ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์กำลังเผชิญช่วงเวลายากลำบากสุดในรอบหลายปี หลังจากถูกคู่ปรับตลอดกาลอย่างอาร์เซน่อลบุกถล่มถึงถิ่น 4-1 จนสร้างคำถามสำคัญว่า “เกิดอะไรขึ้นกับไก่เดือยทองกันแน่?” เพราะใน 5 เกมพรีเมียร์ลีกล่าสุด พวกเขาเก็บมาได้เพียง 4 คะแนนเท่านั้น — สถานการณ์ที่ทำให้โธมัส แฟรงค์ต้องเร่งแก้ไขแบบเร่งด่วน
1) แผน 5-4-1 ที่ไม่เวิร์กกับสเปอร์ส
ประเด็นที่ถูกวิจารณ์หนักที่สุดคือการเริ่มเกมด้วยกองหลัง 5 คน แต่กลับเสียถึง 4 ประตู แผนของแฟรงค์ถูกออกแบบเพื่อกดดันอาร์เซน่อลและเน้นความรัดกุม ซึ่งเป็นระบบที่เคยใช้ได้ผลสมัยคุมเบรนท์ฟอร์ด และเคยล้มทั้งลิเวอร์พูล แมนฯ ซิตี้ และเชลซีมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม การนำเงื่อนไขแบบ “รถบัสเต็มรูปแบบ” มาใช้กับสเปอร์สถือว่าเสี่ยงมาก เพราะแฟนไก่คาดหวังฟุตบอลเชิงรุกที่ดุดันมากกว่าเกมตั้งรับลึก
จริงอยู่ว่าแผนนี้เคยทำงานได้ดีในเกมคว้าถ้วยยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และแมตช์ชนะแมนฯ ซิตี้ 2-0 แต่หัวใจสำคัญคือต้องยิงขึ้นนำก่อน เมื่ออาร์เซน่อลเป็นฝ่ายยิงนำ แผนทั้งหมดก็พังทันที สเปอร์สต้องปรับจากรับเป็นรุกแบบไร้การเตรียมตัว
หลังเกม แฟรงค์ยอมรับว่า
“เรามาที่นี่เพื่อเล่นเกมรุก… แต่เราเข้าถึงพื้นที่ของพวกเขาไม่ได้เลย สุดท้ายก็ต้องถอยลงไปต่ำเกินไป”
แม้ถูกถามย้ำหลายครั้งว่าแผน 5-4-1 คือปัญหาหรือไม่ เขายืนยันว่า “ระบบนี้เล่นเกมรุกได้” เพียงแต่ทีมยังทำไม่ได้
2) เกมรุกทื่อแบบน่าใจหาย — xG ต่ำสุดในพรีเมียร์ลีก
นี่คือเกมลีกนัดที่สามติดต่อกันที่สเปอร์สดูขาดไอเดียโดยสิ้นเชิง
- เกมแพ้เชลซี 0-1 → xG แค่ 0.05
- เกมพ่ายอาร์เซน่อล → xG 0.07
ทั้งสองตัวเลข ต่ำที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
การวาง เจา ปาลินญ่า และ โรดริโก้ เบนตันกูร์ ยืนหน้ากองหลัง 3 คนทำให้แดนกลางแน่นแต่ไร้ความสร้างสรรค์ เพราะไม่มีตัวลำเลียงบอลขึ้นหน้า ส่งผลให้สเปอร์สไม่มีโอกาสยิงในครึ่งแรกแม้แต่ครั้งเดียว
เกมรุกที่ควรจะเป็น “จุดขาย” ของสโมสร กลับกลายเป็นภาระหนักที่ทำให้ทีมดูไร้ทิศทาง
3) ตัวเจ็บเพียบ—สามกำลังหลักหาย ส่งผลต่อทีมชัดเจน
การไร้ เจมส์ แมดดิสัน, เดยัน คูลูเซฟสกี้ และโดมินิค โซลันกี้ ส่งผลต่อรูปเกมอย่างชัดเจน
- โซลันกี้ คือกองหน้าที่เชื่อมเกมและหาพื้นที่ได้ดี
- แมดดิสัน – คูลูเซฟสกี้ เป็นผู้เล่นสร้างสรรค์เกมที่ทีมขาดไม่ได้
โดยเฉพาะแมดดิสันที่ส่อพักยาวทั้งฤดูกาลจากอาการ ACL ขาด ทำให้ คูดุส ต้องทำเกมรุกอยู่คนเดียว ขณะที่ วิลสัน โอโดแบร์ต ยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวอีกมาก
4) เสริมทัพพลาด–ขุมกำลังไม่ลึกพอ
เป้าหมายหลักอย่าง เอเบเรชี่ เอเซ่ และ มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ ถูกพลาดไปทั้งหมด ก่อนจะลงเอยด้วยการดึงชาบี ซิมอนส์เข้ามาแทน การไม่เดินหน้าปิดดีลอย่างจริงจังภายใต้ยุคของแดเนียล เลวี่ ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุ
ส่วนมาธิส แตล ถูกซื้อขาดที่ 35 ล้านปอนด์ ทั้งที่ผลงานสมัยยืมตัวไม่เข้าเกณฑ์ แถมยังถูกตัดชื่อจากทีมลุย UCL ขณะที่ โคตะ ทากาอิ เจ็บยาวจนยังไม่ได้ลงเล่นแม้แต่นาทีเดียว
เมื่อไม่มีตัวสำรองที่คุณภาพใกล้เคียงตัวจริง ทีมก็ล้มทันทีเมื่อตัวหลักบาดเจ็บ
ภาพรวม: วิกฤตสะสมจากทุกด้าน
ความพ่ายแพ้ต่ออาร์เซน่อลเป็นเพียง “ภาพสะท้อนสุดท้าย” ของปัญหาที่ก่อตัวมาตลอด
- แท็กติกตั้งรับที่ไม่เข้ากับทีม
- เกมรุกไร้จินตนาการ
- ผู้เล่นตัวหลักเจ็บพร้อมกันหลายราย
- การเสริมทัพที่ไม่ตอบโจทย์
โธมัส แฟรงค์กำลังเผชิญแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นทุกวัน และสเปอร์สต้องตอบคำถามสำคัญว่า จะฟื้นตัวทันก่อนฤดูกาลพังยับหรือไม่






















