Home Blog Page 6

ไม่เสี่ยง! มาร์ติน โอเดการ์ด ถอนทัพ นอร์เวย์

0

มาร์ติน โอเดการ์ด ถอนทีมชาตินอร์เวย์ เดินทางกลับ อาร์เซน่อล แล้ว รับสภาพยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อย หลังเพิ่งหายเจ็บกลับมาเล่นนัดเจอ เชลซี

มาร์ติน โอเดการ์ด กองกลางกัปตันทีม อาร์เซน่อล ตัดสินใจขอถอนตัวจากทีมชาตินอร์เวย์ ชุดทำศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ที่จะไปเยือน สโลวีเนีย วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน และเปิดบ้านต้อนรับ คาซัคสถาน วันอาทิตย์ที่ 17 พ.ย.นี้ 

โอเดการ์ด วัย 25 ปี เพิ่งหายเจ็บกลับมาลงเล่นให้ อาร์เซน่อล ในเกมบุกไปเสมอ เชลซี 1-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังชวดลงสนามตั้งแต่บาดเจ็บเท้าขณะไปเล่นให้ทีมชาตินอร์เวย์ ในศึก เนชั่นส์ ลีก ช่วงเบรกทีมชาติเดือนกันยายน

โอเดการ์ด ซึ่งเดินทางกลับมาลอนดอนแล้ว เผยถึงการถอนตัวจากทีมชาติว่า “หลังจากหารือกับทีมแพทย์ของทีมชาติแล้ว น่าเสียดายเราสรุปได้ว่าสถานการณ์ไม่ดีพอที่จะลงเล่นเกมเหล่านี้”

“ผมผ่านช่วงฝึกซ้อมมาอย่างยาวนาน และเมื่อคุณไม่ได้ฝึกซ้อมฟุตบอลเลยในช่วงเก้าสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเรื่องปกติที่สภาพร่างกายจะไม่ฟิตเต็มร้อย ผมต้องฟังร่างกายของผม ทำกายภาพบำบัดให้เสร็จสิ้น และให้เท้าของผมกลับมาอยู่ในสภาพที่ดีอีกครั้ง” โอเดการ์ด เผย

“อาร์เน่ สล็อต: จากผู้เล่นสู่โค้ชผู้พลิกโฉมวงการฟุตบอลดัตช์”

0

อาร์เน่ สล็อต (Arne Slot) คือหนึ่งในผู้จัดการทีมชาวดัตช์ที่กำลังเป็นที่จับตามองในวงการฟุตบอลยุโรป ด้วยประวัติการพัฒนาตนเองจากนักเตะธรรมดาสู่โค้ชที่เต็มไปด้วยความเข้าใจเกมอย่างลึกซึ้ง สล็อตเกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 1978 ในเมือง Bergentheim ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขาเริ่มต้นเส้นทางอาชีพในฐานะนักฟุตบอลตำแหน่งกองกลาง โดยเคยลงเล่นให้กับสโมสรดังในเนเธอร์แลนด์ เช่น พีอีซี ซโวลเลอ (PEC Zwolle) และสปาร์ต้า รอตเตอร์ดัม (Sparta Rotterdam)

ถึงแม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงโดดเด่นในฐานะนักเตะ แต่สล็อตได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์อันมีค่าในช่วงเวลาเหล่านั้น และสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เขาพัฒนาตนเองไปเป็นโค้ชที่มีความสามารถ หลังจากเลิกเล่นฟุตบอลในปี 2013 สล็อตเริ่มงานในบทบาทโค้ช โดยเริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยโค้ชให้กับสโมสรในลีกล่าง ๆ ก่อนจะได้รับโอกาสเข้ามาคุมทีมคัมบูร์ (SC Cambuur) ทีมจากเอเรดิวิซี่ ซึ่งที่นี่เองเขาเริ่มแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการวางแผนเกมรุกอันมีสไตล์และการควบคุมทีมที่เหนือชั้น

ปี 2019 สล็อตได้รับตำแหน่งเฮดโค้ชของอาแซด อัลค์มาร์ (AZ Alkmaar) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชื่อของเขากลายเป็นที่รู้จักในวงการฟุตบอลเนเธอร์แลนด์อย่างรวดเร็ว เขาพาทีมอาแซดโชว์ฟอร์มสุดยอด โดยในฤดูกาล 2019-2020 อาแซดกลายเป็นทีมที่แย่งชิงตำแหน่งแชมป์กับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมอย่างเข้มข้น ก่อนที่ฤดูกาลจะถูกตัดจบเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ผลงานของเขาทำให้หลายทีมใหญ่เริ่มสนใจในตัวสล็อต

ปัจจุบันสล็อตทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมของเฟเยนูร์ด (Feyenoord) และเขายังคงมุ่งมั่นสร้างทีมให้แข็งแกร่งด้วยแนวทางการเล่นที่เน้นเกมรุก การครองบอล การเพรสซิ่งสูง และการพัฒนาผู้เล่นเยาวชน ทั้งหมดนี้ทำให้เฟเยนูร์ดเป็นทีมที่โดดเด่นในลีกเนเธอร์แลนด์และพร้อมที่จะท้าทายทีมระดับท็อปของยุโรป

ด้วยประวัติการทำงานที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความสามารถในการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม อาร์เน่ สล็อตได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นหนึ่งในโค้ชที่มีพรสวรรค์และน่าจับตามองมากที่สุดในวงการฟุตบอล และในอนาคตเราคงจะได้เห็นเขาก้าวขึ้นไปสู่ระดับที่สูงยิ่งขึ้นในวงการฟุตบอลอย่างแน่นอน

รูเบน อโมริม เผยใช้ระบบ 3-4-3 พร้อมลุยพรีเมียร์ลีก

0

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 – รูเบน อโมริม เฮดโค้ชคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกถึงแผนการทำทีมในพรีเมียร์ลีก ก่อนการเริ่มงานเต็มตัวหลังเพิ่งเดินทางมาถึงสนามซ้อมแคร์ริงตันเมื่อวานนี้

โดยแม้เขาจะยังรอการอนุมัติใบอนุญาตทำงานอย่างเป็นทางการ แต่กุนซือชาวโปรตุเกสวัย 39 ปี ผู้ซึ่งเพิ่งเซ็นสัญญากับสโมสรเป็นระยะเวลา 2 ปีครึ่ง พร้อมออปชั่นขยายเพิ่มอีก 1 ปี เตรียมเริ่มต้นคุมทีมนัดแรกในเกมพรีเมียร์ลีกที่จะบุกเยือน อิปสวิช ทาวน์ ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ หลังเบรกทีมชาติสิ้นสุดลง

สื่อและแฟนบอลต่างตั้งข้อสังเกตว่า อโมริมจะนำระบบการเล่นแบบใดมาใช้กับทีมแมนยูฯ ระหว่าง 4-2-3-1 ที่เคยใช้ในหลายฤดูกาลที่ผ่านมา หรือ 3-4-3 ที่เป็นรูปแบบที่เขาถนัด และนำพาสปอร์ติง ลิสบอนคว้าแชมป์ถึง 5 รายการ ตั้งแต่ปี 2020 รวมถึงแชมป์ลีกโปรตุเกส 2 สมัย อย่างไรก็ตาม อโมริมได้ยืนยันแล้วว่าจะนำแผน 3-4-3 มาประยุกต์ใช้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยตั้งเป้าให้ระบบนี้เป็นโครงสร้างหลักในการเริ่มต้น ก่อนปรับให้เข้ากับนักเตะและสถานการณ์ต่างๆ ภายในทีม

“ผมมีวิธีการเริ่มต้นที่ชัดเจน” อโมริมเผย “คุณต้องใช้ระบบที่คุณถนัดเพื่อสร้างโครงสร้างที่มั่นคง แล้วจึงค่อยปรับให้เข้ากับผู้เล่นตามสถานการณ์ ซึ่งสิ่งนี้ผมจะค้นพบในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ไม่ว่าผู้เล่นจะฟิตสมบูรณ์หรือไม่ก็ตาม ความสามารถในเกมรับและเกมรุกจะถูกพัฒนาขึ้นในระหว่างกระบวนการปรับตัวนี้”

จากชัยชนะของเขากับสปอร์ติง ลิสบอนที่เพิ่งบุกชนะบรากา 4-2 จนทีมครองจ่าฝูงลีกโปรตุเกสด้วยการชนะรวด 11 นัด ทำให้แฟนบอลปีศาจแดงตั้งตารอว่ารูปแบบการเล่นของอโมริมจะนำพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกลับสู่ความสำเร็จได้หรือไม่ในฤดูกาลนี้

ฟาน นิสเตลรอย เปิดใจหลังแยกทางกับ แมนยูไนเต็ด

0

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 รุด ฟาน นิสเตลรอย อดีตกองหน้าระดับตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ได้โพสต์ข้อความอำลาผ่านทางโซเชียลมีเดียของสโมสร หลังสิ้นสุดบทบาทผู้จัดการทีมชั่วคราวในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดย ฟาน นิสเตลรอย ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการคุมทีมชั่วคราว พายูไนเต็ดไร้พ่าย 4 นัดในพรีเมียร์ลีก ซึ่งรวมถึงชัยชนะ 3 นัดและเสมอ 1 นัด เก็บได้ 10 คะแนน ยิง 11 ประตูและเสียเพียง 3 ประตู

ฟาน นิสเตลรอย กล่าวถึงช่วงเวลาการกลับมาคุมทีมว่า “มันเป็นความทรงจำที่ยอดเยี่ยมสำหรับผมที่ได้กลับมายังสโมสรอันเป็นที่รัก ได้เริ่มต้นและจบด้วยชัยชนะในบ้านแบบสมบูรณ์ คุณพ่อและลูกชายของผมก็ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาพิเศษนี้ด้วย มันเป็นช่วงเวลาที่จะอยู่ในใจผมตลอดไป”

การอำลาของ ฟาน นิสเตลรอย เกิดขึ้นทันทีที่ รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมคนใหม่ชาวโปรตุเกส วัย 39 ปี เดินทางถึงศูนย์ฝึกแคร์ริงตันเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดย อโมริม ได้นำทีมงาน 5 คนจากสโมสรสปอร์ติง ลิสบอน มาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกอบไปด้วย เอมานูเอล แฟร์โร, อเดลิโอ คันดิโด, คาร์ลอส แฟร์นันด์ส ผู้ช่วยโค้ช, จอร์จ วิตัล โค้ชผู้รักษาประตู และ เปาโล บาร์เรรา ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา

สำหรับนัดแรกของ รูเบน อโมริม ในฐานะกุนซือคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเป็นการไปเยือนอิปสวิช ทาวน์ในเกมพรีเมียร์ลีกหลังช่วงพักเบรกทีมชาติ วันที่ 24 พฤศจิกายน

“โคล พาล์มเมอร์: ดาวรุ่งอังกฤษ ผู้ปักธงให้เชลซี”

0

โคล พาล์มเมอร์ (Cole Palmer) คือหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในพรีเมียร์ลีก ด้วยพรสวรรค์และความมั่นใจ เขาได้สร้างชื่อเสียงในฐานะนักเตะที่สามารถสร้างสรรค์เกมและมีความเฉียบคมในจังหวะสำคัญ จากการเริ่มต้นกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สู่การเข้าร่วมเชลซี บทความนี้จะพาไปสำรวจประวัติของเขา พร้อมเจาะลึกถึงสไตล์การเล่นที่ทำให้เขากลายเป็นความหวังใหม่ของสโมสรเชลซี

จุดเริ่มต้นในสีเสื้อของแมนเชสเตอร์ ซิตี้

โคล พาล์มเมอร์ เกิดที่เมืองวิเธนชอว์ เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก และเข้าร่วมทีมเยาวชนของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่ออายุเพียง 8 ปี พาล์มเมอร์พัฒนาทักษะและสร้างชื่อเสียงจากการเล่นในทีมเยาวชนของซิตี้ โดยเป็นกัปตันทีมชุด U18 และเป็นส่วนหนึ่งในการคว้าแชมป์รายการต่าง ๆ ของทีมเยาวชน จุดเด่นของเขาคือทักษะการเลี้ยงบอลและการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้เขาถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเพชรเม็ดงามของซิตี้

การขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้

ในปี 2020 พาล์มเมอร์ได้ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ภายใต้การดูแลของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ตัวจริงถาวร แต่ก็ได้โอกาสลงสนามในลีกและรายการถ้วยต่าง ๆ ซึ่งเขาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันยอดเยี่ยม ด้วยทักษะการเล่นที่ผสมผสานระหว่างการจ่ายบอล การเลี้ยงบอล และความสามารถในการยิงประตูจากนอกกรอบ ทำให้เขาได้รับการยกย่องและเริ่มเป็นที่สนใจจากทีมอื่น ๆ ทั่วลีกอังกฤษ

การย้ายสู่เชลซีและโอกาสใหม่ในเส้นทางอาชีพ

การย้ายทีมครั้งสำคัญมาถึงในช่วงฤดูกาล 2023/24 เมื่อเชลซีคว้าตัวพาล์มเมอร์มาร่วมทีมด้วยค่าตัวที่สูง หลังจากการเข้ามาของกุนซือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เชลซีต้องการนักเตะรุ่นใหม่ที่มีทักษะการเล่นเกมรุกที่ทันสมัย และพาล์มเมอร์ก็เป็นคำตอบของโจทย์นี้ ตั้งแต่การลงสนามกับเชลซี พาล์มเมอร์ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของการพาทีมกลับสู่ความยิ่งใหญ่ และเขายังมีส่วนร่วมในการทำประตูและแอสซิสต์ในเกมสำคัญ ๆ ที่เชลซีต้องการชัยชนะ

สไตล์การเล่นและบทบาทในสนาม

พาล์มเมอร์มีจุดเด่นในด้านการเลี้ยงบอลที่ยากต่อการแย่ง และการจบสกอร์ที่เฉียบคม เขามักเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกหรือปีก โดยเขามีความสามารถในการอ่านเกมและหาโอกาสในการทำประตูให้เพื่อนร่วมทีม นอกจากนั้น ความคล่องตัวและความกล้าหาญในการเข้าหาบอลทำให้พาล์มเมอร์เป็นผู้เล่นที่สามารถเปลี่ยนเกมได้ในจังหวะสำคัญ บทบาทของเขากับเชลซีจึงไม่เพียงแต่เป็นตัวสร้างสรรค์เกม แต่ยังเป็นหัวหอกในการทำประตูในยามที่ทีมต้องการอีกด้วย

ความท้าทายและอนาคตในพรีเมียร์ลีก

แม้ว่าเส้นทางของพาล์มเมอร์จะยังเพิ่งเริ่มต้นในเชลซี แต่ด้วยทักษะและความมุ่งมั่น เขาได้กลายเป็นความหวังใหม่ของทีมในแผนการฟื้นฟูเชลซีให้กลับมายิ่งใหญ่ แม้จะต้องเผชิญความกดดันและการแข่งขันสูงในพรีเมียร์ลีก แต่พาล์มเมอร์ยังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและพัฒนาตนเอง

บทสรุป

โคล พาล์มเมอร์ เป็นตัวอย่างของนักเตะรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพและพรสวรรค์ที่น่าตื่นเต้น การย้ายทีมจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้สู่เชลซีคือก้าวสำคัญที่เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ในฐานะดาวรุ่งที่กำลังมาแรงในวงการฟุตบอลอังกฤษ วงการฟุตบอลกำลังจับตามองว่าโคล พาล์มเมอร์ จะก้าวขึ้นสู่การเป็นหนึ่งในนักเตะชั้นนำและพาเชลซีกลับสู่ความยิ่งใหญ่ได้หรือไม่

“เส้นทางสู่ซูเปอร์สตาร์สู่กัปตันปืนใหญ่แห่งอาร์เซนอล”

0

มาร์ติน โอเดการ์ด (Martin Ødegaard) คือหนึ่งในนักเตะพรสวรรค์ที่ถูกจับตามองตั้งแต่วัยเยาว์ ด้วยทักษะและความสามารถอันล้นเหลือ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น “เทพบุตรแห่งวงการฟุตบอลนอร์เวย์” ตั้งแต่ยังเด็ก และในวันนี้ เขากลายเป็นกัปตันทีมอาร์เซนอล สโมสรใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งมีแฟนบอลทั่วโลกให้การสนับสนุน บทความนี้จะพาไปสำรวจประวัติและการเดินทางในวงการฟุตบอลของโอเดการ์ด ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงการก้าวสู่การเป็นผู้นำทีมในระดับสโมสรและระดับทีมชาติ

การเริ่มต้นที่เจิดจรัส

โอเดการ์ดเริ่มต้นเส้นทางการค้าแข้งอย่างน่าทึ่งในวัยเพียง 13 ปี เขาเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ของสโมสรสตอร์มก็อดเซต (Strømsgodset) ในลีกนอร์เวย์และสร้างความประทับใจด้วยเทคนิคการเล่นอันยอดเยี่ยม เมื่ออายุเพียง 15 ปี เขากลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ลงสนามในลีกนอร์เวย์ ด้วยสไตล์การเล่นที่ฉับไวและการจ่ายบอลที่แม่นยำ เขาดึงดูดสายตาจากสโมสรชั้นนำในยุโรปมากมาย และสุดท้ายได้เซ็นสัญญากับ เรอัล มาดริด ในปี 2015

ความท้าทายที่เรอัล มาดริด

เมื่อย้ายไปยังเรอัล มาดริด โอเดการ์ดกลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจในวงการฟุตบอล ทว่าเส้นทางในมาดริดไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทีมเต็มไปด้วยนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์และมีการแข่งขันที่สูง โอเดการ์ดจึงถูกปล่อยยืมตัวไปยังหลายสโมสร เพื่อพัฒนาและสร้างประสบการณ์ โดยไปเล่นกับทีม ฮีเรนวีน (Heerenveen) และ เรอัล โซเซียดาด (Real Sociedad) ซึ่งทำผลงานได้ยอดเยี่ยมและได้รับการยกย่องในฐานะกองกลางฝีเท้าดี โดยเฉพาะในช่วงที่เล่นกับโซเซียดาด เขามีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์เกมและนำทีมไปสู่ผลงานที่ดีในลาลีกา

การย้ายสู่พรีเมียร์ลีกและบทบาทกับอาร์เซนอล

ปี 2021 ถือเป็นจุดสำคัญอีกครั้งในชีวิตการค้าแข้งของโอเดการ์ด เมื่อเขาย้ายไปยังอาร์เซนอลในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยเริ่มต้นจากสัญญายืมตัวก่อนที่สโมสรจะเซ็นสัญญาซื้อขาด การเล่นในลีกอังกฤษช่วยให้โอเดการ์ดแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ เขากลายเป็นตัวหลักในการวางแผนการเล่นและมีบทบาทสำคัญในตำแหน่งกองกลาง ในปี 2022 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีม ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในกัปตันทีมที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาร์เซนอล โอเดการ์ดแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่น จนทำให้แฟนบอลยกย่องว่าเขาเป็นผู้สืบทอดอุดมการณ์ของทีมอย่างแท้จริง

สไตล์การเล่นและบทบาทในสนาม

โอเดการ์ดเป็นนักเตะที่มีทักษะสูงและมองเกมอย่างเฉียบแหลม เขามีจุดเด่นในเรื่องการผ่านบอลที่แม่นยำและการเคลื่อนที่ที่สามารถทำลายแนวรับของฝ่ายตรงข้ามได้ เขาสามารถสร้างสรรค์เกมรุกและยังมีการยิงประตูที่ดีในระยะไกลอีกด้วย การเล่นของโอเดการ์ดเข้ากับสไตล์การเล่นของอาร์เซนอลที่เน้นการเล่นบอลจากเท้าและการกดดันสูงอย่างลงตัว ทำให้เขาเป็นศูนย์กลางในการสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีม

บทสรุป

มาร์ติน โอเดการ์ด เป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์และการทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง เขาได้พิสูจน์ตัวเองจากการท้าทายที่หลากหลายในยุโรปจนกลายมาเป็นผู้นำของอาร์เซนอลในวันนี้ การเติบโตและพัฒนาของเขายังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ในฐานะกัปตันทีมอาร์เซนอลและกองกลางระดับโลก วงการฟุตบอลกำลังเฝ้ารอดูว่าเขาจะพาทีมไปถึงจุดสูงสุดได้อีกเพียงใด

มิเกล อาร์เตตา: จากกองกลางฝีเท้าดี สู่กุนซือคนเก่งอาร์เซนอล

0

มิเกล อาร์เตตา ชื่อที่แฟนฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคุ้นเคยกันดี เขาเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลในฐานะกองกลางที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่น่าจับตามองที่สุดในอังกฤษกับสโมสร อาร์เซนอล ความสำเร็จของอาร์เตตาในฐานะกุนซือ “ปืนใหญ่” คือผลลัพธ์ของการผสมผสานระหว่างประสบการณ์ ความรู้ทางฟุตบอล และความมุ่งมั่นที่จะยกระดับทีม

ชีวิตการค้าแข้ง

มิเกล อาร์เตตา เกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1982 ที่เมืองซาน เซบาสเตียน ประเทศสเปน อาร์เตตาเริ่มเล่นฟุตบอลในอะคาเดมีของบาร์เซโลนา แต่ไม่ได้รับโอกาสลงสนามในทีมชุดใหญ่ เขาจึงย้ายไปเล่นในลีกอื่น โดยเริ่มสร้างชื่อในพรีเมียร์ลีกกับ เอฟเวอร์ตัน ตั้งแต่ปี 2005 ด้วยบทบาทกองกลางตัวสร้างสรรค์เกม เขากลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลเอฟเวอร์ตัน ด้วยสไตล์การเล่นที่ชาญฉลาด การจ่ายบอลที่แม่นยำ และการยิงฟรีคิกที่เฉียบขาด

ต่อมาในปี 2011 อาร์เตตาย้ายมาร่วมทีม อาร์เซนอล ในฐานะกัปตันทีมและกลายเป็นนักเตะคนสำคัญในตำแหน่งกองกลางของทีม เขามีบทบาทสำคัญในการประคองทีมในช่วงที่กำลังเปลี่ยนแปลง หลังจากค้าแข้งอยู่กับอาร์เซนอลเป็นเวลา 5 ปี อาร์เตตาก็ประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2016

จุดเริ่มต้นในฐานะผู้จัดการทีม

หลังจากเลิกเล่น อาร์เตตาได้เข้าร่วมทีมงานโค้ชของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฐานะผู้ช่วยของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือคนดัง การทำงานภายใต้กวาร์ดิโอลาทำให้อาร์เตตาได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการจัดการทีมในระดับสูง นอกจากนี้เขายังเรียนรู้การสร้างแทคติกที่เน้นการครองบอลและเกมบุก ซึ่งต่อมากลายเป็นเอกลักษณ์ในสไตล์การทำทีมของเขาเอง

ความท้าทายกับอาร์เซนอล

ในเดือนธันวาคม 2019 อาร์เตตาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีม อาร์เซนอล แทนที่ อูไน เอเมรี ที่ถูกปลดจากตำแหน่ง อาร์เซนอลในตอนนั้นกำลังอยู่ในช่วงตกต่ำและขาดความมั่นใจ อาร์เตตาจึงเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ในการฟื้นฟูทีมให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

เพียงไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง อาร์เตตาก็สร้างความประทับใจด้วยการนำทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 2019/20 และคว้าแชมป์ คอมมูนิตี้ ชิลด์ ในช่วงต้นฤดูกาลถัดมา นับเป็นสัญญาณที่ดีว่าอาร์เตตาสามารถพาทีมไปสู่ความสำเร็จได้ แม้ว่าหลังจากนั้นเขาจะต้องเจอกับความยากลำบากในการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ แต่เขาก็ได้รับการสนับสนุนจากบอร์ดบริหารในการปรับปรุงทีมในระยะยาว

สไตล์การทำทีมและอนาคตของอาร์เตตา

มิเกล อาร์เตตา ขึ้นชื่อในเรื่องของสไตล์การเล่นที่เน้นการครองบอลและเกมรุกแบบไดนามิก เขามักใช้ระบบ 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 เพื่อควบคุมแดนกลางและสร้างโอกาสในการทำประตู การเน้นการครองบอลและการเคลื่อนที่อย่างชาญฉลาด ทำให้อาร์เซนอลกลายเป็นทีมที่เล่นด้วยรูปแบบที่มีเอกลักษณ์และสร้างความสนุกสนานให้กับแฟนบอล

ถึงแม้อาร์เซนอลยังคงอยู่ในช่วงของการพัฒนา แต่ผลงานของอาร์เตตาก็เริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะการดึงนักเตะดาวรุ่งและการเสริมทัพอย่างชาญฉลาด ทำให้อาร์เซนอลกลับมามีโอกาสในการแข่งขันเพื่อท็อปโฟร์ในพรีเมียร์ลีก และอาจมีลุ้นในรายการใหญ่ๆ ในอนาคต

มิเกล อาร์เตตา ถือเป็นตัวอย่างของผู้จัดการทีมที่มีการพัฒนาและเรียนรู้ไปพร้อมกับทีมของเขา การเติบโตของเขาทั้งในฐานะนักเตะและผู้จัดการทีม ทำให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญที่น่าจับตามองในวงการฟุตบอล ปัจจุบันแฟนบอลอาร์เซนอลต่างคาดหวังว่าอาร์เตตาจะพาทีมกลับสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง และสร้างความสำเร็จใหม่ๆ ให้กับ “ปืนใหญ่” ในอนาคต

แมนยูฯ ล็อกเป้าคว้าตัว ‘คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู’

0

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เลกิ๊ป สื่อดังของฝรั่งเศสรายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมชั้นนำแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เล็งดีลสุดเซอร์ไพรส์ในการเสริมทัพรายแรกในยุคของ รูเบน อโมริม ที่กำลังจะมาเป็นผู้จัดการทีมถาวรคนใหม่

แหล่งข่าวระบุว่า แมนยูฯ ล็อกเป้าไปที่ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศสที่สามารถเล่นมิดฟิลด์ตัวรุกได้ เนื่องจากมองว่าเจ้าตัวยังยึด 11 ตัวจริงในทีม เชลซี แบบสม่ำเสมอไม่ได้ หลังย้ายมาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ด้วยค่าตัว 52 ล้านปอนด์ (2,288 ล้านบาท)

ฤดูกาลที่แล้ว คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน ได้ลงเล่นแค่ 14 นัด เป็น 11 ตัวจริงแค่ 2 เกม ทำไป 3 ประตู ส่วนซีซั่นนี้กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว แต่ 18 นัดในทุกรายการของ เชลซี ได้ลงสนาม 17 เกม แต่เป็นตัวจริงแค่ 8 นัด แม้ยิงไปถึง 10 ประตู มากที่สุดในทีมก็ตาม

อาร์เตต้าผิดหวังหลังอาร์เซน่อลพลาดคว้าชัยในเกมเสมอเชลซี

0

อาร์เตต้าเผยผิดหวังหลังอาร์เซน่อลพลาดคว้าชัยในเกมเสมอเชลซี 1-1 ชี้ลูกทีมเล่นได้เหนือกว่าแต่ยังต้องพัฒนา

มิเกล อาร์เตต้า กุนซืออาร์เซน่อล เปิดเผยความรู้สึกหลังเกมที่อาร์เซน่อลบุกไปเสมอกับเชลซี 1-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก นัดดาร์บี้แมตช์ลอนดอนเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน โดยระบุว่ารู้สึกผิดหวังมากกว่าพอใจที่ไม่สามารถเก็บ 3 คะแนนได้ ชี้ว่าทีมครองเกมได้ดีกว่าในหลายช่วง แต่กลับพลาดเสียประตูสำคัญที่ทำให้ทีมชวดชัยชนะ

อาร์เตต้าเสริมว่า “ประตูของเชลซีมาจากความผิดพลาดในจังหวะเซตพีซ ซึ่งเราขาดความมีวินัยในการจัดการกับสถานการณ์ ทำให้เกิดความไม่เป็นระเบียบในเกมรับ ซึ่งเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ในมาตรฐานของทีม”

สำหรับประเด็นปัญหานักเตะบาดเจ็บ อาร์เตต้าชี้ว่า มาร์ติน โอเดการ์ด ที่เพิ่งกลับมาลงสนามหลังพักยาวกว่า 6 สัปดาห์ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความเป็นผู้นำสูง ส่งผลให้เกมโดยรวมของทีมมีการไหลลื่นมากขึ้น “การมีโอเดการ์ดอยู่ในทีมทำให้การเล่นของเรามีคุณภาพมากขึ้น และเขามีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเกมสำคัญหลายจังหวะ” อาร์เตต้ากล่าว

แม้จะพอใจกับการพัฒนาบางส่วน แต่กุนซือชาวสเปนยอมรับว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงในบางจุดของทีม เพราะปัญหาบางอย่างยังคงเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ซึ่งเขามองว่าเป็นอุปสรรคสำคัญในการคว้าชัยชนะ

รูเบน อโมริม ยังไม่พร้อมคุมทีม เนื่องจากใบอนุญาตทำงาน

0

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 สื่ออังกฤษชื่อดัง “เดลี เมล์” รายงานข่าวล่าสุดว่า รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสที่จะเข้ามารับหน้าที่คุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังไม่สามารถเริ่มทำงานได้ตามกำหนดเดิม เนื่องจากปัญหาด้านใบอนุญาตทำงาน (เวิร์คเพอร์มิต) ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ตกลงรายละเอียดกับ สปอร์ติง ลิสบอน เรียบร้อยแล้วเกี่ยวกับค่าฉีกสัญญาและค่าชดเชยล่วงหน้า 30 วัน รวมถึงเซ็นสัญญาผูกพันยาว 2 ปีครึ่งจนถึงมิถุนายน 2027 พร้อมออปชั่นขยายอีก 1 ปี โดยเดิมทีอโมริมมีกำหนดจะเริ่มงานในวันที่ 11 พฤศจิกายน แต่ล่าสุดเขายังไม่สามารถเริ่มหน้าที่เฮดโค้ชอย่างเป็นทางการได้ เนื่องจากต้องรอการอนุมัติใบอนุญาตทำงานในอังกฤษ

ขณะนี้ อโมริม กำลังเดินทางมาถึงอังกฤษเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเริ่มต้นใหม่ โดยในช่วงพักเบรกทีมชาตินี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะใช้เวลาในการจัดการเรื่องที่อยู่อาศัยของเขาให้เรียบร้อย เพื่อให้เขาสามารถลงหลักปักฐานในอังกฤษได้อย่างสะดวก และจะจัดการเรื่องการร่วมงานกับ รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่เพิ่งหมดหน้าที่โค้ชชั่วคราวของทีม

สำหรับการปรากฏตัวครั้งแรกของอโมริมในฐานะกุนซือคนใหม่ของแมนยูฯ คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนการแข่งขันพรีเมียร์ลีกนัดที่ต้องไปเยือน อิปสวิช ทาวน์ ในวันที่ 24 พฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม แม้อโมริมจะสามารถให้สัมภาษณ์กับ MUTV สื่อของสโมสรได้ แต่เขายังต้องรอการแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการในอีกสองสัปดาห์หลังจากนี้

ห้ามพลาด!