Home Blog Page 9

แมนฯ ซิตี้ เจอทางใหม่ ต่อสัญญา แบร์นาร์โด ซิลวา แบบปีต่อปี

0

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ตัดสินใจเลือกวิธีการบริหารอนาคตของ แบร์นาร์โด ซิลวา ด้วยการต่อสัญญาแบบ ปีต่อปี เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นสูงสุดสำหรับทั้งสโมสรและตัวนักเตะ

ปรับแผนรับมืออนาคต หลังนักเตะเคยมีข่าวย้ายทีม

ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา แบร์นาร์โด ซิลวา เคยแสดงความต้องการย้ายออกจากทีมหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงตลาดซื้อขาย ทำให้ทุกซัมเมอร์เป็นช่วงที่ แมนฯ ซิตี้ ต้องประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับอนาคตของดาวเตะรายนี้

ล่าสุด แซม ลี นักข่าวจาก The Athletic รายงานว่า แมนฯ ซิตี้ ได้เลือกใช้แนวทางใหม่ ด้วยการขยายสัญญากันเป็นรายปี เพื่อให้สโมสรสามารถวางแผนอนาคตได้อย่างยืดหยุ่น และนักเตะเองก็มีอิสระในการพิจารณาทางเลือกของตัวเองในอนาคต

สัญญาปัจจุบันมีถึงปี 2026 แต่เงื่อนไขใหม่เปิดทางตัดสินใจทุกปี

แม้ว่าสัญญาฉบับปัจจุบันของ แบร์นาร์โด ซิลวา กับ แมนฯ ซิตี้ จะยังมีอยู่จนถึง ปี 2026 แต่เงื่อนไขใหม่ที่สโมสรเลือกใช้ จะทำให้การตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของเขาได้รับการพิจารณาเป็นรายปี ซึ่งอาจช่วยให้ทีมรับมือกับตลาดนักเตะได้ดียิ่งขึ้น

ความสำเร็จกับ แมนฯ ซิตี้ และสถานะในทีม

แบร์นาร์โด ซิลวา ย้ายมาจาก โมนาโก ในปี 2017 และกลายเป็นกำลังหลักของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาตลอด เขามีส่วนสำคัญในการช่วยทีมคว้าแชมป์หลายรายการ ได้แก่
🏆 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
🏆 พรีเมียร์ลีก (5 สมัย)
🏆 เอฟเอ คัพ
🏆 คาราบาว คัพ
🏆 คอมมิวนิตี้ ชิลด์

แม้จะประสบความสำเร็จมากมาย แต่อนาคตของ แบร์นาร์โด ซิลวา ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหากมีข้อเสนอจากทีมใหญ่ในยุโรปเข้ามาในตลาดซัมเมอร์ที่จะถึงนี้

อาร์เซน่อล ระเบิดฟอร์มบุกถล่ม พีเอสวี 7-1

0

มาร์ติน โอเดการ์ด โชว์ฟอร์มเด่นยิง 2 ประตู และทำ 1 แอสซิสต์ ช่วยให้ อาร์เซน่อล บุกถล่ม พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ขาดลอย 7-1 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ทำให้ “ปืนใหญ่” กุมความได้เปรียบมหาศาลก่อนกลับไปเล่นที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

เริ่มเกม ปืนใหญ่รัว 3 ประตู ตั้งแต่ครึ่งแรก

ปีเตอร์ บอสซ์ กุนซือพีเอสวี ให้โอกาส ลุค เดอ ยอง ลงเล่นเกมที่ 50 ในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก ส่วนแนวรับมี ไทเรลล์ มาลาเซีย ลงสนามเคียงข้าง โนอา แลง และ โยฮัน บากาโยโก้

ด้าน มิเกล อาร์เตต้า ปรับทีมบางตำแหน่ง โดย ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่ ลงเล่นแบ็กซ้ายแทน ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ และ โธมัส ปาร์เตย์ ได้โอกาสแทน จอร์จินโญ่

เกมเริ่มมาเพียง 18 นาที อาร์เซน่อลขึ้นนำ 1-0 เมื่อ เลอันโดร ทรอสซาร์ จ่ายทะลุช่องให้ เดแคลน ไรซ์ เปิดบอลเข้ากลางให้ ยูร์เรียน ทิมเบอร์ โหม่งเข้าไปไม่เหลือ

จากนั้นเพียง 3 นาที สกอร์ไหลเป็น 2-0 เมื่อ ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่ เปิดบอลข้ามแนวรับให้ อีธาน เอ็นวาเนรี่ ซัดเข้าไป เป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของอาร์เซน่อลที่ยิงได้ในรอบน็อคเอาท์แชมเปี้ยนส์ลีก

นาทีที่ 31 อาร์เซน่อลมาได้ประตูที่ 3 จากจังหวะที่ ยูร์เรียน ทิมเบอร์ พาบอลเข้าเขตโทษ แนวรับพีเอสวีสกัดพลาด บอลมาเข้าทาง มิเกล เมริโน่ ยิงเข้าไปให้ทีมเยือนนำ 3-0

อย่างไรก็ตาม ก่อนหมดครึ่งแรก นาทีที่ 43 เจ้าบ้านมาได้จุดโทษจากจังหวะที่ โธมัส ปาร์เตย์ ทำแฮนด์บอล และเป็น โนอา แลง ยิงเข้าไปให้พีเอสวีตีไข่แตกเป็น 1-3

ครึ่งหลัง อาร์เซน่อลโหดต่อเนื่อง กดเพิ่มอีก 4 ประตู

กลับมาครึ่งหลัง อาร์เซน่อลยังไม่เพลาเกมรุก และใช้เวลาเพียง 1 นาที ขยับหนีเป็น 4-1 จากจังหวะที่ อีธาน เอ็นวาเนรี่ เปิดบอลเข้าเขตโทษ แนวรับพีเอสวีสกัดไม่ดี บอลมาเข้าทาง มาร์ติน โอเดการ์ด ซัดจ่อ ๆ ไม่เหลือ

ถัดมาเพียง 2 นาที ในนาทีที่ 48 อาร์เซน่อลได้ประตูที่ 5 เมื่อ เลอันโดร ทรอสซาร์ ฉวยโอกาสชิพข้าม วอลเตอร์ เบนิเตซ เข้าไป

พีเอสวีพยายามเปิดเกมสู้ นาทีที่ 61 พวกเขาเกือบตีตื้นจากลูกโหม่งของ กาเบรียล มากัลเญส แต่บอลออกข้างไป ขณะที่ ไทเรลล์ มาลาเซีย ก็มีโอกาสในนาทีที่ 63 แต่ยิงหลุดกรอบ

นาทีที่ 73 อาร์เซน่อลมาได้ประตูที่ 6 จาก มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ลากตัดเข้าในก่อนซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งผ่านมือ วอลเตอร์ เบนิเตซ เข้าไป

เกมทำท่าจะจบลงที่ 6-1 แต่ก่อนหมดเวลา 5 นาที อาร์เซน่อลยังมาได้ประตูปิดกล่องเมื่อ โอเดการ์ด จ่ายให้ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ยิงสวนตัวนายด่านพีเอสวีเข้าไป

หมดเวลา อาร์เซน่อล บุกมาถล่ม พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ขาดลอย 7-1 โดยพวกเขากุมความได้เปรียบมหาศาล ก่อนกลับไปเล่นที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม วันที่ 13 มีนาคม ซึ่งมีโอกาสเข้ารอบสูงลิ่ว


สถิติสำคัญ & เกร็ดน่าสนใจ

  • อาร์เซน่อล บุกชนะ พีเอสวี เป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี โดยครั้งล่าสุดที่พวกเขาทำได้คือปี 2002 (ชนะ 4-0)
  • มาร์ติน โอเดการ์ด ยิง 2 ประตูและทำ 1 แอสซิสต์ เป็นคีย์แมนสำคัญของทีม
  • อีธาน เอ็นวาเนรี่ เป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดของอาร์เซน่อลที่ทำประตูในรอบน็อคเอาท์ UCL

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล (4-3-3)

  • ผู้รักษาประตู: ดาบิด ราย่า
  • กองหลัง: ยูร์เรียน ทิมเบอร์, วิลเลี่ยม ซาลิบา, กาเบรียล มากัลเญส, ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่
  • กองกลาง: มาร์ติน โอเดการ์ด, โธมัส ปาร์เตย์, เดแคลน ไรซ์
  • กองหน้า: อีธาน เอ็นวาเนรี่, มิเกล เมริโน่, เลอันโดร ทรอสซาร์

พีเอสวี (4-2-3-1)

  • ผู้รักษาประตู: วอลเตอร์ เบนิเตซ
  • กองหลัง: ริชาร์ด เลเดซม่า, ไรอัน ฟลามิงโก้, โอลิวิเยร์ บอสกาญี, ไทเรลล์ มาลาเซีย
  • กองกลาง: เยอร์ดี้ เชาเท่น, อิสมาแอล ไซบารี
  • ตัวรุก: กุส ทิล, อิวาน เปริซิช, โนอา แลง
  • กองหน้า: ลุค เดอ ยอง

เรอัล มาดริด เฉือน แอต.มาดริด 2-1 กุมความได้เปรียบ

0

เรอัล มาดริด เปิดบ้านเอาชนะ แอตเลติโก มาดริด 2-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ทำให้พวกเขากุมความได้เปรียบก่อนกลับไปเล่นเลกที่สองที่สนาม ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่

เรอัล มาดริด ขึ้นนำก่อน ก่อนตราหมีไล่ตีเสมอ

เกมนี้ถือเป็นนัดที่ 500 ของ คาร์โล อันเชล็อตติ ในฟุตบอลยุโรป โดยเจ้าบ้านไม่มี จู๊ด เบลลิงแฮม ที่ติดโทษแบน ทำให้ โรดรีโก้ โกเอส ต้องขยับขึ้นมาเล่นเกมรุก ขณะที่แดนกลางมี เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า และ โอเรเลียง ชูอาเมนี่ คุมจังหวะเกม

ด้าน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ส่ง ฮูเลียน อัลวาเรซ ลงสนามเป็นตัวจริงคู่กับ อองตวน กรีซมันน์ และแอต.มาดริด ก็มีโอกาสจะแก้มือหลังจาก 3 เกมดาร์บี้ล่าสุดจบลงด้วยผลเสมอ

อย่างไรก็ตาม เริ่มเกมมาแค่ 4 นาที เรอัล มาดริด ก็ขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ จ่ายบอลให้ โรดรีโก้ โกเอส ใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงตัดจากขวาแล้วยิงด้วยซ้าย บอลพุ่งเสียบเสาไกลผ่านมือ ยาน โอบลัค เข้าไปให้เจ้าถิ่นนำ 1-0

แต่แอต.มาดริด ก็ตามตีเสมอได้ในนาทีที่ 32 จาก ฮูเลียน อัลวาเรซ ที่รับบอลจาก ฆาเบียร์ กาลาน ทางฝั่งซ้าย ก่อนยิงสุดสวยเสียบตาข่าย เป็นประตูที่ 7 ของเจ้าตัวในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้

จบครึ่งแรก สถิติบอกว่า แอต.มาดริด ครองบอลได้มากกว่า 53% แต่โอกาสจบสกอร์เป็นของ เรอัล มาดริด ที่ทำได้ดีกว่า

บราฮิม ดีอาซ ซัดชัย มาดริด กุมความได้เปรียบก่อนเลกสอง

กลับมาครึ่งหลัง นาทีที่ 55 “ราชันชุดขาว” ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 จากจังหวะที่ บราฮิม ดีอาซ โชว์สเต็ปหลอก โฆเซ่ ฆิเมเนซ ก่อนยิงโค้งด้วยขวาส่งบอลพุ่งเสียบเสาไกลอย่างสวยงาม และถือเป็นการยิงติดต่อกัน 2 นัดติด หลังเพิ่งทำประตูได้ในเกมลีกที่พบ เรอัล เบติส

แม้ อองตวน กรีซมันน์ จะพยายามซัดด้วยขวาในนาทีที่ 60 แต่ก็ถูก ติโบต์ กูร์กตัวส์ ป้องกันไว้ได้ ขณะที่เกมดำเนินไปจนถึง 75 นาทีสุดท้าย แอต.มาดริด ยังพยายามหาจังหวะสวนกลับแต่ยังเจาะแนวรับเจ้าถิ่นไม่เข้า

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 90+1 เรอัล มาดริด เกือบได้ประตูที่สามจากจังหวะที่ คีเลียน เอ็มบัปเป้ จ่ายบอลให้ วินิซิอุส จูเนียร์ แต่แนวรับแอต.มาดริด สกัดไว้ได้ ก่อนที่ ลูก้า โมดริช จะได้ซ้ำแต่ก็ยังติดเซฟของ โอบลัค

จบเกม เรอัล มาดริด เฉือนชนะ แอตเลติโก มาดริด 2-1 กุมความได้เปรียบก่อนเลกสอง โดยนัดที่สองจะเล่นกันที่บ้านของ แอต.มาดริด ในวันที่ 12 มีนาคม ซึ่งทีมชนะของคู่นี้จะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น หรือ อาร์เซน่อล


รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

เรอัล มาดริด (4-4-2)

  • ผู้รักษาประตู: ติโบต์ กูร์กตัวส์
  • กองหลัง: เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, ราอูล อเซนซิโอ, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, แฟร์กล็องด์ เมนดี้
  • กองกลาง: โรดรีโก้ โกเอส, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, โอเรเลียง ชูอาเมนี่, เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า, บราฮิม ดีอาซ
  • กองหน้า: คีเลียน เอ็มบัปเป้, วินิซิอุส จูเนียร์

แอต.มาดริด (4-4-2)

  • ผู้รักษาประตู: ยาน โอบลัค
  • กองหลัง: มาร์โก้ ยอร์เรนเต้, โฆเซ่ ฆิเมเนซ, เคลม็องต์ ล็องต์เล่ต์, ฆาเบียร์ กาลาน
  • กองกลาง: กูเลโน่ ซิเมียโอเน่, โรดริโก้ เด ปอล, ปาโบล บาร์ริออส, ซามูเอล ลีโน่
  • กองหน้า: อองตวน กรีซมันน์, ฮูเลียน อัลวาเรซ

แมนฯ ยูไนเต็ด เดินหน้าลดต้นทุนเตรียมเลิกเช่าสำนักงานในลอนดอน

0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังพิจารณายุติสัญญาเช่าพื้นที่สำนักงานใน เคนซิงตัน ย่านเมย์แฟร์ กรุงลอนดอน ก่อนกำหนด ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการลดค่าใช้จ่ายที่ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ วางแผนไว้ เพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินของสโมสรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แผนลดขนาดองค์กร กระทบสำนักงานในลอนดอน

“ปีศาจแดง” เพิ่งเช่าสำนักงานแห่งนี้มาได้ไม่ถึง 2 ปี จากสัญญาเดิมที่ทำไว้ 10 ปี แต่ล่าสุด แรตคลิฟฟ์ มองว่าไม่มีความจำเป็นต้องคงสำนักงานขนาด 23,000 ตารางฟุต ไว้อีกต่อไป เนื่องจากต้องการให้พนักงานส่วนใหญ่อยู่ประจำที่เมือง แมนเชสเตอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสโมสร

ก่อนหน้านี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งประกาศ “แผนการเปลี่ยนแปลง” ซึ่งรวมถึง การปลดพนักงานราว 150-200 คน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกันยังพิจารณาปรับลดขนาดสำนักงานในลอนดอนให้เล็กลง หรืออาจย้ายไปยังสถานที่ใหม่ที่มีค่าเช่าต่ำกว่า

ออฟฟิศหรู ใกล้สำนักงานใหญ่ INEOS อาจถูกยกเลิก

สำนักงานที่แมนฯ ยูไนเต็ดเช่าอยู่ในปัจจุบัน ตั้งอยู่ห่างจากสำนักงานใหญ่ของ INEOS ไม่ถึง 1 ไมล์ ทำให้มีความสะดวกในเชิงธุรกิจ อย่างไรก็ตาม แรตคลิฟฟ์ ซึ่งเข้ามาถือหุ้น 28% ของสโมสรเมื่อ 15 เดือนก่อน ต้องการลดรายจ่ายในทุกภาคส่วน และการปิดสำนักงานนี้ก็เป็นหนึ่งในแนวทางที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด

จากออฟฟิศสุดหรูสู่การลดต้นทุนครั้งใหญ่

ย้อนกลับไป 15 ปีก่อน แมนฯ ยูไนเต็ด เคยเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลแห่งแรกของ ภาคเหนือของอังกฤษ ที่เปิดสำนักงานในลอนดอน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ และช่วยให้สโมสรเติบโตทางการตลาดได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาทางการเงินในช่วงหลังทำให้ แรตคลิฟฟ์ ต้องหาทางลดต้นทุน ทุกด้าน ไม่ใช่แค่การลดจำนวนพนักงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการ ปิดโรงอาหารที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด และยกเลิก อาหารกลางวันฟรี สำหรับพนักงาน เปลี่ยนเป็นแจกผลไม้แทน ซึ่งเป็นมาตรการที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้

การยกเลิกสำนักงานในลอนดอน ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในแนวทางการบริหารของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ที่ต้องการให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเป็นสโมสรที่บริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในและนอกสนาม

เรอัล มาดริด ส่งทีมงานส่องฟอร์มแข้งดาวรุ่งพรีเมียร์ลีก

0

เรอัล มาดริด กำลังเดินหน้ามองหานักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีเข้ามาเติมความสดใหม่ในแดนกลาง หลังบรรดาขุมกำลังชุดปัจจุบันเริ่มโรยรา และบางรายมีปัญหาอาการบาดเจ็บต่อเนื่อง โดยล่าสุด พวกเขาได้ส่งทีมแมวมองเดินทางไปยัง กรุงลอนดอน เพื่อจับตาดูแข้งพรสวรรค์จากศึกพรีเมียร์ลีก

“วอร์ตัน” เป้าหมายหลักของราชันชุดขาว

เดลี่ เมล สื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า เรอัล มาดริด เจ้าของแชมป์ ลา ลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา กำลังให้ความสนใจ อดัม วอร์ตัน กองกลางอนาคตไกลของ คริสตัล พาเลซ

ดาวเตะวัย 21 ปี เพิ่งกลับมาลงสนามอีกครั้งหลังพักรักษาตัวจากการผ่าตัดไส้เลื่อน โดยที่ผ่านมาเขาได้รับการขนานนามว่าเป็น “ปีร์โล่ แห่งแลงคาเชียร์” และมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษลุยศึก ยูโร 2024 ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าเขาจะได้รับโอกาสลงสนามภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือคนใหม่ของทัพ “สิงโตคำราม” ในช่วงพักเบรกทีมชาติที่กำลังจะมาถึง

เรอัล มาดริด ส่งแมวมองตามติดพัฒนาการของวอร์ตัน

รายงานระบุว่า จูนี คาลาฟาต หัวหน้าแมวมองของ เรอัล มาดริด ให้ความสนใจในตัววอร์ตันอย่างจริงจัง และได้ส่งทีมงานเข้ามาสังเกตฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวอย่างใกล้ชิด

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ มาดริด ต้องเร่งเดินหน้าเสริมแดนกลาง มาจากการที่ ลูก้า โมดริช กำลังเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง ขณะที่ เอดูอาร์โด้ กามาวิงก้า ก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง ทำให้ทีมต้องการนักเตะใหม่เข้ามาเพิ่มทางเลือกในระยะยาว

หลายทีมพรีเมียร์ลีกจ้องคว้าตัว วอร์ตัน แข่งกับมาดริด

อย่างไรก็ตาม เรอัล มาดริด ไม่ใช่ทีมเดียวที่ต้องการคว้าตัว วอร์ตัน เนื่องจากมีข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างเคยจับตาดูพัฒนาการของแข้งรายนี้มาก่อน

ปัจจุบัน วอร์ตัน ยังมีสัญญากับ คริสตัล พาเลซ ไปจนถึงเดือน มิถุนายน 2029 ทำให้ต้นสังกัดไม่มีความจำเป็นต้องรีบปล่อยตัวออกจากทีม เว้นแต่ว่าจะได้รับข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้

เรอัล มาดริด คาดว่าจะใช้เวลาประเมินสถานการณ์ไปจนถึง เดือนเมษายน ก่อนตัดสินใจเดินหน้าเจรจา โดยคาดว่าค่าตัวของแข้งรายนี้จะอยู่ที่ราว 54.1 ล้านปอนด์

“อโมริม” ตอบโต้ “รูนี่ย์” หลังถูกวิจารณ์เรื่องเป้าหมาย

0

รูเบน อโมริม กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงปกป้องตนเองหลังถูก เวย์น รูนี่ย์ วิจารณ์เกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายพาทีมกลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

แพ้ฟูแล่ม – อโมริม ย้ำเป้าหมายชัดเจน

แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งพ่ายแพ้เป็นครั้งที่ 10 จาก 24 นัด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือชาวโปรตุเกส โดยพวกเขาตกรอบ เอฟเอ คัพ รอบ 5 หลังเสมอ ฟูแล่ม 1-1 ก่อนแพ้ดวลจุดโทษ 4-3 คาถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด

แม้ทีมกำลังเผชิญปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่น แต่หลังเกม อโมริม ให้สัมภาษณ์กับ BBC Sport โดยยืนยันว่าเป้าหมายของทีมยังคงเป็น การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นสิ่งที่ยูไนเต็ดไม่สามารถทำได้ตั้งแต่ยุค เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

“เป้าหมายของเราคือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ผมรู้ว่าเรากำลังแพ้ในตอนนี้ แต่เรายังคงมุ่งมั่นเพื่อกลับไปสู่ความสำเร็จ ผมไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน แต่เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน และจะเดินหน้าต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

รูนี่ย์ มองว่าอโมริมควรตั้งเป้าหมายให้เป็นรูปธรรมกว่านี้

เวย์น รูนี่ย์ อดีตกองหน้าตำนานของแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่เป็นกูรูให้กับ Match of the Day เห็นต่างจากอโมริม โดยมองว่า ยูไนเต็ดควรมุ่งเน้นเป้าหมายระยะสั้นก่อน

“ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้เดียงสาที่พูดว่าทีมกำลังมุ่งหน้าสู่การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เพราะจากสถานการณ์ปัจจุบัน ยูไนเต็ดห่างไกลจากตรงนั้นมาก”

“ผมเชื่อว่าเขาจะได้รับเวลา แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้หมายความว่าเขาจะอยู่แบบไร้แรงกดดัน แมนฯ ยูไนเต็ดต้องการอะไรมากกว่านี้จากเขา ตอนนี้เขาพูดถึงแชมป์ลีก แต่ความจริงคือ พวกเขาควรโฟกัสที่การไต่อันดับขึ้นไปก่อน นั่นคือเป้าหมายที่ควรให้ความสำคัญ”

อโมริมตอบโต้ – ย้ำไม่ได้ไร้เดียงสา

เมื่อถูกสื่อถามเกี่ยวกับความคิดเห็นของรูนี่ย์ อโมริมตอบกลับว่า

“การตั้งเป้าหมายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ไม่ใช่เรื่องไร้เดียงสา การไร้เดียงสาคือการคิดว่าเราจะทำได้ในฤดูกาลนี้เลย หรือกลายเป็นทีมลุ้นแชมป์ทันทีในปีหน้า”

“ผมเข้าใจว่าในตอนนี้ทุกคนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฟุตบอล ผมเองก็เคยเป็นนักวิจารณ์มาก่อนเมื่อตอนที่เลิกเล่นฟุตบอล มันง่ายมากที่จะพูดจากภายนอก”

“บางทีมันอาจจะดูเป็นเป้าหมายที่ไกลตัว แต่สำหรับสโมสรแห่งนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีประวัติศาสตร์และความยิ่งใหญ่ เป้าหมายของเราคือกลับไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง และเราจะทำให้ได้”

“ผมอยู่ที่นี่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และผมไม่ได้ไร้เดียงสา ผมรู้ดีว่างานนี้เต็มไปด้วยความกดดัน แต่นั่นคือเหตุผลที่ผมมาอยู่ที่นี่ ในวัย 40 ปี ในฐานะโค้ชของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”

บทสรุป

แม้แมนฯ ยูไนเต็ดจะยังคงเผชิญปัญหาฟอร์มตกและความไม่แน่นอน แต่ อโมริม ยังคงยืนยันว่าการพาทีมกลับมาสู่จุดสูงสุดคือเป้าหมายของเขา แม้จะถูก รูนี่ย์ และคนอื่นๆ ตั้งข้อสงสัย อย่างไรก็ตาม หนทางของกุนซือชาวโปรตุเกสยังคงเต็มไปด้วยแรงกดดัน และต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ในระยะยาว

มูรินโญ่ ฟ้องกาลาตาซาราย หลังถูกกล่าวหาเหยียดเชื้อชาติ

0

โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือของ เฟเนร์บาห์เช่ ตัดสินใจยื่นฟ้อง กาลาตาซาราย หลังถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรม เหยียดเชื้อชาติ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในศึก อิสตันบูล ดาร์บี้

ต้นเหตุของข้อกล่าวหา

มูรินโญ่ ถูก สหพันธ์ฟุตบอลตุรกี (TFF) สั่งแบน 4 นัด และปรับเงินรวม 35,194 ปอนด์ หลังให้สัมภาษณ์หลังเกมดาร์บี้แมตช์ที่จบลงด้วยผลเสมอ 0-0 โดยกุนซือชาวโปรตุกีสกล่าวพาดพิงม้านั่งสำรองของกาลาตาซารายว่า “กระโดดโลดเต้นเหมือนลิง” พร้อมตำหนิการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินชาวตุรกีว่า “เป็นหายนะ” ทั้งที่เกมดังกล่าวตัดสินโดย สลาฟโก้ วินชิช ผู้ตัดสินชาวสโลวีเนีย ซึ่งถูกเลือกให้ทำหน้าที่ตามคำร้องขอของทั้งสองสโมสรที่ต้องการใช้งานผู้ตัดสินต่างชาติ

มูรินโญ่ เอาคืน ยื่นฟ้องค่าเสียหาย

หลังจากถูกกล่าวหาว่าเหยียดเชื้อชาติ มูรินโญ่ ได้มอบหมายให้ทีมกฎหมายของเฟเนร์บาห์เช่ยื่นฟ้อง กาลาตาซาราย โดยเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 1,907,000 ลีราตุรกี ซึ่งเป็นตัวเลขสัญลักษณ์ของปี 1907 อันเป็นปีที่สโมสรเฟเนร์บาห์เช่ก่อตั้งขึ้น

มูรินโญ่ ยืนยันว่า คำพูดของเขาถูกนำไปตีความผิด โดยไม่มีการพิจารณาบริบทอย่างถูกต้อง พร้อมระบุว่านี่เป็น การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และทำให้เขาเสียชื่อเสียงอย่างไม่เป็นธรรม

บทสรุปของดราม่า

กรณีนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการฟุตบอลตุรกี โดยแฟนบอลของทั้งสองทีมต่างออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างดุเดือด ขณะที่มูรินโญ่ยังคงยืนยันในจุดยืนของตนเองว่าไม่ได้มีเจตนาเหยียดเชื้อชาติ และพร้อมต่อสู้คดีเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตนเองต่อไป

ยูฟ่าแบน เดวิด คูต 16 เดือน พ้นหน้าที่ตัดสินเกมระดับยุโรป

0

เดวิด คูต อดีตผู้ตัดสินพรีเมียร์ลีก ยังคงเผชิญมรสุมครั้งใหญ่ในอาชีพ หลังจาก ยูฟ่า ประกาศลงโทษแบนเป็นเวลา 16 เดือน ห้ามทำหน้าที่ในเกมระดับทวีปยุโรป อันเป็นผลมาจาก คลิปฉาว ที่หลุดออกมาในช่วงศึก ยูโร 2024

โดนแบนต่อเนื่อง หลังพ้นจากพรีเมียร์ลีก

คูต วัย 42 ปี ถูกปลดจากการทำหน้าที่ใน พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 หลังจากมี คลิปเสียงหลุด ที่เขาวิจารณ์ เยอร์เก้น คล็อปป์ อดีตกุนซือ ลิเวอร์พูล อย่างรุนแรง รวมถึงคลิปที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม สูดผงสีขาวทางจมูก ซึ่งเกิดขึ้นหลังเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูโร 2024 คู่ระหว่าง สเปน พบ เยอรมนี ซึ่งเขาทำหน้าที่เป็น ผู้ช่วย VAR ในแมตช์ดังกล่าว

ล่าสุด สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ได้สั่งแบน คูต ออกจากการปฏิบัติหน้าที่ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2026 หรือเป็นเวลาทั้งหมด 16 เดือน

อนาคตของคูต หลังพ้นโทษแบน

แม้ว่าหลังพ้นโทษแบนแล้ว คูต จะสามารถกลับมามีบทบาทในวงการฟุตบอลได้ แต่รายงานระบุว่าเขาจะไม่ได้ทำหน้าที่ ผู้ตัดสินในสนามอีกต่อไป แต่อาจถูกโอนย้ายไปรับหน้าที่เป็น ครูฝึกสอน VAR แทน

คูต เริ่มต้นเส้นทาง ผู้ตัดสินพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ปี 2018 โดยทำหน้าที่ครั้งแรกในเกมที่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พบ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน และได้รับสถานะ ผู้ตัดสินฟีฟ่า ตั้งแต่เดือนกันยายน 2020 จนถึงเดือนมีนาคม 2022

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์อื้อฉาวที่เกิดขึ้น ทำให้เส้นทางการตัดสินของเขาต้องสะดุดลง และอาจไม่สามารถกลับมาโลดแล่นในวงการฟุตบอลระดับสูงได้อีก

ลา ลีกา กดดันยุโรปตรวจสอบ แมนฯ ซิตี้ ฐานบิดเบือนการเงิน

0

ฆาเบียร์ เตบาส ประธานลาลีกา ออกโรงเรียกร้องให้ คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ดำเนินการตรวจสอบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กรณีที่สโมสรถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนข้อมูลทางการเงิน เพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจอย่างไม่เป็นธรรมในวงการฟุตบอลยุโรป

เตบาส เดินหน้ากดดัน แมนฯ ซิตี้ สู่ระดับยุโรป

ระหว่างงานประชุม Financial Times Business of Football Summit ที่กรุงลอนดอน เตบาส ระบุว่า “เรือใบสีฟ้า” ใช้บริษัทที่เชื่อมโยงกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในการลดต้นทุนของสโมสรโดยไม่เป็นธรรม ลา ลีกา ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมาธิการยุโรปตั้งแต่ปี 2023 เพื่อให้มีการตรวจสอบ โครงสร้างทางการเงินของ แมนฯ ซิตี้ และพิจารณาว่ามีผลกระทบต่อความเป็นธรรมของตลาดฟุตบอลในสหภาพยุโรปหรือไม่

“แมนฯ ซิตี้ ยังไม่ได้ถูกตัดสินว่ามีความผิด แต่จากข้อกล่าวหาที่พรีเมียร์ลีกยื่นฟ้อง เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจถูกลงโทษตัดแต้ม 1 คะแนน 50 คะแนน หรือแม้แต่ถูกปรับตกชั้น” เตบาส กล่าว พร้อมย้ำว่าบทลงโทษจาก ยูฟ่า ที่เคยแบน แมนฯ ซิตี้ จากการแข่งขันฟุตบอลยุโรป 2 ฤดูกาลก่อนที่ ศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา (CAS) จะกลับคำตัดสินนั้น เป็นบทลงโทษที่เหมาะสมแล้ว

ตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของกลุ่มทุนซิตี้

“ในอุตสาหกรรมอื่นๆ บริษัทในเครือจะต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับที่เข้มงวด ทำไมวงการฟุตบอลถึงควรได้รับการยกเว้น?” เตบาส ตั้งคำถาม พร้อมระบุว่า ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป มีบริษัทจำนวนมากที่อยู่นอกโครงสร้างหลัก และบางบริษัทอาจมีตัวเลขทางการเงินที่ขาดทุน แต่ไม่กระทบต่อบัญชีของสโมสรโดยตรง

“เราได้รายงานเรื่องนี้ให้คณะกรรมาธิการยุโรปทราบแล้ว พร้อมทั้งข้อมูลและตัวเลขที่เกี่ยวข้อง” เตบาส กล่าวเพิ่มเติม

ขอความยุติธรรมให้วงการฟุตบอลยุโรป

เตบาส ยืนยันว่า การตรวจสอบทางการเงินของ แมนฯ ซิตี้ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับความโปร่งใสของวงการฟุตบอลยุโรป โดยเฉพาะการกำกับดูแลการใช้จ่ายของสโมสร

“เรามองว่า แมนฯ ซิตี้ ปกปิดการขาดทุน ผ่านบริษัทที่อยู่นอกเครือ ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป อย่างเป็นระบบ”

“พวกเขาดำเนินธุรกิจบริษัทสำรวจ บริษัทการตลาด และนำต้นทุนที่เกิดขึ้นจากบริษัทเหล่านี้ไปลดค่าใช้จ่ายของสโมสร เพื่อให้ดูเหมือนว่า แมนฯ ซิตี้ ใช้เงินน้อยกว่าความเป็นจริง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการตรวจสอบ”

เตบาส ย้ำว่า ค่าใช้จ่ายของ แมนฯ ซิตี้ อาจถูกกดให้ต่ำลงอย่างไม่โปร่งใส เนื่องจากการดำเนินธุรกิจผ่านเครือข่ายบริษัทที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจเป็นการบิดเบือนข้อมูลทางการเงินเพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษจากกฎไฟแนนเชียลแฟร์เพลย์ (FFP)

ขณะนี้ ลา ลีกา และองค์กรที่เกี่ยวข้องยังคงติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด และคาดว่ากรณีของ แมนฯ ซิตี้ อาจนำไปสู่การตรวจสอบเชิงลึกในระดับยุโรป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางการเงินของวงการฟุตบอลในอนาคต

ลิเวอร์พูล ขาดทุนเพิ่มเป็น 57 ล้านปอนด์

0

ลิเวอร์พูล เปิดเผยผลประกอบการทางการเงินสำหรับฤดูกาล 2023/24 โดยรายงานระบุว่าสโมสรขาดทุนก่อนหักภาษี 57 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,451 ล้านบาท) อันเป็นผลมาจากการพลาดโอกาสลงแข่งขันใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

รายได้รวมเพิ่มขึ้น แต่ขาดทุนยังเพิ่มขึ้นจากปีก่อน

แม้ว่าสโมสรจะขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 48 ล้านปอนด์ แต่รายได้รวมของสโมสรยังคงเติบโต โดยเพิ่มขึ้น 20 ล้านปอนด์ ทำให้รายได้รวมอยู่ที่ 614 ล้านปอนด์ ในฤดูกาล 2023/24 นอกจากนี้ รายได้เชิงพาณิชย์ของสโมสรพุ่งขึ้นเป็นสถิติใหม่ โดยเพิ่มขึ้น 36 ล้านปอนด์ รวมเป็น 308 ล้านปอนด์ ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ “หงส์แดง” ในระดับโลก

อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเพิ่มรายได้คือ การเปิดใช้งานอัฒจันทร์แอนฟิลด์โร้ดใหม่ และจำนวนเกมที่เพิ่มขึ้นที่แอนฟิลด์ ซึ่งส่งผลให้ รายได้จากวันแข่งขันเพิ่มขึ้น 22 ล้านปอนด์ ทะลุหลัก 100 ล้านปอนด์เป็นครั้งแรก โดยอยู่ที่ 102 ล้านปอนด์

ผลกระทบจากการพลาดแชมเปี้ยนส์ ลีก

การพลาดเข้าแข่งขันใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และการต้องลงเล่นใน ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ส่งผลให้ รายได้จากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดลดลง 38 ล้านปอนด์ เมื่อเทียบกับปีก่อน เหลือ 204 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการขาดทุนของสโมสร

ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

แม้ว่ารายได้โดยรวมของสโมสรจะเพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะ ค่าจ้างนักเตะและค่าใช้จ่ายบริหาร ซึ่งพุ่งขึ้นจาก 320 ล้านปอนด์ในปี 2018 เป็น 600 ล้านปอนด์ในปัจจุบัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 88% ในระยะเวลาเพียง 6 ปี

การลงทุนเสริมทัพและอนาคตของสโมสร

แม้จะมีปัญหาทางการเงิน แต่ลิเวอร์พูลยังคงเดินหน้าเสริมทัพด้วยการลงทุน 165 ล้านปอนด์ ในการคว้าตัว อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โดมินิค โซบอสซไล, วาตารุ เอ็นโด และ ไรอัน กราเฟนแบร์ก เพื่อยกระดับขุมกำลังของทีม

ปัจจุบัน ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ลิเวอร์พูลยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ทิ้งห่าง อาร์เซน่อล 13 คะแนน นอกจากนี้ ยังมีสถิติยอดการมีส่วนร่วมของแฟนบอลบนโซเชียลมีเดียสูงถึง 1,500 ล้านครั้ง และมียอดผู้ติดตามรวม 37 ล้านคน ซึ่งตอกย้ำความเป็นหนึ่งในแบรนด์ฟุตบอลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

ตามรายงานล่าสุดจาก Brand Finance 2024 ลิเวอร์พูลยังคงเป็นสโมสรที่มี แบรนด์ทรงพลังที่สุดในพรีเมียร์ลีก แม้ว่าจะขาดทุนเพิ่มขึ้น แต่ศักยภาพด้านการตลาดและฐานแฟนบอลทั่วโลกยังคงเป็นจุดแข็งที่ทำให้ “หงส์แดง” เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีมูลค่ามหาศาลในอุตสาหกรรมฟุตบอล

ห้ามพลาด!