Home Blog Page 58

“นูเญซ” โชว์ความแสบ! ทำท่าจุ๊ปากตอบโต้แฟนเซาแธมป์ตัน

0

ดาร์วิน นูเญซ ดาวยิงลิเวอร์พูล สร้างจังหวะที่กลายเป็นประเด็นในโลกฟุตบอล หลังยิงประตูสำคัญในเกมคาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนตอบโต้แฟนบอลเซาแธมป์ตันด้วยท่าจุ๊ปาก สยบเสียงล้อเลียนที่พุ่งตรงมาหาเขา

วันที่ 19 ธันวาคม 2567 เกมที่เซนต์ แมรีส์ ระหว่าง “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เต็มไปด้วยดราม่า โดยเฉพาะเมื่อแฟนบอลเจ้าถิ่นพยายามยั่วยุดาร์วิน นูเญซ ตลอดเกม ด้วยการเปรียบเทียบเขากับ แอนดี แคร์โรลล์ อดีตศูนย์หน้าของลิเวอร์พูล ที่เคยถูกวิจารณ์หนักเรื่องฟอร์มการเล่น

เสียงเย้ยหยันดังก้องทุกครั้งที่นูเญซสัมผัสบอล แต่ในนาทีที่ 24 เขาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงคุณภาพ เมื่อรับบอลจากจังหวะแฉลบของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก่อนซัดผ่านมือ อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี เข้าไปอย่างเฉียบคม พาลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0

หลังทำประตูได้ นูเญซหันไปยังฝั่งแฟนบอลเซาแธมป์ตัน ก่อนยกนิ้วจุ๊ปากใส่เพื่อบอกให้ “เงียบ” และยกมือแตะหูเหมือนท้าทายให้พวกเขาส่งเสียงดังขึ้นอีก การกระทำดังกล่าวเรียกทั้งเสียงวิจารณ์และคำชื่นชมจากแฟนบอลทั่วโลกทันที

สำหรับนูเญซ ฤดูกาลนี้เขากำลังเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล โดยก่อนเกมนี้เขาทำได้เพียง 3 ประตูจาก 20 นัดในทุกรายการ อีกทั้งการกลับมาของตัวรุกคนสำคัญอย่าง ดิโอโก โชตา และ เฟเดริโก เคียซา ทำให้เขาต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักเพื่อรักษาตำแหน่งในทีม

เกมจบลงด้วยชัยชนะ 2-1 ของลิเวอร์พูล แต่ไฮไลต์ของแมตช์กลับเป็นท่าทางตอบโต้แฟนบอลของนูเญซ ที่สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกที่กล้าแสดงออกของเขา ท่ามกลางแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามา

แรชฟอร์ด! พร้อมก้าวต่อไปหลังอนาคตกับแมนยูฯ เริ่มไม่แน่นอน

0

มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าคนสำคัญของ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาเปิดใจถึงอนาคตของตัวเอง ท่ามกลางกระแสข่าวเรื่องการถูกปล่อยตัวจากทีม

วันที่ 18 ธันวาคม 2567 ท่ามกลางกระแสที่ยังคงร้อนแรงในถิ่นโอลด์ แทรฟเฟิร์ด มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้ให้สัมภาษณ์ล่าสุด โดยยืนยันว่าเขากำลังมองหาความท้าทายใหม่ในเส้นทางอาชีพ พร้อมยอมรับว่าการย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับอนาคตของเขา

สถานการณ์ของแรชฟอร์ดเริ่มชัดเจนขึ้นหลังถูก รูเบน อโมริม กุนซือใหญ่ของทีม ตัดชื่อออกจากเกมพรีเมียร์ลีกนัดสำคัญ ที่แมนยูฯ บุกไปเฉือนชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 เมื่อไม่นานมานี้ โดยมีรายงานว่าการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะ แรชฟอร์ดไม่ผ่านการประเมินของผู้จัดการทีม

ในบทสัมภาษณ์ล่าสุด แรชฟอร์ดเผยความรู้สึกเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองว่า

“ผมคิดว่าผมพร้อมแล้วสำหรับการเผชิญความท้าทายใหม่ และการก้าวไปสู่เส้นทางที่ต่างออกไป”

เขายังยืนยันว่าจะไม่มีการกล่าวถึงสโมสรในเชิงลบ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“ผมรักแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และผมจะไม่มีทางพูดอะไรที่ทำให้สโมสรเสียหาย เมื่อผมจากไป ผมอยากให้ทุกคนจดจำผมในแง่ดี”

“ผมเคยเห็นนักเตะหลายคนจากไปพร้อมสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์กับสโมสร ซึ่งผมไม่อยากเป็นแบบนั้น เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ผมจะอธิบายเหตุผลของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา”

สำหรับอนาคตของแรชฟอร์ด ยังไม่มีความชัดเจนว่าสโมสรปลายทางจะเป็นที่ใด แต่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเขาอาจได้รับความสนใจจากทีมชั้นนำในยุโรปที่กำลังมองหาดาวยิงระดับท็อปมาร่วมทีมในตลาดซื้อขายที่กำลังจะมาถึง

“เพนแนนท์” แนะลิเวอร์พูลถึงเวลาปล่อย “นูนเญซ”

0

เจอร์เมน เพนแนนท์ อดีตปีกลิเวอร์พูล แสดงความคิดเห็นว่าถึงเวลาที่ หงส์แดง ควรพิจารณาปล่อยตัว ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าชาวอุรุกวัย หลังจากนักเตะยังไม่สามารถสร้างผลงานที่คุ้มค่ากับการลงทุนของสโมสรได้

เพนแนนท์กล่าวว่า “นูนเญซเป็นผู้เล่นที่สโมสรลงทุนมหาศาล ทั้งในเรื่องค่าตัวและค่าเหนื่อย แต่สิ่งที่เขาทำให้ลิเวอร์พูลมันยังไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สโมสรจ่ายไป ใช่ เขาเล่นอย่างเต็มที่และแฟนบอลก็รักในความมุ่งมั่นของเขา แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่คุณต้องการจากกองหน้าหมายเลข 9 ก็คือการทำประตู”

“ด้วยค่าตัวที่จ่ายไป คุณคาดหวังว่าจะได้รับผลงานที่เหมาะสมกับการลงทุน แต่ในตอนนี้ นี่คือฤดูกาลที่ 3 ของเขาแล้ว ถ้าเขายังไม่สามารถยกระดับฟอร์มการเล่นได้ในปีนี้ ผมคิดว่าเราคงไม่เห็นการพัฒนาที่ดีขึ้นในฤดูกาลที่ 4 หรือ 5 นี่คือฟอร์มที่ดีที่สุดของเขาแล้วในตอนนี้”

เพนแนนท์ยังเสริมว่า “ลิเวอร์พูลเคยมีศูนย์หน้าระดับตำนานหลายคนในอดีต แต่ผมคิดว่านูนเญซยังขาดคุณสมบัติเหล่านั้น การขายเขาออกไปให้สโมสรอื่นในยุโรปน่าจะเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลกว่า แล้วนำเงินที่ได้ไปลงทุนกับผู้เล่นที่สามารถสร้างความแตกต่างได้จริงๆ”

อดีตแข้งหงส์แดงยังเปรียบเทียบสถานการณ์ของนูนเญซกับ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ หัวหอกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยกล่าวว่า “ตอนที่เขาย้ายมามีการพูดถึงเขาเยอะมาก ถูกนำไปเปรียบเทียบกับฮาลันด์ที่ย้ายมาพรีเมียร์ลีกพร้อมกัน แต่ชัดเจนว่านูนเญซยังไม่สามารถทำผลงานได้ใกล้เคียงกับฮาลันด์เลยในตอนนี้”

แม้ฤดูกาลนี้ นูนเญซ จะยังประสบปัญหาในการจบสกอร์ แต่ลิเวอร์พูลก็ยังคงทำผลงานได้ดีในแนวรุก โดยยิงได้ถึง 52 ประตูจาก 23 นัดในทุกรายการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทีมยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ แม้กองหน้าหมายเลข 9 อย่างนูนเญซจะยังไม่เฉียบคมพอ

“ผมไม่ได้จะดูหมิ่นเขานะ แต่ถ้าลิเวอร์พูลต้องการก้าวไปข้างหน้าและแข่งขันในระดับสูงสุดต่อไป พวกเขาต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะนูนเญซยังไม่สามารถก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับที่ทีมต้องการได้” เพนแนนท์ทิ้งท้าย.

โฟเด้นย้ำ แข้งแมนฯ ซิตี้ ยังศรัทธาใน “เป๊ป”

0

ฟิล โฟเด้น แนวรุกดาวรุ่งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกมายืนยันว่าบรรดานักเตะในทีมยังคงเชื่อมั่นในตัว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แม้ทีมกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ผลงานตกต่ำ และต้องการร่วมกันแก้ไขสถานการณ์เพื่อกลับมาสู่ฟอร์มแกร่งอีกครั้ง

ทัพ “เรือใบสีฟ้า” เพิ่งพลาดท่าพ่ายให้กับคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 ในศึกแมนเชสเตอร์ดาร์บี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้พวกเขาประสบความพ่ายแพ้เป็นนัดที่ 5 ของฤดูกาลนี้ ขณะที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ถึงกับยอมรับหลังเกมว่า ทีมเล่นได้แย่ราวกับนักเตะระดับเยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี นอกจากนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังวิจารณ์ตัวเองว่าไม่สามารถพาทีมทำผลงานที่ดีได้

อย่างไรก็ตาม ฟิล โฟเด้น ยืนกรานชัดเจนว่า นักเตะทุกคนยังคงสนับสนุนผู้จัดการทีมชาวสแปนิช และมั่นใจว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในไม่ช้า หากทุกคนร่วมใจกันทำงานหนักและกลับมาโฟกัสกับสิ่งที่ควรทำ

โฟเด้นกล่าวว่า
“พวกเรารู้ดีว่ายังเล่นได้ไม่ใกล้เคียงกับระดับที่ดีที่สุด แต่ผมยังคงเชื่อว่าเรามีศักยภาพมากพอที่จะพลิกกลับมาคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการ”

“สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาสมาธิตลอด 90 นาทีเต็ม ซึ่งเป็นสิ่งที่เรายังทำไม่ได้ในช่วงเวลาสำคัญ เราเพียงแค่ต้องกลับมาโฟกัสและแก้ไขปัญหานี้ร่วมกัน หลังจากทุกสิ่งที่เราประสบความสำเร็จมาในอดีต พวกเรายังศรัทธาในตัวกุนซือและกระบวนการทำงานของทีม”

“ผมมั่นใจว่าถ้าเรายึดมั่นในสิ่งนี้ พวกเราจะกลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะอีกครั้ง มันขึ้นอยู่กับการควบคุมสภาพจิตใจให้แข็งแกร่งและพร้อมสำหรับทั้งเกม นั่นคือสิ่งที่เราต้องทำให้ได้ เราจำเป็นต้องรวมใจกัน เดินหน้าต่อ และกลับมาแสดงให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของเราอีกครั้ง”

“นี่ไม่ใช่เวลาที่จะโทษกันหรือถอดใจ เราต้องเข้มแข็ง เดินหน้าทำงานหนักต่อไป และผมเชื่อมั่นว่าเราจะผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้แน่นอน”

สำหรับโปรแกรมนัดถัดไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะออกไปเยือน แอสตัน วิลล่า ในศึกพรีเมียร์ลีกที่สนามวิลล่า พาร์ค วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม ซึ่งถือเป็นเกมสำคัญที่ทีมต้องกลับมาคว้าชัยเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมาอีกครั้ง.

“มูดริก” ตรวจโด๊ปไม่ผ่าน พบสารกระตุ้นเสี่ยงแบน 4 ปี

0

มิไคโล มูดริก ปีกดาวรุ่งของเชลซี ถูกสั่งพักการลงสนามชั่วคราว หลังผลตรวจสารกระตุ้นออกมาเป็นบวก ซึ่งอาจส่งผลให้เจ้าตัวถูกแบนยาวถึง 4 ปีหากผลตรวจยืนยันในตัวอย่างที่สอง

ดาวเตะชาวยูเครน วัย 23 ปี หายหน้าไปจากสนามตั้งแต่เกมที่เขาทำประตูให้เชลซีในศึกยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ที่พบกับ ไฮเดนไฮม์ ก่อนจะมีชื่อกลับมาติดทีมชุดใหญ่ในเกมกับแอสตัน วิลล่าเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

สำนักข่าว Tribuna ในยูเครน เปิดเผยว่าการทดสอบครั้งล่าสุดของมูดริก พบสาร เมลโดเนียม ซึ่งถูกจัดเป็นสารต้องห้าม โดยมีคุณสมบัติคล้ายกับอินซูลิน ซึ่งทางสโมสรเชลซีเองได้ยืนยันถึงเรื่องนี้ภายหลัง

รายงานระบุว่า ผลบวกดังกล่าวมาจากการทดสอบในตัวอย่างแรกเท่านั้น โดยขณะนี้มีการขอตรวจตัวอย่างที่สองเพื่อความชัดเจน ซึ่งหากผลออกมาเหมือนเดิม มูดริกอาจต้องเผชิญกับการถูกแบนสูงสุด 4 ปี ตามกฎขององค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้าม

มูดริก ได้ออกมาชี้แจงผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวถึงกรณีดังกล่าวว่า
“ผมได้รับแจ้งว่าตัวอย่างที่ส่งตรวจพบสารต้องห้าม ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ผมตกใจอย่างมาก เพราะผมไม่เคยใช้สารใดๆ โดยเจตนาหรือฝ่าฝืนกฎเลยแม้แต่น้อย”

“ขณะนี้ผมกำลังร่วมมือกับทีมงานอย่างเต็มที่ เพื่อตรวจสอบสาเหตุว่าทำไมผลการทดสอบถึงออกมาแบบนี้ ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด และผมยังมีความหวังว่าจะกลับมาลงเล่นในเร็วๆ นี้ แม้ตอนนี้จะพูดอะไรได้ไม่มาก เนื่องจากกระบวนการยังดำเนินอยู่ แต่ผมจะอธิบายทุกอย่างทันทีที่ทำได้”

ด้าน เชลซี ออกแถลงการณ์ยืนยันว่ากำลังทำงานร่วมกับนักเตะอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาคำตอบว่าทำไมผลตรวจของมูดริกถึงพบสารต้องห้าม พร้อมย้ำว่ายังไม่มีการตั้งข้อหาหรือตัดสินใดๆ ในตอนนี้

ตามกฎของ เอฟเอ นักเตะที่ถูกตรวจพบว่ามีสารต้องห้ามจะถูกระงับการลงแข่งขันเป็นการชั่วคราวทันทีจนกว่าจะมีข้อสรุป อย่างไรก็ตาม มูดริก ยังคงมีโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในตัวอย่างที่สองและอธิบายที่มาของสารดังกล่าว ก่อนจะมีบทสรุปในกรณีนี้ต่อไป.

“อโมริม” แจงเหตุดรอปแรชฟอร์ด-การ์นาโช่

0

รูเบน อโมริม กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวชื่นชมความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นของลูกทีมที่ไม่ยอมแพ้จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย ก่อนจะบุกไปเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ในศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม โดยเกมนี้ได้ประตูสำคัญจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส (จุดโทษ นาที 88) และ อาหมัด ดิยัลโล่ นาทีที่ 90 ทำให้ทัพปีศาจแดงเก็บ 3 คะแนนล้ำค่า มีเพิ่มเป็น 22 คะแนนจาก 16 นัด (ชนะ 6 เสมอ 4 แพ้ 6)

อโมริม กล่าวหลังเกมว่า “ผมภูมิใจกับทีมมาก เราแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นตลอดเกม มันต่างจากวันที่เราแพ้อาร์เซน่อล วันนั้นผมไม่รู้สึกถึงพลังหรือความเชื่อเลย แต่วันนี้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง”

นอกจากนี้ กุนซือชาวโปรตุเกสยังยกย่องฟอร์มของ อาหมัด ดิยัลโล่ ที่ทำประตูชัยให้กับทีมว่า “อาหมัดอยู่ในช่วงเวลาที่ดี เขาถูกผลักดันขึ้นมาจากทีมเยาวชนในยุคของ เอริค เทน ฮาก และได้รับการขัดเกลาจากโค้ชที่ยอดเยี่ยมอย่าง รุด ฟาน นิสเตลรอย เราต้องเรียนรู้จากอดีตและไม่ทำผิดซ้ำอีก”

“มันเป็นเกมที่หนักมาก แต่เราก็เชื่อมั่นในตัวเองจนถึงช่วงสุดท้าย ผมก็เชื่อเช่นกัน เรารวบรวมพลังทุกอย่าง และสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ผมภูมิใจในทีมและมีความสุขกับแฟนๆ เพราะวันนี้คือวันพิเศษสำหรับพวกเขา แต่เรายังต้องมองไปข้างหน้า สโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องชนะเกมใหญ่แบบนี้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง”

แจงเหตุพัก แรชฟอร์ด-การ์นาโช่

อโมริม ยังอธิบายถึงการดร็อป มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ในเกมนี้ว่า “ผมต้องขอย้ำว่านี่ไม่ใช่เรื่องของปัญหาวินัย ถ้ามันเป็นเรื่องนั้น ผมคงออกมาบอกตรงๆ และมันคงกลายเป็นประเด็นใหญ่กว่านี้ แต่นี่ไม่ใช่กรณีนั้น”

“การเป็นผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุกอย่างสำคัญหมด ตั้งแต่การฝึกซ้อม การแข่งขัน การแต่งตัว การกิน รวมไปถึงการทำงานร่วมกับทีม เมื่อคุณไม่ได้ลงเล่น คุณต้องแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและยกระดับมาตรฐานของตัวเองขึ้นมา”

“วันนี้ทีมพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ต่อให้ขาดผู้เล่นคนใดคนหนึ่งไป เราก็สามารถรวมพลังกันและคว้าชัยชนะได้ หากทุกคนเล่นอย่างเป็นหนึ่งเดียว”

“สำหรับนักเตะอย่าง แรชฟอร์ด และ การ์นาโช่ ถ้าพวกเขาทำงานหนักในการฝึกซ้อมด้วยพรสวรรค์ที่มี พวกเขาจะกลับมามีส่วนสำคัญกับทีมได้แน่นอน แต่พวกเขาต้องสู้เพื่อตำแหน่งในทีมเหมือนคนอื่นๆ”

คำพูดของ อโมริม สะท้อนถึงมาตรฐานอันเข้มข้นที่เขาพยายามสร้างขึ้นในทีม เพื่อผลักดันให้ทุกคนทำผลงานให้ดีที่สุดและไม่หยุดพัฒนา โดยชัยชนะครั้งนี้น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเสริมความมั่นใจให้กับทัพปีศาจแดงต่อไป.

ลิเวอร์พูล จับตา “เคอร์เคซ” แบ็กซ้ายบอร์นมัธ

0

ลิเวอร์พูล ตกเป็นข่าวว่ากำลังพิจารณาคว้าตัว มิลอส เคอร์เคซ แบ็กซ้ายดาวรุ่งของบอร์นมัธ มาเสริมแกร่งในแนวรับ เพื่อเป็นตัวแทนของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ในระยะยาว

แม้ “หงส์แดง” จะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในพรีเมียร์ลีกและศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในเกมเสมอ ฟูแล่ม 2-2 ทำให้เห็นจุดบกพร่องของทีมชัดเจน โดยเฉพาะในเกมรับเมื่อ โรเบิร์ตสัน โดนใบแดง ทำให้เกมของลิเวอร์พูลยากลำบากในการคว้า 3 คะแนน และต้องดิ้นรนอย่างหนักกว่าจะเก็บแต้มได้จากเกมดังกล่าว ส่งผลให้สโมสรจากเมอร์ซีย์ไซด์ เริ่มมองหาแบ็กซ้ายรายใหม่เพื่อเข้ามาเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมในทีม

สื่อชื่อดัง CaughtOffside รายงานว่า อาร์เน่ สล็อต ผู้จัดการทีมคนใหม่ของลิเวอร์พูล แสดงความสนใจในตัวของ มิลอส เคอร์เคซ กองหลังชาวฮังการีวัย 21 ปี ซึ่งกำลังโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นให้กับบอร์นมัธในฤดูกาลนี้ เคอร์เคซถือเป็นนักเตะที่ถูกจับตามอง และเขายังเคยค้าแข้งกับ อาแซด อัลค์มาร์ ในเอเรดิวิซี ลีก เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ สล็อต ทำงานอยู่กับเฟเยนูร์ด ทำให้มีโอกาสสูงที่กุนซือชาวดัตช์จะคุ้นเคยกับฝีเท้าของดาวเตะรายนี้

จุดเด่นของ เคอร์เคซ คือสไตล์การเล่นที่ดุดัน กล้าบวกในการเข้าปะทะ และมีความแข็งแกร่งในเกมรับ ซึ่งสอดคล้องกับระบบการเล่นที่ สล็อต วางไว้ให้กับลิเวอร์พูล นอกจากนี้ ฟูลแบ็กวัย 21 ปี ยังถูกยกให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้

เคอร์เคซ ปัจจุบันมีสัญญากับบอร์นมัธจนถึงปี 2028 ทำให้ดีลนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับลิเวอร์พูล แต่การที่ ริชาร์ด ฮิวจ์ส อดีตผู้อำนวยการกีฬาของบอร์นมัธ ซึ่งปัจจุบันมาทำงานกับหงส์แดง น่าจะช่วยให้การเจรจามีความเป็นไปได้มากขึ้น

ทั้งนี้ต้องติดตามกันต่อไปว่า ลิเวอร์พูล จะตัดสินใจเดินหน้าเสริมทัพในตำแหน่งแบ็กซ้ายอย่างจริงจังในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมนี้ หรืออาจรอจนถึงตลาดซัมเมอร์เพื่อคว้าตัว เคอร์เคซ มาร่วมทีม.

ช็อกแฟนบอล! บาร์เซโลน่าพลาดท่า พ่าย เลกาเนส

0

บาร์เซโลน่า ต้องเจอกับความพ่ายแพ้สุดช็อกในศึกลา ลีกา เมื่อคืนวันที่ 15 ธันวาคม 2024 หลังพ่ายคาบ้านต่อเลกาเนส 0-1 ที่สนามเอสตาดี โอลิมปิก หลุยส์ กอมปานีส์ แม้จะยังคงครองตำแหน่งจ่าฝูง แต่การสะดุดครั้งนี้ทำให้แต้มของพวกเขาหยุดอยู่ที่ 38 คะแนนเท่ากับแอตเลติโก มาดริด ทีมรองจ่าฝูงที่แข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด

เกมนี้ บาร์เซโลน่าเน้นการครองบอลและสร้างเกมรุกตามสไตล์ แต่กลับขาดความเฉียบคมในจังหวะสุดท้าย ขณะที่เลกาเนสมาเล่นเกมรับอย่างมีวินัยและอาศัยจังหวะโต้กลับ ได้ประตูชัยในช่วงครึ่งแรกจากจังหวะเตะมุมเปิดโหม่ง

ฟอร์มของ “เจ้าบุญทุ่ม” ถูกวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะการประสานงานในแนวรุกที่ไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้และแนวรับที่เสียง่ายแม้จะมีโอกาสยิงหลายครั้ง แต่กลับไม่สร้างความกดดันเพียงพอต่อแนวรับของทีมเยือน

กุนซือของทีม ออกมายอมรับหลังเกมว่า “เราพลาดโอกาสสำคัญในช่วงท้ายปี ซึ่งสถานการณ์นี้ทำให้เราต้องทบทวนและปรับปรุงทันที”

สำหรับเลกาเนส ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของฤดูกาล ช่วยเพิ่มความหวังในการหนีโซนตกชั้นได้อย่างมาก ขณะที่บาร์เซโลน่าต้องเร่งเก็บชัยชนะในนัดต่อไป หากไม่อยากเสียตำแหน่งจ่าฝูงให้กับแอตเลติโก มาดริดในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของฤดูกาล.

แมนยูพลิกแซงแมนซิตี้ 2-1 ในศึกพรีเมียร์ลีกสุดดราม่า

0

ก่อนเกมเดือด:
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงสนามด้วยฟอร์มที่ยังไม่เข้าที่ หลังไม่ชนะใครมา 2 นัดติด ทั้งเกมลีกที่เสมอ คริสตัล พาเลซ 2-2 และพ่ายยูเวนตุส 0-2 ในแชมเปียนส์ลีก ความพร้อมของทีมยังมีปัญหา โดยไร้ โรดรี้, นาธาน อาเก้, จอห์น สโตนส์ และ ริโก้ ลูอิส ที่ติดโทษแบน
ด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้จะเพิ่งแพ้น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-3 แต่เรียกความมั่นใจคืนด้วยชัยชนะ 2-1 เหนือ วิคตอเรีย เพิลเซน ในยูโรป้า ลีก อย่างไรก็ตาม ทีมยังขาด ลุค ชอว์ ที่บาดเจ็บ แต่ได้รับข่าวดีเมื่อ จอนนี อีแวนส์ พร้อมช่วยทีม


เกมสุดมันส์:
เริ่มเกมมา ทั้งสองทีมเปิดเกมบุกใส่กันแต่ยังไม่มีจังหวะจบสกอร์แบบจะแจ้ง กระทั่งนาทีที่ 36 เควิน เดอ บรอยน์ เปิดบอลอย่างแม่นยำให้ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล โหม่งเต็มศีรษะให้แมนซิตี้ขึ้นนำ 1-0 และเกือบได้ลูกที่สองในช่วงทดเวลา ฟิล โฟเด้น ยิงแฉลบ แฮร์รี แม็คไกวร์ แต่ อังเดร โอนานา ยังโชว์ซูเปอร์เซฟไว้ได้

ครึ่งหลัง แมนยูปรับเกมรุกเข้าสู้ นาทีที่ 62 บรูโน แฟร์นันด์ส ครอสบอลให้ อาหมัด ดิยัลโล โหม่งเต็มแรง แต่ เอแดร์ซอน ยังบินปัดได้อย่างยอดเยี่ยม จากนั้น นาทีที่ 74 ราสมุส ฮอยลุนด์ มีโอกาสหลุดเดี่ยว แต่ชิพหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย


จุดเปลี่ยนของเกม:
เข้าสู่ช่วงท้ายเกม นาทีที่ 88 แมนยูตีเสมอ 1-1 เมื่อ บรูโน แฟร์นันด์ส สังหารจุดโทษเข้าไป หลัง มาเธอุส นูเนส ทำฟาวล์ อาหมัด ดิยัลโล ในกรอบเขตโทษ เกมทำท่าจะจบด้วยผลเสมอ แต่ในนาทีที่ 90 ลิซานโดร มาร์ติเนซ วางบอลยาวให้ อาหมัด ดิยัลโล หลุดเดี่ยว โชว์ความเยือกเย็นกระดกบอลผ่านตัว เอแดร์ซอน ก่อนยิงประตูชัยให้แมนยูเฉือนชนะไป 2-1


สรุป:
ชัยชนะนัดนี้ช่วยให้แมนยูเรียกความมั่นใจกลับมา พร้อมขยับคะแนนไล่จี้กลุ่มหัวตาราง ด้านแมนซิตี้ต้องเร่งฟื้นฟอร์ม หากไม่อยากเสียตำแหน่งท็อปโฟร์ในช่วงโค้งแรกของฤดูกาล

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เปรยอาจพิจารณาอำลา แมนฯ ซิตี้

0

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกมายอมรับว่าเขาอาจพิจารณาอำลาตำแหน่ง หากไม่สามารถกอบกู้ฟอร์มอันย่ำแย่ของทีมได้ภายในช่วง 1 เดือนข้างหน้า

ตามรายงานจาก เดลี่ เมล ระบุว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เตรียมลงเล่นในศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ คืนวันอาทิตย์นี้ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก หลังทีมชนะแค่ 1 นัดจาก 10 เกมหลังสุด แถมเพิ่งพ่าย ยูเวนตุส 0-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ทำให้พวกเขาเสี่ยงที่จะตกรอบเร็วกว่าที่คาดไว้

ปัจจุบัน “เรือใบสีฟ้า” รั้งอันดับ 5 ในตารางพรีเมียร์ลีก มีเพียง 27 คะแนน ตามหลัง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมอันดับ 4 ที่มี 28 คะแนน โดยหลังเกมพบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โปรแกรมต่อไปของพวกเขายังต้องเจองานหนักอย่าง แอสตัน วิลล่า, เอฟเวอร์ตัน, เลสเตอร์ ซิตี้, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ซัลฟอร์ด ซิตี้ และ เบรนท์ฟอร์ด

แม้เพิ่งขยายสัญญากับแมนฯ ซิตี้ ออกไปจนถึงปี 2027 เมื่อเดือนที่แล้ว แต่ กวาร์ดิโอล่า ยอมรับว่า หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาและพาทีมกลับสู่ฟอร์มที่ดีขึ้น เขาก็พร้อมที่จะยุติการคุมทีมที่ยาวนานถึง 8 ปี

“เมื่อถึงเวลาที่ผมรู้สึกว่าผมทำอะไรไม่ได้แล้ว ผมก็จะก้าวออกไป ผมไม่อยากอยู่ที่นี่หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ถ้าอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เรายังแพ้แล้วแพ้อีก ผมจะยอมรับว่าถึงเวลาที่ต้องให้คนอื่นมารับช่วงต่อ”

“ผมเข้าใจดีว่าเราผ่านช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมามากมาย และการประสบความสำเร็จเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อถึงจุดที่ทีมไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าหรือไม่ตอบสนองต่อผมเหมือนที่เคย ผมก็พร้อมจะพิจารณา”

กวาร์ดิโอล่า ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนัก หลังไม่สามารถพาทีมคว้าชัยได้ติดต่อกันถึง 7 นัด ซึ่งถือเป็นผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เขาเริ่มเส้นทางการคุมทีมในระดับอาชีพ

“การกลับมาสู่ฟอร์มที่ดีที่สุดเป็นเรื่องยาก แต่ผมเชื่อว่าเมื่อเราทำได้อีกครั้ง ช่วงเวลาเหล่านั้นจะเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญสำหรับพวกเรา” กุนซือชาวสเปน กล่าวปิดท้าย

ห้ามพลาด!