Home Blog Page 66

โรดริ (Rodri) : ตัวแบกแห่ง ทีมชาติสเปน และ แมนซิตี้

0

ชื่อเต็ม: โรดริโก เฮอร์นานเดซ กาสกานเต้ (Rodrigo Hernández Cascante)

ชื่อเล่น: โรดรี่ (Rodri)

วันเกิด: 22 มิถุนายน 1996 (อายุ 28 ปี)

สถานที่เกิด: กรุงมาดริด ประเทศสเปน

สัญชาติ: สเปน

ส่วนสูง: 190 ซม.

ตำแหน่ง: กองกลางตัวรับ

สโมสรปัจจุบัน: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ)

หมายเลขเสื้อ: 16




อาชีพนักฟุตบอล:

  • 2013–2015: บีญญาเรอัล (สเปน)
  • 2015–2019: แอตเลติโก มาดริด (สเปน)
  • 2019–ปัจจุบัน: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ)

ทีมชาติ:

  • 2018–ปัจจุบัน: สเปน (ลงเล่น 51 นัด ยิง 3 ประตู)

เกียรติประวัติ:

  • สโมสร:
    • แชมป์ลาลีกา 1 สมัย (แอตเลติโก มาดริด, 2016–17)
    • แชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, 2020–21, 2021–22, 2022–23, 2023–24)
    • แชมป์เอฟเอคัพ 1 สมัย (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, 2020–21)
    • แชมป์อีเอฟแอลคัพ 4 สมัย (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, 2018–19, 2019–20, 2020–21, 2022–23)
    • แชมป์เอฟเอคอมมิวนิตี้ชิลด์ 2 สมัย (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, 2019, 2022)
    • แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, 2022–23)
  • ทีมชาติ:
    • แชมป์ยูฟ่าเนชันส์ลีก 1 สมัย (สเปน, 2020–21)

รางวัลส่วนตัว:

  • 2022–23: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
  • 2020–21: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ยูฟ่าเนชันส์ลีก

ข้อมูลน่าสนใจ:

  • โรดรี่ เกิดในกรุงมาดริด ประเทศสเปน เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรบีญญาเรอัล ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมแอตเลติโก มาดริด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้
  • โรดรี่ เป็นกองกลางตัวรับที่เก่งกาจ เล่นได้อย่างชาญฉลาดและมีวินัย เป็นที่ยอมรับจากแฟนบอลและสื่อมวลชน
  • โรดรี่ เป็นกำลังสำคัญของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์มากมายในช่วงที่ผ่านมา
  • โรดรี่ เคยคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และ ยูฟ่าเนชันส์ลีก

ฟุตบอลยูโร 2024 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง สเปน ดวลเดือดกับ อังกฤษ

0

คู่ชิงชนะเลิศ:

  • สเปน แชมป์เก่า 3 สมัย 🇪🇸
  • อังกฤษ ทีมอันดับ 4 ของโลก 󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿

สนาม:

  • โอลิมเปียชตาดิโยน, กรุงเบอร์ลิน, ประเทศเยอรมนี 🇩🇪

วันและเวลา:

  • วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2567
  • เวลา 02:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)

ช่องทางการรับชม:

  • ช่องรายการกีฬาต่างๆ
  • ถ่ายทอดสดทางออนไลน์

ข้อมูลน่าสนใจ:

  • นี่เป็นการพบกันครั้งที่ 2 ของทั้งสองทีมในรอบชิงชนะเลิศ ยูโร
  • สเปนไม่เคยแพ้อังกฤษในรอบชิงชนะเลิศ ยูโร
  • อังกฤษกำลังล่าแชมป์ยูโรสมัยแรก
  • เกมนี้จะเป็นการดวลกันระหว่างสองผู้จัดการทีมที่เก่งที่สุดในโลก
  • คาดว่าจะเป็นเกมที่สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ


    สภาพความพร้อม ทีมชาติสเปน

  • “กระทิงดุ” สเปน โชว์ฟอร์มแข็งแกร่งอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่นัดแรกมาจนถึงเกมล่าสุดในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งเฉือนชนะ ฝรั่งเศส 2-1 ตบเท้าเข้าสู่รอบชิงศึกยูโรเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี
  • ความพร้อมเกมนี้ กุนซือหลุยส์ เดอ ลา ฟวนเต้ จะหมดสิทธิใช้งานผู้เล่นบาดเจ็บ ได้แก่ เปดรี้ และ อโยเซ่ เปเรซ แต่จะได้ 2 กองหลัง คือ ดานี่ การ์บาฆาล แบ็กขวา และ โรบิน เลอ นอร์มองด์ เซนเตอร์แบ็ก พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมอีกครั้งหลังจากทั้งคู่ไม่ได้ลงเล่นในเกมเจอฝรั่งเศส
  • สำหรับการจัดผู้เล่นลงสนาม สเปน เตรียมจัดทัพเต็มสูบ แนวรับประกอบด้วย ดานี่ การ์บาฆาล, โรบิน เลอ นอร์มองด์, อายเมอริก ลาปอร์กต์ และ มาร์ค กูกูเรยา แดนกลางใช้ 3 ประสาน ดานี่ โอลโม่, โรดรี้ และ ฟาเบียน รุยซ์ ส่วนแนวรุกนำทัพมาด้วยเจ้าหนูมหัศจรรย์ ลามีน ยามาล พร้อมลงป่วนแนวรับอังกฤษ ร่วมกับ นิโก วิลเลี่ยมส์ และ อัลบาโร โมราต้า


    สภาพความพร้อม ทีมชาติอังกฤษ

  • โดนแฟนบอลสวดยับมาตลอดทัวร์นาเม้นต์ แต่ในที่สุด กุนซือแกเรธ เซาธ์เกต ก็สามารถพาทีมชาติอังกฤษทะลุเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ หลังจากเฉือนชนะ เนเธอร์แลนด์ 2-1 ในรอบตัดเชือก โดยได้ประตูชัยในช่วงทดเจ็บจาก โอลลี่ วัตกิ้นส์ 
  • ส่วนขุมกำลังเกมนี้ อังกฤษ ต้องรอเช็กอาการ คีแรน ทริปเปียร์ ซึ่งมีอาการเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออกตอนพักครึ่งของเกมที่ผ่านมา ขณะที่ แฮร์รี่ เคน เจ็บจากเกมนัดล่าสุดเช่นกัน แต่คาดว่าน่าจะหายเจ็บกลับมาทันลงล่าตาข่ายได้เช่นเดิม
  • เกมนี้คาดว่าเซาธ์เกต จะยังคงยึดระบบ 3-4-2-1 ต่อไป โดยเซนเตอร์แบ็ก 3 คนประกอบด้วย ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ และ มาร์ค เกฮี วิงแบ็กฝั่งขวาใช้ บูกาโย่ ซาก้า ส่วนด้านซ้ายเป็น ลุค ชอว์ ที่น่าจะได้ออกสตาร์ทตัวจริงเป็นนัดแรก มิดฟิลด์เป็น เดแคลน ไรซ์ ประสานงานกับ ค็อบบี้ ไมนู พร้อมด้วยตัวรุกอย่าง ฟิล โฟเด้น กับ จู๊ด เบลลิงแฮม ช่วยกันป้อนบอลให้กองหน้าตัวเป้า แฮร์รี่ เคน จัดการจบสกอร์ 



  • รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
  • สเปน : อูไน ซิมอน (GK), ดานี่ การ์บาฆาล, โรบิน เลอ นอร์มองด์, อายเมอริก ลาปอร์กต์, มาร์ค กูกูเรยา, ดานี่ โอลโม่, โรดรี้, ฟาเบียน รุยซ์, นิโก วิลเลี่ยมส์, ลามีน ยามาล, อัลบาโร โมราต้า
  • อังกฤษ : จอร์แดน พิคฟอร์ด (GK), ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกฮี, ลุค ชอว์, บูกาโย, ซาก้า, ค็อบบี้ ไมนู, เดแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม, ฟิล โฟเด้น, แฮร์รี่ เคน


  • สกอร์ที่คาด
  • สเปน 2-1 อังกฤษ

ยูโร 2024 ระเบิดศึกนัดชิง! อังกฤษปะทะสเปน ใครคว้าแชมป์?

0

แฟนบอลขาซิ่งเตรียมตัวให้พร้อม! 󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿🇪🇸

อังกฤษ พบ สเปน วันและเวลาการแข่งขัน

  • วันแข่งขัน : คืนวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2024
  • รายการ : ยูโร 2024 รอบชิงชนะเลิศ
  • สนาม : โอลิมปิก สตาดิโอน
  • ผู้ตัดสิน : ฟร็องซัว เลอเตซีเยร์ (ฝรั่งเศส)
  • เวลาการแข่งขัน : 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

เราจะได้รู้กันว่าใครจะเป็นแชมป์ยูโร 2024 ระหว่าง สิงโตคำราม อังกฤษ กับ กระทิงดุ สเปน 🇪🇸

ก่อนเกม มาดูไฮไลท์กันหน่อย

สเปน: 🇪🇸

  • ฟอร์มร้อนแรง โชว์ฝีมือเฉียบคม ยิงกระจาย 13 ประตู
  • เกมรุกเฉียบคม ดุดัน เล่นด้วยความมั่นใจ
  • ขุมกำลังดาวรุ่งพุ่งแรงเพียบ ⭐️
  • มองดูแล้วมีโอกาสคว้าแชมป์สูง

อังกฤษ: 󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿

  • ฟอร์มไม่เปรี้ยงเท่าไหร่ แต่แกร่งและประสบการณ์สูง 🇬🇧
  • เกมรับเหนียวแน่น ดาบหน้าคมคาย ️⚔️
  • แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือจอมวางแผน
  • ดวงเฮงสุดๆ พลิกสถานการณ์มาถึงรอบชิงได้

สรุป:

เกมนี้สูสีแน่นอน คาดเดายาก

สเปน ดูมีภาษีดีกว่าเล็กน้อย แต่ อังกฤษ ก็พร้อมพลิกล็อกได้เสมอ 🇬🇧🇪🇸

ฟิล โฟเด้น: ดาวรุ่งผู้เปล่งประกายแห่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้

0

ฟิล โฟเด้น ดาวรุ่งชาวอังกฤษ กำลังกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่น่าตื่นเต้นที่สุดในวงการฟุตบอลปัจจุบัน ด้วยพรสวรรค์ เทคนิค และวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม เขาสร้างผลงานที่น่าประทับใจให้กับทั้งสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติอังกฤษ

ชีวิตและช่วงวัยเยาว์

  • เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2000 ที่เมืองสต็อกพอร์ต ประเทศอังกฤษ
  • เริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ
  • โฟเด้น พัฒนาฝีมืออย่างรวดเร็ว และก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี ค.ศ. 2016

อาชีพนักฟุตบอล

  • แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ค.ศ. 2016-ปัจจุบัน): โฟเด้น ลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว 188 นัด ยิงประตู 52 ประตู คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอคัพ 1 สมัย, อีเอฟแอลคัพ 4 สมัย และคอมมิวนิตี้ชิลด์ 3 สมัย
  • ทีมชาติอังกฤษ (ค.ศ. 2020-ปัจจุบัน): โฟเด้น ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษไปแล้ว 18 นัด ยิงประตู 3 ประตู เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอังกฤษชุดรองแชมป์ยูโร 2020

สถิติ

  • พรีเมียร์ลีก: 113 นัด ยิงประตู 31 ประตู
  • ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 33 นัด ยิงประตู 5 ประตู

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ: 2 สมัย (2020-21, 2021-22)
  • รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปีของแมนเชสเตอร์ ซิตี้: 1 สมัย (2021-22)
  • รางวัลทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ: 1 สมัย (2021-22)
  • รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีก: 1 สมัย (มีนาคม 2022)

ฟิล โฟเด้น ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดในโลก เขามีสไตล์การเล่นที่คล้ายกับดาวยอดนิยมอย่าง ดาบิด ซิลวา และมีโอกาสที่จะพัฒนาฝีมือจนกลายเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในโลก

อัลบาโร่ โมราตา: กองหน้าจอมโขกผู้มากด้วยประสบการณ์

0

อัลบาโร่ โมราตา กองหน้าชาวสเปน เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะกองหน้าที่มุ่งมั่น เฉียบคม และทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอ เขาผ่านประสบการณ์การค้าแข้งกับสโมสรชั้นนำในยุโรปมากมาย และประสบความสำเร็จทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

ชีวิตและช่วงวัยเยาว์

  • เกิดเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1992 ที่เมืองมาดริด ประเทศสเปน
  • เริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของแอตเลติโก มาดริด
  • ด้วยความสามารถที่โดดเด่น โมราตา ถูกเรียกตัวติดทีมชาติสเปนชุดเยาวชนทุกระดับ

อาชีพนักฟุตบอล

  • แอตเลติโก มาดริด (ค.ศ. 2010-2014): โมราตา เปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ของแอตเลติโก มาดริดในปี ค.ศ. 2010
    ลงเล่นให้สโมสร 134 นัด ยิงประตู 49 ประตู คว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ 1 สมัย ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 1 สมัย และยูฟ่า ยูโรปาลีก 1 สมัย
  • ยูเวนตุส (ค.ศ. 2014-2016): โมราตา ย้ายไปยูเวนตุสในปี ค.ศ. 2014
    ลงเล่นให้สโมสร 64 นัด ยิงประตู 23 ประตู คว้าแชมป์เซเรียอา 2 สมัย โกปปา อิตาลี 1 สมัย และซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา 1 สมัย
  • เรอัลมาดริด (ค.ศ. 2016-2019): โมราตา กลับมายังเรอัลมาดริดในปี ค.ศ. 2016
    ลงเล่นให้สโมสร 93 นัด ยิงประตู 23 ประตู คว้าแชมป์ลาลีกา 2 สมัย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัย ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2 สมัย และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2 สมัย
  • แอตเลติโก มาดริด (ค.ศ. 2019-ปัจจุบัน): โมราตา ย้ายกลับมาแอตเลติโก มาดริดอีกครั้งในปี ค.ศ. 2019
    ลงเล่นให้สโมสร 132 นัด ยิงประตู 62 ประตู คว้าแชมป์ลาลีกา 1 สมัย

ทีมชาติสเปน

  • โมราตา ลงเล่นให้ทีมชาติสเปน 57 นัด ยิงประตู 23 ประตู
  • เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติสเปนชุดคว้าแชมป์ยูโร 2020

สถิติ

  • ลีก: 423 นัด ยิงประตู 159 ประตู
  • ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 72 นัด ยิงประตู 15 ประตู

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลโกปิชิ: 1 สมัย (2020-21)
  • รางวัลซิลเวอร์ บูท ในยูโร 2020: 1 สมัย (2020)

โมราตา ได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหน้าที่ครบเครื่อง เขามีทักษะการยิงประตูที่เฉียบคม เล่นลูกกลางอากาศได้ดี และมีทักษะการเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยม เขาเป็นกำลังสำคัญให้กับสโมสรและทีมชาติมาโดยตลอด และจะเป็นที่จดจำในฐานะกองหน้าชั้นนำของยุคสมัยนี้

ซีเนดีน ซีดาน: ตำนานมิดฟิลด์ผู้ยิ่งใหญ่

0

ซีเนดีน ซีดาน อดีตกองกลางชาวฝรั่งเศส เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขา ด้วยพรสวรรค์ วิสัยทัศน์ และความเป็นผู้นำ เขาสร้างผลงานที่น่าประทับใจทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

ชีวิตและช่วงวัยเยาว์

  • เกิดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1972 ที่เมืองมาร์เซย์ ประเทศฝรั่งเศส
  • เริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก โดยมีพ่อเป็นผู้จุดประกายความฝัน
  • ครอบครัวของเขาอพยพมาจากแอลจีเรีย ซีดานเติบโตขึ้นมาในย่านที่ยากจน
  • ด้วยความมุ่งมั่นและทักษะที่ยอดเยี่ยม ซีดานเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพในวัยเพียง 14 ปี

อาชีพนักฟุตบอล

  • คาน (ค.ศ. 1988-1992): ซีดาน เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับคาน สโมสรในบ้านเกิด
    ลงเล่นให้สโมสร 51 นัด ยิงประตู 8 ประตู
  • บอร์โด (ค.ศ. 1992-1993): ซีดาน ย้ายไปบอร์โดในปี ค.ศ. 1992
    ลงเล่นให้สโมสร 68 นัด ยิงประตู 32 ประตู
  • ยูเวนตุส (ค.ศ. 1993-1998): ซีดาน ย้ายไปยูเวนตุสในปี ค.ศ. 1993 กลายเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสร
    ลงเล่นให้สโมสร 245 นัด ยิงประตู 114 ประตู คว้าแชมป์เซเรียอา 2 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัย, ยูฟ่าคัพ 1 สมัย, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2 สมัย, อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 2 สมัย และซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา 1 สมัย
  • เรอัลมาดริด (ค.ศ. 1998-2006): ซีดาน ย้ายไปเรอัลมาดริดในปี ค.ศ. 1998 กลายเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในโลกในขณะนั้น
    ลงเล่นให้สโมสร 372 นัด ยิงประตู 108 ประตู คว้าแชมป์ลาลีกา 1 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2 สมัย และอินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 1 สมัย

ทีมชาติฝรั่งเศส

  • ซีดาน ลงเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส 108 นัด ยิงประตู 31 ประตู
  • เขาเป็นกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 1998 และแชมป์ยูโร 2000
  • ซีดาน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลฝรั่งเศส

ซีเนดีน ซีดาน ได้รับรางวัลส่วนตัวมากมายตลอดอาชีพนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จของเขา รางวัลที่สำคัญๆ มีดังนี้

รางวัลระดับนานาชาติ:

  • รางวัลบัลลงดอร์: 1 สมัย (1998)
  • รางวัลฟีฟ่า เวิลด์ เพลเยอร์ ออฟ เดอะ เยียร์: 1 สมัย (1998)
  • รางวัล Onze d’Or: 1 สมัย (1998)
  • รางวัลยูฟ่า แพลตินัม เพลเยอร์ ออฟ เดอะ เยียร์: 1 สมัย (2002)
  • รางวัลโกลเด้นฟุต: 1 สมัย (2003)
  • รางวัลยูฟ่า ยูโร 2000 ทีมยอดเยี่ยม: 1 สมัย (2000)
  • รางวัลฟุตบอลโลก 1998 ทีมยอดเยี่ยม: 1 สมัย (1998)
  • รางวัลดรีมทีมแห่งศตวรรษของยูฟ่า: 1 สมัย (2002)

รางวัลระดับสโมสร:

  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของเซเรียอา: 1 สมัย (1997)
  • กองกลางยอดเยี่ยมของเซเรียอา: 1 สมัย (1997)
  • ผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปีของยูเวนตุส: 2 สมัย (1996, 1997)
  • รางวัลทรอเฟโอ ปิชิชี: 1 สมัย (2001)

รางวัลอื่นๆ:

  • รางวัลบราโว่: 1 สมัย (1996)
  • รางวัลมาร์โก สปอร์ต: 1 สมัย (1998)
  • รางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมแห่งปีของยูเนสโก: 1 สมัย (1998)
  • รางวัลเลกิออน เดออเนอร์: 1 สมัย (2004)

ชีวิตหลังเลิกเล่น

  • ซีดาน เริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีมกับเรอัลมาดริดกัสติญา สโมสรสำรองของเรอัลมาดริด
  • ในปี ค.ศ. 2016 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมเรอัลมาดริดชุดใหญ่
  • ภายใต้การนำของเขา เรอัลมาดริดคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน ลาลีกา 1 สมัย และซูเปอร์โกปาเดเอสปัญญา 2 สมัย

โรแบร์โต บัจโจ: ตำนานเทพบุตรเปียทองคำ

0

โรแบร์โต้ บัจโจ อดีตกองหน้าชาวอิตาลี เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขา ด้วยพรสวรรค์ ความมุ่งมั่น และความทุ่มเท เขาสร้างผลงานที่น่าประทับใจทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

ชีวิตและช่วงวัยเยาว์

  • เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1967 ที่เมืองกัลโดญโญ ประเทศอิตาลี
  • เริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก โดยมีพ่อเป็นผู้จุดประกายความฝัน
  • ครอบครัวของเขาไม่ค่อยมีฐานะ บาจโจจึงต้องทำงานไปด้วยเรียนหนังสือไปด้วย
  • ด้วยความมุ่งมั่นและทักษะที่ยอดเยี่ยม บาจโจเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพในวัยเพียง 15 ปี

อาชีพนักฟุตบอล

  • วิเชนซ่า (ค.ศ. 1982-1985): บาจโจ เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับวิเชนซ่า สโมสรในบ้านเกิด เขาลงเล่นให้สโมสร 56 นัด ยิงประตู 11 ประตู
  • ฟิออเรนติน่า (ค.ศ. 1985-1990): บาจโจ ย้ายไปฟิออเรนติน่าในปี ค.ศ. 1985 เขาแจ้งเกิดในฐานะกองหน้าดาวรุ่ง ลงเล่นให้สโมสร 209 นัด ยิงประตู 118 ประตู คว้าแชมป์โกปปา อิตาลี 1 สมัย
  • ยูเวนตุส (ค.ศ. 1990-1995): บาจโจ ย้ายไปยูเวนตุสในปี ค.ศ. 1990 กลายเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสร ลงเล่นให้สโมสร 222 นัด ยิงประตู 115 ประตู คว้าแชมป์เซเรียอา 2 สมัย, ยูฟ่าคัพ 1 สมัย, โคปปา อิตาลี 1 สมัย และซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา 2 สมัย
  • เอซีมิลาน (ค.ศ. 1995-1997): บาจโจ ย้ายไปเอซีมิลานในปี ค.ศ. 1995 ลงเล่นให้สโมสร 29 นัด ยิงประตู 11 ประตู คว้าแชมป์เซเรียอา 1 สมัย
  • โบโลญญ่า (ค.ศ. 1997-1998): บาจโจ ย้ายไปโบโลญญ่าในปี ค.ศ. 1997 ลงเล่นให้สโมสร 30 นัด ยิงประตู 9 ประตู
  • อินเตอร์มิลาน (ค.ศ. 1998-2000): บาจโจ ย้ายไปอินเตอร์มิลานในปี ค.ศ. 1998 ลงเล่นให้สโมสร 58 นัด ยิงประตู 19 ประตู
  • เบรสชา (ค.ศ. 2000-2004): บาจโจ ย้ายไปเบรสชาในปี ค.ศ. 2000 ลงเล่นให้สโมสร 101 นัด ยิงประตู 22 ประตู






ทีมชาติอิตาลี

  • บาจโจ ลงเล่นให้ทีมชาติอิตาลี 60 นัด ยิงประตู 27 ประตู
  • เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอิตาลีที่คว้าอันดับรองแชมป์ฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 1994 และอันดับสามในปี ค.ศ. 1990
  • บาจโจ ยิงประตูให้ทีมชาติอิตาลีได้ถึง 27 ประตู ซึ่งถือเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมสำหรับกองหน้าตัวรุก

  • โรแบร์โต้ บาจโจ ได้รับรางวัลส่วนตัวมากมายตลอดอาชีพนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จของเขา รางวัลที่สำคัญๆ มีดังนี้

  • รางวัลระดับนานาชาติ:
  • รางวัลบัลลงดอร์: 1 สมัย (1993)
  • รางวัลรองเท้าทองคำในฟุตบอลโลก: 1 สมัย (1990)
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟีฟ่า: 1 สมัย (1993)
  • ทีมยอดเยี่ยมของฟุตบอลโลก: 1 สมัย (1994)
  • Onze d’Or: 1 สมัย (1993)
  • รางวัลเงินบัลลงดอร์: 1 สมัย (1994)
  • รางวัลทองแดงบัลลงดอร์: 1 สมัย (1994)
  • รางวัลระดับสโมสร:
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของเซเรียอา: 2 สมัย (1990, 1991)
  • กองหน้ายอดเยี่ยมของเซเรียอา: 1 สมัย (1997)
  • ผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปีของยูเวนตุส: 2 สมัย (1992, 1993)
  • รางวัลแกนดัลโฟ: 1 สมัย (1990)

  • รางวัลอื่นๆ:
  • รางวัลมาร์โก สปอร์ต: 1 สมัย (1993)
  • รางวัล Guerin d’Oro: 1 สมัย (1993)
  • รางวัล Bravo: 1 สมัย (1990)
  • บาจโจ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล รางวัลเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถ พรสวรรค์ และความทุ่มเทของเขา เขาสร้างแรงบันดาลใจให้นักฟุตบอลรุ่นหลังหลายต่อหลายคน และจะเป็นที่จดจำในฐานะตำนานลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

อเลสซันโดร เดล ปิเอโร: เจ้าชายแห่งยูเวนตุส

0

อาเลสซันโดร เดล ปิเอโร อดีตกัปตันทีมยูเวนตุสและทีมชาติอิตาลี ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ด้วยพรสวรรค์ ความเป็นผู้นำ และความทุ่มเท เขาสร้างผลงานที่น่าประทับใจทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

ประวัติ

  • เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 ที่เมืองปาโดวา ประเทศอิตาลี
  • เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับปาโดวาในปี ค.ศ. 1991
  • ย้ายไปยูเวนตุสในปี ค.ศ. 1993 กลายเป็นตำนานของสโมสร
  • ลงเล่นให้ยูเวนตุส 676 นัด ยิงประตู 289 ประตู
  • คว้าแชมป์เซเรียอา 7 สมัย, โคปปา อิตาลี 1 สมัย, ซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา 4 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1 สมัย และยูฟ่า อินเตอร์โตโต คัพ 1 สมัย
  • ลงเล่นให้ทีมชาติอิตาลี 91 นัด ยิงประตู 27 ประตู
  • พาทีมชาติอิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 2006
  • เกษียณอายุในปี ค.ศ. 2015




สถิติ

สโมสร

  • ลีก: 511 นัด ยิง 211 ประตู
  • ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 104 นัด ยิง 36 ประตู

ทีมชาติ

  • 91 นัด ยิง 27 ประตู

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า: 1 สมัย (1996)
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของอิตาลี: 1 สมัย (1998)
  • ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของยูเวนตุส
  • รองเท้าทองคำในเซเรียอา: 1 สมัย (2002)
  • ทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่า: 2 สมัย (2003, 2006)

จุดเด่น

  • ความเป็นผู้นำ: เดล ปิเอโร เป็นกัปตันทีมที่ยอดเยี่ยม เขามีทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม เป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนร่วมทีม และสามารถดึงศักยภาพสูงสุดออกมาจากพวกเขา
  • วิสัยทัศน์: เดล ปิเอโร มีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม เขาสามารถอ่านเกมได้อย่างดีเยี่ยม และมักจะสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมทำประตู
  • เทคนิคการเล่น: เดล ปิเอโร มีเทคนิคการเล่นที่ยอดเยี่ยม เขามีเท้าขวาที่แม่นยำ ครอสบอลได้อย่างดีเยี่ยม และยิงประตูจากระยะไกลได้อย่างเฉียบคม

มรดก

อาเลสซันโดร เดล ปิเอโร ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยูเวนตุสและทีมชาติอิตาลี เขาเป็นแรงบันดาลใจให้นักเตะรุ่นหลังหลายต่อหลายคน และจะเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในตำนานลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

พาเวล เนดเวด: ดาวเตะจอมขยันผู้คว้ารางวัลบัลลงดอร์

0

พาเวล เนดเวด

อดีตกองกลางชาวเช็ก เกิดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 1972 เขาเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขา ด้วยพรสวรรค์ ความมุ่งมั่น และความทุ่มเท เนดเวด สร้างผลงานที่น่าประทับใจทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

ประวัติ

  • เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรสปาร์ตา ปราก ในปี ค.ศ. 1991
  • ย้ายไปลาซิโอในปี ค.ศ. 1996 คว้าแชมป์โกปปา อิตาลีและซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา
  • ย้ายไปยูเวนตุสในปี ค.ศ. 2001 ประสบความสำเร็จอย่างมาก พาทีมคว้าแชมป์เซเรียอา 5 สมัย โคปปา อิตาลี 2 สมัย ซูเปอร์โกปปา อิตาเลียนา 3 สมัย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย และยูฟ่า อินเตอร์โตโต คัพ 1 สมัย
  • เล่นให้ทีมชาติเช็ก 91 นัด ยิง 18 ประตู
  • ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ในปี ค.ศ. 2003
  • เกษียณอายุในปี ค.ศ. 2009

สถิติ

  • สโมสร:
    • ลีก: 344 นัด ยิง 104 ประตู
    • ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 73 นัด ยิง 11 ประตู
  • ทีมชาติ:
    • 91 นัด ยิง 18 ประตู

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลบัลลงดอร์: 1 สมัย (2003)
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป: 1 สมัย (2003)
  • ทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่า: 3 สมัย (2003, 2004, 2005)
  • รองเท้าทองคำในเซเรียอา: 1 สมัย (2002)
  • นักเตะยอดเยี่ยมของเซเรียอา: 1 สมัย (2002)
  • นักเตะยอดเยี่ยมของปีของสโมสรยูเวนตุส: 3 สมัย (2002, 2003, 2004)

ปาแว็ล เนดเวด ขึ้นชื่อเรื่องความทุ่มเท พลังงาน และความสามารถในการเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง เขามีเท้าซ้ายที่แม่นยำ วิ่งขึ้นลงสนามอย่างไม่รู้จักเหนื่อย และยิงประตูได้อย่างเฉียบคม

เนดเวด ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เขาเป็นแรงบันดาลใจให้นักเตะรุ่นหลังหลายต่อหลายคน

เธียรี่ อองรี: ตำนานนักเตะผู้ยิ่งใหญ่

0

ประวัติ

  • เกิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 1977 ที่เมืองปาแลโซ่ ประเทศฝรั่งเศส
  • เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับโมนาโก้ในปี 1994
  • ย้ายไปร่วมทีมอาร์เซนอลในปี 1999 และประสบความสำเร็จอย่างมาก
  • กลายเป็นกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของสโมสร
  • ยิงประตูได้ 175 ประตูจาก 258 นัดในพรีเมียร์ลีก
  • พาอาร์เซนอลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และสร้างสถิติไร้พ่ายในฤดูกาล 2003-04
  • ย้ายไปบาร์เซโลน่าในปี 2007 แต่ประสบความสำเร็จไม่เท่าที่อาร์เซนอล
  • กลับมาเล่นให้อาร์เซนอลอีกครั้งในปี 2012 เป็นเวลา 1 ฤดูกาล
  • ย้ายไปนิวยอร์ก เรด บูลส์ในปี 2012 และเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพในปี 2014
  • ลงเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส 123 นัด ยิงประตูได้ 51 ประตู
  • พาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1998 และฟุตบอลยูโร 2000




สถิติ

  • ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของอาร์เซนอล (175 ประตู)
  • ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติฝรั่งเศส (51 ประตู)
  • รองเท้าบูตทองคำพรีเมียร์ลีก 4 สมัย (2001-02, 2003-04, 2004-05, 2005-06)
  • นักเตะยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ 2 สมัย (2002-03, 2003-04)
  • นักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ 3 สมัย (2002-03, 2003-04, 2005-06)

รางวัลส่วนตัว

  • รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี 2003 (รองชนะเลิศ)
  • ทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่า 5 สมัย (2000, 2001, 2003, 2004, 2006)
  • ทีมยอดเยี่ยมของฟีฟ่าเวิลด์คัพ 1 สมัย (1998)

อองรี ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เขามีทักษะ ความเร็ว พลัง และความเฉียบคมในการยิงประตูที่ยอดเยี่ยม

ห้ามพลาด!