Home Blog Page 4

“เซิร์กซี่” เนื้อหอม! หลายทีมยุโรปรุมจีบ–แมนยูยังไม่ติดสินใจ

0

โจชัว เซิร์กซี่ กองหน้าชาวดัตช์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังตกเป็นเป้าหมายของหลายสโมสรในยุโรป หลังไม่สามารถการันตีตำแหน่งตัวจริงในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ขณะเดียวกัน “ปีศาจแดง” ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของนักเตะรายนี้


🔴 สื่ออิตาลีเผย เซิร์กซี่ ได้รับข้อเสนอเพียบ – โรม่า จ้องคว้าร่วมทัพ

มัตเตโอ โมเร็ตโต้ นักข่าวลูกหนังชื่อดังชาวอิตาเลียน รายงานผ่านช่อง YouTube ส่วนตัวว่า
เวลานี้ เซิร์กซี่ได้รับความสนใจจากหลายทีมในยุโรป โดยหนึ่งในนั้นคือ อาแอส โรม่า ที่แสดงความต้องการดึงตัวหัวหอกวัย 24 ปี ไปร่วมทีมในตลาดซื้อขายถัดไป

ดาวยิงชาวดัตช์มีแนวโน้มเปิดใจย้ายกลับไปค้าแข้งในอิตาลี หลังเคยโชว์ฟอร์มโดดเด่นกับ โบโลญญ่า มาก่อน ซึ่งอาจช่วยให้เขาปรับตัวได้ง่ายและเพิ่มโอกาสติดทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ ชุดลุยฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย


แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่ตัดสินใจ – ประเมินอนาคตอยู่ในขั้นต้น

ด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับอนาคตของ เซิร์กซี่ โดยรายงานระบุว่ากระบวนการประเมินภายในสโมสรยังอยู่ใน “ระยะเริ่มต้น”

แม้เจ้าตัวจะได้รับโอกาสลงสนามบ้าง แต่หลังจากการมาของแนวรุกใหม่อย่าง ไบรอัน เอ็มเบอโม่, มัตเตอุส คุนญ่า และ เบนจามิน เชชโก้ ทำให้โอกาสของเขาลดลงอย่างชัดเจน


🧩 ผลงานและอนาคตที่ยังเปิดกว้าง

เซิร์กซี่ ย้ายจากโบโลญญ่ามาร่วมทัพแมนฯ ยูไนเต็ดเมื่อปี 2024 และจนถึงตอนนี้ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 36 นัด ยิงได้ 3 ประตู

แม้ตัวเลขอาจไม่หวือหวา แต่ดาวเตะวัย 24 ปี ยังถูกมองว่ามีศักยภาพในการพัฒนา โดยขึ้นอยู่กับว่าปีศาจแดงจะมอบโอกาสต่อหรือปล่อยให้ย้ายเพื่อโอกาสลงเล่นสม่ำเสมอในช่วงตลาดหน้าหนาวนี้


🔍 สรุป

อนาคตของโจชัว เซิร์กซี่ ยังคงเปิดกว้างในเวลานี้ ท่ามกลางความสนใจจากหลายสโมสรในยุโรป โดยเฉพาะทีมในอิตาลีที่พร้อมอ้าแขนต้อนรับ หากแมนฯ ยูไนเต็ดตัดสินใจปล่อยตัว กองหน้าดัตช์รายนี้อาจได้กลับไปเริ่มต้นใหม่ในเวทีที่คุ้นเคยอีกครั้ง

อาร์เตต้าชม “ปืนใหญ่” ฟอร์มสุดจัด! เล่นดีที่สุดของซีซั่น

0

มิเกล อาร์เตต้า กุนซือของ อาร์เซน่อล แสดงความพอใจกับฟอร์มการเล่นของลูกทีม หลังบุกเอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก พร้อมยกย่องว่าครึ่งแรกของเกมนี้คือ “หนึ่งในผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฤดูกาล”


🔴 โยเคเรส–ไรซ์ ยิงคนละลูก พาปืนใหญ่ยึดจ่าฝูงต่อ

ศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนที่ผ่านมา “เดอะ กันเนอร์ส” โชว์ฟอร์มแกร่ง บุกคว้าชัยเหนือเบิร์นลี่ย์ 2-0 โดยได้สองประตูตั้งแต่ครึ่งแรกจาก วิคเตอร์ โยเคเรส และ เดแคลน ไรซ์

ชัยชนะในเกมนี้ทำให้อาร์เซน่อลเก็บเพิ่มเป็น 25 คะแนน จาก 10 นัด รั้งตำแหน่งจ่าฝูงต่อเนื่อง พร้อมสถิติสุดหรู — ชนะ 5 นัดรวดในลีก และชนะรวม 9 นัดติดทุกรายการ แถมยัง ไม่เสียประตู 7 นัดติดต่อกัน อีกด้วย


💬 อาร์เตต้าชมลูกทีม “ครึ่งแรกดีที่สุดของปี”

หลังจบเกม กุนซือชาวสเปนเผยความรู้สึกต่อฟอร์มของลูกทีมว่า

“ผมคิดว่าครึ่งแรกของเกมนี้คือหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเราในฤดูกาลนี้เลย เราเริ่มต้นเกมได้อย่างยอดเยี่ยม เล่นกันด้วยพลังและความมั่นใจ ที่นี่เป็นสนามที่ยาก แต่เราคุมเกมได้ดีตั้งแต่นาทีแรก”

“เราเคลื่อนบอลกันได้ลื่นไหลมาก มีโอกาสยิงประตูถึง 3-4 ครั้งเพิ่มเติมจากที่ทำได้สองลูก มันคือฟอร์มการเล่นที่สมบูรณ์แบบในครึ่งแรก”

อย่างไรก็ตาม อาร์เตต้าก็ยอมรับว่าครึ่งหลังลูกทีมฟอร์มแผ่วลงเล็กน้อย แต่ยังรักษาความแน่นอนในเกมรับได้ดี

“ครึ่งหลังเราเสียจังหวะไปบ้าง โดยเฉพาะตอนครองบอล แต่เกมรับยังแข็งแกร่งเหมือนเดิม เราโชคดีที่ลูกฟรีคิกชนเสา เพราะมันช่วยให้เรายังรักษาคลีนชีตได้อีกนัด”


ชม “โยเคเรส” เด่นสุดในสนาม – แต่อาจมีปัญหากล้ามเนื้อ

อาร์เตต้ากล่าวชื่นชมผลงานของ วิคเตอร์ โยเคเรส กองหน้าชาวสวีเดนที่ยิงประตูเปิดหัวในเกมนี้ โดยระบุว่าเป็นหนึ่งในฟอร์มที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เจ้าตัวย้ายมา

“ผมคิดว่านี่คือหนึ่งในเกมที่เขาเล่นได้ดีที่สุดเลย ทั้งการเคลื่อนที่ การเพรสซิ่ง และการเชื่อมเกม เขามีส่วนสำคัญกับประตูแรกโดยตรง”

อย่างไรก็ตาม เทรนเนอร์ “ปืนใหญ่” ยืนยันว่ามีการเปลี่ยนตัวโยเคเรสออกในช่วงครึ่งหลังเพราะมีอาการตึงกล้ามเนื้อเล็กน้อย

“เขารู้สึกเจ็บเล็กน้อย เราไม่อยากเสี่ยง ต้องรอดูอาการกันต่อ แต่โดยรวมเขาอยู่ในฟอร์มที่ดีจริงๆ”


🧩 สรุป

อาร์เซน่อลยังคงเดินหน้าเก็บชัยต่อเนื่องในทุกรายการ และด้วยฟอร์มอันมั่นคงทั้งเกมรุกและเกมรับ ทำให้พวกเขายังคงรักษาตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกได้อย่างสง่างาม ขณะที่ มิเกล อาร์เตต้า ย้ำว่าความสำเร็จในตอนนี้มาจาก “การทำงานหนักและความต่อเนื่องของทีม” — พร้อมเชื่อว่าหากรักษาระดับฟอร์มนี้ไว้ได้ “ปืนใหญ่” มีโอกาสลุ้นแชมป์เต็มตัวในซีซั่นนี้

เป๊ปปลื้ม! ยก “ฮาลันด์” เข้าใกล้ระดับเดียวกับสุดยอดนักเตะ

0

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กล่าวชื่นชมฟอร์มการเล่นของลูกทีม หลังเปิดบ้านเอาชนะ บอร์นมัธ 3-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก พร้อมยกย่อง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ว่ากำลังอยู่ในช่วงฟอร์มสุดยอด และเริ่มขยับเข้าใกล้ระดับเดียวกับสุดยอดนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้


🔵 ซิตี้รักษารองจ่าฝูงต่อ – ฮาลันด์ยิงนำดาวซัลโว

ชัยชนะเหนือบอร์นมัธเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บเพิ่มเป็น 6 คะแนนตามหลังจ่าฝูงอาร์เซน่อล พร้อมคว้าชัยในลีกได้ถึง 4 จาก 5 นัดหลังสุด

เกมนี้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ระเบิดฟอร์มซัดคนเดียว 2 ประตู ส่งให้ยอดรวมประตูในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้เพิ่มเป็น 13 ลูก นำโด่งเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีก


💬 เป๊ปชื่นชมลูกทีม – เทียบ “ฮาลันด์” กับเมสซี่และโรนัลโด้

หลังจบเกม กวาร์ดิโอล่าออกมาเปิดใจถึงผลงานของหัวหอกชาวนอร์เวย์ว่า

“เวลาคุณเล่นโดยไม่มีเขา คุณจะรู้เลยถึงความแตกต่าง เช่นในเกมกับสวอนซีที่เรายิงได้สามประตู แต่เมื่อมีฮาลันด์อยู่ในสนาม มันเหมือนกับตอนที่คุณมีเมสซี่หรือโรนัลโด้ — เขาสามารถเปลี่ยนเกมได้ในพริบตา”

“คุณเห็นตัวเลขของเขาแล้วใช่ไหม? แน่นอน เขาอยู่ในระดับเดียวกันนั่นแหละ เพียงแต่เมสซี่กับโรนัลโด้ทำได้ต่อเนื่องกว่า 15 ปี แต่ฮาลันด์กำลังเดินบนเส้นทางเดียวกัน”

กุนซือชาวสเปนยังกล่าวต่อว่า ฮาลันด์เป็นนักเตะที่ฝึกง่าย มีความกระหายในการทำประตู และเป็นแบบอย่างของมืออาชีพที่ยอดเยี่ยม

“บางครั้งผมก็เข้มกับเขา แต่เขาเป็นคนที่ฟังและปรับตัวได้ดีมาก เขาโฟกัสกับการทำประตูเสมอ แม้บางช่วงจะไม่สามารถเล่นได้ดุดันตลอด 90 นาที แต่นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติของเกม”


เป๊ปเชื่อ “ฮาลันด์” ยังพัฒนาได้อีกไกล

นอกจากนั้น เป๊ปยังพูดถึงพัฒนาการของดาวยิงวัย 25 ปีว่า ทีมต้องสร้างโอกาสให้เขามากขึ้น เพราะยิ่งมีบอลถึงเท้า ฮาลันด์ก็ยิ่งอันตราย

“สิ่งสำคัญคือเราต้องป้อนบอลให้เขาในพื้นที่ที่เหมาะสม เขารู้ดีว่าหน้าที่ของเขาคืออะไร และสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือเขาเป็นคนที่นิสัยดีมาก มีพลังบวกกับทุกคนในทีม”

“ผมมั่นใจว่าเขาจะพัฒนาขึ้นไปอีก ตัวเลขของเขาในตอนนี้มันน่าทึ่งอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ดีที่สุดยังไม่มาถึง”


🏁 สรุป

ชัยชนะเหนือบอร์นมัธไม่เพียงช่วยให้แมนฯ ซิตี้รักษาระยะห่างจากจ่าฝูงได้เท่านั้น แต่ยังตอกย้ำว่า “เออร์ลิ่ง ฮาลันด์” คือศูนย์หน้าที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน — และภายใต้การดูแลของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เขาอาจกลายเป็นอีกหนึ่ง “ตำนาน” ในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังสมัยใหม่

สรุปผลบอลคาราบาว คัพ รอบ 4: ลิเวอร์พูลพ่ายคารัง!

0

การแข่งขันฟุตบอล คาราบาว คัพ (Carabao Cup) ฤดูกาล 2025/26 รอบ 4 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย ลงสนามพร้อมกันในคืนวันพุธที่ 29 ตุลาคม 2025 โดยมีหลายทีมยักษ์ใหญ่ลงทำศึกกันอย่างเข้มข้น ซึ่งผลการแข่งขันมีทั้งเกมพลิกล็อกและทีมเต็งที่ยังคงผ่านเข้าสู่รอบต่อไป


🔴 ลิเวอร์พูล 0-3 คริสตัล พาเลซ

เกมใหญ่ประจำค่ำคืนที่สนามแอนฟิลด์ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ปรับทัพใหญ่ ส่งผู้เล่นสำรองลงสนามหลายตำแหน่ง โดยมีเพียง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่เป็นแกนหลักลงคุมแดนกลาง ส่วนแนวรุกใช้ ริโอ เอ็นกูโมฮา และ เฟเดริโก้ เคียซ่า เป็นตัวจริง

ผลการแข่งขันปรากฏว่า ลิเวอร์พูลพลาดท่าแพ้คารังต่อ “ดิ อีเกิ้ลส์” คริสตัล พาเลซ ไปแบบหมดรูป 0-3 โดยทีมเยือนนำก่อนจาก อิสไมล่า ซาร์ ที่เหมาคนเดียวสองประตูในนาที 41 และ 45 ก่อนที่ เยเรมี่ ปิโน จะยิงปิดท้ายในนาที 87 ขณะที่เจ้าถิ่นเหลือผู้เล่น 10 คน หลัง อมาร่า นาลโล่ โดนใบแดงนาที 79

ความพ่ายแพ้นัดนี้ทำให้ลิเวอร์พูลตกรอบคาราบาว คัพ และยังคงอยู่ในช่วงฟอร์มตกอย่างหนัก โดยแพ้ถึง 6 จาก 7 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ


⚪🔴 อาร์เซน่อล 2-0 ไบรท์ตัน

ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดียม “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง เปิดบ้านเอาชนะ ไบรท์ตัน 2-0 จากประตูของ อีธาน วาเนรี่ นาที 58 และ บูคาโย่ ซาก้า นาที 76

ชัยชนะเกมนี้ทำให้อาร์เซน่อลชนะรวด 8 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ และเก็บคลีนชีตได้ถึง 6 นัดติดต่อกัน ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างสง่างาม


🔵 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกถล่มสวอนซี 3-1

“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงรักษามาตรฐานยอดเยี่ยม บุกเก็บชัยเหนือ สวอนซี ซิตี้ 3-1 ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้อย่างไม่ยากเย็น


🔵⚪ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-4 เชลซี

อีกคู่สุดมันที่โมลินิวซ์ สเตเดียม “สิงห์บลูส์” เชลซี เอาชนะ วูล์ฟส์ ไปแบบสุดดราม่า 4-3 หลังจากทั้งสองทีมเปิดเกมรุกแลกกันตั้งแต่ต้นจนจบ เรียกเสียงชมจากแฟนบอลทั่วโซเชียล


⚫⚪ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-0 สเปอร์ส

ปิดท้ายที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ก แชมป์เก่า “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ยังคงโชว์ฟอร์มแกร่ง เปิดบ้านเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 2-0 ได้ประตูจากลูกโหม่งของ ฟาเบียน แชร์ นาที 24 และ นิค โวลเตอร์มาเด้อ นาที 50 ส่งทีมแชมป์เก่าทะยานเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายตามคาด


🏆 สรุปผลการแข่งขันคาราบาว คัพ รอบ 4 (คืนวันที่ 29 ตุลาคม 2025)

  • อาร์เซน่อล 2-0 ไบรท์ตัน
  • สวอนซี ซิตี้ 1-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
  • ลิเวอร์พูล 0-3 คริสตัล พาเลซ
  • วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-4 เชลซี
  • นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-0 สเปอร์ส

📊 ภาพรวม

ทีมใหญ่อย่าง อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี และ นิวคาสเซิ่ล ต่างเก็บชัยผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ทั้งหมด ขณะที่ ลิเวอร์พูล เป็นทีมเดียวจาก “บิ๊กซิกซ์” ที่กระเด็นตกรอบในค่ำคืนนี้

ลิเวอร์พูลต้องแก้! สถิติชี้คู่แข่งใช้บอลโยนยาวเข้าโจมตีตลอด

0

สถานการณ์ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังคงน่ากังวล หลังจาก ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ Opta เผยข้อมูลล่าสุดระบุว่า ลิเวอร์พูลคือทีมที่ถูกคู่แข่งใช้บอลโยนยาวเข้าโจมตีมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2025/26

ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ผลงานของลิเวอร์พูลหลังผ่าน 9 นัดแรกยังไม่สม่ำเสมอ โดยเก็บได้ 15 คะแนนจากชัยชนะ 5 นัด และแพ้ไปแล้วถึง 4 นัด รั้งอันดับ 7 ของตาราง ซึ่งสถิติจาก Opta ชี้ว่าปัญหาหลักของทีมตอนนี้อยู่ที่ “เกมรับจากจังหวะโยนยาว” ที่คู่แข่งมักใช้โจมตีอย่างได้ผล

⚽ คู่แข่งเน้นโยนยาวใส่หงส์แดงมากสุดในลีก

ตามรายงานของ Opta ลิเวอร์พูลถูกคู่แข่งใช้บอลยาวใส่ไปแล้ว 571 ครั้ง ในฤดูกาลนี้ คิดเป็น 20.5% ของจำนวนการผ่านบอลทั้งหมดที่ทีมต้องเผชิญ ถือเป็นตัวเลขสูงที่สุดในพรีเมียร์ลีก 2025/26

อันดับต่อมาที่คู่แข่งใช้บอลโยนยาวใส่มากที่สุด ได้แก่

  1. ลิเวอร์พูล – 571 ครั้ง (9 นัด)
  2. บอร์นมัธ – 525 ครั้ง
  3. นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด – 496 ครั้ง
  4. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – 479 ครั้ง
  5. ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน – 475 ครั้ง

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่คู่แข่งเน้นเล่นบอลยาวเข้าใส่มากที่สุดในลีก โดยเฉพาะใน 4 นัดหลังสุด ซึ่งทีมเสียไปถึง 3 เกมติดต่อกันจากจังหวะที่เกี่ยวข้องกับการโยนบอลยาวหรือการตั้งรับลึก

🧠 สล็อตยอมรับปัญหาเกมรับจากบอลยาวยังแก้ไม่ตก

หลังความพ่ายแพ้ต่อ เบรนท์ฟอร์ด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อาร์เน่อ สล็อต ได้ออกมายอมรับว่า ทีมของเขายังไม่สามารถรับมือกับจังหวะบอลโยนยาวได้ดีพอ ทั้งในแง่ของการยืนตำแหน่งแนวรับ และการเก็บบอลจังหวะสอง ซึ่งกลายเป็นช่องโหว่สำคัญที่คู่แข่งใช้เล่นงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า

🔍 เกมที่คู่แข่งใช้บอลโยนยาวใส่มากที่สุด (ทั้งหมดเจอลิเวอร์พูล)

สถิติของ Opta ยังระบุอีกว่า เกมที่มีการโยนบอลยาวมากที่สุด 3 อันดับแรกในฤดูกาลนี้ ล้วนเป็นแมตช์ที่เจอกับลิเวอร์พูลทั้งหมด ได้แก่

  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล – โยนบอลยาว 75 ครั้ง
  • คริสตัล พาเลซ 2-1 ลิเวอร์พูล – โยนบอลยาว 71 ครั้ง
  • บอร์นมัธ 2-4 ลิเวอร์พูล – โยนบอลยาว 70 ครั้ง

แสดงให้เห็นว่าคู่แข่งจำนวนมากกำลังเลือกใช้ “สูตรบอลโยน” เป็นอาวุธหลักในการเจาะแนวรับของลิเวอร์พูล ซึ่งในฤดูกาลก่อนหน้าไม่เคยมีทีมไหนถูกโจมตีด้วยรูปแบบนี้มากขนาดนี้มาก่อน


🔴 สรุป:

แม้ลิเวอร์พูลยังมีศักยภาพในการครองบอลและเกมรุกที่เฉียบคม แต่ข้อมูลล่าสุดจาก Opta บ่งชี้ว่าจุดอ่อนเรื่อง “การรับมือบอลโยนยาว” กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่อาร์เน่อ สล็อตต้องเร่งแก้ไข หากยังต้องการกลับมาท้าทายพื้นที่หัวตารางในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลนี้

เปิดเบื้องหลังบอร์นมัธ ยิ่งขายยิ่งโหด – ฟอร์มร้อนแรงที่สุด

0

ใครจะเชื่อว่า “บอร์นมัธ” ทีมที่ถูกมองว่าเตรียมหนีตกชั้นตั้งแต่เปิดซีซั่น จะกลายเป็นทีมฟอร์มแรงอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีกหลังผ่านไม่กี่เดือนในฤดูกาลนี้ พร้อมทำแต้มแตะหลัก 18 คะแนน และเล่นฟุตบอลที่ดุดันเร้าใจที่สุดทีมหนึ่งในลีก

ทั้งที่เพิ่งปล่อยผู้เล่นหลักออกจากทีมจนได้เงินเข้าคลังเกือบ 200 ล้านปอนด์ — ตั้งแต่ผู้รักษาประตูมือหนึ่งไปจนถึงแนวรับแทบยกแผง หลายฝ่ายมองว่านี่คือสัญญาณของการ “ถอดใจ” จากการลุ้นอยู่รอด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม

“ขายเก่ง” เพราะมีแผน ไม่ใช่แค่ขายเพื่อเงิน

เบื้องหลังความสำเร็จของบอร์นมัธอยู่ที่ระบบการบริหารสุดละเอียด พวกเขาไม่ขายนักเตะเพราะจำใจ แต่ขายเพราะมี “แผนสำรอง” เตรียมไว้ล่วงหน้าเสมอ ตัวอย่างชัดคือสโมสรเคย ปฏิเสธข้อเสนอ 50 ล้านปอนด์จาก แมนฯ ยูไนเต็ด และ สเปอร์ส ที่ยื่นซื้อ “อองตวน เซเมนโย่” ในช่วงต้นตลาด เพราะพวกเขามั่นใจว่านักเตะยังมีมูลค่าเพิ่มอีกมาก

แทนที่จะปล่อยทันที บอร์นมัธเลือก “ต่อสัญญาใหม่” กับเซเมนโย่ พร้อมอัพค่าเหนื่อยและใส่เงื่อนไขค่าฉีกสัญญาที่สูงขึ้นในอนาคต เป็นดีลแบบ วิน-วิน ทั้งสโมสรและนักเตะ — หากเขายังรักษาฟอร์มได้ต่อเนื่อง ราคาขายรอบหน้าอาจพุ่งสูงกว่าที่สองทีมดังเสนอไว้เท่าตัว

การวางแผนที่มาก่อนการขาย

สิ่งที่น่าทึ่งคือ บอร์นมัธมัก “ซื้อตัวแทน” ล่วงหน้าก่อนขายนักเตะออกเสมอ ยกตัวอย่างเช่น

  • ดานโก้ อ็อตตารา ถูกขายออกไป 40 ล้านปอนด์ ทั้งที่ไม่ใช่กำลังหลัก เพราะพวกเขาได้เซ็น อามีน อัดลี และ เบน โด๊ค มาล่วงหน้า ซึ่งค่าตัวรวมกันพอๆ กับเงินที่ขายอ็อตตาราได้
  • ส่วน มิลอส เคอร์เคซ ที่ย้ายไปลิเวอร์พูล สโมสรเตรียมแผนไว้ตั้งแต่มกราคมด้วยการคว้าตัว อาเดรียง ทรุฟแฟร์ มาร่วมทีม 14.4 ล้านปอนด์ และแข้งรายนี้ก็ยึดตำแหน่งตัวจริงทันทีตั้งแต่เปิดซีซั่น

นี่คือการบริหารที่แตกต่างจากทีมเล็กทั่วไป เพราะบอร์นมัธเลือก “คิดเผื่อ” ก่อนตลาดเปิด และไม่ปล่อยให้การเสียนักเตะกระทบโครงสร้างทีมเลยแม้แต่น้อย

สโมสรพ่อค้า ที่ขายเพื่อเติบโต

ผู้บริหารบอร์นมัธยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า พวกเขาคือ “สโมสรพ่อค้า” ที่ต้องพึ่งพาการขายผู้เล่นเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต แต่สิ่งที่ต่างคือความโปร่งใสกับนักเตะ พวกเขาบอกชัดว่า

“มาที่นี่ พัฒนาให้เต็มศักยภาพ แล้วเราจะช่วยให้คุณได้ก้าวไปทีมใหญ่ในเวลาที่เหมาะสม”

คำสัญญานี้กลายเป็นแรงดึงดูดชั้นดีสำหรับดาวรุ่งทั่วลีก ที่ต้องการสโมสรให้โอกาสและสร้างมูลค่าให้ตัวเองได้จริง

ซื้อด้วยสติ ไม่ใช่ด้วยความกลัว

อีกหนึ่งจุดเด่นของบอร์นมัธคือ “ไม่รีบซื้อ” แทนคนที่ย้ายออกทันที เช่น ตอนขาย ซาบาร์นยี่ ให้เปแอสเช พวกเขาเลือกคว้าตัว บาโฟเด้ ดิอากิเต้ มาแทน แม้จะต้องจ่ายเกินงบไปเล็กน้อย แต่เมื่อรวมกับรายรับจากการขายนักเตะ ทั้งทีมยังทำกำไรสุทธิกว่า 100 ล้านปอนด์

โครงสร้างทีมเล็ก แต่คิดเร็วและเด็ดขาด

ต่างจากทีมใหญ่อื่น ๆ บอร์นมัธมีโครงสร้างบริหารกระชับมาก มีเพียง 4 เสาหลักในการตัดสินใจ —
บิล โฟลีย์ (เจ้าของทีม), ติอาโก้ ปินโต้ (ประธานฝ่ายฟุตบอล), ไซมอน ฟรานซิส (ผอ.เทคนิค), และโค้ช อิราโอลา
การสื่อสารที่รวดเร็วทำให้ทุกดีลและทุกการเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างแม่นยำและต่อเนื่อง

หัวใจสำคัญ: อิราโอลา และวัฒนธรรมแห่งความเข้าใจ

สิ่งสุดท้ายที่ทำให้บอร์นมัธ “ยิ่งขายยิ่งแข็งแกร่ง” คือโค้ช อันโดนี่ อิราโอลา ที่ไม่เพียงสร้างแท็กติกดุดันและรวดเร็ว แต่ยังเป็นผู้ที่ช่วยหล่อหลอมจิตใจนักเตะให้เชื่อมั่นในระบบนี้ เขาคือคนที่เปลี่ยน “การขายนักเตะ” ให้กลายเป็น “แรงผลักดันใหม่” ของทีม

“อาร์เน่อ” ปวดหัวต่อเนื่อง! ลิเวอร์พูลเจอปัญหาแข้งเจ็บอื้อ

0

สถานการณ์ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังไม่สู้ดีนัก หลังล่าสุด อาร์เน่อ สล็อต กุนซือใหญ่ ต้องเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บเล่นงานเพิ่มอีก ก่อนเกมคาราบาว คัพ รอบ 4 ที่จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ คริสตัล พาเลซ คืนวันพุธที่ 29 ตุลาคมนี้

แม้จะได้เล่นในแอนฟิลด์ แต่ทีมดังจากเมอร์ซีย์ไซด์ยังต้องเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก หลังพ่ายติดต่อกันถึง 4 นัดรวมทุกรายการ ส่งผลให้ทั้งฟอร์มการเล่นและขวัญกำลังใจของทีมตกลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมคำถามใหญ่จากแฟนบอลว่า ลิเวอร์พูลจะยังมีลุ้นป้องกันแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้หรือไม่

รายชื่อผู้เล่นที่เจ็บล่าสุดประกอบด้วย เคอร์ติส โจนส์ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมบุกแพ้ เบรนท์ฟอร์ด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่วน ไรอัน กราเฟนแบร์ก (ข้อเท้า) และ อเล็กซานเดอร์ อิซัค (ขาหนีบ) ยังต้องรอเช็กความฟิตว่าจะพร้อมสำหรับเกมกลางสัปดาห์นี้หรือไม่

นอกจากนี้ เจเรมี่ ฟริมปง และ อลิสซง เบ็คเกอร์ ต่างมีอาการเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขา คาดว่าทั้งคู่ต้องพักรักษาตัวหลายสัปดาห์ และอาจกลับมาช่วยทีมได้หลังพักเบรกทีมชาติในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ โจวานนี่ เลโอนี่ ต้องพักยาวตลอดฤดูกาลหลังผ่าตัดเอ็นไขว้หน้า ส่วน เจย์เดน แดนน์ส และ สเตฟาน บายเซติช ยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูอาการเจ็บกล้ามเนื้อ

รวมแล้ว ลิเวอร์พูลมีนักเตะบาดเจ็บถึง 8 ราย ส่งผลให้ อาร์เน่อ ต้องเร่งปรับแท็กติกและวางแผนโรเตชันใหม่ เพื่อพาทีมกลับมาคืนฟอร์มเก่งให้ได้โดยเร็ว ก่อนที่สถานการณ์ในฤดูกาลนี้จะยิ่งยากลำบากไปกว่านี้

ผลบอลพรีเมียร์ลีก:เบรนท์ฟอร์ด เปิดรังเชือด ลิเวอร์พูล 3-2

0

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2025/26 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา “เดอะ บีส์” เบรนท์ฟอร์ด โชว์ฟอร์มเฉียบ เปิดบ้านเฉือนชนะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล 3-2 ส่งให้ทีมเยือนพ่ายในลีก 4 นัดติดต่อกัน

เกมนี้ คีธ แอนดรูว์ส กุนซือเจ้าถิ่น ส่งผู้เล่นชุดเดิมจากเกมชนะเวสต์แฮมลงสนามครบ โดย ควีวิน เคลเลเฮอร์ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้ลงเจอทีมเก่า ส่วนแนวรุกนำโดย ด็องโก้ อ็อตตารา, มิคเคล ดัมส์การ์ด และ เควิน ชาเดอ

ด้าน อาร์เน่อ สล็อต เทรนเนอร์ชาวดัตช์ของลิเวอร์พูล คืนตำแหน่งตัวจริงให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ โดยประสานงานกับ ฟลอเรียน เวียตซ์ และ โคดี้ กัคโป ขณะที่ อูโก้ เอกิติเก้ ยืนเป็นหน้าเป้า

เริ่มเกมเพียง 5 นาที เบรนท์ฟอร์ดออกนำ 1-0 อย่างรวดเร็วจากลูกยิงสุดสวยของ ด็องโก้ อ็อตตารา ที่วอลเลย์เต็มข้อด้วยซ้ายเข้าประตูไปอย่างเด็ดขาด

นาที 45 เจ้าถิ่นหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะสวนกลับ มิคเคล ดัมส์การ์ด ไหลบอลให้ เควิน ชาเดอ หลุดเดี่ยวซัดผ่านมือ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ เข้าไปอย่างเฉียบคม

อย่างไรก็ตาม ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ลิเวอร์พูลตีไข่แตกจาก มิลอส เคอร์เคซ ที่เติมขึ้นมายิงเต็มข้อหลังรับบอลจาก อูโก้ เอกิติเก้ จบครึ่งแรก เบรนท์ฟอร์ดนำ 2-1

ครึ่งหลังนาที 56 เจ้าบ้านมาได้จุดโทษหลัง เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ทำฟาวล์ ด็องโก้ อ็อตตารา ในเขตโทษ และเป็น อีกอร์ ติอาโก้ รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาดให้ เบรนท์ฟอร์ดนำ 3-1

แม้ ลิเวอร์พูล จะพยายามเร่งเกมในช่วงท้าย นาที 89 โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ยิงประตูตีตื้นให้ทีมเยือนเป็น 2-3 แต่ก็ไล่ไม่ทัน

หมดเวลาการแข่งขัน เบรนท์ฟอร์ด เปิดบ้านเอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-2 คว้าสามแต้มสำคัญ มีเพิ่มเป็น 13 คะแนน ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 10 ของตาราง ส่วน “หงส์แดง” ฟอร์มสะดุดต่อเนื่อง แพ้ในลีก 4 นัดรวด มี 15 คะแนนเท่าเดิม รั้งอันดับ 6


รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริง

เบรนท์ฟอร์ด (4-2-3-1) : ควีวิน เคลเลเฮอร์ – ไมเคิ่ล คาโยเด้, เซ็ปป์ ฟาน เดน เบิร์ก, เนธาน คอลลินส์, คริสตอฟเฟอร์ อาเยอร์ – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เยกอร์ ยาร์โมลุค – ด็องโก้ อ็อตตารา, มิคเคล ดัมส์การ์ด, เควิน ชาเดอ – อีกอร์ ติอาโก้

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ – คอเนอร์ แบรดลีย์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, มิลอส เคอร์เคซ – โดมินิค โซบอสซ์ไล, เคอร์ติส โจนส์ – โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, ฟลอเรียน เวียตซ์, โคดี้ กัคโป – อูโก้ เอกิติเก้

ผลบอลพรีเมียร์ลีก:แมนยู เปิดบ้านอัดไบรท์ตัน4-2เก็บชัย3เกม

0

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2025/26 นัดที่ 9 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของกุนซือ รูเบน อโมริม เดินหน้าเก็บชัยต่อเนื่อง หลังเปิดบ้านถล่ม ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 4-2 เก็บชัยในลีก 3 นัดติด พร้อมขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ของตาราง

เกมนี้ อโมริม ปรับทีม 2 ตำแหน่งจากแมตช์ชนะลิเวอร์พูล 2-1 โดยส่ง เลนี่ โยโร่ ลงคุมแนวรับแทน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และให้ เบนจามิน เชชโก้ ลงแทน เมสัน เมาท์ ส่วน บรูโน่ แฟร์นันด์ส ได้ลงเล่นนัดที่ 300 ให้สโมสร ขณะที่ฝั่ง ไบรท์ตัน ของ ฟาเบียน เฮอร์เซเลอร์ เปลี่ยนเพียงตำแหน่งเดียวคือส่ง มักซิม เดอ คูเปอร์ ลงเล่นแทน ดีเอโก้ โกเมซ

แม้ไบรท์ตันจะเริ่มเกมได้ดี แต่เป็นเจ้าถิ่นที่ขึ้นนำก่อนในนาที 24 จากจังหวะที่ กาเซมีโร่ จ่ายให้ มาเตอุส คุนญ่า กดด้วยขวานอกกรอบตุงตาข่าย ถือเป็นประตูแรกของดาวเตะบราซิเลียนนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับทีม

นาทีที่ 34 “ปีศาจแดง” หนีห่างเป็น 2-0 เมื่อ ลุค ชอว์ ตัดบอลกลางสนามก่อนถวายพานให้ กาเซมีโร่ ยิงไกลไปแฉลบ ยาซิน อายารี่ เปลี่ยนทางเข้าประตูไปแบบโชคร้ายของทีมเยือน

ครึ่งหลัง ยูไนเต็ด ยังคงคุมเกมไว้ได้หมด และมาบวกเพิ่มในนาทีที่ 61 จากจังหวะยิงสุดเฉียบของ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ทำให้สกอร์ขยับเป็น 3-0 ก่อนที่ ไบรท์ตัน จะได้ประตูตีไข่แตกจากลูกฟรีคิกสุดสวยของ แดนนี่ เวลเบ็ค ใส่ทีมเก่า นาที 74

ช่วงทดเจ็บ นาที 90+2 ไบรท์ตัน ไล่มาอีกครั้งเป็น 2-3 จากลูกโหม่งของ คาราลัมปอส คอสตูลาส แต่ ยูไนเต็ด มาปิดกล่องในนาที 90+7 จาก เอ็มเบอโม่ คนเดิมที่ยิงประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้ ให้ “ปีศาจแดง” ย้ำชัยเหนือไบรท์ตัน 4-2

ชัยชนะนัดนี้ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อโมริม เก็บชัยในพรีเมียร์ลีก 3 นัดติดต่อกัน มีเพิ่มเป็น 16 คะแนน ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ส่วน ไบรท์ตัน มี 12 คะแนน รั้งอันดับ 12 เช่นเดิม


รายชื่อ 11 ตัวจริง

แมนฯ ยูไนเต็ด (3-4-2-1) : เซนเน่อ ลัมเมนส์ – เลนี่ โยโร่, มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์, ลุค ชอว์ – อาหมัด ดิยัลโล่, กาเซมีโร่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ดีโอโก้ ดาโลต์ – ไบรอัน เอ็มเบอโม่, มาเตอุส คุนญ่า – เบนจามิน เชชโก้

ไบรท์ตัน (4-2-3-1) : บาร์ต แฟร์บรู๊กเก้น – มัตส์ วีฟเฟอร์, ลูอิส ดังค์, ยาน-พอล ฟาน เฮ็คเค่, มักซิม เดอ คูเปอร์ – คาร์ลอส บาเลบา, ยาซิน อายารี่ – เฟอร์ดี้ คาดิโอกลู, จอร์จินโย่ รุตแตร์, ยานคูบา มินเตห์ – แดนนี่ เวลเบ็ค


ต้องการไหมครับให้ผมช่วยเพิ่มอีกชุด
📌 พาดหัวข่าวทางเลือก (6–7 แบบ) เช่นแนวข่าวกีฬา / ออนไลน์ / SEO-friendly
เพื่อให้เลือกใช้ได้หลายแพลตฟอร์ม (เว็บไซต์, โซเชียล, Google News)?

โปรแกรมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2025/26 นัดที่ 9

0

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2025/26 เดินทางมาถึงสัปดาห์ที่ 9 โดยจะลงสนามครบทั้ง 10 คู่ ระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคม 2568 ซึ่งมีหลายเกมน่าติดตาม ทั้งศึกดาร์บี้ลอนดอนของจ่าฝูง อาร์เซน่อล รวมถึงเกมใหญ่ของ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อาร์เซน่อล ทีมจ่าฝูงภายใต้การคุมทีมของ มิเกล อาร์เตต้า เตรียมเปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ทำศึก “ลอนดอน ดาร์บี้” พบกับ คริสตัล พาเลซ ขณะที่ ลิเวอร์พูล ซึ่งเพิ่งคืนฟอร์มเก่งหลังชนะ แฟร้งค์เฟิร์ต ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มีโปรแกรมบุกไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะกลับมาเล่นในรัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด พบกับ ไบรท์ตัน ที่กำลังโชว์ฟอร์มดีต่อเนื่อง

อีกคู่ที่น่าสนใจ เชลซี จะได้ลงเล่นในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ พบ ซันเดอร์แลนด์ ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า ต้องบุกไปเยือน แอสตัน วิลล่า ทีมฟอร์มแรงของ อูไน เอเมรี


📅 โปรแกรมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2025/26

นัดที่ 9

คืนวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2025

  • 02.00 น. ลีดส์ ยูไนเต็ด พบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2025

  • 21.00 น. เชลซี พบ ซันเดอร์แลนด์
  • 21.00 น. นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พบ ฟูแล่ม
  • 23.30 น. แมนฯ ยูไนเต็ด พบ ไบรท์ตัน
  • 02.00 น. เบรนท์ฟอร์ด พบ ลิเวอร์พูล

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2025

  • 21.00 น. อาร์เซน่อล พบ คริสตัล พาเลซ
  • 21.00 น. แอสตัน วิลล่า พบ แมนฯ ซิตี้
  • 21.00 น. บอร์นมัธ พบ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
  • 21.00 น. วูล์ฟแฮมป์ตัน พบ เบิร์นลีย์
  • 23.30 น. เอฟเวอร์ตัน พบ สเปอร์ส

ห้ามพลาด!