รูเบน อโมริม กุนซือชาวโปรตุเกสของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นที่สองแข้งชื่อดังของทีมอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ คาเซมิโร เลือกเดินทางไปพักผ่อนที่สหรัฐอเมริกาในช่วงพักเบรกทีมชาติ ขณะที่เพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ยังคงปักหลักซ้อมอย่างต่อเนื่องที่แคร์ริงตัน
กรณีที่ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์
สำหรับแรชฟอร์ดและคาเซมิโร ซึ่งไม่ได้ถูกเรียกติดทีมชาติในช่วงฟีฟ่าเดย์ล่าสุด ตัดสินใจใช้เวลาพักเบรกบินไปพักผ่อนยังประเทศสหรัฐอเมริกา การตัดสินใจดังกล่าวสร้างกระแสไม่พอใจในหมู่แฟนบอลบางกลุ่ม เนื่องจากทั้งสองคนถูกมองว่าควรอยู่ฝึกซ้อมกับสโมสรเพื่อแก้ไขปัญหาฟอร์มการเล่นของทีมที่ยังไม่สม่ำเสมอในฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เกิดขึ้นจากการอนุญาตของสโมสรตั้งแต่ก่อนที่อโมริมจะเข้ามารับตำแหน่ง ทำให้กุนซือชาวโปรตุเกสเลือกชี้แจงเพื่อเคลียร์ข้อสงสัย
คำพูดของรูเบน อโมริม
อโมริมได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า
“ในฐานะสโมสร เราจำเป็นต้องมีมาตรฐานที่ชัดเจนและบริหารจัดการเรื่องเหล่านี้ให้เหมาะสม การอนุญาตให้นักเตะพักผ่อนในช่วงเบรกทีมชาติเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนล่วงหน้า และผมเชื่อว่ามันควรมีข้อกำหนดที่ชัดเจน เช่น นักเตะควรจะได้รับอนุญาตให้พัก 3 วัน หรือ 5 วัน และอาจต้องมีข้อห้ามว่าพักได้แค่ในพื้นที่ใดเท่านั้น”
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า
“ในกรณีนี้ ผมยอมรับว่าผมจะตั้งกฎเกณฑ์ที่แตกต่างจากที่เป็นอยู่แน่นอน หากผมได้จัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของนักเตะ พวกเขาเพียงทำตามที่สโมสรอนุญาตไว้ล่วงหน้า ซึ่งทำให้พวกเขามีสิทธิ์ที่จะไปพักผ่อนในแบบที่พวกเขาต้องการ”
สัญญาณการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
อโมริมยังชี้ว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติของสโมสรในอนาคต เพื่อสร้างความเป็นมืออาชีพและลดปัญหาการตัดสินใจที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์
“พวกเขาโตพอที่จะตัดสินใจเอง แต่ในฐานะสโมสร เราจำเป็นต้องสร้างมาตรฐานใหม่ที่ชัดเจนและเข้มงวดกว่านี้ เพื่อให้ทุกคนอยู่ในกรอบที่เหมาะสม”
เสียงสะท้อนจากแฟนบอล
การออกมาชี้แจงของรูเบน อโมริมถือเป็นความพยายามในการลดความขัดแย้งระหว่างนักเตะและแฟนบอล แต่กรณีนี้ยังคงเป็นจุดถกเถียงในหมู่แฟน ๆ ว่า นักเตะระดับซีเนียร์อย่างแรชฟอร์ดและคาเซมิโร ควรแสดงความรับผิดชอบต่อสโมสรในช่วงที่ทีมกำลังเผชิญความยากลำบาก หรือควรได้รับสิทธิ์ในการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ
ในอนาคต คำพูดของอโมริมอาจนำไปสู่การตั้งมาตรฐานใหม่ที่เข้มงวดขึ้น และช่วยสร้างความเป็นเอกภาพภายในทีม ขณะเดียวกันก็ต้องติดตามว่าแนวทางการบริหารจัดการนี้จะส่งผลต่อฟอร์มของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในระยะยาวอย่างไร