วันที่ 17 พฤษภาคม – ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี เปิดบ้านเฉือนชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 จากประตูชัยของ มาร์ค คูคูเรย่า ส่งผลให้ “สิงห์บลูส์” เก็บเพิ่มเป็น 66 คะแนนจาก 37 นัด แซง แอสตัน วิลล่า ขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ด้วยผลต่างประตูได้เสียดีกว่า ขณะที่ “ปีศาจแดง” ฟอร์มในลีกยังไม่กระเตื้อง ไม่ชนะใครเป็นนัดที่ 8 ติดต่อกัน รั้งอันดับ 16 ของตาราง
รูปเกมโดยรวม
เอนโซ่ มาเรสก้า กุนซือเชลซีแก้ตัวจากเกมบุกแพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-2 ด้วยการโรเตชั่นส่ง ไทริก จอร์จ หัวหอกวัย 19 ปี ลงแทน นิโคล่าส์ แจ็คสัน ขณะที่ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด ของ รูเบน อโมริม ปรับทีม 5 จุดจากเกมพ่ายคาบ้านต่อเวสต์แฮม 0-2 โดย อ็องเดร โอนาน่า กลับมาเฝ้าเสา และ ลุค ชอว์ ประจำการแผงหลังร่วมกับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ
ตลอดครึ่งแรก เชลซีเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกใส่ มีโอกาสลุ้นหลายครั้ง ส่วนยูไนเต็ดแม้ครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อย (53%) แต่โอกาสยิงมีเพียงครั้งเดียว จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกัน 0-0
ไฮไลต์สำคัญครึ่งหลัง
- นาที 52: อาหมัด ดิยัลโล่ ลากตัดเข้าใน ก่อนถวายพานให้ เมสัน เมาท์ ยิงเฉียดเสา
- นาที 55: บรูโน่ แฟร์นันด์ส มีลุ้นยิงเน้นๆ แต่บอลลอยข้ามคานไปแบบน่าผิดหวัง
- นาที 61: จังหวะชุลมุนในเขตโทษ เมื่อ อ็องเดร โอนาน่า พุ่งใส่ ไทริก จอร์จ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษในตอนแรก แต่ VAR ตรวจสอบแล้วพบว่า โอนาน่า ปัดโดนบอลก่อน ไม่ให้จุดโทษ
- นาที 71: ประตูชัยเกิดขึ้นจากจังหวะที่ รีซ เจมส์ เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ มาร์ค คูคูเรย่า เทกตัวโหม่งเข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูที่ 5 ของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้
- นาที 73: เชลซีเกือบได้ลูกที่สอง โคล พาลเมอร์ แทงทะลุให้ โนนี มาดูเอเก้ หลุดไปยิงหลุดกรอบอย่างไม่น่าเชื่อ
- นาที 79: แมนยูมีลุ้นตีเสมอ อาหมัด ดิยัลโล่ โชว์สกิลเลี้ยงตัดจากขวาก่อนยิงเต็มข้อ แต่ โรเบิร์ต ซานเชซ เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ช่วงทดเจ็บ 7 นาทีสุดท้าย ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันเต็มที่แต่ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม เชลซี คว้าชัยแบบหืดจับ 1-0 พร้อมขยับขึ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก
สถิติหลังจบเกม
- เชลซี ชนะในลีก 4 จาก 5 นัดหลังสุด
- แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ชนะในลีกมาแล้ว 8 นัดติดต่อกัน (เสมอ 3 แพ้ 5)
- มาร์ค คูคูเรย่า ยิงประตูที่ 5 ของตัวเองในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
11 ตัวจริงทั้งสองทีม
เชลซี (4-2-3-1):
โรเบิร์ต ซานเชซ – รีซ เจมส์, โทซิน อาดาราบิโอโย่, ลีวาย โคลวิลล์, มาร์ค คูคูเรย่า – มอยเซส ไคเซโด้, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ – เปโดร เนโต้, โคล พาลเมอร์, โนนี มาดูเอเก้ – ไทริก จอร์จ
แมนฯ ยูไนเต็ด (3-4-2-1):
อ็องเดร โอนาน่า – วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ – นุสแซร์ มาซราอุย, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, กาเซมีโร่, พาทริค ดอร์กู – อาหมัด ดิยัลโล่, เมสัน เมาท์ – ราสมุส ฮอยลุนด์