Home Blog Page 54

อโมริม พร้อมขาย แรชฟอร์ด หากไม่คืนฟอร์ม

0

รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจตัดสินใจปล่อยตัว มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2025 หากดาวยิงวัย 27 ปีไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งกลับมาได้

แม้ว่าแรชฟอร์ดจะได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกเกือบทุกนัดในฤดูกาลนี้ แต่ผลงานของเขากลับไม่เป็นที่น่าพอใจ ด้วยสถิติยิงเพียง 1 ประตูและทำ 1 แอสซิสต์เท่านั้น รายงานจาก talkSPORT ผ่านการวิเคราะห์ของกาเบรียล อั๊กบอลลาฮอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ชี้ว่าอโมริมมีแนวโน้มสูงที่จะขายแรชฟอร์ดออกจากทีม “อย่างแน่นอน” หากฟอร์มการเล่นไม่กระเตื้องขึ้นในช่วงที่เหลือของซีซั่น

อั๊กบอลลาฮอร์กล่าวถึงสถานการณ์นี้ว่า
“จำได้ไหมว่าตอนที่คุณก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ คุณรู้สึกตื่นเต้นแค่ไหนกับการเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด? คุณต้องกลับไปหาความกระหายนั้นอีกครั้ง เพราะถ้าคุณไม่ทำอะไร คุณจะพบว่าตัวเองเหมือน [เจสซี่] ลินการ์ด ที่ตอนนี้เล่นในเกาหลีใต้ มันเกิดขึ้นได้ง่ายมาก”

เขายังเสริมว่า หากแรชฟอร์ดสามารถปรับตัวและทำผลงานได้ดีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โอกาสกลับไปติดทีมชาติอังกฤษและกลับมาเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นก็ยังมีอยู่

แผนการเล่นในยุคอโมริม

ภายใต้การคุมทีมของอโมริมที่เน้นแผน 3-4-3 บทบาทของแรชฟอร์ดอาจเปลี่ยนแปลงไปจากยุคของเอริก เทน ฮาก ที่มักใช้งานเขาในตำแหน่งปีกซ้ายในระบบ 4-2-3-1 โดยอโมริมมักให้ความสำคัญกับผู้เล่นหมายเลข 10 อย่างบรูโน่ แฟร์นันด์ส และเมสัน เมานท์ในเกมรุก และอาจปรับแรชฟอร์ดไปเล่นตำแหน่งอื่น เช่น วิงแบ็คหรือตัวรุกหมายเลข 9

รายงานจาก Givemesport ระบุว่า อโมริมยังคงเปิดโอกาสให้แรชฟอร์ดพิสูจน์ตัวเองในบทบาทกองหน้าตัวเป้า หากสามารถแสดงศักยภาพที่เหมาะสมกับระบบทีม

อนาคตของแรชฟอร์ดในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดยังคงไม่แน่นอน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือเขาจะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเขายังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมในยุคใหม่ของอโมริม

พรีเมียร์ลีกอนุมัติเปลี่ยนแปลงกฎ APT หลังการประชุม

0

พรีเมียร์ลีกได้ประกาศอนุมัติการเปลี่ยนแปลงกฎ Associated Party Transaction (APT) หลังจากการประชุมร่วมกับทั้ง 20 สโมสรสมาชิกในเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา ณ กรุงลอนดอน ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่ถึง 30 นาทีในการสรุปมติ

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากคณะกรรมการอิสระตัดสินเมื่อเดือนตุลาคมว่า ส่วนหนึ่งของกฎ APT ที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินสปอนเซอร์นั้นขัดต่อกฎหมาย นำมาซึ่งการฟ้องร้องจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเป็นเหตุให้พรีเมียร์ลีกต้องดำเนินการปรับปรุงกฎเพื่อให้สอดคล้องกับคำตัดสิน

ผลการประชุมและการลงมติ

พรีเมียร์ลีกแถลงว่า การประชุมในครั้งนี้นำไปสู่มติที่เห็นชอบต่อการปรับปรุงกฎ APT โดยได้รับการอนุมัติด้วยคะแนนเสียง 16-4 จากสโมสรสมาชิกทั้งหมด พร้อมทั้งแก้ไขข้อกำหนดต่างๆ ให้เป็นไปตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายและคณะอนุญาโตตุลาการ

แถลงการณ์ของพรีเมียร์ลีกระบุว่า
“เราได้ทำงานร่วมกับสโมสรและที่ปรึกษากฎหมายอิสระอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับปรุงกฎ APT ให้มีความเหมาะสม โดยเป้าหมายสำคัญคือการป้องกันไม่ให้สโมสรได้รับประโยชน์เกินควรจากสัญญาทางการค้าที่ไม่สอดคล้องกับมูลค่าทางการตลาด (Fair Market Value) ผ่านความสัมพันธ์พิเศษกับผู้ที่เกี่ยวข้อง”

กฎ APT ได้รับการออกแบบมาเพื่อรักษาความยั่งยืนทางการเงิน ความซื่อตรง และสมดุลของการแข่งขันในลีก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโครงสร้างพรีเมียร์ลีก

เบื้องหลังการปรับปรุงกฎ

การแก้ไขกฎในครั้งนี้เกิดจากข้อเรียกร้องทางกฎหมายที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยื่นต่อระบบ APT เมื่อต้นปี โดยมีการถกเถียงในประเด็นการใช้กฎดังกล่าวเพื่อควบคุมการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสปอนเซอร์ที่มีความสัมพันธ์กับสโมสร

ภายหลังคำตัดสินของคณะกรรมการอิสระเมื่อเดือนตุลาคม พรีเมียร์ลีกจึงได้จัดตั้งคณะที่ปรึกษาเพื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น และนำเสนอร่างข้อเสนอใหม่ก่อนการประชุมครั้งนี้

การเปลี่ยนแปลงกฎครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการรักษาความโปร่งใสและความยุติธรรมในฟุตบอลอังกฤษ พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นต่อแฟนบอลและผู้สนับสนุนในระดับสากล

โรดรี้เผย ยากปฏิเสธ หาก “เรอัล มาดริด” ยื่นข้อเสนอร่วมทีม

0

โรดรี้ เอร์นานเดซ กองกลางตัวเก่งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2024 ยอมรับว่า หากได้รับการติดต่อจากเรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา สเปน คงเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธข้อเสนอ

ดาวเตะทีมชาติสเปนวัย 28 ปี เปิดเผยเรื่องนี้ในรายการ El Larguero ของ Cadena SER เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ในการย้ายไปเล่นกับ “ราชันชุดขาว” เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า
“เมื่อเรอัล มาดริด โทรมา สโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ประสบความสำเร็จมากมาย คุณย่อมรู้สึกภาคภูมิใจ และแน่นอนว่าคุณต้องให้ความสนใจฟังข้อเสนอ”

อย่างไรก็ตาม โรดรี้ย้ำว่าเขายังไม่ได้มีแผนที่จะอำลาถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยมในเร็วๆ นี้ โดยระบุว่า
“ผมอาจจะจบอาชีพค้าแข้งในอังกฤษก็ได้ เพราะผมรู้สึกมีคุณค่ากับที่นี่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นสโมสรที่พิเศษมาก”
เขายังเพิ่มเติมว่า “สเปนคือบ้านของผม และฟุตบอลที่นั่นก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาคือลีกที่ดีที่สุดในโลก”

โรดรี้ย้ายจากแอตเลติโก มาดริด มาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในปี 2019 และนับแต่นั้นมา เขาได้กลายเป็นกำลังสำคัญในทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ทั้งยังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกอย่างต่อเนื่อง จนก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก

แมนฯ ซิตี้ เฮ! 4 แข้งสำคัญคืนซ้อม พร้อมช่วยทีมดวลสเปอร์ส

0

ข่าวดีสำหรับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และเหล่าแฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อ เควิน เดอ บรอยน์, จอห์น สโตนส์, แจ็ค กรีลิช และ มานูเอล อคานยี่ 4 ผู้เล่นตัวหลักของทีม กลับมาลงซ้อมกับทีมได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง หลังจากต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บในช่วงที่ผ่านมา

การฟื้นตัวของทั้ง 4 คนช่วยเพิ่มตัวเลือกให้กับเป๊ปอย่างมากสำหรับการวางแผนเกมสำคัญที่จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ณ สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม โดยเฉพาะในช่วงที่ตารางการแข่งขันกำลังเข้มข้น

ความพร้อมของ เดอ บรอยน์ ในแดนกลาง รวมถึง กรีลิช ที่สร้างเกมรุกริมเส้น และความแข็งแกร่งในแนวรับที่มี สโตนส์ และ อคานยี่ จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสเก็บชัยชนะในเกมนี้อย่างสูง ทั้งนี้ แฟนบอลต่างตั้งตารอชมว่าการกลับมาของนักเตะเหล่านี้จะยกระดับฟอร์มทีมให้เหนือขึ้นไปอีกขั้นได้อย่างไร

“ปืนใหญ่จ้องดึงกูแลร์ หวังซ้ำรอยโอเดการ์ด!”

0

สื่อสเปนเผย! อาร์เซน่อลจ้องคว้าตัว อาร์ดา กูแลร์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งของ เรอัล มาดริด ด้วยดีลยืมตัว หวังดึงศักยภาพสู่การเป็น ‘โอเดการ์ด 2.0’

อาร์เซน่อล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก แสดงความสนใจอย่างจริงจังในการดึงตัว อาร์ดา กูแลร์ มิดฟิลด์อนาคตไกลจาก เรอัล มาดริด มาเสริมทัพ โดยสื่อในสเปนระบุว่า “ปืนใหญ่” เตรียมเสนอโอกาสลงสนามให้ดาวเตะวัย 18 ปี มากกว่าที่เจ้าตัวจะได้รับในลาลีกา

เหตุผลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังดีลนี้ คือการที่อาร์เซน่อลเห็นศักยภาพของกูแลร์คล้ายกับกรณีของ มาร์ติน โอเดการ์ด กองกลางทีมชาตินอร์เวย์ ที่เคยประสบปัญหาเรื่องโอกาสลงสนามในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว ก่อนจะกลายเป็นหัวใจสำคัญในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

ด้วยความเชื่อมั่นในระบบพัฒนานักเตะของ มิเกล อาร์เตต้า อาร์เซน่อลมั่นใจว่ากูแลร์สามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้ในอนาคต หากดีลนี้ประสบความสำเร็จ กูแลร์อาจได้เจริญรอยตามโอเดการ์ด ผู้ซึ่งเคยย้ายมาแบบยืมตัวก่อนจะเซ็นถาวรและกลายเป็นกัปตันทีมในปัจจุบัน

ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าข้อเสนออย่างเป็นทางการถูกยื่นไปหรือไม่ แต่ดีลนี้อาจขึ้นอยู่กับว่า เรอัล มาดริด พร้อมเปิดทางให้นักเตะย้ายชั่วคราวเพื่อเก็บประสบการณ์หรือไม่

ดีลช็อกวงการ! “โรนัลโด” มีลุ้นย้ายซบพรีเมียร์ลีก

0

คริสเตียโน โรนัลโด ซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกส ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับการกลับมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง โดยหลุยส์ ซาฮา อดีตกองหน้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงความเห็นว่าการกลับมาของโรนัลโดในสีเสื้อ “ปิศาจแดง” อาจไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ซาฮา เปิดเผยว่า โรนัลโด วัย 39 ปี มีความกระตือรือร้นที่จะกลับมาสู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้ง หลังจากที่เคยย้ายออกจากทีมในปี 2022 ด้วยสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะการมีปัญหากับ เอริก เทน ฮาก และการให้สัมภาษณ์แบบเปิดใจในรายการของ เพียร์ส มอร์แกน ซึ่งเขาได้วิจารณ์ทั้งตัวผู้จัดการทีมและการบริหารจัดการของสโมสร

หลังจากนั้น โรนัลโดได้ย้ายไปค้าแข้งกับ อัล นาสเซอร์ ในลีกซาอุดีอาระเบีย และสร้างสถิติยอดเยี่ยมด้วยการยิงไปถึง 74 ประตูจาก 85 นัด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังประสบปัญหาในเกมรุก โดย ราสมุส ฮอยลุนด์ ทำไปเพียง 2 ประตูในทุกรายการซีซั่นนี้ ส่วน โจชัว เซิร์กซี ยิงได้เพียง 1 ลูกเท่านั้น

ซาฮา ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมเชื่อว่าโรนัลโดอยากกลับมาสู่สโมสรในบทบาทที่เขาจะได้รับความเคารพ เขาออกจากทีมไปด้วยสถานการณ์ที่ไม่สวยงามเท่าไร แต่สิ่งที่เขาพูดถึงสโมสรในตอนนั้น หลายคนก็ยอมรับว่าเขามีเหตุผล ผมไม่คิดว่าสิ่งที่เขาพูดผิดเลย”

ซาฮายังเสริมว่า แม้โรนัลโดจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันของแมนฯ ยูไนเต็ด แต่การตัดสินใจเซ็นสัญญาจะไม่ใช่เพียงเพราะความสนิทสนม “อโมริมจะพิจารณาเฉพาะเมื่อเขาเชื่อว่าโรนัลโดจะช่วยทีมได้จริง ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเป็นเพื่อนกัน”

“ถ้าโอกาสนั้นมาถึง ผมมั่นใจว่าโรนัลโดอยากกลับมา เพราะเขารักความท้าทาย และเขายังคงมีความหลงใหลในสโมสรนี้ หากทุกอย่างเป็นไปได้ ผมไม่สงสัยเลยว่าเขาจะกลับมาช่วยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอีกครั้ง”

การกลับมาของโรนัลโดยังคงเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง และหากเกิดขึ้นจริง นี่อาจเป็นหนึ่งในดีลสุดเซอร์ไพรส์ของตลาดนักเตะรอบหน้า!

อโมริมไม่พอใจ! หลังนำ”แมนยู” ลงซ้อมสัปดาห์แรก

0

“เดอะ ซัน” สื่อดังอังกฤษ รายงานว่า รูเบน อโมริม กุนซือคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รู้สึกผิดหวังกับระดับความเร็วและความกระตือรือร้นของลูกทีม หลังจากนำพวกเขาลงซ้อมในสัปดาห์แรก แถมยังเริ่มประเมินแล้วว่าใครไม่เหมาะสมกับแผนการทำทีมของเขา

อโมริม ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ ได้เริ่มต้นคุมทีมซ้อมเมื่อวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยกลุ่มนักเตะที่ร่วมฝึกส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นที่เพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บ หรือคนที่ไม่ได้ติดทีมชาติในช่วงเบรกทีมชาติ อย่างไรก็ตาม “เดอะ ซัน” ระบุว่า อโมริมถึงกับตกใจที่พบว่าผู้เล่นหลายคนมีปัญหาเรื่องความเร็วและขาดพลังในการซ้อม แม้เขาจะพยายามกระตุ้นให้ทุกคนเร่งจังหวะอยู่ตลอด แต่ทีมยังคงมีปัญหาในจุดนี้

นอกจากนี้ รายงานเผยว่า อโมริมมองว่าขุมกำลังของ “ปีศาจแดง” มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น และเจ้าตัวได้ตัดสินใจแล้วว่านักเตะบางคนอาจไม่เหมาะสมกับสไตล์การเล่นของเขา ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการใช้ระบบ 3-4-3 ที่ต้องอาศัยความเร็วและความฟิตสูง

แม้จะมีข้อกังวลเรื่องฟอร์มโดยรวม แต่แหล่งข่าวเสริมว่า อโมริมยังชื่นชมทักษะเฉพาะตัวของนักเตะบางคน ซึ่งเขามองว่ายอดเยี่ยมมาก เพียงแต่ปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขคือการนำสิ่งเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพในสนามจริง โดยเฉพาะในลีกที่ตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รั้งอันดับ 13 ของตารางคะแนน ถือเป็นผลงานที่ไม่สมศักดิ์ศรีทีมใหญ่เลยทีเดียว

“เปิดเผย! ลิเวอร์พูลเคยเล็ง ‘อันโตนี่’ แทนซาลาห์ “

0

พอล จอยซ์ ผู้สื่อข่าวสายลึกของลิเวอร์พูลจาก The Times เคยรายงานว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ อดีตกุนซือหงส์แดง เคยให้ความสนใจดึงตัว อันโตนี่ ปีกจอมพลิ้วของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาร่วมทีมในปี 2022 โดยวางตัวไว้เป็นแผนสำรองในกรณีที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไม่ขยายสัญญากับทีม

ล่าสุด จูเนียร์ เปโดรโซ่ ตัวแทนของอันโตนี่ ได้ออกมายืนยันข่าวลือดังกล่าวว่าเป็นเรื่องจริง ลิเวอร์พูลเคยเข้าใกล้การเซ็นสัญญากับอันโตนี่ แต่สุดท้ายการพูดคุยต้องหยุดลง เมื่อซาลาห์ต่อสัญญาใหม่กับลิเวอร์พูลออกไปจนถึงปี 2025

ในที่สุด ดีลอันโตนี่กับลิเวอร์พูลจึงไม่เกิดขึ้น และเขาเลือกย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแทนด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 82 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์ 2022 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการซื้อขายที่สร้างความฮือฮาในตลาด

แม้ว่าจะไม่ได้ย้ายมาสู่ถิ่นแอนฟิลด์ แต่การที่อันโตนี่เคยเป็นเป้าหมายของลิเวอร์พูลสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถที่โดดเด่นของเขา ซึ่งเป็นที่จับตามองของทีมระดับท็อปในยุโรปตั้งแต่ช่วงต้นของอาชีพ

“โรดรี้ เตรียมโชว์บัลลงดอร์ในเกมดวล สเปอร์ส คืนวันเสาร์นี้!”

0

สุดสัปดาห์นี้ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม จะกลายเป็นศูนย์กลางของความภาคภูมิใจและความสำเร็จ เมื่อ โรดรี้ เอร์นานเดซ กองกลางตัวเก่งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เตรียมนำถ้วยรางวัล บัลลงดอร์ มาอวดโฉมให้แฟนๆ ได้เห็นกันก่อนเกมพรีเมียร์ลีกที่พวกเขาจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในวันเสาร์นี้

โรดรี้ ซึ่งทำผลงานโดดเด่นตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ทำให้เขาถูกจดจำในฐานะฮีโร่ของเหล่าแฟนบอล “เรือใบสีฟ้า”

การแสดงถ้วยรางวัลครั้งนี้นับเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับทั้งโรดรี้และสโมสร โดยเฉพาะเมื่อแฟนๆ จะได้มีส่วนร่วมในช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้ สำหรับเกมในวันเสาร์ แมนฯ ซิตี้ กำลังมุ่งมั่นคว้าสามคะแนนสำคัญเพื่อกดดันจ่าฝูงในตารางพรีเมียร์ลีก

โรดรี้ให้สัมภาษณ์ก่อนงานใหญ่:
“การได้รับรางวัลบัลลงดอร์เป็นความฝันที่เป็นจริง และผมอยากแบ่งปันช่วงเวลานี้กับแฟนบอลที่ยอดเยี่ยมของเรา การได้แสดงถ้วยรางวัลต่อหน้าพวกเขาที่เอติฮัด สเตเดี้ยม เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

แฟนบอล “เรือใบสีฟ้า” จะไม่เพียงแต่ได้ลุ้นชัยชนะในสนาม แต่ยังมีโอกาสได้เห็นหนึ่งในถ้วยรางวัลที่ทรงเกียรติที่สุดของโลกฟุตบอล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จระดับสูงสุดในอาชีพนักฟุตบอล

เตรียมพบกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความภาคภูมิใจได้ในวันเสาร์นี้!

“จากดีแลปถึงนียากาเต้: วิวัฒนาการของลูกทุ่มไกลในโลกฟุตบอล”

0

ลูกทุ่มไกลอาจดูเหมือนเพียงจังหวะเล็กๆ ในเกมฟุตบอล แต่ในความเป็นจริง มันเป็นอาวุธลับที่สามารถเปลี่ยนผลการแข่งขันได้ เหล่าผู้เล่นอย่าง รอรี่ ดีแลป อดีตมิดฟิลด์ของ สโต๊ก ซิตี้ และ มูสซา นียากาเต้ จาก น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ คือสองตัวอย่างที่ชี้ชัดถึงความสำคัญของเทคนิคนี้ แม้จะใช้วิธีที่แตกต่างกัน แต่กลับสร้างผลลัพธ์ที่อันตรายไม่แพ้กัน

รอรี่ ดีแลป: ตำนานแห่งลูกทุ่มทรงพลัง

ในยุคของดีแลป การทุ่มไกลกลายเป็นจุดเปลี่ยนเกมสำคัญ เขามักใช้โมเมนตัมจากการวิ่งยาวก่อนจะปักเท้าและปล่อยลูกทุ่มในองศาที่เฉียบขาด คำพูดของ มาร์ติน โอนีล ซึ่งเคยเปรียบเทียบการทุ่มของเขากับ “ลูกเตะมุมหรือฟรีคิก” ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด การวิ่งเข้าเสริมแรงพร้อมกับกล้ามเนื้อหัวไหล่และหลังส่วนล่างของเขา ทำให้ลูกทุ่มทรงพลังและแม่นยำอย่างที่แทบไม่มีใครเทียบได้

มูสซา นียากาเต้: การทุ่มไกลแห่งยุคใหม่

ในทางตรงกันข้าม นียากาเต้ไม่ได้อาศัยพื้นที่ข้างสนามมากนัก แต่เน้นการใช้พลังจากกล้ามเนื้อสะโพก หน้าท้อง และหัวไหล่เพื่อสร้างแรงทุ่มที่ทรงพลัง ดร. นีล สมิธ จากมหาวิทยาลัยชิเชสเตอร์ อธิบายว่า เทคนิคของนียากาเต้เน้นการวางมือลึกกว่าปกติและใช้วงจรการยืดหดของกล้ามเนื้อเพื่อสร้างแรงส่งที่รวดเร็วและแม่นยำ

ในเกมที่ ฟอเรสต์ เจอกับ ลิเวอร์พูล นียากาเต้โชว์ศักยภาพจนทำให้กองหลังหงส์แดงต้องปั่นป่วน และถึงกับทำให้ เยอร์เกน คล็อปป์ ออกมายอมรับว่า “ลูกทุ่มเหล่านี้สร้างปัญหาให้กับเราอย่างมาก”

ความแตกต่างที่ลงตัว: ลูกตรงของดีแลปกับลูกโค้งของนียากาเต้

ดีแลป เน้นการทุ่มแบบแบ็กสปินที่ลดการสูญเสียพลังระหว่างการเคลื่อนที่ของบอล ซึ่งทำให้บอลพุ่งอย่างรวดเร็วและควบคุมง่าย ขณะที่ นียากาเต้ ใช้เทคนิคที่ปล่อยบอลให้ลอยตัวสูงและมีแรงหมุน เพื่อทำให้กองหลังคู่แข่งคาดเดาทิศทางได้ยากขึ้น

อนาคตของเทคนิคการทุ่มไกล

ไม่เพียงแต่สองคนนี้ที่โดดเด่นในด้านการทุ่มไกล สโมสรอย่างลิเวอร์พูลเองก็เคยสร้างความฮือฮาในปี 2019-20 ด้วยการจ้าง โธมัส กรอนเนมาร์ก โค้ชผู้เชี่ยวชาญด้านการทุ่ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรีสตาร์ทเกม ส่งผลให้พวกเขาทำประตูได้ถึง 14 ลูกจากจังหวะดังกล่าวในปีที่คว้าแชมป์ลีก

สำหรับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ คำถามสำคัญคือ นียากาเต้จะสามารถใช้ทักษะอันโดดเด่นนี้สร้างความได้เปรียบให้ทีมได้สม่ำเสมอแค่ไหน หากทำได้ อาวุธลับนี้อาจกลายเป็นไม้ตายที่ช่วยพาทีมไต่อันดับในลีกได้ในระยะยาว.

ห้ามพลาด!