Home Blog Page 58

“เมสซี่” คว้ารางวัล MVP แห่งศึกเมเจอร์ลีก ซอกเกอร์

0

ลิโอเนล เมสซี่ สร้างความสำเร็จอีกครั้งด้วยการคว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ประจำศึกฟุตบอล เมเจอร์ลีก ซอกเกอร์ (MLS) ของสหรัฐอเมริกา หลังจากสร้างผลงานโดดเด่นในฤดูกาลแรกกับ อินเตอร์ ไมอามี่

อดีตดาวยิงของ บาร์เซโลน่า และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง คว้ารางวัล แลนดอน โดโนแวน เอ็มแอลเอส เอ็มวีพี จากผลโหวตของนักเตะ เจ้าหน้าที่เทคนิค และสื่อมวลชน โดยได้รับคะแนนเสียงสูงถึง 38.43% เอาชนะคู่แข่งอย่าง กูโช่ เอร์นานเดซ จาก โคลัมบัส ครูว์ ที่ได้ 33.7%

ผลงานยอดเยี่ยมแม้ทีมร่วงเพลย์ออฟ

แม้ อินเตอร์ ไมอามี่ จะตกรอบแรกในรอบเพลย์ออฟ เอ็มแอลเอส คัพ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ผลงานในฤดูกาลปกติของ เมสซี่ กลับยอดเยี่ยมจนช่วยให้ทีมสร้างสถิติคะแนนใหม่ของสโมสร

ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่าวัย 37 ปี แม้จะมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนจนได้ลงเล่นเพียง 19 นัดในฤดูกาลปกติ และอีก 2 เกมในรอบเพลย์ออฟ แต่เขายังมีส่วนร่วมกับประตูถึง 36 ลูก ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในลีก โดยแบ่งเป็น 20 ประตูและ 16 แอสซิสต์

การคว้ารางวัลครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสำเร็จของ เมสซี่ หลังย้ายมาค้าแข้งใน MLS พร้อมยกระดับชื่อเสียงของลีก และสร้างแรงกระตุ้นให้แฟนบอลทั่วโลกติดตามมากยิ่งขึ้น

เตรียมทดลองกฎใหม่สำหรับผู้รักษาประตู หากถือลูกนานเกิน

0

รายงานจาก The Times สื่อชื่อดังของอังกฤษ เปิดเผยว่ามีการหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกฎใหม่ที่มุ่งเน้นไปที่การลดปัญหาการถ่วงเวลาของผู้รักษาประตู โดยสมาคมฟุตบอลระหว่างประเทศ (IFAB) เตรียมทดลองกฎนี้ในเกมฟุตบอลบางรายการเร็วๆ นี้

ปัจจุบัน กฎระบุว่าผู้รักษาประตูสามารถครองบอลในมือได้ไม่เกิน 6 วินาที หากเกินกว่านั้น ผู้ตัดสินจะเป่าเป็นลูกฟรีคิกสองจังหวะให้ทีมฝ่ายตรงข้าม แต่ในกฎใหม่ที่จะถูกนำมาทดสอบ ผู้รักษาประตูจะมีเวลาครองบอลเพิ่มขึ้นเป็น 8 วินาที อย่างไรก็ตาม หากเกินกำหนด ผู้ตัดสินจะไม่แจกใบเหลืองอีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนเป็นการให้ทีมคู่แข่งได้เตะมุมแทน

วิธีการนับเวลาแบบใหม่

กฎใหม่นี้ระบุว่า ผู้ตัดสินจะเริ่มนับเวลา 8 วินาทีทันทีเมื่อผู้รักษาประตูจับบอล หากเกินกำหนด ผู้ตัดสินจะยกมือขึ้น พร้อมเริ่มขานเสียงจากวินาทีที่ 5 ถึง 0 เพื่อเตือนให้ผู้รักษาประตูปล่อยบอล หากไม่ปฏิบัติตาม ทีมฝ่ายตรงข้ามจะได้รับสิทธิ์เตะมุมทันที

การทดสอบใช้งาน

การเปลี่ยนแปลงนี้จะถูกนำไปทดลองในเกมระดับ ยู-21 หรือในลีกล่างของอังกฤษ เพื่อประเมินประสิทธิภาพและผลกระทบของกฎใหม่ ก่อนพิจารณานำไปใช้ในลีกระดับสูงต่อไป

กฎนี้มีเป้าหมายเพื่อลดการถ่วงเวลาในเกมฟุตบอล และเพิ่มความยุติธรรมในการแข่งขัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ผู้รักษาประตูพยายามยื้อเวลาเมื่อทีมของตนกำลังได้เปรียบ

“ดิอาซ” ไม่พอใจค่าเหนื่อย อาจปัดต่อสัญญาใหม่กับลิเวอร์พูล

0

หลุยส์ ดิอาซ แนวรุกตัวเก่งของลิเวอร์พูล ตกเป็นข่าวว่าได้ปฏิเสธข้อเสนอสัญญาใหม่จากสโมสร หลังรู้สึกว่าค่าตอบแทนที่ได้รับไม่สะท้อนถึงผลงานที่เขาสร้างไว้ในสนาม

รายงานจาก แอนฟิลด์ วอทช์ สื่อดังในท้องถิ่นของลิเวอร์พูล ระบุว่า ดิอาซ ซึ่งทำผลงานโดดเด่นตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในเดือนมกราคมปี 2022 ปฏิเสธการต่อสัญญาที่สโมสรยื่นให้ แม้สัญญาปัจจุบันของเขาจะยังเหลือจนถึงปี 2027 แต่ลิเวอร์พูลต้องการมัดตัวเขาไว้ระยะยาวเพื่อป้องกันความสนใจจากทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป

ตามรายงานเพิ่มเติมจากสื่อในโคลอมเบีย เผยว่าสาเหตุที่ดิอาซยังไม่ตอบรับข้อเสนอใหม่ เนื่องจากค่าเหนื่อยที่ลิเวอร์พูลเสนอให้นั้นยังไม่สูงพอสำหรับนักเตะวัย 27 ปี โดยปัจจุบัน ดิอาซ รับค่าเหนื่อยอยู่ที่ 55,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (ราว 2.42 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับผลงานของเขาที่ช่วยทีมทั้งในพรีเมียร์ลีกและเวทียุโรป

ดิอาซกลายเป็นกำลังสำคัญในทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตั้งแต่ย้ายมาจากปอร์โต้ ด้วยค่าตัว 37.5 ล้านปอนด์ เขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างโอกาส, การจบสกอร์ และบทบาทสำคัญในเกมรุกของลิเวอร์พูล ซึ่งทำให้เขาได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในยุโรป

สถานการณ์น่าจับตามอง

แม้ลิเวอร์พูลยังคงหวังรั้งตัวดิอาซไว้ในระยะยาว แต่การเจรจาสัญญาใหม่อาจต้องเผชิญกับความซับซ้อน หากสโมสรไม่สามารถเสนอค่าเหนื่อยที่เหมาะสมกับความสำคัญของเขาในทีมได้ อนาคตของแนวรุกโคลอมเบียรายนี้อาจกลายเป็นประเด็นร้อนในตลาดซื้อขายนักเตะที่จะถึงนี้

“ซาลาห์” สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ แซงหน้า “รูนี่ย์”

0

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังคงสร้างผลงานระดับตำนานในพรีเมียร์ลีกอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทำลายสถิติของ เวย์น รูนี่ย์ หลังทำทั้งประตูและแอสซิสต์ในเกมที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 3-3 ที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค

ดาวเตะทีมชาติอียิปต์ทำผลงานโดดเด่นในเกมนี้ด้วยการยิง 2 ประตู และจ่าย 1 แอสซิสต์ ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ทำทั้งประตูและแอสซิสต์ในเกมเดียวกันได้ถึง 37 ครั้งในพรีเมียร์ลีก แซงหน้า เวย์น รูนี่ย์ ซึ่งเคยทำไว้ 36 ครั้ง

ไม่เพียงเท่านั้น ซาลาห์ยังทำประตูต่อเนื่องในลีกได้ถึง 7 นัดติดต่อกัน กลายเป็นผู้เล่นคนที่สามที่สามารถทำได้ในพรีเมียร์ลีก ต่อจาก เจมี่ วาร์ดี้ และ รุด ฟาน นิสเตลรอย โดยปัจจุบันเขายังเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ลิเวอร์พูลรักษาผลงานในกลุ่มหัวตาราง

จากผลงาน 2 ประตูและ 1 แอสซิสต์ในเกมล่าสุด ทำให้ ซาลาห์ มีส่วนร่วมกับประตูรวมถึง 247 ครั้ง (ยิง+แอสซิสต์) ในพรีเมียร์ลีก ซึ่งรั้งอันดับ 8 ในประวัติศาสตร์ของลีก หากเพิ่มอีกเพียง 4 ครั้ง เขาจะขยับขึ้นเป็นอันดับ 7 ในรายชื่อนักเตะที่มีส่วนร่วมกับประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก

สถิติผู้เล่นที่ทำประตูและแอสซิสต์ในเกมเดียวกันในพรีเมียร์ลีก

  1. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ – 37 ครั้ง
  2. เวย์น รูนี่ย์ – 36 ครั้ง
  3. เธียร์รี่ อองรี – 32 ครั้ง
  4. อลัน เชียเรอร์ – 31 ครั้ง
  5. แอนดี้ โคล – 28 ครั้ง

บทสรุป

ซาลาห์ยังคงเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ในพรีเมียร์ลีกอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการยิงและจ่ายของเขาไม่เพียงแต่ช่วยลิเวอร์พูลในสนาม แต่ยังตอกย้ำสถานะของเขาในฐานะหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในลีกอีกด้วย

เปิดโปรแกรม 5 นัดถัดไปของท็อป 5 พรีเมียร์ลีก

0

การแข่งขันพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ช่วงเดือนธันวาคมเต็มไปด้วยความเข้มข้นและน่าติดตาม โดยจ่าฝูง ลิเวอร์พูล ยังคงเดินหน้าหวังเก็บแต้มต่อเนื่องเพื่อรักษาตำแหน่ง ขณะที่ เชลซี และ อาร์เซน่อล ต้องการเร่งทำคะแนนเพื่อลดช่องว่างจากทีมจ่าฝูง

ลิเวอร์พูล ซึ่งนำเป็นอันดับหนึ่งของตารางด้วย 35 คะแนน เตรียมเจอบททดสอบสำคัญในโปรแกรมช่วงเดือนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำศึกเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้ บุกเยือนเอฟเวอร์ตัน รวมถึงเกมใหญ่ที่จะพบกับ สเปอร์ส ในวันที่ 22 ธันวาคม

ฝั่ง “สิงห์บลูส์” เชลซี จะลงสนามดวล สเปอร์ส คู่แข่งร่วมกรุงลอนดอน ตามด้วยเกมเยือน เบรนท์ฟอร์ด ส่วน อาร์เซน่อล ที่อยู่อันดับสามในขณะนี้ ต้องการรักษาฟอร์มเพื่อเกาะกลุ่มหัวตาราง โดยพวกเขามีคิวบุกเยือนฟูแล่มในเกมแรกของเดือน

โปรแกรม 5 นัดถัดไปของท็อป 5 ทีมในพรีเมียร์ลีก

  • ลิเวอร์พูล:
    • เอฟเวอร์ตัน (เยือน) 7 ธ.ค.
    • ฟูแล่ม (เหย้า) 14 ธ.ค.
    • สเปอร์ส (เยือน) 22 ธ.ค.
    • เลสเตอร์ (เหย้า) 26 ธ.ค.
    • เวสต์แฮม (เยือน) 29 ธ.ค.
  • เชลซี:
    • สเปอร์ส (เยือน) 7 ธ.ค.
    • เบรนท์ฟอร์ด (เยือน) 15 ธ.ค.
    • เอฟเวอร์ตัน (เยือน) 22 ธ.ค.
    • ฟูแล่ม (เหย้า) 26 ธ.ค.
    • อิปสวิช (เยือน) 30 ธ.ค.
  • อาร์เซน่อล:
    • ฟูแล่ม (เยือน) 8 ธ.ค.
    • เอฟเวอร์ตัน (เหย้า) 14 ธ.ค.
    • คริสตัล พาเลซ (เยือน) 21 ธ.ค.
    • อิปสวิช (เหย้า) 27 ธ.ค.
  • แมนเชสเตอร์ ซิตี้:
    • คริสตัล พาเลซ (เยือน) 7 ธ.ค.
    • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เหย้า) 15 ธ.ค.
    • แอสตัน วิลล่า (เยือน) 21 ธ.ค.
    • เอฟเวอร์ตัน (เหย้า) 26 ธ.ค.
    • เลสเตอร์ (เยือน) 29 ธ.ค.
  • ไบรท์ตัน:
    • ฟูแล่ม (เยือน) 5 ธ.ค.
    • เลสเตอร์ (เยือน) 8 ธ.ค.
    • คริสตัล พาเลซ (เหย้า) 15 ธ.ค.
    • เวสต์แฮม (เยือน) 21 ธ.ค.
    • เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า) 27 ธ.ค.
    • แอสตัน วิลล่า (เยือน) 30 ธ.ค.

สรุป

เดือนธันวาคมจะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับทุกทีมในกลุ่มนำ โดยเฉพาะลิเวอร์พูลที่ต้องการรักษาโมเมนตัม ขณะเดียวกัน เชลซี, อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และไบรท์ตัน ต่างมุ่งมั่นลดช่องว่างคะแนนเพื่อลุ้นโอกาสลุ้นแชมป์ในระยะยาว

“นิวคาสเซิล” ไล่เจ๊าสุดมันส์! เสมอ “ลิเวอร์พูล”

0

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2024/25 คู่ระหว่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค เมื่อคืนวันที่ 4 ธันวาคม 2567 เป็นอีกหนึ่งเกมที่แฟนบอลจะจดจำ จากการพลิกไปพลิกมาของสกอร์จนจบที่ผลเสมอ 3-3 สุดมันส์

เจ้าถิ่น นิวคาสเซิ่ล ออกตัวได้อย่างยอดเยี่ยม เริ่มเกมได้โอกาสลุ้นจากซานโดร โตนาลีในนาทีแรก แต่ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารลิเวอร์พูลโชว์ฟอร์มเซฟได้เยี่ยม ก่อนที่ อเล็กซานเดอร์ อิซัค จะยิงประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 35 จากจังหวะผ่านบอลของบรูโน กีมาไรส์

ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับมาด้วยพลังบุก และตีเสมอได้ในนาทีที่ 50 จากการยิงของเคอร์ติส โจนส์ แต่เจ้าบ้านไม่ยอมง่ายๆ อิซัคจ่ายบอลให้ แอนโธนี กอร์ดอนยิงประตูนำอีกครั้งในนาทีที่ 62 อย่างไรก็ตาม หงส์แดงตามตีเสมออีกครั้ง ในนาทีที่ 68 เมื่อโมฮาเหม็ด ซาลาห์ยิงประตูจากการเปิดของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงมาเพื่อเติมเกมบุก

ช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูลพลิกขึ้นนำจากซาลาห์อีกครั้งในนาทีที่ 83 ก่อนที่ฟาเบียน แชร์จะกลายเป็นฮีโร่ของนิวคาสเซิ่ล ด้วยการทำประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากลูกฟรีคิกของบรูโน กีมาไรส์ จบเกมที่สกอร์ 3-3

ผลเสมอนี้ทำให้ลิเวอร์พูลยังนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ด้วย 35 คะแนนจาก 14 นัด ขณะที่นิวคาสเซิ่ลเก็บเพิ่มเป็น 20 คะแนน รั้งอันดับ 10 ของตาราง แม้จะพลาดเก็บชัยชนะ แต่เกมนี้แสดงให้เห็นถึงสปิริตที่ไม่ยอมแพ้ของทั้งสองทีม.

“อโมริม” ! ชี้จุดเปลี่ยนลูกตั้งเตะทำ “แมนยู” บุกพ่ายแพ้

0

รูเบน อโมริม กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่าการเสียประตูจากลูกตั้งเตะคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ทีมพ่ายอาร์เซน่อล 2-0 ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยประตูจากลูกเตะมุมท้ายเกมที่วิลเลี่ยม ซาลิบาทำได้ กลายเป็นตัวตัดสินที่ทำให้ “ปีศาจแดง” กลับบ้านมือเปล่าอีกครั้ง

“เราทำงานหนักในเกมนี้ แต่จังหวะสำคัญอย่างลูกตั้งเตะเราไม่สามารถจัดการได้ดีพอ มันเป็นสิ่งที่เราต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วน” อโมริมกล่าวหลังเกม พร้อมยอมรับว่าการรับมือลูกตั้งเตะยังคงเป็นปัญหาของทีมในช่วงหลัง ซึ่งทำให้พวกเขาพลาดโอกาสในเกมใหญ่ๆ

นอกจากนี้ อโมริมยังระบุว่าทีมต้องพัฒนาทั้งด้านจังหวะการเล่นและความเข้าใจในเกม เพื่อเพิ่มโอกาสกลับมาทำผลงานที่ดีขึ้นในช่วงท้ายฤดูกาล หลังความพ่ายแพ้ครั้งนี้ แมนยูหล่นไปอยู่อันดับ 11 ของตาราง มีคะแนนห่างโซนท็อปโฟร์ถึง 8 แต้ม ทำให้แรงกดดันในทีมสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สำหรับโปรแกรมถัดไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะเผชิญหน้ากับคู่แข่งสำคัญในเกมลีก ซึ่งจะเป็นอีกบททดสอบของอโมริมและลูกทีมในการเรียกฟอร์มเก่งกลับมา.

อาร์เน่อ สล็อต เร้าแข้งหงส์แดงรักษามาตรฐาน

0

อาร์เน่อ สล็อต ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ออกโรงปลุกใจลูกทีมให้คงฟอร์มการเล่นระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายคว้าแชมป์ในทุกรายการฤดูกาลนี้

ตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล 2024/25 ลิเวอร์พูลแสดงผลงานอันน่าประทับใจ ชนะถึง 18 นัด เสมอ 1 และแพ้เพียง 1 จาก 20 เกมทุกรายการ นำเป็นจ่าฝูงทั้งในพรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบลีกเฟส ทำให้ทีมถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในตัวเต็งสำหรับการคว้าแชมป์หลายรายการในปีนี้

ก่อนการแข่งขันกับนิวคาสเซิ่ลในกลางสัปดาห์นี้ สล็อตเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษามาตรฐานการเล่น เพื่อให้ทีมมีโอกาสดีที่สุดสำหรับการคว้าความสำเร็จในฤดูกาลนี้

“การคงไว้ซึ่งมาตรฐานระดับสูงถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมที่แท้จริงของสโมสรแห่งนี้” กุนซือชาวดัตช์กล่าว

“การนำทั้งในพรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนส์ ลีก พร้อมกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา มันแสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอของทีมเราในระดับสูงสุด”

“ทีมนี้และนักเตะเหล่านี้คุ้นเคยกับการต่อสู้ในระดับสูงอยู่แล้ว พวกเขามีประสบการณ์กับการแข่งขันเพื่อแชมป์ แต่สิ่งสำคัญคือต้องเรียนรู้จากอดีตและพัฒนาฟอร์มการเล่นในช่วงสำคัญของฤดูกาล เพื่อเปลี่ยนโอกาสเป็นความสำเร็จอย่างแท้จริง”

ลิเวอร์พูลกำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม และหากสามารถรักษามาตรฐานนี้ไว้ได้จนจบฤดูกาล พวกเขาอาจกลายเป็นทีมที่สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในวงการฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง

เรอัล มาดริด เล็งดึง “เทรนต์” แบบไร้ค่าตัว

0

เรอัล มาดริด ตัดสินใจพักแผนการคว้าตัว เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคม และเตรียมรอจนถึงซัมเมอร์หน้าเพื่อดึงตัวแบ็กขวาทีมชาติอังกฤษมาร่วมทีมแบบไม่มีค่าตัว

“ราชันชุดขาว” กำลังมองหาแบ็กขวาคนใหม่เพื่อมาแทนที่ ดานี่ การ์บาฆาล ซึ่งได้รับบาดเจ็บหนักที่หัวเข่าเมื่อเดือนพฤศจิกายนและต้องพักยาว แต่ด้วยสถานการณ์ที่สัญญาของ เทรนต์ กับลิเวอร์พูลจะหมดลงในอีกเพียง 7 เดือน เรอัล มาดริด จึงวางแผนรอใช้งานกฎบอสแมนเพื่อเซ็นสัญญาโดยไม่ต้องเสียค่าตัว

แม้ตลาดนักเตะปัจจุบันจะลดมูลค่าของแข้งวัย 26 ปี แต่ มาดริด ยังคงมั่นใจว่าการรอจนถึงซัมเมอร์จะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า นอกจากนี้ ลิเวอร์พูลเองยังเผชิญปัญหาผู้เล่นตัวหลักอีกหลายรายที่สัญญากำลังจะหมดลง เช่น เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ซึ่งทั้งหมดสามารถเริ่มเจรจากับสโมสรอื่นได้ตั้งแต่เดือนมกราคม หากยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการต่อสัญญา

ขณะเดียวกัน เรอัล มาดริด ยังจับตามองการเสริมตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก แม้ว่า ดาบิด อลาบา กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บหัวเข่าก็ตาม โดยการปรับแนวรับอาจเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับทีมสำหรับฤดูกาลหน้า

“กอร์ดอน” กระตุ้น นิวคาสเซิ่ลสู้สุดกำลัง หวังล้มจ่าฝูง

0

แอนโธนี่ กอร์ดอน ปีกดาวรุ่งของนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ตั้งเป้าพาทีมเปิดรัง เซนต์ เจมส์ พาร์ค คว้าแต้มจากจ่าฝูง ลิเวอร์พูล ในเกมพรีเมียร์ลีกช่วงกลางสัปดาห์ โดยหวังสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมแบบเดียวกับที่เคยทำได้ในการดวลกับอาร์เซน่อลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้

นักเตะวัย 23 ปี กระตุ้นเพื่อนร่วมทีมให้เล่นด้วยความมุ่งมั่นและสร้างความกดดันต่อทีมเยือนอย่างต่อเนื่อง หากต้องการผลการแข่งขันที่น่าประทับใจในเกมสำคัญนี้ ซึ่งจะเตะในคืนวันพุธที่ 4 ธันวาคม

กอร์ดอนเผยถึงกลยุทธ์สำคัญว่า “สิ่งสำคัญคือการเริ่มต้นเกมอย่างแข็งแกร่ง เราต้องทำเหมือนที่เราทำเสมอในบ้าน กดดันคู่แข่งตั้งแต่แรก ลุยเต็มที่ และรักษาจังหวะของเราให้คงที่ตลอดทั้งเกม”

“ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก เช่นเดียวกับอาร์เซน่อลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่สิ่งที่เราต้องทำคือไม่ยอมแพ้ต่อสถานการณ์ใดๆ ไม่ว่าเราจะเสียประตูไปก่อนหรือไม่ เกมยังไม่จบจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย”

กอร์ดอนย้ำถึงความสำคัญของการต่อสู้จนถึงที่สุด โดยกล่าวว่า “ทีมระดับท็อปเหล่านี้มักมีความสามารถในการกลับมาสู่เกมได้เสมอ พวกเขาสร้างโอกาสได้มากมาย แต่เราก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเราสามารถรับมือได้ดีในเกมใหญ่”

“ในการเจอกับแมนฯ ซิตี้ แม้เราจะเสียประตูเร็ว แต่เรายังสู้จนจบเกมและจบด้วยผลเสมอ 1-1 ส่วนเกมกับอาร์เซน่อล เราได้ประตูนำตั้งแต่ต้นเกมและสามารถรักษาสกอร์จนคว้าชัย 1-0 ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทีมเรา”

ปีกดาวรุ่งของสาลิกาดงหวังว่าผลงานที่ผ่านมาจะช่วยสร้างแรงกระตุ้นให้ทีมทำได้ดีอีกครั้งในการดวลกับลิเวอร์พูล พร้อมฝากความหวังให้แฟนบอลร่วมส่งเสียงเชียร์เพื่อช่วยเพิ่มพลังให้กับทีมในเกมสำคัญนี้.

ห้ามพลาด!