Home Blog Page 8

ซาล่าห์ ทำสถิติใหม่ หลังซัดสองจุดโทษแมตช์ล่าสุด

0

โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ กดสองจุดโทษช่วยให้ ลิเวอร์พูล พลิกแซงเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-1 ไม่เพียงแต่รักษาตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกแบบทิ้งห่าง แต่ยังจารึกสถิติสำคัญกับสโมสรเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ลิเวอร์พูล ต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังก่อนจากประตูของ วิลล์ สมอลล์โบน แต่สามารถคัมแบ็กกลับมาได้สำเร็จจากการทำประตูของ ดาร์วิน นูนเญซ และสองจุดโทษของ ซาล่าห์ ทำให้ “หงส์แดง” เก็บสามแต้มสำคัญเพิ่มเป็น 70 คะแนนจาก 29 นัด ทิ้งห่าง อาร์เซน่อล อันดับสอง 16 แต้ม แต่ลงเล่นมากกว่า 2 เกม

ซาล่าห์ ยังคงโชว์ฟอร์มร้อนแรงในลีก ยิงไปแล้ว 27 ประตู นำเป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกแบบขาดลอย โดยมี เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ตามหลังอยู่ 7 ประตู (20 ลูก) ขณะที่จำนวนประตูรวมจากทุกรายการในฤดูกาลนี้เพิ่มเป็น 32 ประตู และมีส่วนร่วมโดยตรงกับ 44 ประตู (27 ประตู + 17 แอสซิสต์) ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดในลีกสำหรับฤดูกาลแข่งขัน 38 นัด

นอกจากนั้น กองหน้าวัย 32 ปี ยังทำสถิติขึ้นไปทาบ เอียน รัช ตำนานของสโมสรในฐานะนักเตะที่ยิง เซาธ์แฮมป์ตัน ได้มากที่สุด (10 ประตู) พร้อมทั้งขยับขึ้นมาเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลอันดับ 3 ของลิเวอร์พูล แซงหน้า กอร์ดอน ฮอดจ์สัน ด้วยจำนวน 243 ประตู ตามหลัง โรเจอร์ ฮันท์ (285 ประตู) และ เอียน รัช (346 ประตู)

นอกจากนี้ ซาล่าห์ ยังทำสถิติเทียบเท่า เซร์คิโอ อเกวโร่ อดีตกองหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฐานะผู้เล่นที่ทำประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกเป็นอันดับ 5 ร่วม ด้วยจำนวน 184 ประตู

สำหรับจำนวน 243 ประตูที่เขาทำได้ในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล แบ่งออกเป็น

  • พรีเมียร์ลีก: 182 ประตู
  • ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก: 45 ประตู
  • ยูโรป้า ลีก: 5 ประตู
  • เอฟเอ คัพ: 6 ประตู
  • คาราบาว คัพ: 4 ประตู
  • คอมมูนิตี้ ชิลด์: 1 ประตู

หลังจบเกม ซาล่าห์ ให้สัมภาษณ์ว่า
“ผมไม่คิดว่าเราเล่นได้ดีในวันนี้ แต่การคว้าแชมป์ต้องอาศัยชัยชนะในเกมแบบนี้ หากคุณต้องการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกหรือยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คุณต้องหาทางคว้าสามแต้มแม้ในวันที่เล่นไม่ดีที่สุด”

ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของลิเวอร์พูล

  1. เอียน รัช – 346 ประตู
  2. โรเจอร์ ฮันท์ – 285 ประตู
  3. โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ – 243 ประตู
  4. กอร์ดอน ฮอดจ์สัน – 241 ประตู
  5. บิลลี่ ลิดเดลล์ – 228 ประตู
  6. สตีเว่น เจอร์ราร์ด – 186 ประตู
  7. ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ – 183 ประตู

ลิเวอร์พูลแซงดับเซาธ์แฮมป์ตัน 3-1! รั้งจ่าฝูงต่อ

0

แม้จะถูก เซาธ์แฮมป์ตัน บุกมาขึ้นนำก่อน แต่ ลิเวอร์พูล พลิกกลับมาเอาชนะไปได้ 3-1 โดยเกมนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดสองประตูจากลูกจุดโทษ พาทีมเก็บ 3 แต้มสำคัญ ยึดจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ทิ้งห่างอันดับสองถึง 16 คะแนน

สล็อตโดนแบนต่อ แต่ลิเวอร์พูลยังแกร่ง

เกมนี้ อาร์เน่ สล็อต กุนซือของหงส์แดง ถูกแบนจากการคุมทีมข้างสนามเป็นนัดสุดท้ายจากโทษแบน 2 เกม เขาปรับทีมจากเกมชนะ เปแอสเช ในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1-0 โดยส่ง ดาร์วิน นูนเญซ, คอสตาส ซิมิกาส และ เคอร์ติส โจนส์ ลงตัวจริงแทน ดีโอโก้ โชต้า, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์

ฝั่ง เซาธ์แฮมป์ตัน ภายใต้การคุมทีมของ อีวาน ยูริช เกมที่แล้วบุกไปแพ้ เชลซี 0-4 ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนทีมถึง 6 ตำแหน่ง และปรับมาใช้แนวรับ 4 คน โดย ยาน เบดนาเร็ค และ เทย์เลอร์ ฮาร์วูด-เบลลิส หายเจ็บกลับมาช่วยทีม

สมอลล์โบนซัดพานักบุญนำก่อนครึ่งแรก

เริ่มเกมมาเพียง 6 นาที ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะยิงของ เคอร์ติส โจนส์ แต่บอลหลุดกรอบออกไป หลังจากนั้น เจ้าบ้านครองเกมเหนือกว่าอย่างชัดเจน บุกกดดันต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้

เกมทำท่าจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 แต่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เซาธ์แฮมป์ตัน มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 45+1 จากความผิดพลาดของแนวรับ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่พยายามบังบอลให้ อลีสซง เบ็คเกอร์ แต่ดันถูก วิลล์ สมอลล์โบน ฉกไปยิงผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไป ทำให้ นักบุญ ออกนำก่อนจบครึ่งแรก

หงส์แดงคืนฟอร์ม ซัด 3 ลูกครึ่งหลัง แซงชนะ 3-1

เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 52 ลิเวอร์พูล มาตีเสมอได้สำเร็จจากการเล่นทางกราบซ้าย หลุยส์ ดิอาซ ลากบอลไปสุดเส้นแล้วจ่ายเข้ากลางให้ ดาร์วิน นูนเญซ ซัดเข้าไปไม่เหลือ ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1

ถัดมาเพียงนาทีเดียว ลิเวอร์พูล มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ วิลล์ สมอลล์โบน ทำฟาวล์ ดาร์วิน นูนเญซ ในเขตโทษ และเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ส่งให้หงส์แดงพลิกขึ้นนำ 2-1 ในนาทีที่ 54 ซึ่งเป็นประตูที่ 26 ของเขาในลีกฤดูกาลนี้ และรวมแล้ว 31 ประตูในทุกรายการ

นาทีที่ 71 ลิเวอร์พูล มีโอกาสทองจะได้ประตูที่สาม แต่ ซาลาห์ ยิงหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

VAR ช่วยยืนยันจุดโทษ! ซาลาห์ยิงฝัง 3-1

เกมทำท่าว่าจะจบลงที่ 2-1 แต่ในนาทีที่ 87 ลิเวอร์พูล มาได้จุดโทษอีกครั้ง หลังจากที่ผู้ตัดสินเช็ก VAR แล้วตัดสินว่า ยูกินาริ ซูกาวาระ กองหลังตัวสำรองของทีมเยือนทำแฮนด์บอลในจังหวะป้องกัน หลุยส์ ดิอาซ และเป็น ซาลาห์ คนเดิมยิงเข้าไปแบบเฉียบขาด ทำให้ ลิเวอร์พูล หนีห่างเป็น 3-1

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ลิเวอร์พูล คว้า 3 แต้มสำคัญ มีเพิ่มเป็น 70 คะแนนจาก 29 นัด นำห่าง อาร์เซน่อล อันดับ 2 อยู่ 16 แต้ม แต่แข่งมากกว่า 2 นัด ขณะที่ เซาธ์แฮมป์ตัน มี 9 คะแนนจาก 28 นัด โอกาสตกชั้นสู่แชมเปียนชิพเริ่มชัดเจน

เกมต่อไป ลิเวอร์พูล จะยังเล่นในแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ เปแอสเช ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง ซึ่งเป็นเกมชี้ชะตาการเข้ารอบ


รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, คอสตาส ซิมิกาส – โดมินิค โซบอสซ์ไล, ไรอัน กราเฟนแบร์ก, เคอร์ติส โจนส์ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ, หลุยส์ ดิอาซ

เซาธ์แฮมป์ตัน (4-2-3-1) : อารอน แรมส์เดล – ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส, ยาน เบดนาเร็ค, เทย์เลอร์ ฮาร์วูด-เบลลิส, ไรอัน แมนนิ่ง – เลสลี่ย์ อูโกชุควู, วิลล์ สมอลล์โบน – ดริบบิ้งค์, มาเตอุส แฟร์นานเดส – อัลเบิร์ต เกรินบาก์

สื่อแฉ! “เมนู” ปัดต่อสัญญาใหม่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

0

มีรายงานว่า ค็อบบี้ เมนู ตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอสัญญาฉบับใหม่จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และกำลังพิจารณาทางเลือกในการย้ายไปค้าแข้งในลีกต่างประเทศ

“เดอะ การ์เดี้ยน” เผย เมนู อาจไม่ต่อสัญญากับปีศาจแดง

เดอะ การ์เดี้ยน สื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า เมนู มิดฟิลด์อนาคตไกลของ แมนฯ ยูไนเต็ด มีแนวโน้มที่จะไม่ขยายสัญญาฉบับใหม่กับต้นสังกัด และอาจพิจารณาการย้ายไปเล่นในต่างแดนเพื่อหาความท้าทายใหม่

ดาวเตะวัย 19 ปี เป็นผลผลิตจากอคาเดมีของ ปีศาจแดง และยังคงมีสัญญากับทีมถึง ปี 2026 ปัจจุบันเขารับค่าเหนื่อยอยู่ที่ประมาณ 20,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าไม่สูงนักเมื่อเทียบกับแข้งตัวหลักของสโมสร หาก แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจขาย แข้งรายนี้อาจมีค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านปอนด์

ยังอยู่ระหว่างพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ

ในตอนนี้ เมนู กำลังอยู่ระหว่างพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ แต่ที่ผ่านมา เขาก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีม ลงสนามให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้ว 60 นัด และติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่มาแล้วถึง 10 เกม

การตัดสินใจของ เมนู อาจส่งผลต่อแผนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเจ้าตัวต้องการย้ายไปเล่นในต่างแดนจริง ต้องรอติดตามกันต่อไปว่า อนาคตของแข้งดาวรุ่งรายนี้จะลงเอยที่ใด!

เอเย่นต์เดินเกม! ดัน “เนย์มาร์” รีเทิร์นลีกยุโรป

0

ตัวแทนของ เนย์มาร์ ยังคงพยายามหาทางให้ ซูเปอร์สตาร์ชาวบราซิล กลับไปค้าแข้งในลีกยุโรปอีกครั้ง โดยมีสองสโมสรชั้นนำเป็นเป้าหมายหลักของดีลนี้

“ซาฮาวี่” เร่งเจรจาหาทีมใหม่ให้เนย์มาร์

ปินี่ ซาฮาวี่ เอเย่นต์ส่วนตัวของ เนย์มาร์ กำลังผลักดันให้แข้งวัย 33 ปี ได้กลับมาค้าแข้งในยุโรปช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งย้ายจาก อัล ฮิลาล ในลีกซาอุดีอาระเบีย กลับมาเล่นกับ ซานโตส ทีมเก่าที่เขาเคยแจ้งเกิดตั้งแต่อะคาเดมี ด้วยสัญญาระยะสั้น

แม้ว่า เนย์มาร์ จะโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจและกลับมาติดทีมชาติบราซิลอีกครั้ง แต่เจ้าตัวก็ยังคงมีความทะเยอทะยานในการกลับไปเล่นในลีกใหญ่ของยุโรป ซึ่ง “สปอร์ต” สื่อดังของสเปนรายงานว่า ซาฮาวี่ กำลังมองหาข้อเสนอที่เหมาะสมให้กับลูกค้าของเขา

บาร์เซโลน่าคือเป้าหมายแรก แต่ยังไม่มีแผนคว้าตัว

เนย์มาร์ เปิดรับโอกาสเซ็นสัญญาระยะสั้น 1 ปี กับ บาร์เซโลน่า หากได้รับข้อเสนอที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม แม้ว่า เจ้าบุญทุ่ม กำลังมองหาตัวรุกฝั่งซ้ายมาเสริมทีม แต่พวกเขายังไม่มีแผนที่จะดึงแข้งแซมบ้ากลับมาในตอนนี้

อย่างไรก็ดี ซาฮาวี่ ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ โจน ลาปอร์ต้า ประธานสโมสรบาร์ซ่า พยายามผลักดันให้เกิดดีลนี้ขึ้น โดยเชื่อว่าสถานการณ์ทางการเงินของทีมอาจทำให้ เนย์มาร์ กลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

“บาเยิร์น มิวนิค” อีกหนึ่งปลายทางที่อาจเป็นไปได้?

นอกจาก บาร์เซโลน่า แล้ว ซาฮาวี่ ยังพยายามผลักดันให้ บาเยิร์น มิวนิค เข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือก เนื่องจาก เนย์มาร์ ต้องการย้ายไปเล่นให้กับทีมที่มีลุ้นแชมป์ยุโรป

อย่างไรก็ตาม “เสือใต้” ไม่ได้ให้ความสนใจในตัวแข้งบราซิลรายนี้ เนื่องจากพวกเขามีเป้าหมายหลักเป็น ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่งของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มากกว่า

ดีลของ เนย์มาร์ จะจบลงที่สโมสรใด ต้องรอติดตามช่วงตลาดซัมเมอร์นี้!

ลิเวอร์พูล พร้อมเดินหน้าล่า “อิซัค” ซัมเมอร์นี้

0

ลิเวอร์พูล เตรียมพิจารณาคว้าตัว อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าตัวเก่งของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์นี้ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับค่าตัวมหาศาลระดับ 6,000 ล้านบาท และมีหลายสโมสรที่ให้ความสนใจเช่นกัน

“หงส์แดง” สนใจ แต่จะเดินหน้าเมื่ออิซัคต้องการย้าย

เดวิด ออร์นสตีน นักข่าวชื่อดังจาก The Athletic รายงานว่า ลิเวอร์พูล เป็นหนึ่งในสโมสรที่จับตาดูสถานการณ์ของ อิซัค อย่างใกล้ชิด โดยมีทีมอย่าง อาร์เซน่อล, เชลซี และ บาร์เซโลน่า ที่แสดงความสนใจเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล จะยื่นข้อเสนออย่างจริงจังก็ต่อเมื่อ กองหน้าทีมชาติสวีเดน มีความต้องการย้ายทีม เพราะพวกเขาไม่ใช่ทีมที่ทุ่มซื้อนักเตะแบบไร้ทิศทาง

ค่าตัวมหาศาล อุปสรรคสำคัญของดีลนี้

รายงานระบุว่า นิวคาสเซิ่ล ตั้งค่าตัวของ อิซัค ไว้สูงถึง 150 ล้านปอนด์ (ราว 6,450 ล้านบาท) เนื่องจากสัญญาของเขายังเหลืออยู่ถึงปี 2028 และสโมสรไม่ต้องการเสียผู้เล่นคนสำคัญออกจากทีมง่ายๆ

นอกจากนี้ ดาร์เรน อีลส์ ซีอีโอของ นิวคาสเซิ่ล ยังออกมายืนยันว่า สโมสรมีแผนระยะยาวกับ อิซัค และไม่มีความตั้งใจจะขาย ไม่ว่าจะได้รับข้อเสนอในระดับใดก็ตาม

อาร์เซน่อลอาจต้องขายนักเตะเพื่อระดมทุนซื้ออิซัค

แม้ว่า อาร์เซน่อล จะเป็นหนึ่งในทีมที่ให้ความสนใจ อิซัค อย่างจริงจัง แต่พวกเขาอาจจำเป็นต้องปล่อยผู้เล่นออกไป อย่างน้อย 2 ราย เพื่อระดมทุนมาดำเนินการดีลนี้ ซึ่งอาจทำให้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสมากขึ้นในการปิดดีลกองหน้ารายนี้

ฟอร์มร้อนแรงของ “อิซัค” ฤดูกาลนี้

อิซัค ทำไปแล้ว 22 ประตู จากทุกรายการในฤดูกาลนี้ โดยมีบทบาทสำคัญในการช่วย นิวคาสเซิ่ล เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ และยังเป็นกำลังหลักในการลุ้นพื้นที่ ท็อป 4 พรีเมียร์ลีก

หาก ลิเวอร์พูล ตัดสินใจเดินหน้าจริง ดีลนี้อาจกลายเป็นหนึ่งในดีลที่ร้อนแรงที่สุดของตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้!

เอ็นริเก้ เชื่อ เปแอสเช บุกโค่นลิเวอร์พูลได้

0

หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยังคงเชื่อมั่นว่าทีมของเขามีศักยภาพมากพอที่จะบุกไปเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในเกมนัดที่สองที่ แอนฟิลด์ แม้จะตระหนักดีว่านี่เป็นภารกิจที่ยากลำบาก

เปแอสเช ครองเกมเหนือกว่า แต่พลาดท่าในบ้าน

ในเกมแรก เปแอสเช เปิดเกมรุกเข้าใส่แบบไม่มียั้ง สร้างโอกาสยิงได้ถึง 27 ครั้ง แต่กลับไม่สามารถเจาะแนวรับของ ลิเวอร์พูล ได้ เนื่องจาก อลีสซง เบ็คเกอร์ โชว์ฟอร์มสุดยอด ช่วยเซฟสำคัญหลายครั้ง ก่อนที่ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ตัวสำรองของ หงส์แดง จะสวมบทฮีโร่ ยิงประตูชัยในช่วงท้ายเกม ส่งให้ลิเวอร์พูลบุกมาเก็บชัยชนะ 1-0 ทำให้พวกเขากุมความได้เปรียบก่อนเกมเลกสองที่จะเล่นที่ แอนฟิลด์ ในคืนวันอังคารที่ 11 มีนาคม

เอ็นริเก้ เสียดายโอกาส แต่ยังมั่นใจเกมเลกสอง

หลังจบเกม เอ็นริเก้ ให้สัมภาษณ์ว่า
“ตอนนี้มันยากมากที่จะคิดบวกเกี่ยวกับเกมนี้ เพราะผมเชื่อว่าเราควรเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน”

“ผมคิดว่านี่เป็นหนึ่งในฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของเราในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก ไม่ใช่แค่ซีซั่นนี้ แต่รวมถึงฤดูกาลที่แล้วด้วย และเมื่อคุณเห็นว่า นักเตะที่โดดเด่นที่สุดของลิเวอร์พูลคือผู้รักษาประตู นั่นแปลว่าเราทำได้ดีมากแล้ว อลีสซง เซฟได้ยอดเยี่ยมก็จริง แต่ฟุตบอลก็เป็นแบบนี้ บางครั้งมันไม่ยุติธรรม เราต้องยอมรับมัน แต่เราพร้อมแล้วสำหรับเกมที่แอนฟิลด์”

“ไม่มีอะไรจะเสีย เปแอสเช จะบุกคว้าชัยที่แอนฟิลด์”

กุนซือชาวสเปนยังเสริมว่า
“เราไม่มีอะไรจะเสีย ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่ดีที่สุดในยุโรปปีนี้ พวกเขามีโอกาสเพียงหนึ่งหรือสองครั้งในเกมนี้ ในขณะที่เรามีโอกาสมากมาย ผมภูมิใจในตัวนักเตะของผม ภูมิใจในทีม และแฟนบอลของเรา ซึ่งทั้งหมดนี้คือกุญแจสำคัญในการก้าวไปข้างหน้า และผมเชื่อว่าเราจะไปคว้าชัยชนะที่นั่น (แอนฟิลด์)”

เปแอสเช อาจต้องเจอกับบรรยากาศกดดันที่ แอนฟิลด์ แต่จากรูปเกมในนัดแรก พวกเขายังคงมีโอกาสพลิกสถานการณ์ หากสามารถจบสกอร์ได้เฉียบคมกว่านี้ เกมนัดที่สองจะเป็นบททดสอบสำคัญ ว่าทีมของเอ็นริเก้จะแก้มือและสร้างปาฏิหาริย์ในรังของลิเวอร์พูลได้หรือไม่

แมนฯ ซิตี้ เจอทางใหม่ ต่อสัญญา แบร์นาร์โด ซิลวา แบบปีต่อปี

0

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ตัดสินใจเลือกวิธีการบริหารอนาคตของ แบร์นาร์โด ซิลวา ด้วยการต่อสัญญาแบบ ปีต่อปี เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นสูงสุดสำหรับทั้งสโมสรและตัวนักเตะ

ปรับแผนรับมืออนาคต หลังนักเตะเคยมีข่าวย้ายทีม

ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา แบร์นาร์โด ซิลวา เคยแสดงความต้องการย้ายออกจากทีมหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงตลาดซื้อขาย ทำให้ทุกซัมเมอร์เป็นช่วงที่ แมนฯ ซิตี้ ต้องประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับอนาคตของดาวเตะรายนี้

ล่าสุด แซม ลี นักข่าวจาก The Athletic รายงานว่า แมนฯ ซิตี้ ได้เลือกใช้แนวทางใหม่ ด้วยการขยายสัญญากันเป็นรายปี เพื่อให้สโมสรสามารถวางแผนอนาคตได้อย่างยืดหยุ่น และนักเตะเองก็มีอิสระในการพิจารณาทางเลือกของตัวเองในอนาคต

สัญญาปัจจุบันมีถึงปี 2026 แต่เงื่อนไขใหม่เปิดทางตัดสินใจทุกปี

แม้ว่าสัญญาฉบับปัจจุบันของ แบร์นาร์โด ซิลวา กับ แมนฯ ซิตี้ จะยังมีอยู่จนถึง ปี 2026 แต่เงื่อนไขใหม่ที่สโมสรเลือกใช้ จะทำให้การตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของเขาได้รับการพิจารณาเป็นรายปี ซึ่งอาจช่วยให้ทีมรับมือกับตลาดนักเตะได้ดียิ่งขึ้น

ความสำเร็จกับ แมนฯ ซิตี้ และสถานะในทีม

แบร์นาร์โด ซิลวา ย้ายมาจาก โมนาโก ในปี 2017 และกลายเป็นกำลังหลักของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาตลอด เขามีส่วนสำคัญในการช่วยทีมคว้าแชมป์หลายรายการ ได้แก่
🏆 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
🏆 พรีเมียร์ลีก (5 สมัย)
🏆 เอฟเอ คัพ
🏆 คาราบาว คัพ
🏆 คอมมิวนิตี้ ชิลด์

แม้จะประสบความสำเร็จมากมาย แต่อนาคตของ แบร์นาร์โด ซิลวา ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหากมีข้อเสนอจากทีมใหญ่ในยุโรปเข้ามาในตลาดซัมเมอร์ที่จะถึงนี้

อาร์เซน่อล ระเบิดฟอร์มบุกถล่ม พีเอสวี 7-1

0

มาร์ติน โอเดการ์ด โชว์ฟอร์มเด่นยิง 2 ประตู และทำ 1 แอสซิสต์ ช่วยให้ อาร์เซน่อล บุกถล่ม พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ขาดลอย 7-1 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ทำให้ “ปืนใหญ่” กุมความได้เปรียบมหาศาลก่อนกลับไปเล่นที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

เริ่มเกม ปืนใหญ่รัว 3 ประตู ตั้งแต่ครึ่งแรก

ปีเตอร์ บอสซ์ กุนซือพีเอสวี ให้โอกาส ลุค เดอ ยอง ลงเล่นเกมที่ 50 ในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก ส่วนแนวรับมี ไทเรลล์ มาลาเซีย ลงสนามเคียงข้าง โนอา แลง และ โยฮัน บากาโยโก้

ด้าน มิเกล อาร์เตต้า ปรับทีมบางตำแหน่ง โดย ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่ ลงเล่นแบ็กซ้ายแทน ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ และ โธมัส ปาร์เตย์ ได้โอกาสแทน จอร์จินโญ่

เกมเริ่มมาเพียง 18 นาที อาร์เซน่อลขึ้นนำ 1-0 เมื่อ เลอันโดร ทรอสซาร์ จ่ายทะลุช่องให้ เดแคลน ไรซ์ เปิดบอลเข้ากลางให้ ยูร์เรียน ทิมเบอร์ โหม่งเข้าไปไม่เหลือ

จากนั้นเพียง 3 นาที สกอร์ไหลเป็น 2-0 เมื่อ ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่ เปิดบอลข้ามแนวรับให้ อีธาน เอ็นวาเนรี่ ซัดเข้าไป เป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของอาร์เซน่อลที่ยิงได้ในรอบน็อคเอาท์แชมเปี้ยนส์ลีก

นาทีที่ 31 อาร์เซน่อลมาได้ประตูที่ 3 จากจังหวะที่ ยูร์เรียน ทิมเบอร์ พาบอลเข้าเขตโทษ แนวรับพีเอสวีสกัดพลาด บอลมาเข้าทาง มิเกล เมริโน่ ยิงเข้าไปให้ทีมเยือนนำ 3-0

อย่างไรก็ตาม ก่อนหมดครึ่งแรก นาทีที่ 43 เจ้าบ้านมาได้จุดโทษจากจังหวะที่ โธมัส ปาร์เตย์ ทำแฮนด์บอล และเป็น โนอา แลง ยิงเข้าไปให้พีเอสวีตีไข่แตกเป็น 1-3

ครึ่งหลัง อาร์เซน่อลโหดต่อเนื่อง กดเพิ่มอีก 4 ประตู

กลับมาครึ่งหลัง อาร์เซน่อลยังไม่เพลาเกมรุก และใช้เวลาเพียง 1 นาที ขยับหนีเป็น 4-1 จากจังหวะที่ อีธาน เอ็นวาเนรี่ เปิดบอลเข้าเขตโทษ แนวรับพีเอสวีสกัดไม่ดี บอลมาเข้าทาง มาร์ติน โอเดการ์ด ซัดจ่อ ๆ ไม่เหลือ

ถัดมาเพียง 2 นาที ในนาทีที่ 48 อาร์เซน่อลได้ประตูที่ 5 เมื่อ เลอันโดร ทรอสซาร์ ฉวยโอกาสชิพข้าม วอลเตอร์ เบนิเตซ เข้าไป

พีเอสวีพยายามเปิดเกมสู้ นาทีที่ 61 พวกเขาเกือบตีตื้นจากลูกโหม่งของ กาเบรียล มากัลเญส แต่บอลออกข้างไป ขณะที่ ไทเรลล์ มาลาเซีย ก็มีโอกาสในนาทีที่ 63 แต่ยิงหลุดกรอบ

นาทีที่ 73 อาร์เซน่อลมาได้ประตูที่ 6 จาก มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ลากตัดเข้าในก่อนซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งผ่านมือ วอลเตอร์ เบนิเตซ เข้าไป

เกมทำท่าจะจบลงที่ 6-1 แต่ก่อนหมดเวลา 5 นาที อาร์เซน่อลยังมาได้ประตูปิดกล่องเมื่อ โอเดการ์ด จ่ายให้ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ยิงสวนตัวนายด่านพีเอสวีเข้าไป

หมดเวลา อาร์เซน่อล บุกมาถล่ม พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ขาดลอย 7-1 โดยพวกเขากุมความได้เปรียบมหาศาล ก่อนกลับไปเล่นที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม วันที่ 13 มีนาคม ซึ่งมีโอกาสเข้ารอบสูงลิ่ว


สถิติสำคัญ & เกร็ดน่าสนใจ

  • อาร์เซน่อล บุกชนะ พีเอสวี เป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี โดยครั้งล่าสุดที่พวกเขาทำได้คือปี 2002 (ชนะ 4-0)
  • มาร์ติน โอเดการ์ด ยิง 2 ประตูและทำ 1 แอสซิสต์ เป็นคีย์แมนสำคัญของทีม
  • อีธาน เอ็นวาเนรี่ เป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดของอาร์เซน่อลที่ทำประตูในรอบน็อคเอาท์ UCL

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล (4-3-3)

  • ผู้รักษาประตู: ดาบิด ราย่า
  • กองหลัง: ยูร์เรียน ทิมเบอร์, วิลเลี่ยม ซาลิบา, กาเบรียล มากัลเญส, ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่
  • กองกลาง: มาร์ติน โอเดการ์ด, โธมัส ปาร์เตย์, เดแคลน ไรซ์
  • กองหน้า: อีธาน เอ็นวาเนรี่, มิเกล เมริโน่, เลอันโดร ทรอสซาร์

พีเอสวี (4-2-3-1)

  • ผู้รักษาประตู: วอลเตอร์ เบนิเตซ
  • กองหลัง: ริชาร์ด เลเดซม่า, ไรอัน ฟลามิงโก้, โอลิวิเยร์ บอสกาญี, ไทเรลล์ มาลาเซีย
  • กองกลาง: เยอร์ดี้ เชาเท่น, อิสมาแอล ไซบารี
  • ตัวรุก: กุส ทิล, อิวาน เปริซิช, โนอา แลง
  • กองหน้า: ลุค เดอ ยอง

เรอัล มาดริด เฉือน แอต.มาดริด 2-1 กุมความได้เปรียบ

0

เรอัล มาดริด เปิดบ้านเอาชนะ แอตเลติโก มาดริด 2-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ทำให้พวกเขากุมความได้เปรียบก่อนกลับไปเล่นเลกที่สองที่สนาม ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่

เรอัล มาดริด ขึ้นนำก่อน ก่อนตราหมีไล่ตีเสมอ

เกมนี้ถือเป็นนัดที่ 500 ของ คาร์โล อันเชล็อตติ ในฟุตบอลยุโรป โดยเจ้าบ้านไม่มี จู๊ด เบลลิงแฮม ที่ติดโทษแบน ทำให้ โรดรีโก้ โกเอส ต้องขยับขึ้นมาเล่นเกมรุก ขณะที่แดนกลางมี เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า และ โอเรเลียง ชูอาเมนี่ คุมจังหวะเกม

ด้าน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ส่ง ฮูเลียน อัลวาเรซ ลงสนามเป็นตัวจริงคู่กับ อองตวน กรีซมันน์ และแอต.มาดริด ก็มีโอกาสจะแก้มือหลังจาก 3 เกมดาร์บี้ล่าสุดจบลงด้วยผลเสมอ

อย่างไรก็ตาม เริ่มเกมมาแค่ 4 นาที เรอัล มาดริด ก็ขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ จ่ายบอลให้ โรดรีโก้ โกเอส ใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงตัดจากขวาแล้วยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งเสียบเสาไกลผ่านมือ ยาน โอบลัค เข้าไปให้เจ้าถิ่นนำ 1-0

แต่แอต.มาดริด ก็ตามตีเสมอได้ในนาทีที่ 32 จาก ฮูเลียน อัลวาเรซ ที่รับบอลจาก ฆาเบียร์ กาลาน ทางฝั่งซ้าย ก่อนยิงสุดสวยเสียบตาข่าย เป็นประตูที่ 7 ของเจ้าตัวในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้

จบครึ่งแรก สถิติบอกว่า แอต.มาดริด ครองบอลได้มากกว่า 53% แต่โอกาสจบสกอร์เป็นของ เรอัล มาดริด ที่ทำได้ดีกว่า

บราฮิม ดีอาซ ซัดชัย มาดริด กุมความได้เปรียบก่อนเลกสอง

กลับมาครึ่งหลัง นาทีที่ 55 “ราชันชุดขาว” ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 จากจังหวะที่ บราฮิม ดีอาซ โชว์สเต็ปหลอก โฆเซ่ ฆิเมเนซ ก่อนยิงโค้งด้วยขวาส่งบอลพุ่งเสียบเสาไกลอย่างสวยงาม และถือเป็นการยิงติดต่อกัน 2 นัดติด หลังเพิ่งทำประตูได้ในเกมลีกที่พบ เรอัล เบติส

แม้ อองตวน กรีซมันน์ จะพยายามซัดด้วยขวาในนาทีที่ 60 แต่ก็ถูก ติโบต์ กูร์กตัวส์ ป้องกันไว้ได้ ขณะที่เกมดำเนินไปจนถึง 75 นาทีสุดท้าย แอต.มาดริด ยังพยายามหาจังหวะสวนกลับแต่ยังเจาะแนวรับเจ้าถิ่นไม่เข้า

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 90+1 เรอัล มาดริด เกือบได้ประตูที่สามจากจังหวะที่ คีเลียน เอ็มบัปเป้ จ่ายบอลให้ วินิซิอุส จูเนียร์ แต่แนวรับแอต.มาดริด สกัดไว้ได้ ก่อนที่ ลูก้า โมดริช จะได้ซ้ำแต่ก็ยังติดเซฟของ โอบลัค

จบเกม เรอัล มาดริด เฉือนชนะ แอตเลติโก มาดริด 2-1 กุมความได้เปรียบก่อนเลกสอง โดยนัดที่สองจะเล่นกันที่บ้านของ แอต.มาดริด ในวันที่ 12 มีนาคม ซึ่งทีมชนะของคู่นี้จะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น หรือ อาร์เซน่อล


รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

เรอัล มาดริด (4-4-2)

  • ผู้รักษาประตู: ติโบต์ กูร์กตัวส์
  • กองหลัง: เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, ราอูล อเซนซิโอ, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, แฟร์กล็องด์ เมนดี้
  • กองกลาง: โรดรีโก้ โกเอส, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, โอเรเลียง ชูอาเมนี่, เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า, บราฮิม ดีอาซ
  • กองหน้า: คีเลียน เอ็มบัปเป้, วินิซิอุส จูเนียร์

แอต.มาดริด (4-4-2)

  • ผู้รักษาประตู: ยาน โอบลัค
  • กองหลัง: มาร์โก้ ยอร์เรนเต้, โฆเซ่ ฆิเมเนซ, เคลม็องต์ ล็องต์เล่ต์, ฆาเบียร์ กาลาน
  • กองกลาง: กูเลโน่ ซิเมียโอเน่, โรดริโก้ เด ปอล, ปาโบล บาร์ริออส, ซามูเอล ลีโน่
  • กองหน้า: อองตวน กรีซมันน์, ฮูเลียน อัลวาเรซ

แมนฯ ยูไนเต็ด เดินหน้าลดต้นทุนเตรียมเลิกเช่าสำนักงานในลอนดอน

0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังพิจารณายุติสัญญาเช่าพื้นที่สำนักงานใน เคนซิงตัน ย่านเมย์แฟร์ กรุงลอนดอน ก่อนกำหนด ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการลดค่าใช้จ่ายที่ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ วางแผนไว้ เพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินของสโมสรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แผนลดขนาดองค์กร กระทบสำนักงานในลอนดอน

“ปีศาจแดง” เพิ่งเช่าสำนักงานแห่งนี้มาได้ไม่ถึง 2 ปี จากสัญญาเดิมที่ทำไว้ 10 ปี แต่ล่าสุด แรตคลิฟฟ์ มองว่าไม่มีความจำเป็นต้องคงสำนักงานขนาด 23,000 ตารางฟุต ไว้อีกต่อไป เนื่องจากต้องการให้พนักงานส่วนใหญ่อยู่ประจำที่เมือง แมนเชสเตอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสโมสร

ก่อนหน้านี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งประกาศ “แผนการเปลี่ยนแปลง” ซึ่งรวมถึง การปลดพนักงานราว 150-200 คน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกันยังพิจารณาปรับลดขนาดสำนักงานในลอนดอนให้เล็กลง หรืออาจย้ายไปยังสถานที่ใหม่ที่มีค่าเช่าต่ำกว่า

ออฟฟิศหรู ใกล้สำนักงานใหญ่ INEOS อาจถูกยกเลิก

สำนักงานที่แมนฯ ยูไนเต็ดเช่าอยู่ในปัจจุบัน ตั้งอยู่ห่างจากสำนักงานใหญ่ของ INEOS ไม่ถึง 1 ไมล์ ทำให้มีความสะดวกในเชิงธุรกิจ อย่างไรก็ตาม แรตคลิฟฟ์ ซึ่งเข้ามาถือหุ้น 28% ของสโมสรเมื่อ 15 เดือนก่อน ต้องการลดรายจ่ายในทุกภาคส่วน และการปิดสำนักงานนี้ก็เป็นหนึ่งในแนวทางที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด

จากออฟฟิศสุดหรูสู่การลดต้นทุนครั้งใหญ่

ย้อนกลับไป 15 ปีก่อน แมนฯ ยูไนเต็ด เคยเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลแห่งแรกของ ภาคเหนือของอังกฤษ ที่เปิดสำนักงานในลอนดอน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ และช่วยให้สโมสรเติบโตทางการตลาดได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาทางการเงินในช่วงหลังทำให้ แรตคลิฟฟ์ ต้องหาทางลดต้นทุน ทุกด้าน ไม่ใช่แค่การลดจำนวนพนักงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการ ปิดโรงอาหารที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด และยกเลิก อาหารกลางวันฟรี สำหรับพนักงาน เปลี่ยนเป็นแจกผลไม้แทน ซึ่งเป็นมาตรการที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้

การยกเลิกสำนักงานในลอนดอน ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในแนวทางการบริหารของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ที่ต้องการให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเป็นสโมสรที่บริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในและนอกสนาม

ห้ามพลาด!