พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024-2025 เดินทางมาถึงเกมที่ 13 พร้อมศึกใหญ่ที่ทุกสายตาจับจ้องในวันอาทิตย์นี้ เมื่อ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูง ที่กำลังร้อนแรง เปิดรังแอนฟิลด์ต้อนรับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า คู่นี้จะเริ่มฟาดแข้งในเวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของ อาร์เน่อ สล็อต

กำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ไม่แพ้ใครใน 13 เกมหลังในทุกรายการ เกมล่าสุดพวกเขาโชว์ฟอร์มแกร่ง อัด เรอัล มาดริด 2-0 ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และเบียดชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-2 ในเกมลีกสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในเกมนี้ ทีมจะขาด อิบราฮิมา โคนาเต้, อลิสซง เบ็คเกอร์, ดีโอโก้ โชต้า, เฟเดริโก้ เคียซ่า และ คอสตาส ซิมิกาส ที่ยังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ แต่ข่าวดีคือ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ พร้อมกลับมาลงสนาม ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, หลุยส์ ดิอาซ และ ดาร์วิน นูนเญซ จะยังคงเป็นสามประสานในแนวรุก

ทางฝั่ง แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาดิโอล่า

ต้องเร่งฟอร์มกลับคืน หลังไม่ชนะติดต่อกันใน 6 เกมหลังสุด เกมลีกล่าสุดแพ้ยับต่อ สเปอร์ส 0-4 ส่วนในแชมเปี้ยนส์ ลีก พลาดสามแต้มสำคัญหลังโดน เฟเยนูร์ด ไล่ตีเสมอ 3-3 ทั้งที่นำก่อนถึง 3-0 สำหรับเกมนี้ทีมจะได้ รูเบน ดิอาส ฟิตกลับมาประจำการแนวรับ และ เควิน เดอ บรอยน์ พร้อมลงตัวจริงครั้งแรกหลังหายเจ็บยาว อย่างไรก็ตาม ทีมยังขาด จอห์น สโตนส์, โรดรี้ เอร์นานเดซ และ ออสการ์ บ็อบบ์ ที่ยังไม่พร้อมลงเล่น

รายชื่อ 11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1): ควีวิน เคลเลเฮอร์ – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, ไรอัน กราเฟนแบร์ก – โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โดมินิค โซบอสซ์ไล, หลุยส์ ดิอาซ – ดาร์วิน นูนเญซ

แมนฯ ซิตี้ (4-3-3): เอแดร์ซอน – ไคล์ วอล์คเกอร์, มานูเอล อคานจี, รูเบน ดิอาส, เนธาน อาเก้ – มาเตอุส นูเนส, อิลคาย กุนโดกัน, เควิน เดอ บรอยน์ – แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เออร์ลิ่ง ฮาลันด์, ซาวินโญ่

วิเคราะห์เกม

แม้ ซิตี้ จะประสบปัญหาฟอร์มตกในช่วงหลัง แต่ศักยภาพของทีมยังคงน่ากลัว โดยเฉพาะ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ที่พร้อมสร้างปัญหาให้แนวรับของลิเวอร์พูล อย่างไรก็ตาม การต้องบุกเยือนทีมจ่าฝูงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและไม่แพ้ใครมาหลายนัด จะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับ เป๊ป กวาดิโอล่า การตัดสินเกมนี้อาจขึ้นอยู่กับรายละเอียดเล็กๆ ในเกม โดยเฉพาะความผิดพลาดในแนวรับของทั้งสองฝ่าย

สกอร์ที่คาด

ลิเวอร์พูลชนะ 2-1 ในนัดที่เดือดทั้งเกมรุกและเกมรับ!