Home Blog Page 83

เรอัล มาดริด พบ แอตเลติโก มาดริด ดราม่าท้ายเกม

0

ในเกมล่าสุดระหว่าง เรอัล มาดริด และ แอตเลติโก มาดริด เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2024 ผลจบลงที่การเสมอกัน 1-1 โดยภาพรวมของเกมนี้เป็นการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นทั้งด้านแทคติกและจังหวะดุเดือดระหว่างสองทีมใหญ่แห่งกรุงมาดริด ซึ่งผลลัพธ์เกิดขึ้นในนาทีสุดท้าย

ภาพรวมรูปเกม:

  • ครึ่งแรก: ทั้งสองทีมเน้นการเล่นที่รัดกุม และไม่มีโอกาสที่ชัดเจนมากนักในการทำประตู เรอัล มาดริดมีโอกาสที่ดีจากการยิงไกลของ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ และการเปิดบอลจาก วินิซิอุส จูเนียร์ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้ ส่วนแอตเลติโกก็มีจังหวะยิงจาก ฆูเลี่ยน อัลวาเรซ แต่ถูกเซฟได้โดย ติโบต์ กูร์ตัวส์
  • ครึ่งหลัง: เกมเริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้นเมื่อ เอแดร์ มิลิเตา ทำประตูให้เรอัล มาดริดขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะการเปิดฟรีคิกของ ลูก้า โมดริช ไปถึงวินิซิอุส ก่อนที่จะข้ามมาถึงมิลิเตาที่เสาสอง แล้วซัดเข้าประตูไป​
  • ท้ายเกม: แอตเลติโกกลับมาได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 95 จากการยิงของ อังเคล คอร์เรอา ซึ่งต้องรอการตัดสินจาก VAR เพื่อยืนยันว่าล้ำหน้าหรือไม่ แต่สุดท้ายถูกยืนยันว่าเป็นประตู ทำให้เกมจบลงด้วยการเสมอ 1-1

สถิติสำคัญ:

  • การครองบอล: เรอัล มาดริดครองบอลได้มากกว่า แต่แอตเลติโกยังคงรักษาแนวรับได้อย่างเหนียวแน่น
  • การยิงประตู: เรอัล มาดริดมีโอกาสยิงรวม 12 ครั้ง (ยิงตรงกรอบ 4 ครั้ง) ส่วนแอตเลติโกมีโอกาสยิง 9 ครั้ง (ยิงตรงกรอบ 3 ครั้ง)
  • ใบเหลือง-ใบแดง: เกมนี้มีความดุเดือดในด้านกายภาพ โดยแอตเลติโกได้รับใบแดงในช่วงท้ายเกม จาก มาร์กอส ยอเรนเต้

วิเคราะห์เกม:

  • เรอัล มาดริด: แม้จะขาดผู้เล่นคนสำคัญอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่บาดเจ็บ แต่เกมนี้พวกเขายังสามารถควบคุมเกมและสร้างโอกาสได้ดี อย่างไรก็ตาม การป้องกันในช่วงทดเวลาไม่สามารถรักษาสกอร์ได้ ทำให้พลาดการเก็บ 3 แต้มสำคัญ
  • แอตเลติโก มาดริด: ทีมของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เน้นการตั้งรับและโต้กลับที่มีประสิทธิภาพ การตัดสินใจในช่วงท้ายเกมด้วยการเปลี่ยนตัวทำให้พวกเขากลับมาได้แต้มสำคัญในช่วงเวลาวิกฤติ

เกมนี้เป็นการแข่งขันที่เต็มไปด้วยอารมณ์และการต่อสู้ทางแทคติกที่สูสี ซึ่งผลเสมอถือว่าเป็นยุติธรรมตามรูปเกม

ปืนใหญ่เกือบแย่ ! อาร์เซน่อล 4-2 เลสเตอร์ ซิตี้ ส่องภาพรวมและสถิติหลังเกม

0

ลูกทีมของมิเกล อาร์เตต้า ยังคงรักษาสถิติการชนะรวดในฤดูกาลนี้เอาไว้ได้ หลังจากได้รับบาดเจ็บจากลูกตีเสมอของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนาทีที่ 97 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คราวนี้ถึงคราวของอาร์เซน่อลที่จะพลิกผลการแข่งขันด้วยประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง ซึ่งทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ ที่กล้าหาญต้องพ่ายแพ้ไป

ภาพรวมแมตช์นี้

อาร์เซน่อลประสบความสำเร็จในการพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ได้ 4-2 ในเกมพรีเมียร์ลีกที่น่าตื่นเต้น โดยทีมเจ้าบ้านขึ้นนำ 2-0 ในครึ่งแรกจากประตูของกาเบรียล มาร์ติเนลลี และเลอันโดร ทรอสซาร์ด แต่เลสเตอร์ก็สามารถตีเสมอได้ในครึ่งหลังด้วยสองประตูจากเจมส์ จัสติน อย่างไม่คาดคิด อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อลไม่ยอมแพ้และกลับมาทำประตูชัยได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากทรอสซาร์ด ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากการทำเข้าประตูตัวเองของวิลเฟร็ด เอ็นดิดิ

ชัยชนะนี้เป็นการแก้แค้นสำหรับอาร์เซน่อลหลังจากที่พวกเขาเสียประตูตีเสมอในนาทีสุดท้ายให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในสัปดาห์ก่อน ไค ฮาเวิร์ตซ์ ยังเพิ่มประตูที่สี่ในช่วงท้ายเกมเพื่อปิดฉากชัยชนะอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าตามสถิติแล้วอาร์เซน่อลน่าจะชนะได้ง่ายกว่านี้ แต่ชัยชนะนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางจิตใจของทีม และทำให้แฟนบอลเจ้าบ้านได้เฉลิมฉลองอย่างสุดเหวี่ยงในท้ายที่สุด

สถิติหลังแมตช์

  • อาร์เซน่อลได้ประโยชน์จากประตูชัยทำเข้าประตูตัวเองในนาทีที่ 90 มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก (5 ครั้ง)
  • อาร์เซน่อลไม่แพ้ในบ้าน 40 นัดติดต่อกับทีมน้องใหม่ในพรีเมียร์ลีก
  • อาร์เซน่อลยิง 36 ครั้งและยิงตรงกรอบ 16 ครั้ง สถิติสูงสุดร่วมในพรีเมียร์ลีก
  • เลสเตอร์เผชิญการยิง 36 ครั้งและยิงตรงกรอบ 16 ครั้ง สถิติสูงสุดในพรีเมียร์ลีก
  • มาร์ติเนลลี่ มีส่วนร่วม 51 ประตูให้อาร์เซน่อลในพรีเมียร์ลีก
  • เจมส์ จัสติน ทำ 2 ประตูในเกมเดียวเป็นครั้งแรกในอาชีพ
  • เอ็นดิดิ ทำแอสซิสต์ 4 ครั้งในฤดูกาลนี้ มากเป็นอันดับ 2 ของลีก
  • ฮาเวิร์ตซ์ มีส่วนร่วม 50 ประตูในพรีเมียร์ลีก โดย 24 ประตูมาจากการเล่นให้อาร์เซน่อล

เต็งแชมป์พลาดท่าที่เซนต์เจมส์ พาร์ค ! นิวคาสเซิล 1-1 แมนฯ ซิตี้ ภาพรวมและสถิติหลังเกม

0

เป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำแต้มหล่นจากตำแหน่งที่ชนะ แต่คราวนี้มาเสมอกับนิวคาสเซิล หลังจากแอนโธนี่ กอร์ดอน ยิงตีเสมอจากจุดโทษในครึ่งหลัง

ภาพรวมแมตช์นี้

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำได้เพียงเสมอกับนิวคาสเซิล 1-1 ในสัปดาห์ที่สองติดต่อกันที่พวกเขาไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ โจสโก้ กวาร์ดิโอล ทำให้ทีมเจ้าบ้านขึ้นนำก่อนจากการทำประตูของแจ็ค กรีลิช แต่แอนโธนี่ กอร์ดอน ก็ตีเสมอให้ทีมเยือนได้จากจุดโทษในครึ่งหลัง การขาดหายไปของโรดรี กองกลางตัวหลักที่บาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าและต้องพักยาวทั้งฤดูกาล ส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของแชมป์เก่าอย่างเห็นได้ชัด

แม้ว่าแมนฯ ซิตี้จะยังคงนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอยู่ชั่วคราว แต่ผลการแข่งขันนี้เปิดโอกาสให้อาร์เซน่อลและลิเวอร์พูลสามารถแซงขึ้นไปได้ในเกมช่วงค่ำวันเสาร์ ในขณะเดียวกัน นิวคาสเซิลแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในช่วงท้ายเกม และอาจรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถเอาชนะแชมป์เก่าได้ในเกมนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงฟอร์มการเล่นที่ไม่สมบูรณ์ของแมนฯ ซิตี้

สถิติหลังแมตช์

  • นิวคาสเซิลชนะเพียง 1 ใน 26 เกมล่าสุดกับทีมจ่าฝูง และ 1 ใน 34 เกมล่าสุดกับแมนฯ ซิตี้
  • แมนฯ ซิตี้ไร้พ่าย 29 นัดติดในพรีเมียร์ลีก ห่างจากสถิติสูงสุดของตัวเอง 1 นัด
  • นิวคาสเซิลเก็บ 11 แต้มจาก 6 เกมแรก ดีที่สุดตั้งแต่ปี 2011-12
  • แมนฯ ซิตี้จบสถิติยิงหลายประตู 14 เกมติด
  • กอร์ดอน ได้รับจุดโทษ 7 ครั้งตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว มากที่สุดในลีก
  • เอแดร์สัน เสียจุดโทษมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ปี 2017-18 (6 ครั้ง)
  • กวาร์ดิโอล ทำประตูมากที่สุดในบรรดากองหลังตั้งแต่เมษายน (5 ลูก)
  • กรีลิช ทำแอสซิสต์เป็นครั้งที่ 2 ในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ต้นฤดูกาลที่แล้ว

วิลล่าสะดุดเกมเยือน ! อิปสวิช 2-2 แอสตัน วิลล่า ส่องภาพรวมและสถิติหลังเกม

0

อิปสวิชทาวน์พลิกกลับมาจากการเสียประตูและเก็บแต้มในพรีเมียร์ลีกมาได้อีกหนึ่งแต้ม อิปสวิช ทาวน์ ขยายสถิติไร้พ่ายในพรีเมียร์ลีกเป็น 4 เกมติดต่อกัน ด้วยการเสมอกับแอสตัน วิลล่า 2-2 ที่บ้าน

ภาพรวมแมตช์นี้

อิปสวิช ทาวน์ ยังคงรักษาสถิติไร้พ่ายในพรีเมียร์ลีกต่อไปเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากเสมอกับแอสตัน วิลล่า 2-2 ในการแข่งขันที่บ้าน เลียม ดีแลป โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมด้วยการทำสองประตูให้กับทีมเจ้าบ้าน ในขณะที่มอร์แกน โรเจอร์ส และโอลลี่ วัตกินส์ ทำคนละประตูให้กับทีมเยือน ดีแลปสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดของอิปสวิชที่ทำสองประตูในเกมพรีเมียร์ลีก และเป็นคนแรกที่ทำได้นับตั้งแต่มาร์คัส เบนท์ในปี 2002

ผลการแข่งขันนี้ทำให้ทีมของ คีแรน แมคเคนนา เสมอกันเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสถิติที่น่าประทับใจสำหรับทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา ครั้งสุดท้ายที่อิปสวิชเสมอกันมากกว่านี้ในพรีเมียร์ลีกต้องย้อนกลับไปถึงฤดูกาล 1992-93 ที่พวกเขาเสมอกัน 5 นัดติดต่อกัน ผลงานนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการปรับตัวของทีมในการแข่งขันระดับสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ

สถิติหลังแมตช์

  • แอสตัน วิลล่า เก็บ 13 แต้มจาก 6 เกมแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ (ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1)
    • เป็นจำนวนแต้มสูงสุดในช่วงเริ่มฤดูกาลนับตั้งแต่ฤดูกาล 2008-09
  • โอลลี่ วัตกินส์ มีแอสซิสต์ 15 ครั้งนับตั้งแต่เริ่มฤดูกาลที่แล้ว เป็นอันดับ 2 ในลีกใหญ่ 5 ลีกของยุโรป
    • ทำแอสซิสต์ให้แอสตัน วิลล่าในพรีเมียร์ลีกรวม 28 ครั้ง เป็นอันดับ 4 ของสโมสร
    • ทำประตูและแอสซิสต์ในเกมเดียวกัน 8 นัด เทียบเท่าสถิติสูงสุดของสโมสร
  • เลียม ดีแล็ป เป็นผู้เล่นอิปสวิช ทาวน์คนแรกที่ยิงได้ 2 ประตูในนัดพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ปี 2002
    • เป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดของทีมที่ทำได้ (21 ปี 234 วัน)
  • โอมารี ฮัทชินสัน เป็นผู้เล่นอิปสวิช ทาวน์ที่อายุน้อยที่สุดที่ทำแอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ปี 2001 (20 ปี 335 วัน)
  • แอสตัน วิลล่าเสมอในพรีเมียร์ลีกโดยทั้งสองทีมยิงได้ 2 ประตูขึ้นไป 5 ครั้ง นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว เป็นอันดับ 2 รองจากเชลซี (6 ครั้ง)

ไก่ตบผีคาบ้าน ! แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด0-3สเปอร์ส ภาพรวมและสถิติหลังเกม

0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับผลงานที่น่าผิดหวังที่สุดครั้งหนึ่งภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาในพรีเมียร์ลีก

ภาพรวมแมตช์นี้

ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นเหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 3-0 ในการแข่งขันที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยประตูของสเปอร์ส์มาจาก เบรนแนน จอห์นสัน, เดยัน คูลูเซฟสกี้ และโดมินิก โซลันเก้ ผลการแข่งขันนี้สะท้อนถึงฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งของทีมเยือน ซึ่งมีโอกาสทำประตูได้มากกว่านี้ตามสถิติการเสียประตูที่คาดไว้ของแมนฯ ยูไนเต็ดที่สูงถึง 4.67 ประตู

เกมนี้เริ่มต้นอย่างย่ำแย่สำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อพวกเขาเสียประตูแรกอย่างรวดเร็วในนาทีที่ 155 และสถานการณ์ยิ่งแย่ลงเมื่อกัปตันทีม บรูโน่ แฟร์นันเดส โดนใบแดงไล่ออกจากสนามเป็นครั้งแรกในอาชีพการค้าแข้งกับสโมสร ท็อตแนมสามารถรักษาสถิติไม่แพ้แมนฯ ยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีกเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดของพวกเขาในประวัติศาสตร์การแข่งขันกับทีมปีศาจแดง

สถิติหลังแมตช์

  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มี 7 คะแนนหลัง 6 เกมแรก ต่ำสุดร่วมในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกของสโมสร
  • ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ ไม่แพ้แมนฯ ยูไนเต็ด 4 นัดติดในพรีเมียร์ลีก ยาวนานที่สุดตั้งแต่ปี 2012-2014
  • แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ในบ้านโดยไม่ยิงประตูได้ 2 นัดติด ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2021
  • แมนฯ ยูไนเต็ด เสียประตูในนาทีต้นๆ ทั้งครึ่งแรกและครึ่งหลัง ครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก
  • บรูโน่ แฟร์นันเดส โดนใบแดงครั้งแรกในอาชีพกับแมนฯ ยูไนเต็ด
  • เบรนแนน จอห์นสัน ยิงประตูในพรีเมียร์ลีก 2 นัดติดเป็นครั้งแรก
  • จอห์นสันยิงประตูเร็วที่สุดให้ท็อตแนมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดตั้งแต่ปี 2012
  • โซลันเก้ยิงประตูใส่แมนฯ ยูไนเต็ด 3 นัดติด เป็นนักเตะอังกฤษคนที่ 3 ที่ทำได้
  • คูลูเซฟสกี้สร้างโอกาส 9 ครั้ง สถิติสูงสุดของผู้เล่นทีมเยือนที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด

บอร์นมัธ VS เซาแธมป์ตัน ในเกมพรีเมียร์ลีกวันจันทร์นี้

0

การแข่งขันพรีเมียร์ลีกในคืนวันจันทร์ที่ 30 กันยายน 2567 นี้ บอร์นมัธ จะเปิดสนาม Vitality Stadium ต้อนรับการมาเยือนของ เซาแธมป์ตัน ในศึกที่หลายคนจับตามอง เนื่องจากทั้งสองทีมต่างต้องการแต้มเพื่อพลิกสถานการณ์จากฟอร์มที่ยังไม่น่าประทับใจในฤดูกาลนี้

สภาพทีมบอร์นมัธ

บอร์นมัธ ภายใต้การคุมทีมของ อันโดนี อิราโอล่า กำลังมองหาทางกลับมาคว้าชัยหลังจากพ่ายแพ้ให้กับลิเวอร์พูล 3-0 ในเกมล่าสุด (21 ก.ย. 2567) แม้จะเริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างไม่สมบูรณ์แบบ แต่พวกเขายังเก็บได้ 5 คะแนนจาก 5 นัดแรก (1 ชนะ, 2 เสมอ, 2 แพ้) ซึ่งแน่นอนว่าการเล่นในบ้านครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความมั่นใจและความได้เปรียบ
สำหรับความพร้อมของทีม บอร์นมัธจะไม่มี ไทเลอร์ อดัมส์ ที่ยังคงบาดเจ็บยาวตั้งแต่ต้นฤดูกาล แต่ผู้เล่นหลักคนอื่นยังคงพร้อมลงสนามอย่างครบถ้วน เช่น ไรอัน คริสตี้, จัสติน ไคลเวิร์ต และมาร์คัส ทาเวอร์เนียร์​

สภาพทีมเซาแธมป์ตัน

สำหรับ เซาแธมป์ตัน การกลับมาในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ถือว่าท้าทายอย่างมาก พวกเขายังไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลยจาก 5 นัดแรก (1 เสมอ, 4 แพ้) และประสบปัญหาเกมรุกที่ยังขาดประสิทธิภาพ โดยทำได้เพียง 2 ประตู และเสียถึง 9 ประตู อย่างไรก็ตาม เกมล่าสุดของเซาแธมป์ตันจบลงด้วยการเสมอกับอิปสวิช 1-1 ซึ่งอาจสร้างความหวังเล็กๆ ในการพลิกฟื้นฟอร์มการเล่น
แม้ว่าจะขาดผู้รักษาประตูตัวหลักอย่าง กาวิน บาโซนู ที่ยังบาดเจ็บ แต่กองหน้าคนสำคัญอย่าง คาเมรอน อาร์เชอร์ และอดัม ลัลลานา พร้อมลงช่วยทีมในเกมนี้

คาดการณ์ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

บอร์นมัธ (4-3-3):

  • ผู้รักษาประตู: เกปา อาร์ริซาบาลากา
  • กองหลัง: มิลอส เคร์เกซ, ดีน ฮุยจ์เซ่น, อิลเลีย ซาบาร์นี, ฮูเลียน อาราอูโฮ
  • กองกลาง: ไรอัน คริสตี้, จัสติน ไคลเวิร์ต, ลูอิส คุก
  • กองหน้า: มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์, อีวานิลสัน, อ็องตวน เซเมนโย​

เซาแธมป์ตัน (4-2-3-1):

  • ผู้รักษาประตู: อารอน แรมส์เดล
  • กองหลัง: ยูคินาริ ซูกาวาระ, เทย์เลอร์ ฮาร์วูด-เบลลิส, แจน เบดนาเร็ก, ชาร์ลี เทย์เลอร์
  • กองกลางตัวรับ: ฟลินน์ ดาวเนส, มาเตอุส เฟร์นานเดส
  • กองกลางตัวรุก: ไทเลอร์ ดิบลิง, อดัม ลัลลานา, ไรอัน เฟรเซอร์
  • กองหน้า: คาเมรอน อาร์เชอร์​
วิเคราะห์เกม

ด้วยสภาพทีมของทั้งสองฝั่ง บอร์นมัธที่มีฟอร์มการเล่นดีกว่าเล็กน้อย และการได้เล่นในบ้านทำให้พวกเขามีโอกาสสูงในการเก็บชัยชนะ แต่เซาแธมป์ตันก็อาจสร้างความกดดันได้ โดยเฉพาะหากพวกเขาสามารถปรับปรุงเกมรุกและแก้ปัญหาด้านการป้องกันได้ ทั้งสองทีมมีจุดอ่อนด้านการป้องกัน

การคาดการณ์สกอร์

บอร์นมัธ 2-1 เซาแธมป์ตัน

การแข่งขันระหว่าง โฮฟเฟนไฮม์ กับ แวร์เดอร์เบรเมน ในศึกบุนเดสลิก้าวันที่ 29 กันยายน 2024

0

วิเคราะห์ก่อนเกม :

การแข่งขันระหว่าง โฮฟเฟนไฮม์ กับ แวร์เดอร์เบรเมน ในวันที่ 29 กันยายน 2024 ถือเป็นเกมสำคัญสำหรับทั้งสองทีมที่กำลังมองหาการเก็บสามแต้มเต็มเพื่อลดความกดดันในฤดูกาลนี้

โฮฟเฟนไฮม์ กำลังอยู่ในฟอร์มที่ไม่ดีนัก หลังจากแพ้มา 3 นัดติดต่อกันในลีก ทำให้พวกเขาตกไปอยู่ในโซนท้ายตาราง โดยในเกมล่าสุดพ่ายให้กับ ยูเนี่ยน เบอร์ลิน 2-1 และมีปัญหาในแนวรับอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาเสียไปถึง 11 ประตูในฤดูกาลนี้ แม้ว่าการเล่นในบ้านจะช่วยเพิ่มความได้เปรียบ แต่พวกเขายังต้องปรับปรุงเกมรับอย่างเร่งด่วน ปัญหาสำคัญที่ Hoffenheim ต้องเผชิญคืออาการบาดเจ็บของผู้เล่นหลักอย่าง อังเดร คามาริค ที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะฟื้นตัวทันสำหรับเกมนี้หรือไม่ อีกทั้งยังมีผู้เล่นอีกหลายคนที่อาจจะไม่พร้อมลงสนาม ทำให้เกมรุกต้องพึ่งพาผู้เล่นสำรองและการจัดแผนที่ยืดหยุ่น​

แวร์เดอร์เบรเมน เพิ่งโดนบาเยิร์น มิวนิคถล่มไปถึง 5-0 ในเกมล่าสุด ทำให้พวกเขาต้องเร่งฟื้นฟูสภาพจิตใจและผลงานในเกมนี้ แม้ว่าพวกเขาจะทำประตูได้น้อยในฤดูกาลนี้ (เพียง 4 ประตู) แต่เกมรับของ Hoffenheim ที่มีปัญหาอาจเป็นโอกาสที่ดีให้ เบรเมน ทำประตูได้มากขึ้นในเกมนี้

คาดการณ์ผู้เล่นตัวจริง:

โฮฟเฟนไฮม์ (ระบบ 3-4-2-1):

  • ผู้รักษาประตู: โอลิเวอร์ บัวมัน
  • กองหลัง: เควิน แอคโปกูบา, ฟอเรียน กิลลิช, สเตนลีย์ โนกี้
  • กองกลาง: วาเรนติน เก็นดรี้, อัมมัต โทฮุมคู , ทอม บิสช็อฟ, มาเรี่ยส บัลเลอร์
  • ตัวรุก: เจคอป ลาร์เซ่น ,อดัมโฮเช็ค
  • กองหน้า: ฮาริส ทาบาโควิช

แวร์เดอร์ เบรเมน (ระบบ 3-4-2-1):

  • ผู้รักษาประตู: มิเชล เซทเทเรอร์
  • กองหลัง: อมอส ปิเปอร์, นิคลาส สตาร์ค, แอนโนนี่ จุง
  • กองกลาง: มิเชล เวสเรอร์, เยนส์ สเตจ , ซีน ไรเนน, ฟิลิก อกู
  • ตัวรุก: โรมาโน่ ชมิท , มาโค่ กรึล
  • กองหน้า: มาวิน ดักช์

การคาดการณ์ผล :

โฮฟเฟนไฮม์ชนะ 2-1

โฮลสไตน์ คีล เปิดบ้านพบ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟริต

0

วิเคราะห์ก่อนเกม

การแข่งขันวันที่ 29 กันยายน 2567 ระหว่าง โฮลสไตน์ คีล กับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟริต ในศึกบุนเดสลีกาที่จะถึงนี้เป็นความท้าทายสำคัญสำหรับทีมเจ้าบ้าน ฮลสไตน์ คีล ซึ่งขณะนี้อยู่ในอันดับสุดท้ายของตาราง โดยสะสมได้เพียง 1 คะแนนจาก 4 เกมแรกของฤดูกาล ในขณะที่ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟริตt อยู่ในฟอร์มที่แข็งแกร่ง โดยอยู่ในกลุ่มท็อปซิกซ์ของลีกหลังจากชนะ 3 นัดติดต่อกัน

ฟอร์มล่าสุดของ Holstein Kiel น่าเป็นห่วง พวกเขาแพ้ถึง 3 จาก 4 นัดหลังสุด แผงหลังมีปัญหาในการป้องกัน โดยเสียประตูเฉลี่ย 1.8 ลูกต่อเกม แม้จะมีศักยภาพในการโจมตีจากผู้เล่นอย่าง Benedikt Pichler และ Alexander Bernhardsson แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการกับแนวรุกของคู่แข่งได้ดีพอ

ในทางตรงกันข้าม Eintracht Frankfurt กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีภายใต้การคุมทีมของ Dino Toppmöller โดยล่าสุดพวกเขาเอาชนะ Borussia Mönchengladbach ไป 2-0 ผู้เล่นสำคัญอย่าง Omar Marmoush ซึ่งทำไปแล้ว 6 ประตูในฤดูกาลนี้ รวมถึง Hugo Ekitike ที่คาดว่าจะได้ลงเล่น เป็นกุญแจสำคัญในความสำเร็จของทีม อย่างไรก็ตาม ความเหนื่อยล้าจากการแข่งขันในยุโรปอาจมีผลต่อฟอร์มการเล่นของ Frankfurt

คาดการณ์ผู้เล่นตัวจริง:

Holstein Kiel (ระบบ 3-5-2):

  • ผู้รักษาประตู: ทิมอน ไวเนอร์
  • กองหลัง: ทิโม แบ็คเกอร์,คาร์ล โยฮันส์สัน , แพทริค เออร์ราส
  • กองกลาง: ฟินน์ โพราธ , อาร์มิน กิโกวิช , แม็กนัส คนุดเซน , ลูวิส โฮลท์บี้ , ทิโมเทอุส ปูชาช
  • กองหน้า: เบเนดิกท์ พิชเลอร์ , ชูโตะ มาชิโนะ หรือ อันดู เคลาติ

Eintracht Frankfurt (ระบบ 4-2-2-2):

  • ผู้รักษาประตู: คาวา ซานโตส
  • กองหลัง: ราสมุส คริสเตนเซน , ทูต้า , โรบิน คอช , อาเธอร์ เทียเต้
  • กองกลาง: เอลเยส สคิรี , ฮูโก้ ลาร์สสัน , ฟาเรส ชาอิบิ , อันส์การ์ คนอฟ
  • กองหน้า: โอมาร์ มาร์มูช , ฮูโก้ เอกิติเก้

คาดการณ์ผลการแข่งขัน:

ผลการแข่งขันที่คาดการณ์มีแนวโน้มจะเป็นชัยชนะของทีมเยือน Frankfurt ด้วยสกอร์ 2-0 หรือ 3-1 เนื่องจากฟอร์มการเล่นที่เหนือกว่าและตัวเลือกในการโจมตีที่มีศักยภาพมากกว่า แม้ว่า Holstein Kiel จะเป็นทีมรอง แต่ก็อาจมีโอกาสสร้างความลำบากให้คู่แข่งได้ โดยเฉพาะหาก Frankfurt มีสัญญาณของความเหนื่อยล้าจากตารางการแข่งขันที่หนักหน่วง

น็องต์พร้อมบดขยี้แซงต์ เอเตียนที่กำลังย่ำแย่ ศึกลีกเอิง วีคที่ 6

0

วิเคราะห์ก่อนเกม: น็องต์ พบ แซงต์ เอเตียน (ลีกเอิง)

การแข่งขันวันที่ 29 กันยายน 2567 ระหว่าง น็องต์ กับ แซงต์ เอเตียน ที่สนาม สต๊าด เดอ ลา โบฌัวร์ น็องต์ ซึ่งเริ่มต้นฤดูกาลได้ดีด้วยอันดับที่ 7 ในลีก จะต้องรับมือกับแซงต์ เอเตียนที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา แต่กำลังอยู่ในฟอร์มย่ำแย่ โดยเพิ่งแพ้ให้กับนีซ 8-0 ในเกมล่าสุด

น็องต์ ภายใต้การคุมทีมของ อองตวน กอมบูอาเร่ แม้จะมีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายคน เช่น ฟาเบียน เซนตอนเซ่ และ ฟลอร็องต์ มอลเลต์ แต่ยังมีแนวรุกที่แข็งแกร่งอย่าง โมเสส ซิมง และ อาบลีน ที่พร้อมจะทำประตูเกมนี้ น็องต์มีสถิติทำประตูได้ก่อนใน 10 จาก 11 นัดหลังสุด น่าจะเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบ

ส่วน แซงต์ เอเตียน ภายใต้การนำของ โอลิวิเยร์ ดาลโลกลิโอ ยังคงมีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายคน และฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ แพ้ถึง 6 จาก 7 นัดล่าสุด และเสียประตูถึง 15 ประตูใน 5 นัดแรกของฤดูกาลนี้

คาดการณ์ผู้เล่นตัวจริง:

น็องต์ (4-2-3-1):

  • GK: อัลบ็อง ลาฟงต์
  • RB: ฟาเบียน เซนตอนเซ่
  • CB: ฌ็อง-ชาร์ลส์ กาสเตลเล็ตโต้
  • CB: นิโกลาส์ ปัลลัวส์
  • LB: ฌ็อง-เควิน ดูเวิร์น
  • CM: เปโดร ชิริเวลล่า
  • CM: ดักลาส ออกุสโต้
  • RW: คาดิวเอเร่
  • CAM: เลเปอน็อง
  • LW: โมเสส ซิมง
  • ST: อาบลีน

แซงต์ เอเตียน (4-3-3):

  • GK: กอติเยร์ ลาร์ซอนเนอร์
  • RB: เดนิส อัปเปียห์
  • CB: เอ็มมานูเอล บาตูบินซิกา
  • CB: ยูนุส อับเดลฮามิด
  • LB: ปิแอร์ คอร์นุด
  • CM: ลูคัส มูเฟ็ค
  • CM: ปิแอร์ เอควาห์
  • CM: คริส อามูกู
  • RW: ดาวิทาชวิลี่
  • LW: คาเฟโร
  • ST: สตาสซิน

คาดการณ์ผลการแข่งขัน:

น็องต์ 3-1 แซงต์ เอเตียน

แร็งส์เยือนอองเช่ร์! เกมสำคัญสำหรับการหนีตกชั้นและชิงพื้นที่ยุโรปในลีกเอิง วีคที่ 6

0

วิเคราะห์ก่อนเกม: อองเช่ร์ พบ แร็งส์ (ลีกเอิง)

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2567, อองเช่ร์เตรียมเปิดบ้านต้อนรับแร็งส์ที่สนาม สต๊าด เรย์มงด์ โกปา ในการแข่งขันลีกเอิง ซึ่งเป็นแมตช์สำคัญสำหรับทั้งสองทีมในฤดูกาลนี้ โดยอองเช่ร์ที่ยังไม่สามารถเก็บชัยชนะในฤดูกาลนี้ได้ กำลังดิ้นรนอยู่ในโซนตกชั้น ขณะที่แร็งส์ที่อยู่ในอันดับที่ 6 มีโอกาสทำคะแนนเพิ่มเพื่อลุ้นตั๋วยุโรป

อองเช่ร์: ฟอร์มการเล่นไม่สู้ดีนัก โดยพวกเขาเก็บได้เพียง 2 แต้มจาก 5 นัดแรก ทำประตูได้เฉลี่ยเพียง 0.67 ประตูต่อนัดและเสียประตูถึง 1.83 ลูก อย่างไรก็ตาม การเสมอสองนัดหลังสุดกับ น็องต์ และ สตราส์บูร์ก ช่วยสร้างความมั่นใจให้พวกเขาเล็กน้อยก่อนเกมนี้

แร็งส์: ทีมเยือนทำผลงานได้ดีกว่า โดยไม่แพ้ใน 4 นัดหลังสุด รวมถึงการเสมอกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทีม แต่พวกเขายังมีปัญหาในเกมรับที่เสียประตูในครึ่งหลังอยู่บ่อยครั้ง

คาดการณ์ผู้เล่นตัวจริง:

อองเช่ร์ (4-2-3-1):

  • GK: ยาเฮีย โฟฟาน่า
  • RB: คาร์เลนส์ อาร์คุส
  • CB: เอ็มมานูเอล บิอูมล่า
  • CB: จอร์แดน เลฟอร์ต
  • LB: ฟลอร็องต์ ฮานิน
  • CM: ฌอง อาโฮลู
  • CM: ฮาริส เบลเกบลา
  • RW: จิม อัลเลวินาห์
  • CAM: ฮิมัด อับเดลลี
  • LW: ฟาริด เอล เมลาลี
  • ST: อาหมัด บัมบา เดียง

แร็งส์ (4-3-3):

  • GK: เยฮวาน ดิอูฟ
  • RB: ออเรลิโอ บูตา
  • CB: เซดริก คิเปร
  • CB: เอ็มมานูเอล อักบาดู
  • LB: เซร์จิโอ อากีเม
  • CM: ยาย่า โฟฟานา
  • CM: มาร์แชลล์ มูเนตซี
  • CM: วาเลนติน อาตานกานา
  • RW: จุนยะ อิโตะ
  • LW: เคอิโตะ นากามูระ
  • ST: อูมาร์ เดียกิเต้

การคาดการณ์ผลการแข่งขัน:

แร็งส์จะเฉือนชนะไปด้วยสกอร์ 2-1

ห้ามพลาด!