิยัลโล่ในสีเสื้อปีศาจแดง

ดิยัลโล่ย้ายมาจาก อตาลันต้า เมื่อปี 2021 ด้วยค่าตัวราว 37 ล้านปอนด์ ก่อนถูกส่งไปเก็บประสบการณ์กับ เรนเจอร์ส และ ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งการปล่อยยืมตัวดังกล่าวช่วยให้เขาพัฒนาฝีเท้าจนสามารถสร้างผลงานได้โดดเด่นในฤดูกาลนี้

ปัจจุบัน ดิยัลโล่ลงเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ดไปแล้วทั้งหมด 50 นัด ทำได้ 9 ประตู ซึ่งในฤดูกาลนี้เขาทำผลงานยอดเยี่ยมในเกมใหญ่ เช่น การยิงประตูสำคัญที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม และ แอนฟิลด์

การต่อสัญญาครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของสโมสรในตัวดิยัลโล่ โดยเขาจะเป็นกำลังสำคัญในระยะยาวของทีม และเป็นส่วนหนึ่งในแผนการสร้างอนาคตของแมนฯ ยูไนเต็ด

เผย 20 นักเตะมูลค่าสูงสุดโลกปี 2025

0

ผลการประเมินมูลค่านักเตะล่าสุดโดย CIES Football Observatory หน่วยงานชั้นนำด้านการวิเคราะห์มูลค่าการย้ายทีมในเชิงวิทยาศาสตร์ เปิดเผยว่า จู๊ด เบลลิ่งแฮม กองกลางดาวรุ่งของเรอัล มาดริด ครองตำแหน่งนักเตะที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกประจำปี 2025 ด้วยมูลค่า 251.4 ล้านยูโร

เกณฑ์การประเมินมูลค่า

CIES Football Observatory ใช้ข้อมูลด้านอายุของนักเตะ ระยะเวลาสัญญา ฟอร์มการเล่น และบทบาทในทีม เพื่อจัดอันดับนักเตะที่มีมูลค่าการย้ายทีมสูงที่สุด ณ วันที่ 1 มกราคม 2025 ผลปรากฏว่า จู๊ด เบลลิ่งแฮม วัย 21 ปี ซึ่งมีสัญญากับเรอัล มาดริดจนถึงปี 2029 รั้งอันดับ 1 ขณะที่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามมาในอันดับ 2 ด้วยมูลค่า 221.5 ล้านยูโร

ดาวรุ่งและตัวเต็งในลิสต์

หนึ่งในนักเตะที่โดดเด่นคือ ลามีน ยามาล แนวรุกดาวรุ่งวัย 17 ปีของบาร์เซโลน่า ที่ติดอันดับ 4 ด้วยมูลค่า 180.3 ล้านยูโร ส่วน คีเลียน เอ็มบัปเป้ แม้จะมีสัญญายาวกับเรอัล มาดริดจนถึงปี 2029 แต่รั้งอันดับ 5 ด้วยมูลค่า 175.2 ล้านยูโร

ในพรีเมียร์ลีก มีนักเตะถึง 3 รายที่ติดท็อป 10 ได้แก่ บูกาโย่ ซาก้า จากอาร์เซน่อล (อันดับ 6, 157.3 ล้านยูโร), โคล พาลเมอร์ จากเชลซี (อันดับ 8, 150 ล้านยูโร) และ ฟิล โฟเด้น จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อันดับ 9, 144.6 ล้านยูโร)

ผู้รักษาประตูค่าตัวสูงสุด

สำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตู บาร์ต เวอร์บรู๊กเก้น ของไบรท์ตัน คือผู้เล่นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตำแหน่งนี้ ด้วยค่าประเมิน 67.3 ล้านยูโร


20 อันดับนักเตะมูลค่าสูงสุดในโลก ปี 2025

  1. จู๊ด เบลลิ่งแฮม – 251.4 ล้านยูโร (เรอัล มาดริด)
  2. เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ – 221.5 ล้านยูโร (แมนฯ ซิตี้)
  3. วินิซิอุส จูเนียร์ – 205.7 ล้านยูโร (เรอัล มาดริด)
  4. ลามีน ยามาล – 180.3 ล้านยูโร (บาร์เซโลน่า)
  5. คีเลียน เอ็มบัปเป้ – 175.2 ล้านยูโร (เรอัล มาดริด)
  6. บูกาโย่ ซาก้า – 157.3 ล้านยูโร (อาร์เซน่อล)
  7. ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ – 151.2 ล้านยูโร (เลเวอร์คูเซ่น)
  8. โคล พาลเมอร์ – 150 ล้านยูโร (เชลซี)
  9. ฟิล โฟเด้น – 144.6 ล้านยูโร (แมนฯ ซิตี้)
  10. โรดรีโก้ – 141.3 ล้านยูโร (เรอัล มาดริด)
  11. ไค ฮาแวร์ตซ์ – 130.1 ล้านยูโร (อาร์เซน่อล)
  12. ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ – 125.2 ล้านยูโร (แอตเลติโก มาดริด)
  13. ซาวินโญ่ – 118.3 ล้านยูโร (แมนฯ ซิตี้)
  14. จามาล มูเซียล่า – 117.1 ล้านยูโร (บาเยิร์น มิวนิค)
  15. เบนจามิน เซสโก้ – 116.6 ล้านยูโร (แอร์เบ ไลป์ซิก)
  16. ยอสโก้ กวาร์ดิโอล – 115.7 ล้านยูโร (แมนฯ ซิตี้)
  17. เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ – 114 ล้านยูโร (เรอัล มาดริด)
  18. ราสมุส ฮอยลุนด์ – 111.2 ล้านยูโร (แมนฯ ยูไนเต็ด)
  19. เดแคลน ไรซ์ – 108.3 ล้านยูโร (อาร์เซน่อล)
  20. เลาตาโร่ มาร์ติเนซ – 107.2 ล้านยูโร (อินเตอร์ มิลาน)

การจัดอันดับนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถ ศักยภาพ และมูลค่าของนักเตะในตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คงต้องจับตาดูว่าเบลลิ่งแฮมและดาวรุ่งคนอื่นๆ จะสามารถรักษาฟอร์มและเพิ่มมูลค่าต่อไปได้หรือไม่ในอนาคต

นิวคาสเซิ่ลเล็ง “เคลเลเฮอร์” เสริมทัพแทน “ดูบราฟก้า”

0

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เตรียมแผนคว้าตัว ควีวีน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูมือสองของลิเวอร์พูล เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตำแหน่งนายทวาร หาก มาร์ติน ดูบราฟก้า ตัดสินใจย้ายทีมในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม

อนาคตของดูบราฟก้าในซาอุดีอาระเบีย

ตามรายงานของ เบน เจค็อบส์ ผู้สื่อข่าวฟุตบอลชื่อดัง ระบุว่า มาร์ติน ดูบราฟก้า อาจย้ายไปเล่นให้กับ อัล ชาบับ ในลีกซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากสัญญาของเขากับนิวคาสเซิ่ลกำลังจะหมดลงในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียผู้เล่นไปแบบฟรีๆ สโมสรจึงมีแนวโน้มปล่อยตัวเขาในตลาดหน้าหนาว

ขณะเดียวกัน ฟาบริซิโอ โรมาโน่ กูรูด้านตลาดนักเตะ รายงานว่าดูบราฟก้าได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับอัล ชาบับแล้ว และตอนนี้รอเพียงการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากนิวคาสเซิ่ลก่อนการย้ายทีมในเดือนมกราคม

นิวคาสเซิ่ลมองหาทางเลือกใหม่

หากการย้ายทีมของดูบราฟก้าเกิดขึ้นจริง นิวคาสเซิ่ล จะต้องมองหาผู้รักษาประตูคนใหม่ทันที โดยมี เจมส์ แทรฟฟอร์ด นายด่านดาวรุ่งของเบิร์นลีย์ เป็นเป้าหมายหนึ่งที่พวกเขาให้ความสนใจมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งชื่อที่น่าจับตามองคือ ควีวีน เคลเลเฮอร์ นายทวารฝีมือดีของลิเวอร์พูล ซึ่งเคยโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในการช่วยทีมคว้าแชมป์คาราบาว คัพ 2 สมัย

ศักยภาพของเคลเลเฮอร์

นายทวารวัย 26 ปี ได้รับคำชื่นชมอย่างมากในฤดูกาลนี้ ด้วยการเก็บ 6 คลีนชีตจากการลงสนาม 13 นัด พร้อมทั้งทำผลงานเด่นด้วยการเซฟจุดโทษของ คีเลียน เอ็มบัปเป้ และ อดัม อาร์มสตรอง ในเกมสำคัญที่ผ่านมา นอกจากนี้ เขายังพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูระดับท็อปของพรีเมียร์ลีก

อย่างไรก็ตาม ความต้องการของเคลเลเฮอร์ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูตัวเลือกแรกอาจไม่สามารถเป็นจริงได้ในถิ่นแอนฟิลด์ เนื่องจากทีมมี อลิสซอน เบ็คเกอร์ และกำลังวางแผนคว้าตัว จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี นายด่านของบาเลนเซียมาเสริมทีมในฤดูกาลหน้า

ค่าตัวและความเป็นไปได้ในการย้ายทีม

ควีวีน เคลเลเฮอร์ ยังมีสัญญากับลิเวอร์พูลจนถึงปี 2026 โดยคาดว่าค่าตัวของเขาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านปอนด์ หากนิวคาสเซิ่ลสามารถดึงตัวมาร่วมทีมได้ เขาน่าจะช่วยเพิ่มความมั่นคงในตำแหน่งผู้รักษาประตูได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม หากการย้ายทีมเกิดขึ้นในเดือนมกราคม เคลเลเฮอร์จะติด คัพไท ไม่สามารถลงเล่นในศึกคาราบาว คัพให้กับนิวคาสเซิ่ลได้ เนื่องจากเขาเคยลงเล่นรายการนี้กับลิเวอร์พูลแล้วในฤดูกาลปัจจุบัน

นิวคาสเซิ่ลจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากพวกเขายังคงมุ่งมั่นกับการรักษาฟอร์มในทุกการแข่งขัน รวมถึงการผลักดันสู่รอบลึกๆ ของยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก

เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป ปฏิเสธขายลิเวอร์พูล

0

เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (FSG) เจ้าของสโมสรลิเวอร์พูล ออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่าไม่มีแผนที่จะขายทีม และไม่เคยได้รับการติดต่อจาก อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ตามที่มีกระแสข่าวในช่วงที่ผ่านมา

ข่าวลือการซื้อขายที่ถูกจุดประกาย

กระแสข่าวดังกล่าวเริ่มต้นจาก เออร์รอล มัสก์ บิดาของอีลอน มัสก์ ซึ่งระบุในระหว่างให้สัมภาษณ์กับรายการ ไทม์ส เรดิโอ ว่า ลูกชายของเขาแสดงความสนใจที่จะซื้อสโมสรลิเวอร์พูล ด้วยมูลค่าสูงถึง 6 พันล้านปอนด์ โดยเออร์รอลกล่าวว่า “เขาแสดงความปรารถนาที่จะซื้อสโมสร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีการยื่นข้อเสนอ”

เมื่อถูกถามถึงเหตุผลที่อีลอนสนใจในลิเวอร์พูล เออร์รอลกล่าวว่า “คุณย่าของเขาเกิดที่ลิเวอร์พูล ครอบครัวของเรามีสายสัมพันธ์กับเมืองนี้ อีกทั้งยังเติบโตมาพร้อมกับเรื่องราวของวง เดอะ บีทเทิลส์ ดังนั้นลิเวอร์พูลจึงเป็นสโมสรที่พวกเราผูกพันเป็นพิเศษ”

FSG ยืนยันไม่ขายทีม

อย่างไรก็ตาม รายงานจาก เดลี เมล ชี้ชัดว่า แหล่งข่าวภายในของลิเวอร์พูลได้ปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว โดยยืนยันว่า FSG ไม่มีแผนที่จะขายสโมสร และไม่เคยได้รับการติดต่อจากอีลอน มัสก์ แม้จะมีกระแสข่าวถึงความสนใจจากมหาเศรษฐีผู้นี้

ในรายงานยังระบุอีกว่า แม้ว่าอีลอน มัสก์ จะร่ำรวยเป็นอันดับ 1 ของโลก และอาจสามารถเสนอราคาที่น่าสนใจได้ แต่ FSG ไม่มีความตั้งใจที่จะเจรจาเรื่องการขายทีม เนื่องจากพวกเขายังคงมุ่งมั่นกับการบริหารสโมสร และเพิ่งขายหุ้นส่วนเล็กๆ ให้กับ ไดแนสตี้ เอควิตี้ ในเดือนกันยายน 2023 เพื่อเพิ่มเงินทุนสำหรับการพัฒนาทีม

สรุปท่าทีของ FSG

แหล่งข่าวจาก เดอะ ไทม์ส ให้ข้อมูลในทิศทางเดียวกันว่า ขณะนี้ FSG ไม่มีเหตุผลใดที่จะขายสโมสร โดยเฉพาะหลังจากที่พวกเขาได้ดำเนินการปรับโครงสร้างการถือหุ้นบางส่วนเพื่อเพิ่มความมั่นคงในระยะยาว

แม้การเป็นเจ้าของโดยบุคคลที่มั่งคั่งอย่างอีลอน มัสก์ อาจเป็นที่สนใจของแฟนบอลบางส่วน แต่สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน และ FSG ยืนยันว่าพวกเขายังคงมุ่งมั่นกับการบริหารสโมสรลิเวอร์พูลอย่างต่อเนื่อง.

นิวคาสเซิ่ล บุกคว้าชัยเหนือ อาร์เซน่อล 2-0 ตุนความได้เปรียบ

0

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการบุกเอาชนะ อาร์เซน่อล 2-0 ในเกมคาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก จากการทำประตูของ อเล็กซานเดอร์ อีซัค และ แอนโธนี่ กอร์ดอน ส่งผลให้ทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว ได้เปรียบก่อนกลับไปเล่นนัดที่สองที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค

ครึ่งแรก: นิวคาสเซิ่ล ออกนำจากลูกยิงของอีซัค

มิเกล อาร์เตต้า กุนซืออาร์เซน่อล เลือกส่ง ไค ฮาแวร์ตซ์ ลงเป็นตัวจริงในแนวรุกแทน กาเบรียล เชซุส โดยมี กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ เลอันโดร ทรอสซาร์ คอยประสานงาน ส่วนแดนกลางนำโดย มาร์ติน โอเดอการ์ด กัปตันทีม

ด้าน นิวคาสเซิ่ล ปรับผู้เล่นจากเกมลีกนัดล่าสุด โดย โจ วิลล็อค ลงมาแทน บรูโน่ กิมาไรส์ ที่ติดโทษแบน แดนกลางยังคงมี โชลินตอน และ ซานโดร โตนาลี่ คุมเกม

นาทีที่ 37 ความพยายามของนิวคาสเซิ่ลสัมฤทธิ์ผล เมื่อ เจค็อบ เมอร์ฟี่ เปิดบอลอย่างแม่นยำให้ อเล็กซานเดอร์ อีซัค โฉบเข้ายิงผ่านมือ ดาบิด ราย่า เข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้นิวคาสเซิ่ลขึ้นนำ 1-0

แม้อาร์เซน่อลจะมีโอกาสจากลูกยิงในกรอบของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ช่วงท้ายครึ่งแรก แต่ไม่ผ่านมือ มาร์ติน ดูบราฟก้า ทำให้จบครึ่งแรก นิวคาสเซิ่ลยังนำอยู่ 1-0

ครึ่งหลัง: กอร์ดอนยิงย้ำชัย

กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง นาทีที่ 51 นิวคาสเซิ่ลขยับหนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่ อีซัค ซัดบอลไปติดเซฟของ ราย่า ก่อนที่บอลจะกระเด้งมาเข้าทาง แอนโธนี่ กอร์ดอน ซ้ำจ่อๆ เข้าไป

อาร์เซน่อลพยายามเร่งเกมเพื่อทวงประตูคืน ในนาทีที่ 58 เลอันโดร ทรอสซาร์ เปิดบอลเข้ามาให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ขึ้นโหม่ง แต่ไม่โดนบอลเต็มหัว ทำให้โอกาสหลุดลอยไป

ช่วงท้ายเกม ทีมปืนใหญ่ส่งตัวสำรองอย่าง จอร์จินโญ่ ลงมาเสริมเกมรุก แต่ความพยายามจากลูกยิงไกลของเขากลับหลุดกรอบไปหลายครั้ง รวมถึงลูกวอลเลย์ของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่ข้ามคานออกไป

แม้จะทดเวลาบาดเจ็บเพิ่มอีก 5 นาที แต่แนวรับของนิวคาสเซิ่ลยังคงเหนียวแน่น ปิดโอกาสของอาร์เซน่อลได้ทุกจังหวะ จบเกม นิวคาสเซิ่ล บุกมาคว้าชัย 2-0 พร้อมตุนความได้เปรียบก่อนนัดที่สอง

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล (4-3-3): ดาบิด ราย่า – ยูเลี่ยน ทิมเบอร์, วิลเลี่ยม ซาลิบา, กาเบรียล มากัลเญส, ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่ – มาร์ติน โอเดอการ์ด, โทมัส ปาเตย์, เดแคลน ไรซ์ – กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, ไค ฮาแวร์ตซ์, เลอันโดร ทรอสซาร์

นิวคาสเซิ่ล (4-3-3): มาร์ติน ดูบราฟก้า – วาเลนติโน ลิฟราเมนโต, สเวน บอตแมน, แดน เบิร์น, ลูอิส ฮอลล์ – ซานโดร โตนาลี่, โจ วิลล็อค, โชลินตอน – เจค็อบ เมอร์ฟี่, อเล็กซานเดอร์ อีซัค, แอนโธนี่ กอร์ดอน

นัดต่อไป

นิวคาสเซิ่ลจะกลับไปเปิดบ้านที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค เพื่อลงเล่นนัดที่สองในรอบรองชนะเลิศนี้ โดยพวกเขาหวังรักษาความได้เปรียบและผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศคาราบาว คัพ ขณะที่อาร์เซน่อลต้องพยายามพลิกสถานการณ์ให้ได้ในเกมถัดไป.

แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมขาย “เมนู” และ “การ์นาโช่”

0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังพิจารณาปล่อยตัวสองดาวรุ่งจากอะคาเดมีอย่าง ค็อบบี้ เมนู และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ เพื่อช่วยปรับสมดุลทางการเงินของสโมสร ท่ามกลางแรงกดดันจากกฎเกณฑ์ผลกำไรและความยั่งยืนของพรีเมียร์ลีก (Profitability and Sustainability Rules หรือ PSR) โดยมีการประเมินมูลค่ารวมของทั้งสองคนไว้ที่ราว 70 ล้านปอนด์

เหตุผลทางการเงินบีบให้ต้องขาย

รายงานจากสื่ออังกฤษหลายสำนักชี้ให้เห็นว่า ยูไนเต็ดกำลังเผชิญกับแรงกดดันในการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านค่าจ้างและสร้างรายได้เพื่อปฏิบัติตามกฎ PSR โดยการขายนักเตะดาวรุ่งทั้งสองคนถือเป็นวิธีที่เป็นไปได้ในการปลดล็อกปัญหานี้

ค็อบบี้ เมนู กองกลางวัย 19 ปี กำลังเป็นที่สนใจจากหลายสโมสรชั้นนำในยุโรป รวมถึง เชลซี โดยมีรายงานว่าตัวนักเตะเรียกร้องค่าเหนื่อยสูงถึง 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งเกินกว่าที่แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมจ่ายในสถานการณ์ปัจจุบัน การปล่อยตัวเมนูจึงอาจเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ด้าน อเลฮานโดร การ์นาโช่ ปีกดาวรุ่งชาวอาร์เจนไตน์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นผู้เล่นสำคัญในอนาคตของทีม กลับต้องดิ้นรนอย่างหนักภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อาโมริม กุนซือคนใหม่ สไตล์การเล่นระบบ 3-4-3 ของอาโมริมดูเหมือนจะไม่เข้ากับศักยภาพของการ์นาโช่ ทำให้เขาไม่มีชื่อในทีม 5 นัดหลังสุด และมีแนวโน้มถูกขายออกในตลาดนักเตะ

โอกาสและความสำคัญทางการตลาด

มูลค่าตลาดที่สูงขึ้นของเมนูและการ์นาโช่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สโมสรอาจต้องตัดสินใจปล่อยพวกเขาออกไป การประเมินมูลค่าที่ 70 ล้านปอนด์นั้นถือเป็นเม็ดเงินก้อนโตที่ช่วยพยุงสถานการณ์ทางการเงินของทีม และลดแรงกดดันจากปัญหาค่าจ้างที่พุ่งสูง

ขายเพื่อปรับสมดุลทีม

นอกเหนือจากการขายดาวรุ่งทั้งสองคน แมนฯ ยูไนเต็ด ยังพยายามปล่อยตัวผู้เล่นที่มีรายได้สูง เช่น มาร์คัส แรชฟอร์ด, กาเซมิโร่, และ อันโตนี่ แต่การเจรจายังไม่คืบหน้า และด้วยสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ สโมสรจึงอาจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยนักเตะพรสวรรค์อย่างเมนูหรือการ์นาโช่ เพื่อปรับโครงสร้างทีมและรักษาเสถียรภาพทางการเงิน

อนาคตของทีมและตลาดซื้อขาย

แมนฯ ยูไนเต็ด คาดว่าจะเร่งดำเนินการในตลาดนักเตะเดือนมกราคมนี้ หากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในเชิงการเงิน สโมสรอาจต้องปล่อยนักเตะเหล่านี้ในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งจะกลายเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับทีมในการรักษาสมดุลระหว่างผลงานในสนามและการจัดการทางการเงินในอนาคต

สเปอร์ส ขยายสัญญา “ซน ฮึง-มิน” เพิ่มอีก 1 ปี

0

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ประกาศใช้เงื่อนไขขยายสัญญาของ ซน ฮึง-มิน กองหน้ากัปตันทีมออกไปอีก 1 ปี ส่งผลให้ดาวยิงชาวเกาหลีใต้จะอยู่กับทีมไปจนถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2026

เดิมทีสัญญาของแข้งวัย 32 ปีจะหมดลงหลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ แต่ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมและความสำคัญของเขาในทีม “ไก่เดือยทอง” จึงตัดสินใจใช้เงื่อนไขดังกล่าวเพื่อรักษาเจ้าของปลอกแขนกัปตันทีมไว้กับสโมสรต่อไป

ดาวยิงประวัติศาสตร์ของสโมสร
ซน ฮึง-มิน ย้ายจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาร่วมทีมในปี 2015 และกลายเป็นหนึ่งในนักเตะระดับตำนานของสโมสรอย่างรวดเร็ว ด้วยผลงานการยิงประตูรวม 169 ลูกจากการลงสนาม 431 นัด เป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับ 4 ตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของสเปอร์ส

ในพรีเมียร์ลีก ซน ทำไปได้ 125 ประตูและ 68 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 320 นัด พร้อมมีส่วนสำคัญในการพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในปี 2019 อีกทั้งยังช่วยให้ทีมจบอันดับ 5 ในพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

คำยกย่องจากสโมสร
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ของสโมสร ระบุว่า “ซน ฮึง-มิน ไม่เพียงแต่กลายเป็นนักเตะระดับโลกในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับเรา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์สำคัญในยุคใหม่ของสโมสร และเรายินดีที่เขาจะอยู่เป็นส่วนหนึ่งของทีมต่อไปอีกหลายปี”

ผลงานในฤดูกาลปัจจุบัน
ในฤดูกาล 2024/25 ซนยังคงเป็นกำลังหลักของทีม โดยยิงไปแล้ว 5 ประตูและทำ 6 แอสซิสต์จากการลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 17 นัด ขณะที่ผลงานของทีมโดยรวม สเปอร์ส รั้งอันดับ 12 ของตารางลีกในขณะนี้

โปรแกรมนัดถัดไป
สำหรับโปรแกรมสำคัญที่จะถึงนี้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เตรียมเปิดบ้านรับมือ ลิเวอร์พูล ในศึกคาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ซึ่งจะแข่งขันกันในวันพุธที่ 9 มกราคม 2568 โดยซน ฮึง-มิน คาดว่าจะยังคงเป็นกำลังหลักในแนวรุกเพื่อพาทีมลุ้นแชมป์รายการนี้ต่อไป

ห้ามพลาด!