Home Blog Page 4

แมนยูฯ ไฟเขียวขาย “ฮอยลุนด์” 30 ล้านปอนด์

0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมเปิดทางให้ ราสมุส ฮอยลุนด์ กองหน้าทีมชาติเดนมาร์ก อำลาทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ หากได้รับข้อเสนอราว 30 ล้านปอนด์ ตามรายงานจาก ไซม่อน สโตน นักข่าวสายยูไนเต็ดจาก BBC

แม้ ฮอยลุนด์ จะเพิ่งโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจในเกมอุ่นเครื่องล่าสุดที่ “ปีศาจแดง” ถล่มบอร์นมัธ 4-1 ที่ชิคาโก โดยเจ้าตัวทำได้ 2 ประตู พร้อมให้สัมภาษณ์ยืนยันความต้องการอยู่กับทีมต่อไป แต่สถานการณ์อาจเปลี่ยนหาก ยูไนเต็ด ปิดดีลคว้ากองหน้าคนใหม่เข้ามา

เป้าหมายอันดับหนึ่งของแมนฯ ยูไนเต็ดตอนนี้คือ เบนจามิน เชสโก้ หัวหอกอนาคตไกลของแอร์เบ ไลป์ซิก โดยมีรายงานว่าสโมสรต้องแข่งขันกับนิวคาสเซิ่ลในการล่าลายเซ็น อย่างไรก็ตาม “สาลิกาดง” เพิ่งโดนปฏิเสธข้อเสนอ 75 ล้านยูโร บวกโบนัส 5 ล้านยูโรจากต้นสังกัดของเชสโก้

แหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า เชสโก้ มีความสนใจย้ายมาเล่นที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด และอยู่ระหว่างการตัดสินใจขั้นสุดท้าย หากการเจรจาบรรลุผลจริง ฮอยลุนด์จะถูกลดบทบาทเป็นเพียงอะไหล่ในแนวรุก ซึ่งอาจเป็นแรงผลักดันให้เจ้าตัวย้ายออกเพื่อโอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอ

ทั้งนี้ หากปล่อยฮอยลุนด์ที่ราคา 30 ล้านปอนด์ ยูไนเต็ดจะขาดทุนในเชิงบัญชีทันที เนื่องจากมูลค่าตามบัญชีของนักเตะยังอยู่ที่ราว 43 ล้านปอนด์ จากการที่เหลือสัญญาอีก 3 ปี (จากสัญญา 5 ปีที่เซ็นไว้เมื่อปี 2023)

ขณะเดียวกัน แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ใช้จ่ายไปแล้วเกือบ 130 ล้านปอนด์ในตลาดซัมเมอร์นี้ ด้วยการคว้าตัว ไบรอัน เอ็มเบอโม่ และ มาเธอุส คุนญ่า เข้ามาเสริมเกมรุก นั่นทำให้สโมสรจำเป็นต้องปล่อยผู้เล่นบางรายออกไปเพื่อลดภาระการเงิน

ยามาลเบอร์ 10 ประเดิมสวย! ซัดเบิ้ลพาบาร์ซ่าถล่มโซล 7-3

0

ลามีน ยามาล ดาวรุ่งตัวความหวังของบาร์เซโลน่า เปิดใจสุดปลื้มหลังทำสองประตูในเกมอุ่นเครื่องนัดพิเศษที่ “เจ้าบุญทุ่ม” บุกถล่ม เอฟซี โซล 7-3 ที่ประเทศเกาหลีใต้ พร้อมเปิดตัวหมายเลขเสื้อใหม่อย่างเป็นทางการในฤดูกาลนี้กับเลข 10 อันทรงเกียรติ

เกมกระชับมิตรดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยบาร์เซโลน่าแสดงให้เห็นถึงศักยภาพแนวรุกที่ดุดัน ยิงประตูรวม 7 ลูก ขณะที่ ยามาล วัย 18 ปี มีชื่อเป็นผู้ทำสองประตูในครึ่งแรก ซึ่งถือเป็นการประเดิมเสื้อหมายเลข 10 อย่างสมบูรณ์แบบ

จากรายงานของ มุนโด้ เดปอร์ติโบ สื่อดังแดนสเปน เปิดเผยว่า ยามาลรู้สึกภูมิใจอย่างมากที่ได้ลงเล่นและทำประตูในเสื้อหมายเลข 10 ซึ่งเคยเป็นของนักเตะระดับตำนานของสโมสรอย่าง ลิโอเนล เมสซี่

“การยิงประตูในเสื้อตัวนี้ มันเหมือนฝันที่กลายเป็นจริงสำหรับผม” ยามาลกล่าวหลังจบเกม
“ผมมีความสุขมากที่ทำประตูช่วยทีมได้ และดีใจที่เราเก็บชัยชนะได้ในวันนี้”
“ขอบคุณแฟนบอลที่เกาหลีใต้ทุกคนสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น และเราหวังว่าฤดูกาลนี้จะเต็มไปด้วยความสำเร็จและแชมป์มากมาย”

สำหรับ ลามีน ยามาล นับเป็นดาวรุ่งที่ถูกจับตามองมากที่สุดในยุโรปเวลานี้ และการได้รับมอบหมายให้สวมเสื้อเบอร์ 10 ต่อจากตำนานหลายรายของบาร์ซ่า ยิ่งตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญของเขาในแผนงานระยะยาวของสโมสร

เวียตซ์เบอร์ 7 – ลิเวอร์พูลเปิดตัวเบอร์เสื้อชุดใหม่ซีซั่น

0

ลิเวอร์พูล ประกาศหมายเลขเสื้อนักเตะสำหรับฤดูกาล 2025/26 อย่างเป็นทางการ โดยหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการที่ ฟลอเรียน เวียตซ์ แนวรุกทีมชาติเยอรมัน รับเบอร์ 7 ต่อจาก หลุยส์ ดิอาซ ที่ย้ายไปบาเยิร์น มิวนิคเรียบร้อย

การเปิดเผยหมายเลขเสื้อในฤดูกาลใหม่นี้ครอบคลุมถึงแข้งหน้าใหม่ทั้ง 7 ราย รวมถึงนักเตะดาวรุ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงหมายเลขประจำตัวก่อนเปิดซีซั่น

เวียตซ์ วัย 22 ปี ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทัพ “หงส์แดง” ในซัมเมอร์นี้ เลือกเบอร์ 7 ซึ่งถือเป็นเบอร์สำคัญของสโมสร เคยเป็นของแข้งระดับตำนานหลายราย ไม่ว่าจะเป็น เควิน คีแกน, เคนนี่ ดัลกลิช จนถึง หลุยส์ ซัวเรซ

ในรายของ มิลอส เคอร์เคซ แบ็กซ้ายพลังหนุ่มจากบอร์นมัธ เลือกสวมเบอร์ 6 ขณะที่ เจเรมี ฟริมปง วิงแบ็กความเร็วสูงเลือกรับหมายเลข 30 เบอร์เดิมที่ใช้สมัยค้าแข้งกับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น

ฝั่งแนวรุก อูโก้ เอกิติเก้ หัวหอกชาวฝรั่งเศสจะใช้หมายเลข 22 และผู้รักษาประตูใหม่สองรายอย่าง จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี กับ เฟร็ดดี้ วู้ดแมน จะใช้หมายเลข 25 และ 28 ตามลำดับ ปิดท้ายด้วย อาร์มิน เป็คซี่ แข้งดาวรุ่งแดนกลางชาวโครเอเชีย ที่เลือกใส่เบอร์ 41

สำหรับนักเตะเยาวชนที่ได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่และมีการเปลี่ยนหมายเลข ได้แก่

  • แบรดลี่ย์ คอนเนอร์ เปลี่ยนจากหมายเลข 84 มาเป็นเบอร์ 12
  • เทรย์ เอ็นโยนี่ ขยับจากเบอร์ 98 มาใช้หมายเลข 42

ทั้งนี้ ลิเวอร์พูลจะประเดิมสนามพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ช่วงกลางเดือนสิงหาคม ซึ่งแฟนบอลทั่วโลกต่างเฝ้าจับตาว่าทีมชุดใหม่นี้ภายใต้กุนซือคนใหม่จะออกสตาร์ตได้แข็งแกร่งเพียงใด

สเปอร์สเฉือนอาร์เซน่อล 1-0 ในศึกนอร์ธลอนดอน ดาร์บี้แมตช์

0

ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เปิดฉากปรีซีซั่นอย่างแข็งแกร่ง หลังเอาชนะ อาร์เซน่อล ไปแบบหวุดหวิด 1-0 ในเกมอุ่นเครื่องศึก “นอร์ธลอนดอน ดาร์บี้” ที่สนามไคตัก สเตเดี้ยม ประเทศฮ่องกง เมื่อค่ำวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ความเคลื่อนไหวก่อนเกม

มิเกล อาร์เตต้า พา “เดอะ กันเนอร์ส” ลงเล่นปรีซีซั่นมาแล้ว 2 นัดในสิงคโปร์ เก็บชัยได้ทั้งหมด โดยชนะ เอซี มิลาน 1-0 และเฉือน นิวคาสเซิ่ล 3-2 ขณะที่กองหน้าตัวใหม่อย่าง วิคเตอร์ เยอเคเรส ยังออกสตาร์ตบนม้านั่งสำรองในเกมนี้

ทางฝั่ง สเปอร์ส ที่มี โธมัส แฟร้งค์ คุมทีมนัดแรกในฐานะกุนซือเต็มตัว หลังพาทีมคว้าแชมป์ยูโรป้าลีกซีซั่นก่อน พวกเขาอุ่นเครื่องมาแล้ว 3 นัด ชนะ เรดดิ้ง 2-0 ก่อนเสมอ วีคอมบ์ และ ลูตัน แบบไร้สกอร์ นัดนี้วาง โมฮาเหม็ด คูดุส, วิลสัน โอโดแบร์ และ ริชาร์ลิซอน เป็นแนวรุกตัวหลัก โดยไม่มีชื่อของ โดมินิค โซลันกี้

รูปเกมในสนาม

เริ่มเกมมาเพียง 10 นาที สเปอร์สเกือบได้เฮเมื่อ เปโดร ปอร์โร่ เปิดเตะมุมโค้งเข้าเขตโทษ บอลหลุดผ่านมือผู้รักษาประตูไปชนเสาสองอย่างน่าเสียดาย

แม้ทั้งสองทีมต่างมีจังหวะจบสกอร์ในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก โดยเฉพาะนาที 28 ที่ โอโดแบร์ ซัดเต็มข้อไปชนโคนเสา แต่ยังไม่มีฝ่ายใดเบิกสกอร์ได้

กระทั่งนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก กลับเป็น “ไก่เดือยทอง” ที่ฉวยโอกาสขึ้นนำ 1-0 จากความผิดพลาดของ ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ ที่รับบอลจาก ดาบิด ราย่า แล้วเสียบอลกลางสนาม ป๊าป ซาร์ ตัดได้ก่อนตัดสินใจยิงไกลทันทีจากเกือบครึ่งสนาม บอลย้อยข้ามหัว ราย่า เสียบใต้คานอย่างเหนือชั้น

ครึ่งหลัง

อาร์เซน่อลพยายามเร่งเกมเพื่อทวงประตูคืน นาที 58 ไค ฮาแวร์ตซ์ แทงทะลุช่องให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี หลุดเดี่ยวแต่ยิงข้ามคานแบบหมดลุ้น

แม้จะมีการปรับแท็กติกและเปลี่ยนตัวสำรองลงมาหลายราย รวมถึงการส่ง วิคเตอร์ เยอเคเรส ลงสนามเปิดตัวกับทีมใหม่ในนาที 77 ทว่า “ปืนใหญ่” ก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของสเปอร์สได้

ช่วงท้ายเกมไม่มีประตูเพิ่มเติม จบ 90 นาที สเปอร์สเฉือนชนะ 1-0 คว้าชัยในนัดอุ่นเครื่องสุดเดือดแห่งลอนดอนเหนือ

โปรแกรมถัดไป

  • ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ จะพบ บาเยิร์น มิวนิค วันที่ 7 สิงหาคม
  • อาร์เซน่อล จะลงสนามพบ บียาร์เรอัล ในวันเดียวกัน

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล (4-3-3):
ดาบิด ราย่า – เบน ไวท์, วิลเลียม ซาลีบา, ยาคุบ คีวิออร์, ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ – คริสเตียน นอร์การ์ด, มาร์ติน โอเดการ์ด, เดแคลน ไรซ์ – บูคาโย่ ซาก้า, ไค ฮาแวร์ตซ์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่

สเปอร์ส (4-2-3-1):
กูเยลโม่ วิคาริโอ – เปโดร ปอร์โร่, คริสเตียน โรเมโร่, มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น, เจด สเปนซ์ – โรดริโก้ เบนตานกูร์, ป๊าป ซาร์ – โมฮาเหม็ด คูดุส, ลูคัส เบิร์กวัลล์, วิลสัน โอโดแบร์ – ริชาร์ลิซอน

แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดดีลวิลล่า การ์นาโช่ แลกตัว วัตกิ้นส์

0

มีรายงานจาก The Independent สื่อใหญ่ในอังกฤษ เผยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับ แอสตัน วิลล่า ถึงความเป็นไปได้ในการแลกตัวระหว่าง อเลฮานโดร การ์นาโช่ กับ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ศูนย์หน้าตัวหลักของทีม “สิงห์ผงาด”

แหล่งข่าวระบุว่า “ปีศาจแดง” ต้องการคว้าตัววัตกิ้นส์มาเสริมเกมรุกในฤดูกาลใหม่ โดยยกให้หัวหอกทีมชาติอังกฤษรายนี้เป็นเป้าหมายหลักในตลาดซัมเมอร์นี้ แม้ว่าค่าตัวที่วิลล่าตั้งไว้จะสูงถึง 60 ล้านปอนด์ก็ตาม

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องการเงิน และไม่ให้กระทบต่อข้อบังคับทางการเงินของพรีเมียร์ลีก (PSR/FFP) แมนฯ ยูไนเต็ดจึงกำลังพิจารณาทางเลือกใหม่ ด้วยการแนบชื่อการ์นาโช่ ปีกดาวรุ่งที่กำลังได้รับความสนใจจากหลายทีม เป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนกับวัตกิ้นส์

แม้ยูไนเต็ดจะพร้อมทุ่มในระดับ 40-45 ล้านปอนด์ แต่การนำแข้งอาร์เจนไตน์วัย 20 ปีเข้าไปในดีลครั้งนี้ อาจช่วยลดภาระการจ่ายเงินสดลงได้ ขณะเดียวกันก็อาจเป็นข้อเสนอที่ แอสตัน วิลล่า พิจารณาได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการ์นาโช่ยังมีอายุการใช้งานยาวและศักยภาพพัฒนาได้อีกมาก

ทั้งนี้ ยังไม่มีการยืนยันว่าดีลดังกล่าวจะเดินหน้าในเร็ววันหรือไม่ แต่ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองในตลาดซื้อขายช่วงท้ายเดือนกรกฎาคมนี้

เวียตซ์ซัดเปิด! ลิเวอร์พูลพลิกแซงมารินอส 3-1 เกมอุ่นเครื่อง

0

ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะได้สำเร็จในแมตช์อุ่นเครื่องนัดที่สองของทัวร์เอเชีย หลังพลิกสถานการณ์ในครึ่งหลังเอาชนะ โยโกฮาม่า เอฟ. มารินอส 3-1 โดย ฟลอเรียน เวียตซ์ แข้งใหม่จากเยอรมนี ทำประตูแรกในสีเสื้อ “หงส์แดง”

เกมนี้จัดขึ้นที่ นิสสัน สเตเดี้ยม ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 หลังจากเกมแรก ลิเวอร์พูล พลาดท่าแพ้ให้กับ เอซี มิลาน มาก่อน อาร์เน่อ สล็อต ตัดสินใจส่งขุมกำลังหลักลงสนามหลายคน เช่น อิบราฮิมา โคนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และ โคดี้ กัคโป รวมถึงให้ อูโก้ เอกิติเก้ ดาวยิงหน้าใหม่ ได้ลงประเดิมสนามทันที

ฝั่ง มารินอส ภายใต้การคุมทีมของ ฮิเดโอะ โอชิมะ วางแนวรุกนำโดย ยาน มาเธอุส, จุน อามาโนะ และ เอลแบร์ โดยมี ไคนะ ทานิมูระ ยืนเป็นหน้าเป้า

ช่วงครึ่งแรก ลิเวอร์พูลครองเกมได้มากกว่าอย่างชัดเจน แต่ยังไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสเป็นสกอร์ได้ นาที 22 โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ จ่ายบอลทะลุให้ กัคโป หลุดเดี่ยว แต่จังหวะยิงเฉี่ยวเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่เจ้าตัวจะได้โอกาสยิงอีกครั้งในนาทีที่ 34 แต่บอลก็ยังลอยข้ามคาน จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0

เข้าสู่ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัวทันที ส่ง เคอร์ติส โจนส์ และ ดาร์วิน นูนเญซ แทนที่ กราเฟนแบร์ก กับ เอกิติเก้

อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 55 กลายเป็นทีมจากเจลีกที่ขึ้นนำก่อน เมื่อ อาซาฮิ อุเอนากะ ตัวสำรอง พาบอลเข้าเขตโทษก่อนซัดผ่านมือ มามาร์ดาชวิลี่ เข้าไปอย่างเด็ดขาด

แต่เพียง 7 นาทีถัดมา ลิเวอร์พูลก็ไล่ตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะโต้กลับเร็ว และเป็น ฟลอเรียน เวียตซ์ ที่แปเน้นๆ เข้าไปเป็นประตูเปิดซิงกับต้นสังกัดใหม่

นาที 68 หงส์แดงแซงนำ 2-1 เมื่อ เจเรมี ปริมปง เติมเกมขึ้นทางขวาก่อนเปิดเข้ากลางให้ เทรย์ เอ็นโยนี่ วิ่งมาจิ้มบอลตุงตาข่าย

ก่อนหมดเวลา 3 นาที ลิเวอร์พูลมาได้ประตูปิดกล่องจากดาวรุ่งวัยเพียง 16 ปี ริโอ เอ็นกูโมฮา ที่โชว์เดี่ยวลากบอลจากแดนตัวเองก่อนตะบันเต็มข้อเข้าประตูอย่างงามหยด ทำให้จบเกม ลิเวอร์พูลเอาชนะ โยโกฮาม่า เอฟ. มารินอส 3-1 ปิดฉากทัวร์เอเชียด้วยผลงานชนะหนึ่ง แพ้หนึ่ง

สำหรับโปรแกรมถัดไป ลิเวอร์พูลจะกลับอังกฤษเพื่อเตรียมอุ่นเครื่องกับ แอธเลติก บิลเบา ในวันที่ 4 สิงหาคม ก่อนลงทำศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์ กับ คริสตัล พาเลซ ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม:

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1):
จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ – คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์, อิบราฮิมา โคนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, มิลอส เคอร์เคซ – ไรอัน กราเฟนแบร์ก, โดมินิค โซบอสซ์ไล – ฟลอเรียน เวียตซ์, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โคดี้ กัคโป – อูโก้ เอกิติเก้

โยโกฮาม่า เอฟ. มารินอส (4-2-3-1):
พาร์ค อิล-กิว – เคน มัตสึบาระ, เจสัน กินโญเนส, โธมัส เด็ง, โทอิจิ ซูซุกิ – ทาคูยะ คิดะ, ก็อดโฌ่ อาเซียงเบ้ – ยาน มาเธอุส, จุน อามาโนะ, เอลแบร์ – ไคนะ ทานิมูระ

เชซุสจ่อโบกมือลาอาร์เซน่อล หลายทีมใหญ่จ้องคว้าตัว

0

อนาคตของ กาเบรียล เชซุส กับ อาร์เซน่อล เริ่มไม่แน่นอนมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ทีมดังจากลอนดอนจัดการคว้าตัว วิคเตอร์ เยอเคเรส เข้ามาเพิ่มมิติเกมรุกในฤดูกาลหน้า ส่งผลให้บทบาทของแนวรุกทีมชาติบราซิลอาจลดน้อยลง

รายงานจาก CaughtOffside เผยว่า ขณะนี้มีหลายสโมสรชั้นนำทั้งในยุโรปและอเมริกาใต้แสดงความสนใจในตัว เชซุส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บาร์เซโลน่า และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่กำลังมองหาทางเสริมแกร่งแนวรุก นอกจากนี้ยังมี อินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน สองทีมใหญ่จากอิตาลี ที่พร้อมเปิดโต๊ะเจรจาหากมีโอกาส

ในขณะที่ฝั่งบราซิลเองก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน เมื่อ ฟลาเมงโก้ และ พัลเมรัส สองยักษ์ใหญ่จากลีกบ้านเกิดต้องการดึงตัวอดีตดาวยิงแมนฯ ซิตี้ กลับไปค้าแข้งในประเทศ แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่า เชซุส ยังมีความต้องการเล่นในยุโรปต่อไป โดยเฉพาะในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

อนาคตของเขากับ “เดอะ กันเนอร์ส” ยังคงคลุมเครือ เนื่องจากสโมสรยังไม่กำหนดตัวเลขชัดเจนสำหรับการปล่อยตัว แม้เคยลงทุนคว้าตัวเขามาด้วยค่าตัว 45 ล้านปอนด์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2022 อย่างไรก็ตาม ฟอร์มของเขาได้รับผลกระทบจากอาการบาดเจ็บต่อเนื่องในซีซั่นที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มูลค่าตลาดของนักเตะวัย 28 ปีลดลง

มีการคาดการณ์ว่า อาร์เซน่อล อาจพิจารณาทั้งการปล่อยยืมตัวหรือขายขาด ขึ้นอยู่กับข้อเสนอที่เข้ามา โดยเฉพาะจาก นิวคาสเซิ่ล ที่อาจเดินหน้าทาบทามทันที หากต้องเสีย อเล็กซานเดอร์ อิซัค ให้กับลิเวอร์พูลในช่วงตลาดซัมเมอร์นี้

ในขณะเดียวกัน บาร์เซโลน่า ก็ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปลายทางที่น่าสนใจสำหรับ เชซุส หากเจ้าตัวตัดสินใจย้ายออกจากถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

ยูไนเต็ดอุ่นเครื่องเฉียบ บรูโน่เหมายิงดับเวสต์แฮม 2-1

0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประเดิมชัยชนะในเกมปรีซีซั่นได้สำเร็จ หลังเอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์ 2-1 โดยได้สองประตูจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส กองกลางกัปตันทีม ในการแข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่อง รายการพรีเมียร์ลีก ซัมเมอร์ ซีรีส์ 2025 ที่สนามเม็ตไลฟ์ สเตเดี้ยม ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2568 ตามเวลาประเทศไทย

เกมนี้ รูเบน อโมริม กุนซือปีศาจแดงจัดทัพผสมผสานระหว่างตัวหลักและแข้งใหม่ ส่ง ราสมุส ฮอยลุนด์ ยืนหน้าเป้า โดยมี มาเธอุส คุนญ่า และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส สนับสนุนเกมรุก ขณะที่ ค็อบบี้ เมนู และ มานูเอล อูการ์เต้ คุมแดนกลาง ส่วนทางฝั่งเวสต์แฮม ภายใต้การคุมทีมของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนาม นำโดย โทมัส ซูเช็ค, จาร์ร็อด โบเวน และ นิคลาส ฟูลล์ครุก

เปิดเกมมาเพียง 5 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษจากจังหวะที่ เอย์เดน เฮฟเวน โดน อัลฟงส์ อาเรโอล่า ผู้รักษาประตูเวสต์แฮมทำฟาวล์ ก่อนที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะรับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ทำให้ปีศาจแดงออกนำ 1-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว

กลับมาลงเล่นในครึ่งหลัง นาทีที่ 52 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขยับสกอร์หนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ได้บอลบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะยิงด้วยขวาเสียบเสาไกลอย่างเฉียบขาด เป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้

เวสต์แฮมพยายามเปิดเกมรุกตอบโต้ และมาตีไข่แตกได้ในนาทีที่ 63 จากจังหวะที่ จาร์ร็อด โบเวน ลากบอลจากทางขวาแล้วตัดเข้าใน ก่อนจะยิงด้วยขวาเข้าประตูไปอย่างเด็ดขาด ไล่ตามมาเป็น 2-1

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มได้ จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเฉือนชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไป 2-1

สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะพบกับ บอร์นมัธ ส่วนเวสต์แฮม ยูไนเต็ด มีคิวลงสนามพบกับ เอฟเวอร์ตัน ทั้งสองแมตช์จะแข่งขันในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568


รายชื่อผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (3-4-2-1):
อัลทาย บายินดีร์ – เลนี่ โยโร, มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์, เอย์เดน เฮฟเวน – อาหมัด ดิยัลโล, มานูเอล อูการ์เต้, ค็อบบี้ เมนู, แพทริค ดอร์กู – บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาเธอุส คุนญ่า – ราสมุส ฮอยลุนด์

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (4-4-1-1):
อัลฟงส์ อาเรโอล่า – แอรอน วาน-บิสซาก้า, ฌ็อง-แคลร์ โตดิโบ้, แม็กซ์ คิลแมน, นายเยฟ อเกิร์ด – เอล อัดจิ มาลิค ดิยุฟ, กุยโด้ โรดริเกซ, เจมส์ วอร์ด-พราวส์, โทมัส ซูเช็ค – จาร์ร็อด โบเวน – นิคลาส ฟูลล์ครุก

ถึงเวลาอำลา? ลุค ชอว์ จ่อโยกค้าแข้งซาอุฯ หลังหลุดแผนแมนยู

0

อนาคตของ ลุค ชอว์ แบ็คซ้ายจอมเก๋าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มไม่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังมีรายงานว่าดาวเตะวัย 30 ปี อาจตัดสินใจอำลาทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยมีสโมสรจาก ซาอุดี โปร ลีก แสดงความสนใจคว้าตัวไปร่วมทัพ

ตามรายงานจาก The Sun สื่อจากอังกฤษ ระบุว่า ชอว์กำลังพิจารณาทางเลือกใหม่ในอาชีพค้าแข้ง หลังต้องประสบปัญหาบาดเจ็บต่อเนื่อง และเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับทั้ง ดีโอโก้ ดาโลต์, พาทริค ดอร์กู และล่าสุดกับการมาของดาวรุ่งชาวสเปนอย่าง ดิเอโก้ เลออน ที่เพิ่งย้ายเข้ามา

แม้ยังเหลือสัญญากับ “ปีศาจแดง” อีก 2 ปี แต่ด้วยโอกาสลงสนามที่จำกัด บวกกับค่าเหนื่อยระดับสูงถึง 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ทำให้บอร์ดบริหารของยูไนเต็ดเริ่มเปิดกว้างกับการขายออก หากได้รับข้อเสนอที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่ามีเพียงทีมจากซาอุฯ เท่านั้นที่พร้อมแบกรับภาระค่าเหนื่อยระดับนี้

ชอว์เคยได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากอุบัติเหตุขาหักในปี 2015 ซึ่งทำให้เขาต้องพักยาวเกือบหนึ่งปี และนับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาพลาดการลงสนามไปหลายครั้งรวมแล้วกว่า 28 ครั้ง จากอาการบาดเจ็บหลากหลายรูปแบบ

ในฤดูกาลล่าสุด เจ้าตัวได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไปเพียงแค่ 7 นัด เท่านั้น ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าผิดหวังสำหรับผู้เล่นที่มีดีกรีทีมชาติอังกฤษ และเจ้าตัวเองก็ยังมีเป้าหมายชัดเจนที่จะกลับไปติดธง “สิงโตคำราม” ให้ทันก่อนศึก ฟุตบอลโลก 2026 ที่จะจัดขึ้นในปีหน้า


📌 สรุปสถานการณ์ ลุค ชอว์

  • เหลือสัญญากับแมนฯ ยูไนเต็ดอีก 2 ปี
  • โอกาสลงสนามลดลงจากอาการบาดเจ็บและการแข่งขันในทีม
  • มีรายงานว่าทีมจาก ซาอุดี โปร ลีก สนใจดึงตัว
  • ค่าจ้างสูงทำให้มีไม่กี่ทีมที่สามารถรับภาระไหว
  • นักเตะยังหวังกลับไปติดทีมชาติอังกฤษก่อนฟุตบอลโลก 2026

ลาปอร์ต้าเปิดใจ! เผยเหตุผลบาร์ซ่าหันหา “แรชฟอร์ด”

0

โจน ลาปอร์ต้า ประธานสโมสรบาร์เซโลน่า ออกมายืนยันผ่านสื่อสเปนว่า สโมสรล้มเหลวในการคว้าตัว นิโก้ วิลเลี่ยมส์ และ หลุยส์ ดิอาซ จริง แต่ย้ำชัดว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด คือเป้าหมายที่เขาหมายตาไว้แต่แรก ไม่ใช่แผนสำรองอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ

ก่อนหน้านี้มีรายงานจากหลายแหล่งข่าวระบุว่า บาร์ซ่าหันไปเจรจากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อดึงตัวแรชฟอร์ดในรูปแบบยืมตัวพร้อมออปชั่นซื้อขาด หลังพลาดแข้งตัวรุก 2 รายดังกล่าว ซึ่งล่าสุดลาปอร์ต้าได้ให้สัมภาษณ์กับ Mundo Deportivo โดยเผยเบื้องหลังทั้งหมดของการเปลี่ยนทิศทางในตลาดซื้อขาย

“จริง ๆ แล้ว เรามีตัวเลือกหลายรายในการเสริมแนวรุก และสุดท้ายผมก็รู้สึกพอใจมาก เพราะเราได้ผู้เล่นที่ผมชื่นชอบที่สุดอยู่แล้ว” ลาปอร์ต้ากล่าว

“แน่นอนว่า หลุยส์ ดิอาซ ก็เป็นนักเตะที่มีคุณภาพและเราสนใจเช่นกัน แต่ลิเวอร์พูลไม่พร้อมปล่อยตัว ทำให้การเจรจาค่อนข้างยาก แม้นักเตะจะแสดงความตั้งใจอยากย้ายมา”

นอกจากนี้ ลาปอร์ต้ายังเผยว่า การเจรจากับฝั่งของนิโก้ วิลเลี่ยมส์ มีปัญหาเรื่องรายละเอียดสัญญา และเงื่อนไขทางการเงินที่ไม่ตรงกัน โดยเฉพาะในเรื่องของ ค่าคอมมิชชันและตัวแปรในการจ่ายเงิน จึงทำให้ดีลดังกล่าวต้องหยุดชะงัก

“เดโก้ ผู้อำนวยการกีฬาของเรา พยายามเจรจาเต็มที่ และตั้งเดดไลน์ไว้ชัดเจนภายใน 48 ชั่วโมง หากเงื่อนไขไม่ตรงกัน เราก็จะเดินหน้ากับแผนอื่นทันที ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ”

เขายังเผยเพิ่มเติมว่า ช่วงเวลาเดียวกัน ตัวแทนของแรชฟอร์ดก็เริ่มมีการพูดคุยกับบาร์ซ่า และเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ของนิโก้และดิอาซไม่คืบหน้า ทีมงานของสโมสรก็เริ่มโฟกัสไปที่สตาร์ทีมชาติอังกฤษรายนี้มากขึ้น

“แรชฟอร์ดเป็นนักเตะที่ผมเฝ้าติดตามมานาน เขาเล่นได้ทั้งริมเส้นและหน้าเป้า และมีศักยภาพที่เข้ากับบาร์เซโลน่าอย่างชัดเจน”

สำหรับดีลของแรชฟอร์ดในตอนนี้ ยังอยู่ระหว่างการหารือกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยแผนหลักของบาร์ซ่าคือการขอยืมตัวก่อนในฤดูกาลแรก พร้อมเงื่อนไขซื้อขาดในฤดูกาลถัดไป ซึ่งยังต้องรอดูท่าทีของต้นสังกัดนักเตะในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาด


📝 สรุป:

  • บาร์ซ่าพลาดคว้าตัวทั้งนิโก้ วิลเลี่ยมส์ และหลุยส์ ดิอาซ
  • มาร์คัส แรชฟอร์ด ถูกดันเป็นเป้าหมายหลัก โดยลาปอร์ต้ายืนยันว่าเล็งไว้ตั้งแต่แรก
  • ดีลแรชฟอร์ดอยู่ระหว่างการเจรจายืมตัวพ่วงซื้อขาดกับแมนฯ ยูไนเต็ด
  • ปัญหาหลักของดีลก่อนหน้าคือค่าตัวและเงื่อนไขการชำระเงินที่ไม่ลงตัว

ห้ามพลาด!