Home Blog

สรุปผลบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ลีกเฟส นัด 4

0

ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2025/26 รอบ “ลีก เฟส” เดินทางมาถึงนัดที่ 4 เป็นที่เรียบร้อย เมื่อค่ำคืนวันที่ 4-5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งผลการแข่งขันหลายคู่เป็นไปอย่างเข้มข้น โดย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มร้อนแรงพาเหรดคว้าชัย ขณะที่บิ๊กทีมอย่าง เชลซี และ บาร์เซโลน่า ทำได้เพียงเก็บแต้มเดียว

ในรอบลีกเฟสปีนี้ มีทั้งหมด 36 ทีมร่วมชิงชัย โดยหลังจบนัดที่ 8 จะคัดอันดับ 1-8 เข้ารอบน็อกเอาต์โดยอัตโนมัติ ส่วนทีมอันดับ 9-24 ต้องไปเพลย์ออฟชิงอีก 8 ที่นั่งเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ขณะที่ทีมอันดับ 25 ลงไปจะตกรอบทันที ไม่มีสิทธิ์ตกไปเล่นยูโรป้า ลีก เหมือนระบบเดิม

สำหรับนัดล่าสุด มีเพียง 3 สโมสรเท่านั้นที่เก็บชัยได้ครบทั้ง 4 นัด นั่นคือ บาเยิร์น มิวนิค, อาร์เซน่อล และ อินเตอร์ มิลาน


⚽ ผลการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2025/26

รอบลีกเฟส นัดที่ 4

📅 คืนวันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน 2025

  • นาโปลี 0-0 ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต
  • สลาเวีย ปราก 0-3 อาร์เซน่อล
  • แอตเลติโก มาดริด 3-1 อูนิโอน แซงต์ ชิลลัวส์
  • โบโด กลิมต์ 0-1 โมนาโก
  • ยูเวนตุส 1-1 สปอร์ติ้ง ลิสบอน
  • ลิเวอร์พูล 1-0 เรอัล มาดริด
  • โอลิมเปียกอส 1-1 พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน
  • เปแอสเช 1-2 บาเยิร์น มิวนิค
  • ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 4-0 เอฟซี โคเปนเฮเก้น

📅 คืนวันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2025

  • ปาฟอส 1-0 บียาร์เรอัล
  • คาราบัค 2-2 เชลซี
  • อาแจ็กซ์ 0-3 กาลาตาซาราย
  • เบนฟิก้า 0-1 ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
  • คลับ บรูช 3-3 บาร์เซโลน่า
  • อินเตอร์ มิลาน 2-1 ไครัต
  • แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-1 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
  • โอลิมปิก มาร์กเซย 0-1 อตาลันต้า
  • นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-0 แอธเลติก บิลเบา

📊 สถานการณ์ล่าสุด

หลังผ่าน 4 เกมแรก บาเยิร์น มิวนิค, อินเตอร์ มิลาน และ อาร์เซน่อล ยังคงยึดตำแหน่งหัวตารางแบบไร้พ่าย ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ไล่จี้อยู่ไม่ห่าง ส่วน เชลซี และ บาร์เซโลน่า ต้องเร่งคืนฟอร์ม หากหวังจบใน 8 อันดับแรกเพื่อการันตีตั๋วรอบน็อกเอาต์โดยไม่ต้องเพลย์ออฟ

สเปอร์สออกแถลงหนุน“อูโดกี้”หลังถูกเอเยนต์ข่มขู่ด้วยอาวุธปืน

0

ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ สโมสรชั้นนำแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกแถลงการณ์ยืนยันให้การสนับสนุน เดสตินี่ อูโดกี้ แบ็กซ้ายทีมชาติอิตาลีของทีม หลังตกเป็นข่าวว่าเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีกที่ถูกเอเยนต์ฟุตบอลข่มขู่ด้วยอาวุธปืนกลางกรุงลอนดอน

ก่อนหน้านี้ สื่ออังกฤษรายงานกรณีผู้เล่นพรีเมียร์ลีกรายหนึ่งที่มีค่าตัวราว 60 ล้านปอนด์ ถูกเอเยนต์วัย 31 ปีชักปืนขู่ยิงระหว่างมีปากเสียงบนท้องถนนในกรุงลอนดอน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ก่อเหตุถึงบ้านพักเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ล่าสุด ตุ๊ตโต้เมอร์คาโต้ สื่อดังจากอิตาลี เปิดเผยว่านักเตะรายดังกล่าวคือ เดสตินี่ อูโดกี้ แข้งตัวหลักของ “ไก่เดือยทอง” ซึ่งทางสโมสรก็ได้ออกแถลงอย่างเป็นทางการถึงเรื่องนี้

“เราดูแลและให้การสนับสนุนเดสตินี่ รวมถึงครอบครัวของเขามาโดยตลอดตั้งแต่เกิดเหตุ และจะยังคงดำเนินการต่อไป เนื่องจากคดีอยู่ในขั้นตอนทางกฎหมาย สโมสรจึงไม่สามารถให้ความเห็นเพิ่มเติมได้ในเวลานี้”
— แถลงการณ์จากท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ระบุ

สำหรับ อูโดกี้ วัย 22 ปี ย้ายจากอูดิเนเซ่มาร่วมทีมสเปอร์สเมื่อปี 2022 ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ ก่อนถูกปล่อยกลับไปเล่นแบบยืมตัว 1 ฤดูกาลในกัลโช่ เซเรีย อา และกลับมาช่วยทีมเต็มฤดูกาลในปี 2023-24

เจ้าตัวกลายเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของทีมชุดคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2024-25 ซึ่งเป็นโทรฟี่แรกของสเปอร์สในรอบ 17 ปี โดยลงสนามไปแล้ว 75 นัด ทำได้ 2 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์

อลอนโซ่เชื่อ “เวียตซ์” แจ้งเกิดแน่กับลิเวอร์พูล รอเวลาปรับตัว

0

ชาบี อลอนโซ่ ผู้จัดการทีมเรอัล มาดริด แสดงความเชื่อมั่นว่า ฟลอเรียน เวียตซ์ เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่งของลิเวอร์พูล จะสามารถประสบความสำเร็จในถิ่นแอนฟิลด์ได้แน่นอน แม้ช่วงแรกยังไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้เต็มที่ พร้อมยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะสำคัญที่มีส่วนผลักดันให้ตนก้าวมาถึงจุดนี้ในอาชีพกุนซือ

ทั้งคู่ต่างแยกทางกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดย อลอนโซ่ รับงานคุม “ราชันชุดขาว” ต่อจาก คาร์โล อันเชล็อตติ ส่วน เวียตซ์ ย้ายไปอยู่กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 116 ล้านปอนด์

แม้ดาวเตะวัย 22 ปี ยังไม่สามารถโชว์ผลงานโดดเด่นในพรีเมียร์ลีกได้มากนัก แต่อดีตกุนซือของเขามั่นใจว่า เวียตซ์ จะพิสูจน์ให้เห็นถึงคุณภาพในไม่ช้า

“แน่นอน ผมไม่สงสัยเลย มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น” อลอนโซ่ กล่าว
“การย้ายจากเยอรมนีมาอังกฤษเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เขาใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ที่นั่น แต่ฟลอเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์และทัศนคติยอดเยี่ยม ผมมั่นใจว่าเมื่อเขาปรับตัวได้ ทุกคนจะเห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของเขา”

อลอนโซ่ ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยความชื่นชมว่า เวียตซ์ คือหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ทำให้ตนก้าวมาสู่ตำแหน่งกุนซือของเรอัล มาดริด

“เขาเป็นนักเตะที่พิเศษมาก และพูดได้เลยว่าส่วนหนึ่งที่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้ ก็เพราะฟลอ ผมรู้สึกขอบคุณเขามาก”

“หวังว่าเขาจะยังไม่โชว์ฟอร์มสุดยอดในเกมที่จะเจอกับเรา (หัวเราะ) แต่ผมมั่นใจว่าในไม่ช้าเขาจะเปล่งประกายและแสดงคลาสของตัวเองออกมาแน่นอน”

ทั้งนี้ เรอัล มาดริด มีโปรแกรมบุกเยือน ลิเวอร์พูล ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบลีกเฟส นัดที่ 4 คืนวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568

“เซิร์กซี่” เนื้อหอม! หลายทีมยุโรปรุมจีบ–แมนยูยังไม่ติดสินใจ

0

โจชัว เซิร์กซี่ กองหน้าชาวดัตช์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังตกเป็นเป้าหมายของหลายสโมสรในยุโรป หลังไม่สามารถการันตีตำแหน่งตัวจริงในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ขณะเดียวกัน “ปีศาจแดง” ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของนักเตะรายนี้


🔴 สื่ออิตาลีเผย เซิร์กซี่ ได้รับข้อเสนอเพียบ – โรม่า จ้องคว้าร่วมทัพ

มัตเตโอ โมเร็ตโต้ นักข่าวลูกหนังชื่อดังชาวอิตาเลียน รายงานผ่านช่อง YouTube ส่วนตัวว่า
เวลานี้ เซิร์กซี่ได้รับความสนใจจากหลายทีมในยุโรป โดยหนึ่งในนั้นคือ อาแอส โรม่า ที่แสดงความต้องการดึงตัวหัวหอกวัย 24 ปี ไปร่วมทีมในตลาดซื้อขายถัดไป

ดาวยิงชาวดัตช์มีแนวโน้มเปิดใจย้ายกลับไปค้าแข้งในอิตาลี หลังเคยโชว์ฟอร์มโดดเด่นกับ โบโลญญ่า มาก่อน ซึ่งอาจช่วยให้เขาปรับตัวได้ง่ายและเพิ่มโอกาสติดทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ ชุดลุยฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย


แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่ตัดสินใจ – ประเมินอนาคตอยู่ในขั้นต้น

ด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับอนาคตของ เซิร์กซี่ โดยรายงานระบุว่ากระบวนการประเมินภายในสโมสรยังอยู่ใน “ระยะเริ่มต้น”

แม้เจ้าตัวจะได้รับโอกาสลงสนามบ้าง แต่หลังจากการมาของแนวรุกใหม่อย่าง ไบรอัน เอ็มเบอโม่, มัตเตอุส คุนญ่า และ เบนจามิน เชชโก้ ทำให้โอกาสของเขาลดลงอย่างชัดเจน


🧩 ผลงานและอนาคตที่ยังเปิดกว้าง

เซิร์กซี่ ย้ายจากโบโลญญ่ามาร่วมทัพแมนฯ ยูไนเต็ดเมื่อปี 2024 และจนถึงตอนนี้ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 36 นัด ยิงได้ 3 ประตู

แม้ตัวเลขอาจไม่หวือหวา แต่ดาวเตะวัย 24 ปี ยังถูกมองว่ามีศักยภาพในการพัฒนา โดยขึ้นอยู่กับว่าปีศาจแดงจะมอบโอกาสต่อหรือปล่อยให้ย้ายเพื่อโอกาสลงเล่นสม่ำเสมอในช่วงตลาดหน้าหนาวนี้


🔍 สรุป

อนาคตของโจชัว เซิร์กซี่ ยังคงเปิดกว้างในเวลานี้ ท่ามกลางความสนใจจากหลายสโมสรในยุโรป โดยเฉพาะทีมในอิตาลีที่พร้อมอ้าแขนต้อนรับ หากแมนฯ ยูไนเต็ดตัดสินใจปล่อยตัว กองหน้าดัตช์รายนี้อาจได้กลับไปเริ่มต้นใหม่ในเวทีที่คุ้นเคยอีกครั้ง

อาร์เตต้าชม “ปืนใหญ่” ฟอร์มสุดจัด! เล่นดีที่สุดของซีซั่น

0

มิเกล อาร์เตต้า กุนซือของ อาร์เซน่อล แสดงความพอใจกับฟอร์มการเล่นของลูกทีม หลังบุกเอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก พร้อมยกย่องว่าครึ่งแรกของเกมนี้คือ “หนึ่งในผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฤดูกาล”


🔴 โยเคเรส–ไรซ์ ยิงคนละลูก พาปืนใหญ่ยึดจ่าฝูงต่อ

ศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนที่ผ่านมา “เดอะ กันเนอร์ส” โชว์ฟอร์มแกร่ง บุกคว้าชัยเหนือเบิร์นลี่ย์ 2-0 โดยได้สองประตูตั้งแต่ครึ่งแรกจาก วิคเตอร์ โยเคเรส และ เดแคลน ไรซ์

ชัยชนะในเกมนี้ทำให้อาร์เซน่อลเก็บเพิ่มเป็น 25 คะแนน จาก 10 นัด รั้งตำแหน่งจ่าฝูงต่อเนื่อง พร้อมสถิติสุดหรู — ชนะ 5 นัดรวดในลีก และชนะรวม 9 นัดติดทุกรายการ แถมยัง ไม่เสียประตู 7 นัดติดต่อกัน อีกด้วย


💬 อาร์เตต้าชมลูกทีม “ครึ่งแรกดีที่สุดของปี”

หลังจบเกม กุนซือชาวสเปนเผยความรู้สึกต่อฟอร์มของลูกทีมว่า

“ผมคิดว่าครึ่งแรกของเกมนี้คือหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเราในฤดูกาลนี้เลย เราเริ่มต้นเกมได้อย่างยอดเยี่ยม เล่นกันด้วยพลังและความมั่นใจ ที่นี่เป็นสนามที่ยาก แต่เราคุมเกมได้ดีตั้งแต่นาทีแรก”

“เราเคลื่อนบอลกันได้ลื่นไหลมาก มีโอกาสยิงประตูถึง 3-4 ครั้งเพิ่มเติมจากที่ทำได้สองลูก มันคือฟอร์มการเล่นที่สมบูรณ์แบบในครึ่งแรก”

อย่างไรก็ตาม อาร์เตต้าก็ยอมรับว่าครึ่งหลังลูกทีมฟอร์มแผ่วลงเล็กน้อย แต่ยังรักษาความแน่นอนในเกมรับได้ดี

“ครึ่งหลังเราเสียจังหวะไปบ้าง โดยเฉพาะตอนครองบอล แต่เกมรับยังแข็งแกร่งเหมือนเดิม เราโชคดีที่ลูกฟรีคิกชนเสา เพราะมันช่วยให้เรายังรักษาคลีนชีตได้อีกนัด”


ชม “โยเคเรส” เด่นสุดในสนาม – แต่อาจมีปัญหากล้ามเนื้อ

อาร์เตต้ากล่าวชื่นชมผลงานของ วิคเตอร์ โยเคเรส กองหน้าชาวสวีเดนที่ยิงประตูเปิดหัวในเกมนี้ โดยระบุว่าเป็นหนึ่งในฟอร์มที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เจ้าตัวย้ายมา

“ผมคิดว่านี่คือหนึ่งในเกมที่เขาเล่นได้ดีที่สุดเลย ทั้งการเคลื่อนที่ การเพรสซิ่ง และการเชื่อมเกม เขามีส่วนสำคัญกับประตูแรกโดยตรง”

อย่างไรก็ตาม เทรนเนอร์ “ปืนใหญ่” ยืนยันว่ามีการเปลี่ยนตัวโยเคเรสออกในช่วงครึ่งหลังเพราะมีอาการตึงกล้ามเนื้อเล็กน้อย

“เขารู้สึกเจ็บเล็กน้อย เราไม่อยากเสี่ยง ต้องรอดูอาการกันต่อ แต่โดยรวมเขาอยู่ในฟอร์มที่ดีจริงๆ”


🧩 สรุป

อาร์เซน่อลยังคงเดินหน้าเก็บชัยต่อเนื่องในทุกรายการ และด้วยฟอร์มอันมั่นคงทั้งเกมรุกและเกมรับ ทำให้พวกเขายังคงรักษาตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกได้อย่างสง่างาม ขณะที่ มิเกล อาร์เตต้า ย้ำว่าความสำเร็จในตอนนี้มาจาก “การทำงานหนักและความต่อเนื่องของทีม” — พร้อมเชื่อว่าหากรักษาระดับฟอร์มนี้ไว้ได้ “ปืนใหญ่” มีโอกาสลุ้นแชมป์เต็มตัวในซีซั่นนี้

เป๊ปปลื้ม! ยก “ฮาลันด์” เข้าใกล้ระดับเดียวกับสุดยอดนักเตะ

0

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กล่าวชื่นชมฟอร์มการเล่นของลูกทีม หลังเปิดบ้านเอาชนะ บอร์นมัธ 3-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก พร้อมยกย่อง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ว่ากำลังอยู่ในช่วงฟอร์มสุดยอด และเริ่มขยับเข้าใกล้ระดับเดียวกับสุดยอดนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้


🔵 ซิตี้รักษารองจ่าฝูงต่อ – ฮาลันด์ยิงนำดาวซัลโว

ชัยชนะเหนือบอร์นมัธเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บเพิ่มเป็น 6 คะแนนตามหลังจ่าฝูงอาร์เซน่อล พร้อมคว้าชัยในลีกได้ถึง 4 จาก 5 นัดหลังสุด

เกมนี้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ระเบิดฟอร์มซัดคนเดียว 2 ประตู ส่งให้ยอดรวมประตูในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้เพิ่มเป็น 13 ลูก นำโด่งเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีก


💬 เป๊ปชื่นชมลูกทีม – เทียบ “ฮาลันด์” กับเมสซี่และโรนัลโด้

หลังจบเกม กวาร์ดิโอล่าออกมาเปิดใจถึงผลงานของหัวหอกชาวนอร์เวย์ว่า

“เวลาคุณเล่นโดยไม่มีเขา คุณจะรู้เลยถึงความแตกต่าง เช่นในเกมกับสวอนซีที่เรายิงได้สามประตู แต่เมื่อมีฮาลันด์อยู่ในสนาม มันเหมือนกับตอนที่คุณมีเมสซี่หรือโรนัลโด้ — เขาสามารถเปลี่ยนเกมได้ในพริบตา”

“คุณเห็นตัวเลขของเขาแล้วใช่ไหม? แน่นอน เขาอยู่ในระดับเดียวกันนั่นแหละ เพียงแต่เมสซี่กับโรนัลโด้ทำได้ต่อเนื่องกว่า 15 ปี แต่ฮาลันด์กำลังเดินบนเส้นทางเดียวกัน”

กุนซือชาวสเปนยังกล่าวต่อว่า ฮาลันด์เป็นนักเตะที่ฝึกง่าย มีความกระหายในการทำประตู และเป็นแบบอย่างของมืออาชีพที่ยอดเยี่ยม

“บางครั้งผมก็เข้มกับเขา แต่เขาเป็นคนที่ฟังและปรับตัวได้ดีมาก เขาโฟกัสกับการทำประตูเสมอ แม้บางช่วงจะไม่สามารถเล่นได้ดุดันตลอด 90 นาที แต่นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติของเกม”


เป๊ปเชื่อ “ฮาลันด์” ยังพัฒนาได้อีกไกล

นอกจากนั้น เป๊ปยังพูดถึงพัฒนาการของดาวยิงวัย 25 ปีว่า ทีมต้องสร้างโอกาสให้เขามากขึ้น เพราะยิ่งมีบอลถึงเท้า ฮาลันด์ก็ยิ่งอันตราย

“สิ่งสำคัญคือเราต้องป้อนบอลให้เขาในพื้นที่ที่เหมาะสม เขารู้ดีว่าหน้าที่ของเขาคืออะไร และสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือเขาเป็นคนที่นิสัยดีมาก มีพลังบวกกับทุกคนในทีม”

“ผมมั่นใจว่าเขาจะพัฒนาขึ้นไปอีก ตัวเลขของเขาในตอนนี้มันน่าทึ่งอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ดีที่สุดยังไม่มาถึง”


🏁 สรุป

ชัยชนะเหนือบอร์นมัธไม่เพียงช่วยให้แมนฯ ซิตี้รักษาระยะห่างจากจ่าฝูงได้เท่านั้น แต่ยังตอกย้ำว่า “เออร์ลิ่ง ฮาลันด์” คือศูนย์หน้าที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน — และภายใต้การดูแลของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เขาอาจกลายเป็นอีกหนึ่ง “ตำนาน” ในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังสมัยใหม่

สรุปผลบอลคาราบาว คัพ รอบ 4: ลิเวอร์พูลพ่ายคารัง!

0

การแข่งขันฟุตบอล คาราบาว คัพ (Carabao Cup) ฤดูกาล 2025/26 รอบ 4 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย ลงสนามพร้อมกันในคืนวันพุธที่ 29 ตุลาคม 2025 โดยมีหลายทีมยักษ์ใหญ่ลงทำศึกกันอย่างเข้มข้น ซึ่งผลการแข่งขันมีทั้งเกมพลิกล็อกและทีมเต็งที่ยังคงผ่านเข้าสู่รอบต่อไป


🔴 ลิเวอร์พูล 0-3 คริสตัล พาเลซ

เกมใหญ่ประจำค่ำคืนที่สนามแอนฟิลด์ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ปรับทัพใหญ่ ส่งผู้เล่นสำรองลงสนามหลายตำแหน่ง โดยมีเพียง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่เป็นแกนหลักลงคุมแดนกลาง ส่วนแนวรุกใช้ ริโอ เอ็นกูโมฮา และ เฟเดริโก้ เคียซ่า เป็นตัวจริง

ผลการแข่งขันปรากฏว่า ลิเวอร์พูลพลาดท่าแพ้คารังต่อ “ดิ อีเกิ้ลส์” คริสตัล พาเลซ ไปแบบหมดรูป 0-3 โดยทีมเยือนนำก่อนจาก อิสไมล่า ซาร์ ที่เหมาคนเดียวสองประตูในนาที 41 และ 45 ก่อนที่ เยเรมี่ ปิโน จะยิงปิดท้ายในนาที 87 ขณะที่เจ้าถิ่นเหลือผู้เล่น 10 คน หลัง อมาร่า นาลโล่ โดนใบแดงนาที 79

ความพ่ายแพ้นัดนี้ทำให้ลิเวอร์พูลตกรอบคาราบาว คัพ และยังคงอยู่ในช่วงฟอร์มตกอย่างหนัก โดยแพ้ถึง 6 จาก 7 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ


⚪🔴 อาร์เซน่อล 2-0 ไบรท์ตัน

ที่สนามเอมิเรตส์ สเตเดียม “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง เปิดบ้านเอาชนะ ไบรท์ตัน 2-0 จากประตูของ อีธาน วาเนรี่ นาที 58 และ บูคาโย่ ซาก้า นาที 76

ชัยชนะเกมนี้ทำให้อาร์เซน่อลชนะรวด 8 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ และเก็บคลีนชีตได้ถึง 6 นัดติดต่อกัน ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างสง่างาม


🔵 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกถล่มสวอนซี 3-1

“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงรักษามาตรฐานยอดเยี่ยม บุกเก็บชัยเหนือ สวอนซี ซิตี้ 3-1 ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้อย่างไม่ยากเย็น


🔵⚪ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-4 เชลซี

อีกคู่สุดมันที่โมลินิวซ์ สเตเดียม “สิงห์บลูส์” เชลซี เอาชนะ วูล์ฟส์ ไปแบบสุดดราม่า 4-3 หลังจากทั้งสองทีมเปิดเกมรุกแลกกันตั้งแต่ต้นจนจบ เรียกเสียงชมจากแฟนบอลทั่วโซเชียล


⚫⚪ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-0 สเปอร์ส

ปิดท้ายที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ก แชมป์เก่า “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ยังคงโชว์ฟอร์มแกร่ง เปิดบ้านเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 2-0 ได้ประตูจากลูกโหม่งของ ฟาเบียน แชร์ นาที 24 และ นิค โวลเตอร์มาเด้อ นาที 50 ส่งทีมแชมป์เก่าทะยานเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายตามคาด


🏆 สรุปผลการแข่งขันคาราบาว คัพ รอบ 4 (คืนวันที่ 29 ตุลาคม 2025)

  • อาร์เซน่อล 2-0 ไบรท์ตัน
  • สวอนซี ซิตี้ 1-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
  • ลิเวอร์พูล 0-3 คริสตัล พาเลซ
  • วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-4 เชลซี
  • นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-0 สเปอร์ส

📊 ภาพรวม

ทีมใหญ่อย่าง อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี และ นิวคาสเซิ่ล ต่างเก็บชัยผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ทั้งหมด ขณะที่ ลิเวอร์พูล เป็นทีมเดียวจาก “บิ๊กซิกซ์” ที่กระเด็นตกรอบในค่ำคืนนี้

ลิเวอร์พูลต้องแก้! สถิติชี้คู่แข่งใช้บอลโยนยาวเข้าโจมตีตลอด

0

สถานการณ์ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังคงน่ากังวล หลังจาก ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ Opta เผยข้อมูลล่าสุดระบุว่า ลิเวอร์พูลคือทีมที่ถูกคู่แข่งใช้บอลโยนยาวเข้าโจมตีมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2025/26

ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ผลงานของลิเวอร์พูลหลังผ่าน 9 นัดแรกยังไม่สม่ำเสมอ โดยเก็บได้ 15 คะแนนจากชัยชนะ 5 นัด และแพ้ไปแล้วถึง 4 นัด รั้งอันดับ 7 ของตาราง ซึ่งสถิติจาก Opta ชี้ว่าปัญหาหลักของทีมตอนนี้อยู่ที่ “เกมรับจากจังหวะโยนยาว” ที่คู่แข่งมักใช้โจมตีอย่างได้ผล

⚽ คู่แข่งเน้นโยนยาวใส่หงส์แดงมากสุดในลีก

ตามรายงานของ Opta ลิเวอร์พูลถูกคู่แข่งใช้บอลยาวใส่ไปแล้ว 571 ครั้ง ในฤดูกาลนี้ คิดเป็น 20.5% ของจำนวนการผ่านบอลทั้งหมดที่ทีมต้องเผชิญ ถือเป็นตัวเลขสูงที่สุดในพรีเมียร์ลีก 2025/26

อันดับต่อมาที่คู่แข่งใช้บอลโยนยาวใส่มากที่สุด ได้แก่

  1. ลิเวอร์พูล – 571 ครั้ง (9 นัด)
  2. บอร์นมัธ – 525 ครั้ง
  3. นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด – 496 ครั้ง
  4. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – 479 ครั้ง
  5. ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน – 475 ครั้ง

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่คู่แข่งเน้นเล่นบอลยาวเข้าใส่มากที่สุดในลีก โดยเฉพาะใน 4 นัดหลังสุด ซึ่งทีมเสียไปถึง 3 เกมติดต่อกันจากจังหวะที่เกี่ยวข้องกับการโยนบอลยาวหรือการตั้งรับลึก

🧠 สล็อตยอมรับปัญหาเกมรับจากบอลยาวยังแก้ไม่ตก

หลังความพ่ายแพ้ต่อ เบรนท์ฟอร์ด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อาร์เน่อ สล็อต ได้ออกมายอมรับว่า ทีมของเขายังไม่สามารถรับมือกับจังหวะบอลโยนยาวได้ดีพอ ทั้งในแง่ของการยืนตำแหน่งแนวรับ และการเก็บบอลจังหวะสอง ซึ่งกลายเป็นช่องโหว่สำคัญที่คู่แข่งใช้เล่นงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า

🔍 เกมที่คู่แข่งใช้บอลโยนยาวใส่มากที่สุด (ทั้งหมดเจอลิเวอร์พูล)

สถิติของ Opta ยังระบุอีกว่า เกมที่มีการโยนบอลยาวมากที่สุด 3 อันดับแรกในฤดูกาลนี้ ล้วนเป็นแมตช์ที่เจอกับลิเวอร์พูลทั้งหมด ได้แก่

  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล – โยนบอลยาว 75 ครั้ง
  • คริสตัล พาเลซ 2-1 ลิเวอร์พูล – โยนบอลยาว 71 ครั้ง
  • บอร์นมัธ 2-4 ลิเวอร์พูล – โยนบอลยาว 70 ครั้ง

แสดงให้เห็นว่าคู่แข่งจำนวนมากกำลังเลือกใช้ “สูตรบอลโยน” เป็นอาวุธหลักในการเจาะแนวรับของลิเวอร์พูล ซึ่งในฤดูกาลก่อนหน้าไม่เคยมีทีมไหนถูกโจมตีด้วยรูปแบบนี้มากขนาดนี้มาก่อน


🔴 สรุป:

แม้ลิเวอร์พูลยังมีศักยภาพในการครองบอลและเกมรุกที่เฉียบคม แต่ข้อมูลล่าสุดจาก Opta บ่งชี้ว่าจุดอ่อนเรื่อง “การรับมือบอลโยนยาว” กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่อาร์เน่อ สล็อตต้องเร่งแก้ไข หากยังต้องการกลับมาท้าทายพื้นที่หัวตารางในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลนี้

เปิดเบื้องหลังบอร์นมัธ ยิ่งขายยิ่งโหด – ฟอร์มร้อนแรงที่สุด

0

ใครจะเชื่อว่า “บอร์นมัธ” ทีมที่ถูกมองว่าเตรียมหนีตกชั้นตั้งแต่เปิดซีซั่น จะกลายเป็นทีมฟอร์มแรงอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีกหลังผ่านไม่กี่เดือนในฤดูกาลนี้ พร้อมทำแต้มแตะหลัก 18 คะแนน และเล่นฟุตบอลที่ดุดันเร้าใจที่สุดทีมหนึ่งในลีก

ทั้งที่เพิ่งปล่อยผู้เล่นหลักออกจากทีมจนได้เงินเข้าคลังเกือบ 200 ล้านปอนด์ — ตั้งแต่ผู้รักษาประตูมือหนึ่งไปจนถึงแนวรับแทบยกแผง หลายฝ่ายมองว่านี่คือสัญญาณของการ “ถอดใจ” จากการลุ้นอยู่รอด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม

“ขายเก่ง” เพราะมีแผน ไม่ใช่แค่ขายเพื่อเงิน

เบื้องหลังความสำเร็จของบอร์นมัธอยู่ที่ระบบการบริหารสุดละเอียด พวกเขาไม่ขายนักเตะเพราะจำใจ แต่ขายเพราะมี “แผนสำรอง” เตรียมไว้ล่วงหน้าเสมอ ตัวอย่างชัดคือสโมสรเคย ปฏิเสธข้อเสนอ 50 ล้านปอนด์จาก แมนฯ ยูไนเต็ด และ สเปอร์ส ที่ยื่นซื้อ “อองตวน เซเมนโย่” ในช่วงต้นตลาด เพราะพวกเขามั่นใจว่านักเตะยังมีมูลค่าเพิ่มอีกมาก

แทนที่จะปล่อยทันที บอร์นมัธเลือก “ต่อสัญญาใหม่” กับเซเมนโย่ พร้อมอัพค่าเหนื่อยและใส่เงื่อนไขค่าฉีกสัญญาที่สูงขึ้นในอนาคต เป็นดีลแบบ วิน-วิน ทั้งสโมสรและนักเตะ — หากเขายังรักษาฟอร์มได้ต่อเนื่อง ราคาขายรอบหน้าอาจพุ่งสูงกว่าที่สองทีมดังเสนอไว้เท่าตัว

การวางแผนที่มาก่อนการขาย

สิ่งที่น่าทึ่งคือ บอร์นมัธมัก “ซื้อตัวแทน” ล่วงหน้าก่อนขายนักเตะออกเสมอ ยกตัวอย่างเช่น

  • ดานโก้ อ็อตตารา ถูกขายออกไป 40 ล้านปอนด์ ทั้งที่ไม่ใช่กำลังหลัก เพราะพวกเขาได้เซ็น อามีน อัดลี และ เบน โด๊ค มาล่วงหน้า ซึ่งค่าตัวรวมกันพอๆ กับเงินที่ขายอ็อตตาราได้
  • ส่วน มิลอส เคอร์เคซ ที่ย้ายไปลิเวอร์พูล สโมสรเตรียมแผนไว้ตั้งแต่มกราคมด้วยการคว้าตัว อาเดรียง ทรุฟแฟร์ มาร่วมทีม 14.4 ล้านปอนด์ และแข้งรายนี้ก็ยึดตำแหน่งตัวจริงทันทีตั้งแต่เปิดซีซั่น

นี่คือการบริหารที่แตกต่างจากทีมเล็กทั่วไป เพราะบอร์นมัธเลือก “คิดเผื่อ” ก่อนตลาดเปิด และไม่ปล่อยให้การเสียนักเตะกระทบโครงสร้างทีมเลยแม้แต่น้อย

สโมสรพ่อค้า ที่ขายเพื่อเติบโต

ผู้บริหารบอร์นมัธยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า พวกเขาคือ “สโมสรพ่อค้า” ที่ต้องพึ่งพาการขายผู้เล่นเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต แต่สิ่งที่ต่างคือความโปร่งใสกับนักเตะ พวกเขาบอกชัดว่า

“มาที่นี่ พัฒนาให้เต็มศักยภาพ แล้วเราจะช่วยให้คุณได้ก้าวไปทีมใหญ่ในเวลาที่เหมาะสม”

คำสัญญานี้กลายเป็นแรงดึงดูดชั้นดีสำหรับดาวรุ่งทั่วลีก ที่ต้องการสโมสรให้โอกาสและสร้างมูลค่าให้ตัวเองได้จริง

ซื้อด้วยสติ ไม่ใช่ด้วยความกลัว

อีกหนึ่งจุดเด่นของบอร์นมัธคือ “ไม่รีบซื้อ” แทนคนที่ย้ายออกทันที เช่น ตอนขาย ซาบาร์นยี่ ให้เปแอสเช พวกเขาเลือกคว้าตัว บาโฟเด้ ดิอากิเต้ มาแทน แม้จะต้องจ่ายเกินงบไปเล็กน้อย แต่เมื่อรวมกับรายรับจากการขายนักเตะ ทั้งทีมยังทำกำไรสุทธิกว่า 100 ล้านปอนด์

โครงสร้างทีมเล็ก แต่คิดเร็วและเด็ดขาด

ต่างจากทีมใหญ่อื่น ๆ บอร์นมัธมีโครงสร้างบริหารกระชับมาก มีเพียง 4 เสาหลักในการตัดสินใจ —
บิล โฟลีย์ (เจ้าของทีม), ติอาโก้ ปินโต้ (ประธานฝ่ายฟุตบอล), ไซมอน ฟรานซิส (ผอ.เทคนิค), และโค้ช อิราโอลา
การสื่อสารที่รวดเร็วทำให้ทุกดีลและทุกการเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างแม่นยำและต่อเนื่อง

หัวใจสำคัญ: อิราโอลา และวัฒนธรรมแห่งความเข้าใจ

สิ่งสุดท้ายที่ทำให้บอร์นมัธ “ยิ่งขายยิ่งแข็งแกร่ง” คือโค้ช อันโดนี่ อิราโอลา ที่ไม่เพียงสร้างแท็กติกดุดันและรวดเร็ว แต่ยังเป็นผู้ที่ช่วยหล่อหลอมจิตใจนักเตะให้เชื่อมั่นในระบบนี้ เขาคือคนที่เปลี่ยน “การขายนักเตะ” ให้กลายเป็น “แรงผลักดันใหม่” ของทีม

“อาร์เน่อ” ปวดหัวต่อเนื่อง! ลิเวอร์พูลเจอปัญหาแข้งเจ็บอื้อ

0

สถานการณ์ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังไม่สู้ดีนัก หลังล่าสุด อาร์เน่อ สล็อต กุนซือใหญ่ ต้องเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บเล่นงานเพิ่มอีก ก่อนเกมคาราบาว คัพ รอบ 4 ที่จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ คริสตัล พาเลซ คืนวันพุธที่ 29 ตุลาคมนี้

แม้จะได้เล่นในแอนฟิลด์ แต่ทีมดังจากเมอร์ซีย์ไซด์ยังต้องเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก หลังพ่ายติดต่อกันถึง 4 นัดรวมทุกรายการ ส่งผลให้ทั้งฟอร์มการเล่นและขวัญกำลังใจของทีมตกลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมคำถามใหญ่จากแฟนบอลว่า ลิเวอร์พูลจะยังมีลุ้นป้องกันแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้หรือไม่

รายชื่อผู้เล่นที่เจ็บล่าสุดประกอบด้วย เคอร์ติส โจนส์ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมบุกแพ้ เบรนท์ฟอร์ด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่วน ไรอัน กราเฟนแบร์ก (ข้อเท้า) และ อเล็กซานเดอร์ อิซัค (ขาหนีบ) ยังต้องรอเช็กความฟิตว่าจะพร้อมสำหรับเกมกลางสัปดาห์นี้หรือไม่

นอกจากนี้ เจเรมี่ ฟริมปง และ อลิสซง เบ็คเกอร์ ต่างมีอาการเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขา คาดว่าทั้งคู่ต้องพักรักษาตัวหลายสัปดาห์ และอาจกลับมาช่วยทีมได้หลังพักเบรกทีมชาติในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ โจวานนี่ เลโอนี่ ต้องพักยาวตลอดฤดูกาลหลังผ่าตัดเอ็นไขว้หน้า ส่วน เจย์เดน แดนน์ส และ สเตฟาน บายเซติช ยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูอาการเจ็บกล้ามเนื้อ

รวมแล้ว ลิเวอร์พูลมีนักเตะบาดเจ็บถึง 8 ราย ส่งผลให้ อาร์เน่อ ต้องเร่งปรับแท็กติกและวางแผนโรเตชันใหม่ เพื่อพาทีมกลับมาคืนฟอร์มเก่งให้ได้โดยเร็ว ก่อนที่สถานการณ์ในฤดูกาลนี้จะยิ่งยากลำบากไปกว่านี้

ห้ามพลาด!