Home Blog Page 78

โรแบร์โต บัจโจ: ตำนานเทพบุตรเปียทองคำ

0

โรแบร์โต้ บัจโจ อดีตกองหน้าชาวอิตาลี เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขา ด้วยพรสวรรค์ ความมุ่งมั่น และความทุ่มเท เขาสร้างผลงานที่น่าประทับใจทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

ชีวิตและช่วงวัยเยาว์

  • เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1967 ที่เมืองกัลโดญโญ ประเทศอิตาลี
  • เริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก โดยมีพ่อเป็นผู้จุดประกายความฝัน
  • ครอบครัวของเขาไม่ค่อยมีฐานะ บาจโจจึงต้องทำงานไปด้วยเรียนหนังสือไปด้วย
  • ด้วยความมุ่งมั่นและทักษะที่ยอดเยี่ยม บาจโจเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพในวัยเพียง 15 ปี

อาชีพนักฟุตบอล

  • วิเชนซ่า (ค.ศ. 1982-1985): บาจโจ เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับวิเชนซ่า สโมสรในบ้านเกิด เขาลงเล่นให้สโมสร 56 นัด ยิงประตู 11 ประตู
  • ฟิออเรนติน่า (ค.ศ. 1985-1990): บาจโจ ย้ายไปฟิออเรนติน่าในปี ค.ศ. 1985 เขาแจ้งเกิดในฐานะกองหน้าดาวรุ่ง ลงเล่นให้สโมสร 209 นัด ยิงประตู 118 ประตู คว้าแชมป์โกปปา อิตาลี 1 สมัย
  • ยูเวนตุส (ค.ศ. 1990-1995): บาจโจ ย้ายไปยูเวนตุสในปี ค.ศ. 1990 กลายเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสร ลงเล่นให้สโมสร 222 นัด ยิงประตู 115 ประตู คว้าแชมป์เซเรียอา 2 สมัย, ยูฟ่าคัพ 1 สมัย, โคปปา อิตาลี 1 สมัย และซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา 2 สมัย
  • เอซีมิลาน (ค.ศ. 1995-1997): บาจโจ ย้ายไปเอซีมิลานในปี ค.ศ. 1995 ลงเล่นให้สโมสร 29 นัด ยิงประตู 11 ประตู คว้าแชมป์เซเรียอา 1 สมัย
  • โบโลญญ่า (ค.ศ. 1997-1998): บาจโจ ย้ายไปโบโลญญ่าในปี ค.ศ. 1997 ลงเล่นให้สโมสร 30 นัด ยิงประตู 9 ประตู
  • อินเตอร์มิลาน (ค.ศ. 1998-2000): บาจโจ ย้ายไปอินเตอร์มิลานในปี ค.ศ. 1998 ลงเล่นให้สโมสร 58 นัด ยิงประตู 19 ประตู
  • เบรสชา (ค.ศ. 2000-2004): บาจโจ ย้ายไปเบรสชาในปี ค.ศ. 2000 ลงเล่นให้สโมสร 101 นัด ยิงประตู 22 ประตู






ทีมชาติอิตาลี

  • บาจโจ ลงเล่นให้ทีมชาติอิตาลี 60 นัด ยิงประตู 27 ประตู
  • เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอิตาลีที่คว้าอันดับรองแชมป์ฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 1994 และอันดับสามในปี ค.ศ. 1990
  • บาจโจ ยิงประตูให้ทีมชาติอิตาลีได้ถึง 27 ประตู ซึ่งถือเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมสำหรับกองหน้าตัวรุก

  • โรแบร์โต้ บาจโจ ได้รับรางวัลส่วนตัวมากมายตลอดอาชีพนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จของเขา รางวัลที่สำคัญๆ มีดังนี้

  • รางวัลระดับนานาชาติ:
  • รางวัลบัลลงดอร์: 1 สมัย (1993)
  • รางวัลรองเท้าทองคำในฟุตบอลโลก: 1 สมัย (1990)
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟีฟ่า: 1 สมัย (1993)
  • ทีมยอดเยี่ยมของฟุตบอลโลก: 1 สมัย (1994)
  • Onze d’Or: 1 สมัย (1993)
  • รางวัลเงินบัลลงดอร์: 1 สมัย (1994)
  • รางวัลทองแดงบัลลงดอร์: 1 สมัย (1994)
  • รางวัลระดับสโมสร:
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของเซเรียอา: 2 สมัย (1990, 1991)
  • กองหน้ายอดเยี่ยมของเซเรียอา: 1 สมัย (1997)
  • ผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปีของยูเวนตุส: 2 สมัย (1992, 1993)
  • รางวัลแกนดัลโฟ: 1 สมัย (1990)

  • รางวัลอื่นๆ:
  • รางวัลมาร์โก สปอร์ต: 1 สมัย (1993)
  • รางวัล Guerin d’Oro: 1 สมัย (1993)
  • รางวัล Bravo: 1 สมัย (1990)
  • บาจโจ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล รางวัลเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถ พรสวรรค์ และความทุ่มเทของเขา เขาสร้างแรงบันดาลใจให้นักฟุตบอลรุ่นหลังหลายต่อหลายคน และจะเป็นที่จดจำในฐานะตำนานลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

อเลสซันโดร เดล ปิเอโร: เจ้าชายแห่งยูเวนตุส

0

อาเลสซันโดร เดล ปิเอโร อดีตกัปตันทีมยูเวนตุสและทีมชาติอิตาลี ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ด้วยพรสวรรค์ ความเป็นผู้นำ และความทุ่มเท เขาสร้างผลงานที่น่าประทับใจทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

ประวัติ

  • เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 ที่เมืองปาโดวา ประเทศอิตาลี
  • เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับปาโดวาในปี ค.ศ. 1991
  • ย้ายไปยูเวนตุสในปี ค.ศ. 1993 กลายเป็นตำนานของสโมสร
  • ลงเล่นให้ยูเวนตุส 676 นัด ยิงประตู 289 ประตู
  • คว้าแชมป์เซเรียอา 7 สมัย, โคปปา อิตาลี 1 สมัย, ซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา 4 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1 สมัย และยูฟ่า อินเตอร์โตโต คัพ 1 สมัย
  • ลงเล่นให้ทีมชาติอิตาลี 91 นัด ยิงประตู 27 ประตู
  • พาทีมชาติอิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 2006
  • เกษียณอายุในปี ค.ศ. 2015




สถิติ

สโมสร

  • ลีก: 511 นัด ยิง 211 ประตู
  • ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 104 นัด ยิง 36 ประตู

ทีมชาติ

  • 91 นัด ยิง 27 ประตู

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า: 1 สมัย (1996)
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของอิตาลี: 1 สมัย (1998)
  • ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของยูเวนตุส
  • รองเท้าทองคำในเซเรียอา: 1 สมัย (2002)
  • ทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่า: 2 สมัย (2003, 2006)

จุดเด่น

  • ความเป็นผู้นำ: เดล ปิเอโร เป็นกัปตันทีมที่ยอดเยี่ยม เขามีทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม เป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนร่วมทีม และสามารถดึงศักยภาพสูงสุดออกมาจากพวกเขา
  • วิสัยทัศน์: เดล ปิเอโร มีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม เขาสามารถอ่านเกมได้อย่างดีเยี่ยม และมักจะสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมทำประตู
  • เทคนิคการเล่น: เดล ปิเอโร มีเทคนิคการเล่นที่ยอดเยี่ยม เขามีเท้าขวาที่แม่นยำ ครอสบอลได้อย่างดีเยี่ยม และยิงประตูจากระยะไกลได้อย่างเฉียบคม

มรดก

อาเลสซันโดร เดล ปิเอโร ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยูเวนตุสและทีมชาติอิตาลี เขาเป็นแรงบันดาลใจให้นักเตะรุ่นหลังหลายต่อหลายคน และจะเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในตำนานลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

พาเวล เนดเวด: ดาวเตะจอมขยันผู้คว้ารางวัลบัลลงดอร์

0

พาเวล เนดเวด

อดีตกองกลางชาวเช็ก เกิดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 1972 เขาเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขา ด้วยพรสวรรค์ ความมุ่งมั่น และความทุ่มเท เนดเวด สร้างผลงานที่น่าประทับใจทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

ประวัติ

  • เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรสปาร์ตา ปราก ในปี ค.ศ. 1991
  • ย้ายไปลาซิโอในปี ค.ศ. 1996 คว้าแชมป์โกปปา อิตาลีและซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา
  • ย้ายไปยูเวนตุสในปี ค.ศ. 2001 ประสบความสำเร็จอย่างมาก พาทีมคว้าแชมป์เซเรียอา 5 สมัย โคปปา อิตาลี 2 สมัย ซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา 3 สมัย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย และยูฟ่า อินเตอร์โตโต คัพ 1 สมัย
  • เล่นให้ทีมชาติเช็ก 91 นัด ยิง 18 ประตู
  • ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ในปี ค.ศ. 2003
  • เกษียณอายุในปี ค.ศ. 2009

สถิติ

  • สโมสร:
    • ลีก: 344 นัด ยิง 104 ประตู
    • ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 73 นัด ยิง 11 ประตู
  • ทีมชาติ:
    • 91 นัด ยิง 18 ประตู

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลบัลลงดอร์: 1 สมัย (2003)
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป: 1 สมัย (2003)
  • ทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่า: 3 สมัย (2003, 2004, 2005)
  • รองเท้าทองคำในเซเรียอา: 1 สมัย (2002)
  • นักเตะยอดเยี่ยมของเซเรียอา: 1 สมัย (2002)
  • นักเตะยอดเยี่ยมของปีของสโมสรยูเวนตุส: 3 สมัย (2002, 2003, 2004)

ปาแว็ล เนดเวด ขึ้นชื่อเรื่องความทุ่มเท พลังงาน และความสามารถในการเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง เขามีเท้าซ้ายที่แม่นยำ วิ่งขึ้นลงสนามอย่างไม่รู้จักเหนื่อย และยิงประตูได้อย่างเฉียบคม

เนดเวด ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เขาเป็นแรงบันดาลใจให้นักเตะรุ่นหลังหลายต่อหลายคน

เธียรี่ อองรี: ตำนานนักเตะผู้ยิ่งใหญ่

0

ประวัติ

  • เกิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 1977 ที่เมืองปาแลโซ่ ประเทศฝรั่งเศส
  • เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับโมนาโก้ในปี 1994
  • ย้ายไปร่วมทีมอาร์เซนอลในปี 1999 และประสบความสำเร็จอย่างมาก
  • กลายเป็นกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของสโมสร
  • ยิงประตูได้ 175 ประตูจาก 258 นัดในพรีเมียร์ลีก
  • พาอาร์เซนอลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และสร้างสถิติไร้พ่ายในฤดูกาล 2003-04
  • ย้ายไปบาร์เซโลน่าในปี 2007 แต่ประสบความสำเร็จไม่เท่าที่อาร์เซนอล
  • กลับมาเล่นให้อาร์เซนอลอีกครั้งในปี 2012 เป็นเวลา 1 ฤดูกาล
  • ย้ายไปนิวยอร์ก เรด บูลส์ในปี 2012 และเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพในปี 2014
  • ลงเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส 123 นัด ยิงประตูได้ 51 ประตู
  • พาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1998 และฟุตบอลยูโร 2000




สถิติ

  • ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของอาร์เซนอล (175 ประตู)
  • ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติฝรั่งเศส (51 ประตู)
  • รองเท้าบูตทองคำพรีเมียร์ลีก 4 สมัย (2001-02, 2003-04, 2004-05, 2005-06)
  • นักเตะยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ 2 สมัย (2002-03, 2003-04)
  • นักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ 3 สมัย (2002-03, 2003-04, 2005-06)

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี 2003 (รองชนะเลิศ)
  • ทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่า 5 สมัย (2000, 2001, 2003, 2004, 2006)
  • ทีมยอดเยี่ยมของฟีฟ่าเวิลด์คัพ 1 สมัย (1998)

อองรี ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เขามีทักษะ ความเร็ว พลัง และความเฉียบคมในการยิงประตูที่ยอดเยี่ยม

สถิติของ แฮร์รี่ เคน ในศึกฟุตบอลยูโร 2024 ณ วันที่ 11 กรกฎาคม 2567

0

ผลงานโดยรวม:

  • ลงเล่น 6 นัด
  • ยิง 3 ประตู (เป็นอันดับ 1 ของทัวร์นาเมนต์ ร่วมกับ ดานี่โอโมล)
  • แอสซิสต์ 0 ครั้ง
  • ยิงจุดโทษสำเร็จ 1 ลูก

  • สถิติอื่นๆ:
  • ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษในรอบสุดท้ายฟุตบอลยูโร มากที่สุด
  • ทำประตูให้ทีมชาติอังกฤษมากที่สุดในรอบสุดท้ายฟุตบอลยูโร มากที่สุด

  • หมายเหตุ:
  • สถิตินี้อัปเดต ณ วันที่ 11 กรกฎาคม 2567
  • ทีมชาติอังกฤษผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2024 พบกับ ทีมชาติสเปน ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2567

เนเธอร์แลนด์ VS อังกฤษ 1-2 : วัตกิ้นส์ซัดนาทีทด พาสิงโตคำรามเข้าชิง สุดมัน

0

อัศวินสีส้ม เริ่มเกมได้อย่างสวยงาม ขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ช่วงต้นเกมจาก ซาวี ซิมอนส์ แต่ สิงโตคำราม ไม่ยอมแพ้ ไล่ตีเสมอได้จากจุดโทษของ แฮร์รี่ เคน ⚽️

เกมดำเนินไปอย่างสูสี เผลอๆ เนเธอร์แลนด์ก็เกือบจะพลิกกลับมานำ แต่สุดท้ายก็ต้านทานความเหนียวแน่นของอังกฤษไม่ไหว

ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ตัวสำรองของอังกฤษ มาซัดประตูชัยให้ทีมคว้าชัยชนะไปอย่างหวุดหวิด ⏱️⚽️

สรุปผลการแข่งขัน: เนเธอร์แลนด์ 1 – 2 อังกฤษ 🇳🇱

ทีมชาติอังกฤษ ตบเท้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับทีมชาติสเปน ลงสนามคืนวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม เวลา 02.00 น. ที่สนามโอลิมเปีย สตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม

เนเธอร์แลนด์ : บาร์ท แฟร์บรูกเก้น (GK), เดนเซล ดุมฟรีส, สเตฟาน เดอ ฟรายจ์, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, นาธาน อาเก้, เจอร์ดี้ โชเทน, ทิจจานี่ ไรจ์นเดอร์ส, ดอนเยลล์ มาเลน, ซาวี ซิมอนส์, โคดี กัคโป, เมมฟิส เดปาย

อังกฤษ : จอร์แดน พิคฟอร์ด (GK)ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี, คีแรน ทริปเปียร์, บูกาโย ซาก้า, ค็อบบี้ ไมนู, เดแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม, ฟิล โฟเด้น, แฮร์รี่ เคน

จู๊ด เบลลิงแฮม: ดาวรุ่งพุ่งแรง สู่ตำนานกองกลางระดับโลก

0

จู๊ด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวอังกฤษ กำลังสร้างปรากฏการณ์บนเวทีฟุตบอลโลก

ด้วยผลงานอันเฉียบคม

พาทีมชาติอังกฤษทะยานสู่รอบชิงชนะเลิศ

พร้อมคว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์

เบลลิงแฮม เกิดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 2003

เริ่มต้นอาชีพกับเบอร์มิงแฮม ซิตี้

ก่อนแจ้งเกิดเต็มตัวกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

และปัจจุบันค้าแข้งกับเรอัล มาดริด

สถิติอันน่าทึ่ง:

  • ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ 20 นัด ยิง 3 ประตู 4 แอสซิสต์
  • ช่วยทีมชาติอังกฤษคว้ารองแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024
  • คว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก 2024
  • คว้ารางวัลโกลเดนบอย 2023
  • คว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของบุนเดสลีกา 2 สมัย (2020/21, 2021/22)
  • คว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ 2020

สไตล์การเล่น:

  • เล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวกลางและตัวรุก
  • เทคนิคการเลี้ยงบอลเหนือชั้น
  • จ่ายบอลแม่นยำ ตัดเกมเฉียบคม
  • ยิงประตูได้ดี
  • มีวิสัยทัศน์กว้างไกล

เบลลิงแฮม เปรียบเสมือนเพชรน้ำงาม

ที่เปล่งประกายบนเวทีฟุตบอล

ด้วยพรสวรรค์ ความมุ่งมั่น

และความทุ่มเท

เขาถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก

และ

มีอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน

แฟนบอลทั่วโลกต่างจับตาดู

ว่าดาวรุ่งพุ่งแรงคนนี้

จะสร้างตำนานบทใหม่บนถนนลูกหนังได้อย่างไร

สถิติของ โรนัลด์ คูมัน ในฐานะผู้จัดการทีมชาติเนเธอร์แลนด์

0

รวม

  • ลงคุมทีม 20 นัด
  • ชนะ 13 เสมอ 4 แพ้ 3
  • ทำประตูได้ 45 เสีย 17
  • อัตราชนะ 65%

รายการใหญ่

  • ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก 2020–21: อันดับ 2 รอบชิงชนะเลิศ
  • ฟุตบอลโลก 2022: รอบ 16 ทีมสุดท้าย
  • ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024: กำลังแข่งขัน (รอบรองชนะเลิศ)

สถิติอื่นๆ

  • เป็นผู้จัดการทีมชาติเนเธอร์แลนด์ที่พาทีมชนะมากเป็นอันดับ 3 (รองจาก ลุยส์ ฟาน กัล และ ดิก อัดโวคาต)
  • เป็นผู้จัดการทีมชาติเนเธอร์แลนด์ที่มีอัตราชนะสูงเป็นอันดับ 2 (รองจาก รินุส มิเชลส์)

รางวัล

  • รางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์: 1 สมัย (2021)

สถิติของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ในฐานะผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ

0

รวม

  • ลงคุมทีม 80 นัด
  • ชนะ 49 เสมอ 17 แพ้ 14
  • ทำประตูได้ 174 เสีย 68
  • อัตราชนะ 61.25%

รายการใหญ่

  • ฟุตบอลโลก 2018: เข้ารอบรองชนะเลิศ
  • ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020: รองแชมป์
  • ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก 2018–19: อันดับ 4 รอบรองชนะเลิศ
  • ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก 2020–21: อันดับ 3 รอบชิงชนะเลิศ

สถิติอื่นๆ

  • เป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษที่คุมทีมนานเป็นอันดับ 3 (รองจาก เวน เกอร์เบิร์ต และ อัลฟ์ แรมซีย์)
  • เป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษที่พาทีมชนะมากเป็นอันดับ 2 (รองจาก เวน เกอร์เบิร์ต)
  • เป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษที่มีอัตราชนะสูงเป็นอันดับ 2 (รองจาก เวน เกอร์เบิร์ต)

รางวัล

  • รางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอลอังกฤษ: 2 สมัย (2018, 2021)

วิเคราะห์ 11 ตัวจริง ฟุตบอลยูโร 2024: เนเธอร์แลนด์ vs อังกฤษ (10 กรกฎาคม 2567)

0

ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ภายใต้การคุมทีมของ โรนัลด์ คูมันด์ เกมรุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเตะอย่าง โคดี้ กัคโป กองหน้าตัวเก่งที่ฟอร์มดี นำเป็นดาวซัลโวอยู่ในขณะนี้ นอกจากนี้ยังมีผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่ค่อยช่วยสนับสนุนทีมงานชาบี ซิม่อน, เมลฟิส  เดปาย, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เป็นต้น สภาพความพร้อมของนักเตะในทีมพวกเขาจะไร้ผู้เล่นบาดเจ็บหรือติดโทษแบนในเกมนี้คาดว่าจะใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากนัดที่ผ่านมา

รายชื่อ 11 ผู้เล้นตัวจริงที่คาดของทีมชาติเนเธอร์แลนด์

ผู้รักษาประตู : บาร์ท แฟร์บรู๊กเก้น

กองหลัง : เดนเซล ดุมฟรีส์, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, สเตฟาน เดอ ไฟรจ์, นาธาน อาเก้

กองกลาง : เยอร์ดี เชาเทน, ทิยานี่ ไรจ์นเดอร์ส, ดอนเยลล์ มาเลน, ชาบี ซิมมอนส์, โคดี้ กักโป

กองหน้า : เมมฟิส เดปาย



ทีมชาติอังกฤษ ภายใต้การคุมทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่ผ่านเข้ารอบมาแบบหืดจับทั้ง 2 เกมในรอบน็อคเอาท์คาดว่าอังกฤษน่าจะใช้แผนเดิมจากนัดก่อนในระบบหลัง 3 และใช้ชอว์กับซาก้าเล่นเป็นวิงแบ็คส่วนที่เหลือคาดว่าจะเป็นผู้เล่นชุดเดิมทั้งหมด

รายชื่อ 11 ตัวจริงที่คาดของทีมชาติอังกฤษ

ผู้รักษาประตู : จอร์แดน พิคฟอร์ด

ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี

กองกลาง : ลุค ชอว์, ดีแคลน ไรซ์, ค็อบบี้ ไมนู, บูกาโย ซาก้า

กองหน้า : จู๊ด เบลลิงแฮม, ฟิล โฟเด้น, แฮร์รี เคน

ห้ามพลาด!